เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1 ภาคสยบใต้หล้า] - ตอนที่ 349
เล่ห์รักกลกาล – ตอนที่ 349 สองยอดนักแสดง
“ใช่!เจ้าพูดถูก!”
มู่หรงเหยาฉือฟังคำพูดนี้ นางรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรกลับคว้าขอนไม้ช่วยชีวิตเอาไว้ได้ อารมณที่อ่อนแอค่อยๆ ได้รับการปลอบโยน
เรื่องในวันนี้ก็แค่บังเอิญ
องค์ชายสี่หารู้ว่านางรออยู่ที่ประตูเมือง ดังนั้นเขาไม่ได้ต้องการหลบเลี่ยงนาง วันนี้นางก็แค่…โชคไม่ดีเท่านั้น
ใช่ โชคไม่ดี
สาวใช้มองใบหน้าด้านข้างของนาง อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ว่า “ท่านหญิง อย่าได้ร้องไห้อีกเลย! หากท่านยังร้องต่อไป คนที่ผ่านไปมาอาจพบเห็นได้!”
เมื่อสาวใช้กล่าวเช่นนี้ มู่หรงเหยาฉือนิ่งไปเล็กน้อย มุมปากเหยียดยิ้มบางๆ หัวใจยามนี้พลันมีแผนการบางอย่าง
นางเอ่ยเสียงต่ำ “ต้องให้ผู้อื่นเห็น”
ทำไมนางคิดไม่ถึงว่ายังมีไม้นี้อยู่ด้วยนะ
ขณะเอ่ย ไม่ไกลออกไปก็มีสาวใช้กลุ่มหนึ่งเดินผ่านมา มู่หรงเหยาฉือส่งสายตามองสาวใช้ของตน เอ่ยปากว่า “เร็ว ปลอบข้าๆ ดังๆ หน่อย ให้พวกนางได้ยิน!”
หลายปีที่ผ่านมา สาวใช้ร่วมแสดงละครกับมู่หรงเหยาฉือไม่น้อย ทั้งสองเป็นเหมือนยอดนักแสดงมาตั้งนานแล้ว
นางเข้าใจความหมายของมู่หรงเหยาฉือทันที ไม่ช้าก็แผดเสียงสูงเอ่ยปากว่า “ท่านหญิง ท่านหญิง! ท่านอย่าได้ร้องอีกเลย ถึงแม่นางเยี่ยเม่ยจะไม่ใส่ใจความเลื่อมใสที่ท่านมีต่อนาง คร้านจะใส่ใจท่าน มีท่าทางเหมือนดูแคลนท่าน แต่ว่า…แต่ว่าท่านก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจเพียงเพราะคนแปลกหน้าผู้หนึ่งเช่นนี้!”
บรรดาสาวใช้ที่เดินผ่านมาล้วนได้ยินคำพูดของนางทันที
สตรีมักมีใจชอบเรื่องซิบซุบนินทาเป็นทุนเดิม พวกนางทนไม่ไหว หยุดชะงักฝีเท้า จากนั้นเงี่ยหูตั้งใจฟัง
ฝ่ายมู่หรงเหยาฉือกลับร้องไห้มองสาวใช้ของตน เอ่ยตัดพ้อว่า “เจ้าอย่าพูดเช่นนี้ แม่นางเยี่ยเม่ยดูแคลนข้า ไม่ใช่ปัญหาของนาง แต่ว่าข้าที่ไม่ประมาณตน ข้าก็แค่เสียใจอยู่บ้าง นับแต่แต่เล็กบิดามารดาด่วนจากไป เพราะเช่นนี้คนอื่นต่างเห็นใจข้าอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าแม่นางเยี่ยเม่ยจะไม่รักษาน้ำใจกันเช่นนี้…”
“ข้าจะไปถกกับนาง! นางรังแกท่านเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านตากลมหนาวรอนานตั้งครึ่งชั่วยาม เพียงอยากพบหน้าสักครั้งหนึ่ง เพื่อความรู้สึกเลื่อมใสในใจ ใครจะรู้ว่านางไม่แม้แต่จะสนใจท่านสักน้อย ทักทายสักคำยังไม่ยินดี ทำแบบนี้เกินไปจริงๆ!”
สาวใช้เอ่ยด้วยโทสะ
มู่หรงเหยาฉือรีบกล่าวว่า “ห้ามไปนะ! ช่างเถอะ ในเมื่อแม่นางเยี่ยเม่ยไม่ชอบข้า ข้าไปหาให้นางขัดตาก็พอแล้ว ข้าไม่อาจทำให้ผู้อื่นลำบากใจได้”
“ท่านหญิง ท่านเอาแค่คิดถึงผู้อื่นเช่นนี้อยู่เรื่อย ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมาถึงได้เสียเปรียบตลอด” สาวใช้เอ่ยออกมาคล้ายเจ็บปวดแทนมู่หรงเหยาฉืออย่างเกินเปรียบ
ส่วนในเวลานี้ มู่หรงเหยาฉือไม่ทันระวังหันกลับมามองเห็นบรรดาสาวใช้ที่ผ่านทางมา นางตกใจเล็กน้อย รีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้า พาสาวใช้ของตนจากไปอย่างร้อนรน
หลังจากพวกนางทั้งสองจากไปแล้ว
สาวใช้ที่ผ่านมามองหน้ากันไปมา หนึ่งในนั้นเอ่ยปากว่า “คิดไม่ถึงเลยว่า แม่นางเยี่ยเม่ยจะทำอย่างนี้ ไม่ว่าอย่างไร ท่านหญิงเหยาฉือก็เป็นท่านหญิงของเป่ยเฉินเรา เป็นทายาทขุนนางภักดี นางไม่ไว้หน้ากันสักน้อย ทำเกินไปจริงๆ !”
“จริงด้วย! ผู้อื่นตากลมหนาวรอนางตั้งนาน ไม่ไว้หน้ากันสักนิด ช่างทำเกินไปจริงๆ!”
สาวใช้อีกนางหนึ่งแดกดันขึ้นว่า “ใครใช้ให้ผู้อื่นเป็นยอดดวงใจขององค์ชายสี่เล่าย่อมโอหังอยู่แล้ว หากไม่มีองค์ชายสี่ นางนับเป็นตัวอะไรกัน”
“ที่น่าโมโหที่สุดคือ นางยังมีความสัมพันธ์สนิทสนมคุณชายจิ่วหุน!”
สตรีมิเพียงแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบเรื่องซุบซิบ ทั้งยังขี้อิจฉา อันที่จริงหลายวันที่ผ่านมา พวกนางต่างไม่พอใจเยี่ยเม่ยนานแล้ว
อิจฉาที่อีกฝ่ายเป็นสตรีนางหนึ่ง กลับได้รับความโปรดปรานจากองค์ชายสี่ กุมอำนาจทางทหารเรียกลมเรียกฝนได้ในสนามรบ อิจฉาที่คนหล่อเหลาเพียบพร้อมอย่างองค์ชายสี่และคุณชายจิ่วหุนต่างก็ห้อมล้อมรอบกายนาง
ยามนี้เมื่อมีเหตุที่สามารถโจมตีเยี่ยเม่ยได้ ทุกคนเอ่ยกันอย่างสนุกปาก
อีกทั้งทุกคนตัดสินใจแล้วว่ารีบกระจายข่าว การกระทำไร้การอบรมของเยี่ยเม่ยที่เมินท่านหญิงเหยาฉือออกไป ให้คนทั้งหลายรวมถึงเหล่าแม่ทัพพวกนั้นรับรู้ว่า แม่นางเยี่ยเม่ยที่พวกเขาเห็นเป็นวีรสตรี ในสายตาของสตรีอย่างพวกนางความจริงแล้วก็ไม่ใช่ตัวดีเด่อะไร
……
ห้องของเป่ยเฉินอี้
เซียวชินกำลังจับชีพจรให้เป่ยเฉินอี้ เซียวชินในวันนี้สีหน้าอ่อนขึ้นไม่น้อย นั่นก็เพราะหลายวันที่ผ่านมา เป่ยเฉินอี้ค่อนข้างสงบเสงี่ยม หาได้ฝืนใช้กำลังภายในต่อสู้สร้างความลำบากในการรักษา และยืดเวลาในการรักษาออกไปอีก
ดังนั้นพิษนี้ ก็ถูกกำลังกำจัดได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากเขาเขียนเทียบยาออกไป ก็รายงานเป่ยเฉินอี้ “อี้อ๋องขอเพียงท่านทนได้อีกสักระยะหนึ่งไม่ลงมือประลองกับใครอีก เชื่อว่าร่างกายของท่านจะหายดีในไม่ช้า ข้าคิดว่าท่านน่าจะเข้าใจว่าลับมีดไม่ทำให้เสียเวลาตัดฟืน!”
รอร่างกายหายดีแล้วค่อยสู้ก็ยังไม่สาย
อาศัยวรยุทธ์ของเป่ยเฉินอี้รอจนร่างกายฟื้นฟูดีแล้ว ทั่วหล้าเกรงว่าจะมีแค่สุดยอดฝีมือแห่งยุคไม่กี่คนที่พอจะประมือกับเขาได้เท่านั้น จิ่วหุนและจิวมั่วเหอยังไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้เขาได้ ประมือกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนและกูเยว่อู๋เหิน ใครแพ้ชนะยังมิอาจรู้ได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไฉนต้องประลองกับผู้อื่นยามที่ยังไม่หายดี ไม่อาจเอาชนะได้ทั้งยังบาดเจ็บด้วย
เป่ยเฉินอี้รั้งสายตากลับมามองข้อมือด้วยเอง เขาดึงชายเสื้อปิดข้อมือตน กวาดตามอง เซียวชิน “ยามนี้คนที่หวังให้ข้าหายได้ในเร็ววัน นอกจากคนข้างกายข้าแล้ว เกรงว่าคงมีท่านหมอปีศาจแล้ว”
เซียวชินส่ายหน้า ตัดขาดความสัมพันธ์อย่างชัดเจน “อี้อ๋องคิดมากไปแล้ว ข้าหาได้กังวลสุขภาพร่างกายท่านไม่ ทั้งไม่หวังว่าท่านจะหาย เพียงแค่หวังให้ตัวเองจากไปได้ในเร็ววัน ตัดขาดความสัมพันธ์กับท่านเสีย”
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ช่วยเป่ยเฉินอี้เพราะถูกบีบบังคับ
แต่ว่าหากซือหม่าหรุ่ยรู้เรื่องที่เขาช่วยเป่ยเฉินอี้ถอนพิษ และสงสัยว่าระยะเวลาที่เขาหายตัวไปร่วมมือเป่ยเฉินอี้กระทำเรื่องชั่วช้า เขาคิดว่าต่อให้เขากระโดดแม่น้ำหมิงเพื่อชะล้างก็ยังไม่อาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้เลย
ดังนั้นรีบตัดขาดจากเป่ยเฉินอี้เร็วหน่อยจะยิ่งดี
เป่ยเฉินอี้เข้าใจความคิดของเซียวชิน เขาหัวเราะเสียงขรึมไม่คัดค้าน กวาดตามองชิงเกอ คนสนิทก็รีบเชิญเซียวชินออกไป
ถัดมา
เขามองเห็นเอ้อเฟิง จึงถามว่า “เสินเซ่อเทียนกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนพบกันแล้วหรือ”
“พบกันแล้ว” เอ้อเฟิงพยักหน้า จากนั้นเล่าต่อว่า “ท่านอ๋อง ท่านคิดไปพบเสินเซ่อเทียนหรือไม่ อย่างไรก็ตามร่างกายของท่าน…”
เป่ยเฉินอี้คล้ายไม่สนใจ เอ่ยตอบว่า “ไม่มีความจำเป็น”
เอ้อเฟิงพลันนิ่งเงียบไป