เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า] - ตอนที่ 106
เหมี่ยวเจินแทบไม่อยากเชื่อเลยว่า เซี่ยชูมั่วทำเรื่องประเภทนี้ได้ลง
เซี่ยชูมั่วไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ กวาดตามองเหมี่ยวเจินด้วยสายตาไม่เห็นด้วย เอ่ยปาก “ทำไม เรื่องของข้า มีอะไรไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ”
เหมี่ยวเจินมองกระดาษในมือ
นี่คือภาพชุนกงชัดๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ที่สำคัญก็คือในภาพชุนกงนี้สามารถวิเคราะห์ออกมาได้ว่าเป็นใบหน้าใครกับใครต่างหาก
ชายหนึ่งหญิงหนึ่งเรือนร่างโรมรันพันตู อีกทั้งใบหน้าของพวกเขาก็คือ เป่ยเฉินอี้และเยี่ยเม่ย!
เหมี่ยวเจินรู้สึกว่า เซี่ยชูมั่วคลุ้มคลั่งไปแล้วที่สั่งให้กระจายของพรรค์นี้ออกไปภายนอกเพื่ออะไรกัน
เหมี่ยวเจินกล่าว “ท่านหญิง บ่าวไม่เข้าใจเลย ท่านทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร! มีประโยชน์อันใดกับท่านหรือ นี่รังแต่จะทำให้เสียหายไม่มีผลดีใดๆ ทั้งนั้นมิใช่หรือ”
สั่งให้คนทำหนังสือภาพชุนกงของเป่ยเฉินอี้กับเยี่ยเม่ย นางสงสัยเหลือเกินว่าสมองของเซี่ยชูมั่วมีปัญหาแล้ว!
เซี่ยชูมั่วมองเหมี่ยวเจินด้วยสีหน้าต่างออกไป ยิ้มมุมปากเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าทำเรื่องเช่นนี้จะไม่มีผลประโยชน์กับข้าสักน้อยเชียวหรือ”
“ถูกแล้ว! อีกทั้งหากอี้อ๋องรับรู้ว่าท่านเป็นคนทำให้ชื่อเสียงของเขาแปดเปื้อน เขาต้องรู้สึกรังเกียจท่านแน่!” คำพูดเหล่านี้ เหมี่ยวเจินเอ่ยด้วยความร้อนรน ดูท่าคล้ายกำลังตั้งใจปกป้องนายตน คิดใคร่ครวญเพื่อเซี่ยชูมั่ว
เซี่ยชูมั่วมองนาง เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า และก็รู้ด้วยว่าทันทีที่เรื่องนี้เกิดขึ้น หลังจากอี้อ๋องรู้ว่าข้าเป็นคนลงมืออยู่เบื้องหลังแล้ว เกรงว่าคงจะไม่ละเว้นข้าแน่ แต่ว่านะ ทำเช่นนี้ก็มีข้อดีเช่นกัน!”
เหมี่ยวเจินมุ่นคิ้วจ้องเซี่ยชูมั่วถามว่า “ไม่ทราบว่าข้อดีคืออะไร”
เซี่ยชูมั่วอธิบาย “เยี่ยเม่ยเป็นสตรีที่มีสามีแล้ว ทันทีที่เรื่องนี้แพร่ออกไปจะส่งผลกระทบกับเยี่ยเม่ยอย่างมหันต์ เจ้าลองคิดดูเพื่อชื่อเสียงของตัวเอง ภายหน้ายามนางพบอี้อ๋องยังจะไม่เดินอ้อมหนีไปอีกหรือ”
เหมี่ยวเจินได้ฟังดังนี้ก็รีบพยักหน้า “ท่านหญิงกล่าวมีเหตุผล!”
สาเหตุที่นางได้รับความไว้วางใจให้อยู่ข้างกาย เซี่ยชูมั่วนั่นก็เพราะนางรู้ว่าอีกฝ่ายไม่อาจหลอกได้ง่าย ยามใดจำเป็นต้องร่วมมือก็ต้องร่วมมือ
อย่างเช่นสิ่งที่เซี่ยชูมั่วกล่าวในตอนนี้ ก็เป็นข้อดีที่นางไม่อาจโต้แย้งได้ ทันทีที่นางแย้งคำพูดของเซี่ยชูมั่ว ก็จะทำให้อีกฝ่ายระแวงนาง
ครั้นได้ฟังคำตอบของเหมี่ยวเจิน เห็นว่าอีกฝ่ายก็เห็นด้วยกับความคิดตน เซี่ยชูมั่วพยักหน้าด้วยความพอใจ กล่าวต่อว่า “ส่วนเมื่ออี้อ๋องพบของสิ่งนี้กระจายไปทั่วแล้ว หากเขาใส่ใจเยี่ยเม่ยจริง เพื่อชื่อเสียงนางเขาจะต้องอยู่ห่างจากนางแน่ หากไม่ใส่ใจนาง เขาก็อยู่ห่างจากนางเพื่อชื่อเสียงของตนเช่นกัน! ดังนั้นแผนการของท่านหญิงอย่างข้า มีประโยชน์ต่อตัวข้าเองนัก!”
เหมี่ยวเจินพยักหน้า
แต่นางก็รีบเอ่ยว่า “แต่ท่านหญิง ท่านเคยคิดไหมว่า เมื่ออี้อ๋องพบว่ามีคนวางแผนการร้ายใส่เขา จะไม่บันดาลโทสะหรือ อีกอย่างเยี่ยเม่ยมีนิสัยอย่างไร องค์ชายสี่มีนิสัยอย่างไร ไม่ใช่ว่าท่านไม่ทราบ หากพวกเขาแก้แค้นท่านขึ้นมาจะทำอย่างไร”
“ไม่ว่าพูดยังไง ข้าก็เป็นถึงท่านหญิง ท่านพ่อข้าคุมทัพใหญ่สองแสนให้ฝ่าบาท ต่อให้อี้อ๋องกำเริบเสิบสานเพียงใดก็ไม่อาจสังหารข้าได้ ส่วนเยี่ยเม่ยและเป่ยเฉินเสียเยี่ยนต่อให้พวกเขาร้อนรนแค่ไหน แต่ยังไงเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็เป็นบุรุษ เห็นภาพพระชายาตนเองกับชายอื่นกระจายไปทั่ว…”
กล่าวไปแล้ว เซี่ยชูมั่วยิ้มร้ายอยู่ที่มุมปาก “หากเขาไม่แยกศพเยี่ยเม่ยเป็นชิ้นในทันที ก็นับว่าเขาใจกว้างมากพอแล้ว! ไม่ว่าอย่างไรหากเขาจะสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง ก็ต้องไปซักไซ้จากเยี่ยเม่ย ตัวนางยากจะเอาตัวรอดแล้วยังจะทำอะไรข้าได้”
“นี่…” เซี่ยชูมั่วพูดถึงขั้นนี้ เหมี่ยวเจินพบว่าตัวเองไม่มีคำพูดใดให้โต้แย้งอีก
ทว่านางยังเตือนขึ้น “แต่ว่าท่านหญิงต้องจำไว้ให้ดี ได้ฟังว่าองค์ชายสี่มีความรักล้ำลึกกับแม่นางเยี่ยเม่ยมาก ไม่ใช่คนทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้ เขาอาจไม่ระแวงสงสัยนาง ท่านควรระวังว่าจะจุดไฟโหมใส่ตัวเองมากกว่า!”
เมื่อเหมี่ยวเจินเสนอความเห็นเช่นนี้ เซี่ยชูมั่วที่เดิมทีมั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยมพลันรู้สึกแตกตื่น “ที่เจ้าพูดก็ถูก!”
ก่อนหน้าได้ยินว่าเยี่ยเม่ยแตกหักกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่ชายแดนแล้ว ซ้ำยังได้ฟังว่าเยี่ยเม่ยมักไปมาหาสู่กับกูเยว่อู๋เหินอยู่เรื่อย หลังจากกลับถึงเมืองหลวง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ยังไม่สนใจคิดรับนางเป็นพระชายาเอกให้ได้
เรื่องนี้ยังไม่นับว่าเท่าไร ก่อนหน้านี้ได้ฟังจากปากมู่หรงเหยาฉือว่า เยี่ยเม่ยไม่อยากคลอดลูกให้เขา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังไม่ปลดนาง ในสายตาบุรุษแล้วทายาทถือเป็นเรื่องสำคัญมาก
เรื่องต่างๆ นานานี้ก็มากพอทำให้เห็นฐานะของเยี่ยเม่ยในใจเป่ยเฉินเสียเยี่ยนว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ดังนั้นนางทำเช่นนี้จะไม่วู่วามไปใช่หรือไม่
เป่ยเฉินอี้เป็นบุรุษผู้หนึ่ง ต่อให้เรื่องนี้แพร่ออกไป ก็คงจะหาว่าเขาเป็นคนเจ้าสำราญก็เท่านั้น สำหรับเขาแล้วก็ใช่เรื่องใหญ่อันใด
แต่สำหรับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้วเท่ากับป่าวประกาศว่าเขาถูกสวมเขา
ถึงระยะนี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะเก็บงำท่าทียามอยู่ในท้องพระโรง แต่จากวิธีการของเขาในอดีต ทำให้คนเห็นเขาตกใจมือไม้สั่นไปหมด เซี่ยชูมั่วคิดเช่นนี้ในใจก็พลันหวาดกลัวแล้ว
เหมี่ยวเจินกล่าวว่า “ท่านหญิง ไม่สู้พวกเรารีบฉวยโอกาสตอนเรื่องยังไม่ใหญ่โตถอนตัวเถอะ ถึงเวลานั้นไม่แน่ว่าทั่วทั้งจวน รวมไปถึงนายท่านอาจพลอยเดือดร้อนไปด้วย!”
เซี่ยชูมั่วขมวดคิ้ว “แต่เรื่องนี้ข้าทำไปแล้ว! อีกอย่างก็ไม่ทันแล้ว ข้าสั่งให้หลายคนกระจายไปทั่ว ตอนนี้ก็กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้ว ยามนี้…”
เหมือนน้ำป่าไหลหลากยากไหลย้อนกลับ!
เมื่อเอ่ยออกมา เซี่ยชูมั่วเริ่มลนลาน สีหน้าซีดขาวลงช้าๆ
เหมี่ยวเจินเห็นแล้วได้แต่ส่ายหน้าอยู่ในใจ
เยี่ยเม่ยมีนิสัยอย่างไรนางเข้าใจชัดแจ้ง เซี่ยชูมั่วครั้งนี้คงจบสิ้นแล้ว นางรับใช้ข้างกายอีกฝ่ายมาหลายปี เพราะใต้เท้าไป๋หลี่บอกว่าภายหน้า เซี่ยชูมั่วจะเป็นหมากตัวสำคัญให้กับพวกเขา
มาวันนี้ เซี่ยชูมั่วเล่นเสียเกือบทำตัวเองตายแล้ว
หากหมากตัวนี้กลายเป็นหมากไร้ค่าที่ต้องทิ้ง เท่ากับว่าเหมี่ยวเจินสูญเสียเวลาเปล่าหลายปีอยู่กับสตรีนางนี้ เมื่อคิดเช่นนี้เหมี่ยวเจินก็กลัดกลุ้ม
แต่ว่านางไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า เพียงกล่าวว่า “ท่านหญิง ไม่ว่าพูดอย่างไร ภายหน้าก่อนท่านจะทำอะไรยังคงปรึกษากับข้าก่อนจะดีกว่า คนหนึ่งวางแผน ไม่สู้สองคนรวมหัว กันไม่ให้เรื่องกลายเป็นแบบวันนี้ ไม่อาจจัดการได้อีก”
“ดี!” เซี่ยชูมั่วก็ตระหนักว่าดูท่าตัวนางจะก่อเรื่องใหญ่ วันนี้ได้แต่หวังว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะเห็นศักดิ์ศรีสำคัญกว่าเยี่ยเม่ย เช่นนั้นนางถึงรักษาชีวิตตัวเองได้