เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1 ภาคสยบใต้หล้า] - ตอนที่ 335
เล่ห์รักกลกาล – ตอนที่ 335 หากเป็นผลกรรม ข้าก็ยอมแบกรับเพื่อนาง
เยี่ยเม่ยเลือกที่จะมองข้ามคำพูดของเขา กัดขาหมูต่อไป
เสินเซ่อเทียนก็ไม่คิดว่า เยี่ยเม่ยนั่งแทะขาหมูจงใจมองข้ามคำพูดของตนก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ว่าอย่างไรการกินถึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งของมนุษย์
……
เมืองหลวง
ห้องซือถูเฉียง
นางเฝ้ารอข่าวการตายของเยี่ยเม่ยจากชายแดนอย่างกระวนกระวาย ขอเพียงเยี่ยเม่ยตาย ความโกรธแค้นในใจของนางก็จะสงบลง ไม่ว่าจะจ่ายค่าตอบแทนอะไรเพื่อเรื่องนี้ นางไม่เสียดายทั้งนั้น
จากนั้น
จู่ๆ มีลมหอบหนึ่งพัดเข้ามาทางหน้าต่าง ไม่รู้เพราะอะไรเสี้ยววินาทีนี้ นางพลันรู้สึกขนลุกซู่ จิตใจไม่สงบ กระทั่งร้อนรน
ขณะที่นางเตรียมจะร้องเรียกสาวใช้ของตนเข้ามา
เวลานี้เอง เงาร่างสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากหน้าต่าง นั่นคือจิ่วหุน ครั้นเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มตรงหน้า ซือถูเฉียงหาได้มีใจชื่นชมความหล่อเหลาของบุรุษ นางเพียงรู้สึกหนังหัวชาไปหมด ความหวาดกลัวปะทุขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ทำให้นางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
บางทีอาจบอกว่าน่าจะเป็นเพราะทั่วร่างเด็กหนุ่มตรงหน้าดุร้าย คล้ายกับอสุราที่ถูกส่งขึ้นมาจากนรกเพื่อคร่าชีวิต ทำให้คนหวาดกลัว
ซือถูเฉียงเอ่ยถาม ตัวสั่นว่า “เจ้าคือใคร…”
“เจ้าคิดจะฆ่านางใช่ไหม”
จิ่วหุนกดเสียงต่ำถาม
ซือถูเฉียงชะงักไปเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่านางในคำพูดของเขาคือใคร แต่เมื่อคิดถึงคนที่ตนอยากฆ่าในช่วงนี้ แววตานางพลันฉายประกายอำมหิต “เจ้าคงไม่ได้หมายถึงเยี่ยเม่ยหรอกมั้ง หากเป็นนาง ข้าก็อยากสังหารนางสารเลวคนนั้นจริงๆ! เป็นเพราะนาง ข้าถึงมีสภาพเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะนาง ยามนี้ข้ายังคงเป็นท่านหญิงที่สูงส่งที่สุดของตระกูลซือถู อาจมีสักวันที่ได้แต่งงานกับพี่เยี่ยน…”
“ล้วนเป็นเพราะนาง! ดังนั้นข้าอยากให้นางตาย นางต้องตาย! ขอเพียงนางตายแล้ว ความโกรธแค้นของข้าก็จะสามารถสงบลงได้…” ซือถูเฉียงคล้ายคลุ้มคลั่งขึ้นมา
นางกลับไม่คิดเลยว่า การพูดจากับคนที่ดูคล้ายไม่มีเจตนาดีกับตัวเองตรงหน้าด้วยคำพูดเหล่านี้ถูกต้องหรือไม่ อันตรายหรือเปล่า
นางพ่นความไม่พอใจและความเดือดดาลในใจ รวมทั้งความต้องการให้เยี่ยเม่ยตายออกมาโดยไม่ตกหล่นสักคำเดียว
นางถึงกระทั่งเกลียดทีคำศัพท์มีน้อยเกินไป ไม่สามารถสาธยายความเกลียดชังเยี่ยเม่ยออกมาได้มากกว่านี้
เมื่อเอ่ยเช่นนี้
จิ่วหุนชักมีดสั้นออกจากหว่างเอว มองนางทีหนึ่ง เสียงเล็กเหมือนสัตว์ตัวน้อยของเขาเอ่ยว่า “อย่างนั้น เจ้าก็ต้องตายเป็นศพไม่สมบูรณ์แล้ว”
ซือถูเฉียงหน้าขาวซีดขึ้นมาฉับพลัน จ้องเด็กหนุ่มเบื้องหน้า เกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ “เจ้าคิดทำอะไร ใคร…ใครก็ได้…”
“ไม่ต้องเรียกแล้ว ก่อนข้าเข้ามา ได้ฟาดพวกเขาสลบไปหมดแล้ว”
จิ่วหุนกลับเตือนนางอย่าง ‘ใจดี’
ซือถูเฉียงพลันรู้สึกสิ้นหวัง ไม่มีใครช่วยนางได้อีกแล้ว ยามนี้นางขาขาด เคลื่อนไหวไม่สะดวก เช่นนี้จะเอาตัวรอดได้อย่างไร
จิ่วหุนก้าวประชิดเข้ามาทีละก้าวๆ
ซือถูเฉียงตัวสั่นมองจิ่วหุน เอ่ยปากว่า “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้นะ ข้าไม่ได้ล่วงเกินเจ้า ข้าแค่อยากสังหารเยี่ยเม่ยเท่านั้น! อีกอย่างนางไม่ตาย นางยังไม่ตายใช่ไหม หากเจ้าฆ่าข้าเพื่อนาง เจ้าจะถูกฟ้าลงโทษ ข้ารู้แล้ว เจ้าคือ…”
เห็นสีหน้าจิ่วหุนมีแต่ไอสังหาร ทั้งไม่มีความเดือดดาลเลย ซือถูเฉียงก็เข้าใจแล้ว เยี่ยเม่ยยังไม่ตาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่แน่นางอาจมีชีวิตรอดก็ได้!
จากนั้น
จิ่วหุนเอ่ยว่า “เจ้าคิดฆ่านาง สมควรตาย”
สิ้นเสียง เขาก็ยกมีดสั้นในมือขึ้นมา
ก่อนซือถูเฉียงตาย แววตาเต็มเปี่ยมด้วยความเคียดแค้น จ้องเงาหลังของจิ่วหุน กัดฟันเอ่ย “เจ้าคอยดูเถอะ เจ้าต้องตายแน่ เจ้าก่อกรรมทำเข็ญไปทั่ว ช้าเร็วก็ต้องได้รับผลกรรม จิ่วหุน เจ้าคือ จิ่วหุนสินะ…เจ้ามีชีวิตได้ไม่เกินสิบปีหรอก เจ้าวางใจได้ ข้าจะรอพบเจ้าในนรก…”
เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้
จิ่วหุนชะงักฝีเท้า เอ่ย “หากฆ่าคนได้รับผลกรรมจริงๆ อย่างนั้นข้าจะสังหารศัตรูแทนนาง หากต้องรับกรรม ข้าก็ยินดีรับแทนนาง”
สิ้นเสียง กระบี่ยาวในมือเขาออกจากฝักอีกครั้ง กำลังภายในควบคุมให้มันพุ่งออกไปด้านหลังเขา
ซือถูเฉียงยังไม่ทันกรีดร้อง
จิ่วหุนก็ออกจากห้องนางไปแล้ว
ส่วนในห้องนั้นศพของซือถูเฉียงถูกฉีกกระจาย
ในที่สุดสาวใช้ที่ปรนนิบัติซือถูเฉียงก็ฟื้นขึ้นมา รีบวิ่งเข้าไปในห้องอย่างลุกลี้ลุกลนเห็นภาพนองเลือดตรงหน้า ก็เป็นลมสลบไป…
……
ไม่ช้าเมืองหลวงก็เกิดคดีอุกฉกรรจ์
จวนเสนาบดีถูกคนบุกรุก ท่านหญิงตาย ซ้ำยังไม่เหลือไว้แม้แต่ซากศพ ฮ่องเต้สั่งการให้คนสืบหา ยังไม่แน่จะจับผู้ร้ายได้
ความจริงคนที่รู้เรื่อง ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเป็นฝีมือจิ่วหุน
แต่ว่าต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็ไม่ยินยอมหาเรื่องนักฆ่าอันดับหนึ่ง อย่างไรเสียเสินเซ่อเทียนก็ไม่อาจคุ้มครองฮ่องเต้เป็นเงาตามตัวได้ตลอดสิบสองชั่วยามโดยไม่จากไปไหน
ดังนั้นที่ว่าสืบคดี ก็แค่ทำอย่างขอไปทีเท่านั้น
อย่างไรเสียก็ไม่มีใครหาหลักฐานที่จิ่วหุนก่อเหตุพบ เขาไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้เลย
ฝ่ายจวนเสนาบดีหลังจากรู้เรื่อง ถึงหัวใจของซือถูจ้าวจะสงสารบุตรสาว ไม่ว่าอย่างไรก็มีความรักต่อเลือดเนื้อเชื้อไข แต่หลังจากเขาคาดเดาว่า จิ่วหุนไม่มีทางมาฆ่าคนถึงเมืองหลวงโดยไร้เหตุผล
เขาสั่งการลงทัณฑ์ทรมานสอบปากคำสาวใช้ของซือถูเฉียง
ถึงเค้นแผนการอันคลุ้มคลั่งของซือถูเฉียงออกมาได้ นางถึงกับคิดกำจัดเยี่ยเม่ย จากนั้นก็ให้ตระกูลซือถูทั้งตระกูลตกตายไป
มายามนี้เขาเพียงรู้สึกว่าซือถูเฉียงคนเดียว ตายไปก็ไม่มีอะไรน่าเสียดาย
บุตรสาวที่วางแผนการทำร้ายแม้กระทั่งชีวิตของคนทั้งตระกูลเพราะนางถูกรังแก หวังให้ทุกคนตายเพราะความเห็นแก่ตัวของนาง ตายไปก็ช่างเถอะ ซือถูจ้าวไม่มีใจทวงความยุติธรรมคืนให้นางเด็ดขาด
ดังนั้นตอนที่ฮ่องเต้ทรงลอบหยั่งเชิงถามความคิดเขา
ซือถูจ้าวตอบอย่างตรงไปตรงมาประโยคหนึ่ง “ฝ่าบาท หาใครสักคนมารับโทษแทนเถอะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอเอ่ยไม่น่าฟังสักหน่อย กระหม่อมยินยอมล่วงเกินจวินซ่าง แต่ไม่คิดล่วงเกินจิ่วหุน”
ล่วงเกินเสินเซ่อเทียนบางทีอาจถูกฝ่าบาทเนรเทศ แต่ก็ไม่ต้องกังวลถึงชีวิต ส่วนจวินซ่างล้วนทำเพื่อราชบัลลังก์เป่ยเฉินมาเป็นอันดับแรก ก็ไม่มีทางวางแผนให้ร้ายเขา
แต่ว่าการล่วงเกินจิ่วหุน
เรื่องจะยุ่งยากมากแล้ว ใครจะรู้ว่าวันดีคืนดีตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าคนในบ้านตายจนหมดสิ้น หรือแม้กระทั่งตัวเองก็ยังตายไปด้วยแล้ว?
เมื่อใต้เท้าเสนาบดีแสดงความเห็นว่าความหนักเบาของเรื่องนี้เขาแยกแยะได้อย่างชัดเจน
ฮ่องเต้พยักหน้า “อย่างนั้นก็ทำตามนี้เถอะ”
ด้วยเหตุนี้คดีสังหารคนแยกศพก็จบสิ้นลงเช่นนี้
จากนั้น
ทางป้อมปราการที่ชายแดนก็ส่งข่าวกลับมาอีก ซือถูเฟิงตายแล้ว ครั้งนี้กลับหาใช่คดีไร้เบาะแส คนของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนออกมายอมรับเรื่องนี้ บอกว่าซือถูเฟิงจงใจก่อกวนความสงบของชายแดน จงใจก่อกระพือลมโหมไฟทำให้ชายแดนไม่สงบ กระทบต่อความปลอดภัยราชบัลลังก์