เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า] - ตอนที่ 116 / ตอนที่ 117 อย่ายุ่งเรื่องคนอื่น
- Home
- เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า]
- ตอนที่ 116 / ตอนที่ 117 อย่ายุ่งเรื่องคนอื่น
ตอนที่ 116
จงรั่วปิงยังเอ่ยปากจะค้านว่า “แต่ท่านอ๋อง เรื่องนี้…”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวทำให้ข้าลำบากไปด้วย แต่ว่าในยามนี้ชีวิตของซือหม่าหรุ่ยสำคัญที่สุดหรือว่าเรื่องพวกนี้สำคัญที่สุดกัน ข้าได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาทเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้ถูกจับแล้ว บางทีพระองค์ก็อาจจะปล่อยข้า แต่ว่าหากพวกเรายังไม่ไปล่ะก็ ซือหม่าหรุ่ยต้องตายแน่” เซี่ยโหวเฉินพยายามเกลี้ยกล่อม
ความจริงแล้วหากฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้ ไม่มีทางปล่อยเขาแน่ เพราะว่าฝ่าบาททรงเกลียดคนไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา ทว่ายามนี้คงได้แต่โน้มน้าวจงรั่วปิงเช่นนี้แล้ว
จงรั่วปิงได้ฟังก็คล้อยตามจริงๆ พยักหน้า “ท่านพูดถูก หากพวกเรายังไม่ไป นางต้องตายแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านอ๋องน้อย ข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว”
“อืม เช่นนั้นข้าไปล่ะ” เซี่ยโหวเฉินหมุนตัวเตรียมจากไปทันที
จงรั่วปิงกลับร้องเรียกว่า “ท่านอ๋องน้อย รอก่อน”
เซี่ยโหวเฉินชะงักฝีเท้า หันกลับมองนางถามว่า “ทำไมหรือ”
จงรั่วปิงก้าวเดินออกไม่กี่ก้าวก็หยุดอยู่ข้างเซี่ยโหวเฉิน เอ่ยว่า “ท่านอ๋องน้อย ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องของข้า ต่อให้ต้องไปปล้นคุก พวกเราสมควรไปด้วยกัน หากเกิดเรื่องจนถูกจับได้ ข้าก็ยินยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว เพื่อลดโทษให้กับท่านอ๋อง ถึงตอนนี้ข้าไม่อาจใช้กำลังภายใน ตามท่านไปก็เป็นตัวถ่วง แต่ว่าหากข้าไม่ได้ไปด้วย ข้าก็ไม่อาจวางใจได้จริงๆ”
คนทั่วไปเมื่อเห็นคนอื่นยอมทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเพื่อตัวเองต่างก็ดีใจจนแทบทนไม่ไหว เมื่อเห็นคนอื่นยอมแบกรับความเสี่ยงเพื่อให้ตัวเองปลอดภัยต่างก็รีบหนีไปเสียจนแทบไม่ทัน แต่ว่าจงรั่วปิงกลับกลัวทำให้เขาลำบากไปด้วย ยืนกรานจะตามเขาไป ทั้งยังแสดงออกว่าจะแบกความรับผิดชอบทั้งหมด
เซี่ยโหวเฉินเห็นนางทำเช่นนี้ ความรู้สึกดีที่มีก็เพิ่มพูนขึ้นในทันใด เดิมทีก็ชอบนางมากอยู่แล้ว ยามนี้หัวใจเต้นแรงจนไม่อาจควบคุมได้อีก
เขาพยักหน้า “งั้นก็ดี ข้าอยากร่วมทางไปคุกพร้อมกับแม่นางจง ไม่มีสิ่งอื่นใด ข้าก็แค่คิดจะร่วมเป็นร่วมตายกับแม่นางจง เท่านี้ข้าก็รู้สึกว่าชีวิตไม่เสียเปล่าแล้ว หากถูกจับขึ้นมา ข้าจะแบกความรับผิดชอบทั้งหมดไว้เอง แม่นางจงแค่ปฏิเสธก็พอแล้ว”
เหวยซื่อที่ฟังอยู่ข้างๆ เอาแต่กลอกตา ในเมื่อพวกท่านรู้ว่าอันตรายถึงเพียงนี้ ซ้ำยังถูกจับได้อย่างง่ายดาย แล้วยังจะไปทำอะไรอีกเล่า ผลัดกันออกมารับผิด พวกท่านไม่เหนื่อยหรือไง ข้าฟังแล้วยังรู้สึกเหนื่อยแทนเลย
จงรั่วปิงไม่ถกเถียงเรื่องแบกรับความผิดกับเซี่ยโหวเฉินอีกแล้ว
นางกล่าวว่า “พวกเรารีบไปกันก่อนเถอะ หากช้าเกินไปเกรงว่าจะไม่ทันการณ์”
“ดี”
สองคนก้าวออกไปพร้อมกัน มุ่งหน้าสู่คุกหลวง
เซี่ยโหวเฉินสั่งเหวยซื่อ “กลับจวนไปเตรียมกำลังคน ลงมือพร้อมกัน สั่งให้พวกเขาอำพรางหน้าตาด้วย”
“ขอรับ” เหวยซื่อรีบกลับจวน
เมื่อสั่งการทุกอย่างเรียบร้อย เซี่ยโหวเฉินมองคนข้างกายก็รู้สึกน่าขันอยู่บาง แม้แต่ฝันเขายังไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันใดวันหนึ่งที่ตัวเองจะปล้นคุกเพื่อสตรี ทำเรื่องไร้ประโยชน์ต่อตัวเองเช่นนี้
โดยเฉพาะซือหม่าหรุ่ยเป็นคนของเยี่ยเม่ย อีกฝ่ายเป็นศัตรูของเขา เมื่อนางขาดผู้ช่วยไปสักคน สำหรับเขาแล้วถือเป็นเรื่องดี แต่เขากลับไปช่วยคน
เซี่ยโหวเฉินเอ๋ยเซี่ยโหวเฉิน เจ้าคงไม่โดนคุณไสยเข้าให้หรอกนะ
เห็นสีหน้าเซี่ยโหวเฉินผิดแปลกไป จงรั่วปิงถามว่า “ท่านอ๋องน้อย ท่านเป็นอะไรหรือ”
เซี่ยโหวเฉินรีบส่ายหน้าทันที “ไม่มีอะไร ข้ากำลังคิดว่าอีกเดี๋ยวจะลงมือจากจุดไหนดี ไม่ว่าอย่างไรแม่นางซือหม่าก็เป็นสหายร่วมตายของเจ้า ข้าจะต้องช่วยนางออกมาให้ได้”
จงรั่วปิงฟังเช่นนี้ยิ่งซาบซึ้งเป็นที่สุด มองใบหน้าของชายหนุ่มหล่อเหลาภายใต้แสงจันทร์ หัวใจก็เต้นแรงขึ้น แต่นางเข้าใจดี ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องความรักหนุ่มสาว ช่วยคนสำคัญที่สุด ดังนั้นนางรีบถอนสายตากลับมา
แต่นางก็เข้าใจ ชายผู้นี้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในใจนางล้ำลึกมาก นางคิดว่าบางทีภายหน้าคงยากจะลบเลือนเขาออกไปได้
รักอย่างบริสุทธิ์ใจจะจริงใจได้ถึงขั้นไหน จงรั่วปิงไม่รู้ชัด แต่ว่าชายผู้นี้ยินยอมเสี่ยงชีวิตไปช่วยคนเพื่อนาง อย่างน้อยในเวลานี้เรื่องนี้ก็ทำให้นางยอมเชื่อว่าเขาจริงใจกับตนเอง
…
ในป่าแห่งหนึ่ง
เฉิงเสี่ยวจวนได้รับสั่งให้ออกมาหาของกินให้เสินเซ่อเทียน ซ้ำนางยังดีใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะนับตั้งแต่ครั้งก่อนที่จวินซ่างได้พบเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็นับว่าสงบใจได้แล้ว สุดท้ายก็เริ่มเกิดความอยากลิ้มลองอาหารเลิศรสอีก ไม่หมกตัวอยู่ในช่วงเวลาแห่งความอกหัก สั่งให้นางออกมาแสวงหาของกิน
คิดแล้วนางก็ถอนหายใจ
ในเวลาเดียวกันนี้นางได้ยินเสียงฝีเท้าคน เมื่อหันกลับไปดูก็พบว่าภายใต้แสงจันทร์ส่องสว่างมีบุรุษสามคนเดินมาทางนี้ สองคนเดินนำหน้าและอีกคนหนึ่งตามอยู่ด้านหลัง
ชั่วขณะนี้พลันมีงูหลามเลื้อยเข้ามา เฉิงเสี่ยวจวนที่หันไปมองบุรุษทั้งสามไม่ทันสังเกตว่างูหลามพุ่งเข้าโจมตีนาง
เซียวเซ่อหยางและโอวหยางเทาเป็นคนออกผดุงคุณธรรมช่วยเหลือคนมาตลอด ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ปราดเข้าไปช่วยคนแล้ว
เซียวเซ่อหยางยื่นมือออกไปดึงตัวเฉิงเสี่ยวจวนเข้ามา ขณะเดียวกันก็สร้างความเดือดดาลให้กับงูตัวนี้แล้ว เซียวเซ่อหยางรีบใช้เพลงดาบขั้นสุดยอดของตนจู่โจมงูร้าย
ตามหลักแล้ว เมื่อใช้เพลงดาบนี้ งูก็สมควรถูกสับเป็นสองท่อนตายโดยมิต้องสงสัยอีก
แต่…
คิดไม่ถึงเลยว่าดาบไม่อาจฟันหนังงูตัวนี้ได้ ดาบของเซียวเซ่อหยางเป็นดาบหายากแห่งยุค กลับไม่อาจทำอะไรงูตัวนี้ได้เลย
คราวนี้โอวหยางเทาก็ระมัดระวังขึ้น ชัดกระบี่ออกไป
เจ้างูร้ายเมื่อถูกยั่วยุ ดวงตาของมันเปล่งแสงสีแดง ฉกเซียวเซ่อหยางและโอวหยางเทาด้วยความโกรธแค้น
คนทั้งสองทุ่มเทแรงกายต่อกรกับเจ้างูคลั่งตัวนี้
เมื่อสู้ไปได้สักพักก็ไม่เห็นผล มีดดาบไม่อาจทำร้ายมันได้ ทั้งมันก็ไม่คิดถอยเลยสักน้อย พุ่งเข้ามาฉกพวกเขาอย่างดุร้าย ทั้งยังใช้หางยาวของตนรัดพวกเขาเอาไว้
เฉิงเสี่ยวจวนที่อยู่ด้านข้างชมดูจนตาค้าง ปิดปากตัวเอง “หรือว่าสิ่งที่จวินซ่างต้องการกินคือราชาอสรพิษพันปี”
นี่จวินซ่างจะฆ่านางหรือไง
ตอนนั้นจวินซ่างบอกว่าเห็นตำราเล่มหนึ่งเขียนถึงราชาอสรพิษพันปีอยู่ในป่า อาวุธไม่อาจทำร้ายมันได้ ให้นางมาจับไป
ตอนนั้นนางไม่ทันคิดมากความ อย่างไรเสียเพื่อหาของกินให้จวินซ่าง นางเคยจับจระเข้ งูยักษ์ ดังนั้นจึงไม่ใส่ใจเรื่องนี้ คิดแต่ว่าหากมีดดาบไม่อาจฟันแทงมันได้ก็หาทางแทงทะลุหัวใจมันก็ใช้ได้
แต่นางลืมไปสนิทเลยว่า เมื่อมีดดาบไม่อาจฟันแทงแล้ว นางแทงหัวใจมันแล้วจะทะลุเข้าไปได้อย่างไรเล่า
หลังจากร้องด้วยความตระหนก เห็นงูตัวนั้นเตรียมกัดเซียวเซ่อหยาง นางก็รีบชักกระบี่ออก แต่อาศัยความเร็วของนางไม่ไวกว่างูตัวนั้นเลย
ในเวลานี้เองจิ่วหุนที่ชมอยู่ด้านข้างก็ขยับแล้ว
ตอนที่ 117 อย่ายุ่งเรื่องคนอื่น
จิ่วหุนชักกระบี่ยาวออกมาจากข้างเอว กระบี่ตรงดิ่งมุ่งเป้าพุ่งแทงเข้าไปที่ดวงตาของงูร้าย
กระบี่แทงใส่ดวงตางูร้าย มันแผ่ลงพื้นด้วยความเจ็บปวด บิดตัวอยู่ที่พื้นอย่างคลุ้มคลั่ง ไม่ช้าก็เลื้อยหนีเอาชีวิตรอดไป
ในเมื่อหนังของมันไม่อาจฟันแทงได้ เช่นนั้นจุดอ่อนเดียวก็อยู่ที่ดวงตาแล้ว
ในฐานะนักฆ่าอันดับหนึ่ง เรื่องที่จิ่วหุนถนัดเป็นอย่างยิ่งก็คือการหาจังหวะลงมือ ค้นหาจุดอ่อนของศัตรู โจมตีเข้าเป้าในครั้งเดียว
หลังจากเซียวเซ่อหยางเก็บดาบลงก็มองที่จิ่วหุน ในใจเขาเกิดความเลื่อมใสอยู่หลายส่วน
จิ่วหุนเป็นยอดฝีมือแห่งยุค มีวรยุทธ์เหนือล้ำกว่าเขาอยู่บ้าง เซียวเซ่อหยางคาดการณ์ได้อยู่แต่แรก แต่เขาคาดไม่ถึงว่าจิ่วหุนที่ยืนนิ่งอยู่นานสองนาน โจมตีครั้งเดียวก็คลี่คลายปัญหาใหญ่ได้
เฉิงเสี่ยวจวนเองก็มองจิ่วหุนด้วยความตะลึงงัน เด็กหนุ่มคนนี้อายุอานามน่าจะใกล้เคียงกับนาง หน้าตาหล่อเหลาหมดจด ทว่าดวงตาแผ่จิตสังหารราวน้ำนิ่งสงบ ไม่รู้เพราะอะไร หัวใจนางถึงเร่งจังหวะเต้นเร็วขึ้นมาเล็กน้อย
ส่วนจิ่วหุนกลับมองเซียวเซ่อหยางคราหนึ่ง น้ำเสียงเบาราวกับสัตว์ตัวจ้อยเอ่ยว่า “อย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่น”
พูดจบเขาไม่แม้แต่มองเฉิงเสี่ยวจวนสักแวบก็จากไป
เซียวเซ่อหยางและโอวหยางเทามุมปากกระตุก รู้สึกเสียหน้า นี่พวกเขากำลังผดุงคุณธรรมอยู่ต่างหากเล่า เหตุใดถึงกลายเป็นยุ่งเรื่องชาวบ้านไปแล้วเล่า
ก็ได้ พวกเขามองออก ดูท่าในสายตาของจิ่วหุน มีเพียงเรื่องของเยี่ยเม่ยเท่านั้นเป็นธุระสำคัญ ส่วนเรื่องของคนอื่นก็คือยุ่งเรื่องชาวบ้าน ช่างเถอะ พวกเขาเข้าใจแล้ว
เฉิงเสี่ยวจวนหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย
นางประสานมือให้กับเซียวเซ่อหยางและโอวหยางเทา เอ่ยว่า “ขอบคุณท่านทั้งสองที่ช่วยชีวิต”
ผู้ชายทั้งสองสบตากัน ความจริงพวกเขาอยากบอกเหลือเกินว่า คนที่ช่วยเจ้าหาใช่พวกเรา แต่เป็นคนข้างหน้าที่สีหน้าไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้านอย่างชัดเจน แต่เมื่อคิดได้ว่าจิ่วหุนไม่คิดสอดมือเข้ามาเลยแม้แต่น้อย เกรงว่าถ้าอีกฝ่ายไม่เห็นว่าพวกเขาสอดมือเข้าไปจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ไม่อาจทำภารกิจของเยี่ยเม่ยได้ลุล่วง ดูแล้วจิ่วหุนก็คงไม่คิดยื่นมือเข้ามาแน่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ฝืนบังคับให้เฉิงเสี่ยวจวนขอบคุณจิ่วหุน
พวกเขาพยักหน้า ตอบว่า “แม่นางระวังตัวด้วย พวกเราขอตัวก่อนแล้ว”
“ผู้มีพระคุณรักษาตัวด้วย อีกอย่างช่วยขอบคุณท่านผู้มีพระคุณผู้นั้นแทนข้าด้วย เฉิงเสี่ยวจวนซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง” เฉิงเสี่ยวจวนประกาศชื่อออกไป
เซียวเซ่อหยางเลิกคิ้ว ถามว่า “เฉิงเสี่ยวจวน?”
นั่นไม่ใช่คนของเสินเซ่อเทียนหรือไง ทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าเสินเซ่อเทียนคิดจะทำอะไรบางอย่าง หรือว่าเขาจับพิรุธได้แล้ว
เฉิงเสี่ยวจวนรีบตอบว่า “ถูกต้อง เจ้านายข้าคิดอยากกินเนื้อของราชาอสรพิษพันปี ดังนั้นข้าจึงออกมาตามหา คิดไม่ถึงว่าเจ้างูนั่นปรากฏตัวที่นี่ ถึงมันจะบาดเจ็บแล้ว แต่ข้าก็ไม่คิดไปยุ่งกับมัน ข้าขอตัวกลับไปรายงานก่อน ไม่ทราบคุณชายทั้งสองมีนามว่ากระไร”
เซียวเซ่อหยางและโอวหยางเทาต่างก็สนิทกับเยี่ยเม่ย ไม่คิดเผยฐานะของตนออกมาในทันที หากเสินเซ่อเทียนรู้ว่าพวกเขาเคยเดินทางผ่านมาทางนี้ ไม่แน่ว่าอาจสงสัยขึ้นมาจึงตอบว่า “แค่บังเอิญพบพาน ไม่ต้องถามชื่อหรอก พวกเราขอตัวก่อนแล้ว”
พูดจบแล้วพวกเขาก็จากไป
ส่วนดวงตาเฉิงเสี่ยวจวนกวาดมองไปที่กระบี่และดาบข้างเอวพวกเขา ใจเกิดความสงสัย แต่ก็ไม่กล่าวออกมา นางมองส่งพวกเขาเดินทางจากไปไกล
เฉิงเสี่ยวจวนเดินทางกลับไปรายงาน แต่ไม่รู้เพราะอะไรตลอดทางกลับ ในสมองของนางฉายภาพใบหน้าเย็นชาของจิ่วหุนอยู่ตลอด