เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 1091 คนกันเองไม่ต้องเกรงใจ / ตอนที่ 1092 ละครงิ้วเรื่องสนุกเริ่มแสดง
- Home
- เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ
- ตอนที่ 1091 คนกันเองไม่ต้องเกรงใจ / ตอนที่ 1092 ละครงิ้วเรื่องสนุกเริ่มแสดง
เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ – ตอนที่ 1091 คนกันเองไม่ต้องเกรงใจ / ตอนที่ 1092 ละครงิ้วเรื่องสนุกเริ่มแสดง
ตอนที่ 1091 คนกันเองไม่ต้องเกรงใจ
ซูหลีโบกพัดทองในมือเล่นไปมา ใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ดวงตาดอกท้อคู่นั้นเป็นประกายแวววาว คล้ายดั่งกำลังวูบไหวในหัวใจของผู้คนมิปาน
ฉินมู่ปิงมองนางด้วยแววตาลุ่มลึกอยู่นาน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ผ่านไปพักหนึ่งถึงได้ละสายตาของตนออกจากนาง
”ที่นี่เป็นที่ใด เจ้าเป็นสตรีมาที่นี่เพื่อสิ่งใดกัน” น้ำเสียงของเขานิ่งขรึม
”ทุกคนล้วนมีใจรักของสวยๆ งามๆ” ซูหลีใช้พัดในมือบดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง จากนั้นกะพริบตามองเขาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ซื่อจื่อก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่า ซูหลีนั้นชอบยลโฉมสาวงามมาโดยตลอด”
ฉินมู่ปิง…
ขณะที่พูด ฉินม่อโจวถูกหมัวมัวนำมานั่งข้างพวกเขาทั้งสองคน คำพูดที่ไม่เรียบร้อยอยู่ในกรอบคำรบนี้ของซูหลี เขาก็ได้ยินแล้วเช่นกัน
“ที่ใต้เท้าซูพูดมามีเหตุผล! มิมีใครเคยกล่าวว่า สตรีจะมาลอยชายในสถานที่นี้มิได้!” หวังหมัวมัวคนนั้นยิ้มให้ซูหลี
“ดูสิ แม้แต่หมัวมัวยังเข้าใจ!” ซูหลีผงกศีรษะอย่างพอใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
คนในห้องโถงล้วนมองนางด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
แต่ก่อนที่ไม่รู้ว่านางเป็นสตรีไม่รู้สึกย่ำแย่ขนาดนี้ บัดนี้ในเมื่อทราบตัวตนของนางแล้ว ท่ามกลางบุรุษจำนวนมากเช่นนี้กลับมีสตรีนางหนึ่งแทรกเข้ามา
อีกทั้งยังเป็นที่หอโคมเขียว
ดูอย่างไรก็ประหลาดจริงๆ
และที่ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจก็คือ ซูหลีมิได้สนใจในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังทำตัวกลมกลืนเป็นธรรมชาติ!
“อาหลี?” ซูหลีได้ยินจึงหันไปมองก็พบกับหนุ่มอนาคตไกลอย่างเซี่ยอวี่เสียน
ใบหน้านางฉายแววตะลึงงัน เซี่ยอวี่เสียนไม่ใช่คนที่ชอบชื่นชมบุปผางามเช่นนี้ ไยวันนี้เขาถึงมาได้กัน
ไม่ใช่แค่เซี่ยอวี่เสียนที่มา สายตาของซูหลีทอดมองไปทางด้านหลังจึงพบกับคนอีกคน
นั่นก็คือเซี่ยเสียนที่ไม่ได้เจอมานาน
“พี่เซี่ยไยถึงมาที่นี่” ประกายความครุ่นคิดพาดผ่านในดวงตาของนาง สายตาจับจ้องไปที่ร่างเซี่ยเสียนหนึ่งรอบ จากนั้นถึงได้หันมาทางเซี่ยอวี่เสียนและเอ่ยถามเสียงเบา
และไม่รู้ว่าเซี่ยอวี่เสียนเป็นอะไร ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ควรถามอะไรมาก นางจึงทำได้เพียงละสายตาของตนออกมา
“ข้าก็ได้รับจดหมายเชิญจากหอหร่วนเซียงเช่นกัน” เซี่ยอวี่เสียนนั่งที่ด้านหลังซูหลี ใบหน้าเผยความจำใจ
ซูหลีเห็นแล้วอดที่จะยกมุมปากแย้มยิ้มขึ้นไม่ได้
เซี่ยอวี่เสียนเป็นคนที่มีอุปนิสัยเฉพาะตัว ช่างไม่เข้ากับสถานที่เฉกเช่นหอหร่วนเซียงแห่งนี้จริงๆ
ทว่าบัดนี้เขาเข้าไปเป็นขุนนางในราชสำนักแล้ว วันนี้ไม่เหมือนกันวันก่อนๆ แม้เขาจะไม่ชอบสถานที่แบบนี้ ทว่าที่นี่เชิญคนมาจำนวนมาก เซี่ยอวี่เสียนก็จำเป็นต้องไปมาหาสู่กับคนบางส่วน
“พี่เซี่ย” ซูหลีพลันหันศีรษะกลับมา โน้มเข้าใกล้เขาเล็กน้อย
ทันทีที่นางเข้าใกล้ทำเอาเขาต้องหยุดหายใจ เขาชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงซ่อนความรู้สึกของตนอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรรึอาหลี” ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มที่สดใส ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นมองไปที่ซูหลี
“สักครู่หากท่านต้องการสาวงามท่านใด ขอเพียงแค่พูดออกมา ข้าจะมอบให้ท่าน!” ประกายความเจ้าเล่ห์พาดผ่านในดวงตาของซูหลี กดน้ำเสียงของตนให้ต่ำลงและเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
เซี่ยอวี่เสียน…
ฉินมู่ปิงและฉินม่อโจว…
นางคิดว่าตนพูดเสียงเบาแล้ว ทว่าแท้จริงแล้วทุกคนโดยรอบล้วนได้ยินคำพูดของนาง
ใบหน้าของเซี่ยอวี่เสียนแดงระเรื่อ มองนางที่แสดงอากัปกิริยาเย้ายวน ในเวลานี้ไม่รู้ว่าตนควรจะพูดอะไรดี
“ไอหยา ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราเป็นคนกันเองทั้งนั้น!” นางชำเลืองมอง ซ้ำยังตบที่บ่าของเขาเบาๆ
ตอนที่ 1092 ละครงิ้วเรื่องสนุกเริ่มแสดง
“ซูหลี!” ฉินมู่ปิงที่อยู่ด้านข้างใบหน้าเริ่มดำคล้ำ อดไม่ได้ที่จะเรียกนาง
ซูหลีเลิกคิ้วหันศีรษะกลับไปมองเขาด้วยความตื่นใจ เอ่ยว่า “ทำไมรึ ซื่อจื่อก็อยากได้หรือ เอ๋ จวนจิ้งหนานอ๋องร่ำรวยถึงขนาดนั้น ซื่อจื่อต้องตาใครยังต้องให้ผู้อื่นมอบให้อีกหรือ นี่ไม่เหมาะสมกระมัง!”
ฉินมู่ปิงใบหน้าดำทะมึนอย่างทันควัน ใครจะให้นางมอบให้กัน
“นั่งดีๆ!” เขาตำหนิเสียงเย็น
ไม่ต้องพูดถึงว่า ยามที่เขาทำหน้านิ่งยังมีความน่าเกรงขามเช่นเดียวกับฉินเย่หานอยู่บ้าง
ซูหลีชะงักค้างเล็กน้อย หุบยิ้มลงทันทีและไม่พูดหยอกล้ออะไรอีก
นางหมุนกายกลับไปจึงไม่สังเกตเห็นสายตาที่เซี่ยเสียนมองมายังนาง
เซี่ยอวี่เสียนนั่งลงข้างเซี่ยเสียน ครั้นเห็นเซี่ยเสียนที่จ้องซูหลีตาไม่กะพริบตั้งแต่เข้ามา เขาจึงขมวดคิ้วมองไปทางเซี่ยเสียนแล้วเอ่ย
“อาเสียน อย่าลืมที่เจ้ารับปากอาสะใภ้ไว้”
อาสะใภ้ที่เซี่ยอวี่เสียนเอ่ยถึง คือมารดาของเซี่ยเสียน องค์หญิงใหญ่
เซี่ยเสียนได้ยินดังนั้น ใบหน้าพลันฉายแววอึมครึม เขาหันศีรษะมองไปทางเซี่ยอวี่เสียนแล้วเอ่ย
“ในเมื่อท่านพี่กลัวข้าจะสร้างเรื่อง เพราะเหตุใดถึงได้พาข้ามาด้วยเล่า”
ใบหน้าของเซี่ยอวี่เสียนชะงักค้างเล็กน้อย ครั้นชำเลืองมองยังเขาที่มีอากัปกิริยาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าพูดอะไรออกมาถึงจะดี ผ่านไปพักหนึ่งเขาทำได้เพียงทอดถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ย
“เจ้าประพฤติตัวให้ดีๆเถอะ!”
เซี่ยเสียนเห็นเซี่ยอวี่เสียนไม่พูดอะไรต่อ จึงมีประกายความคิดที่ซับซ้อนพาดผ่านในแววตา
ตั้งแต่เกิดเรื่องซูหลีขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนทั้งสกุลเซี่ยและองค์หญิงนั้นก็ทึ่มทื่อมาก
ในช่วงเวลาที่จริงเซี่ยเสียนค่อยๆ รับรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างซูหลีกับฮ่องเต้มิได้ฉาบฉวย แม้จะไม่มีการกีดกันของมารดากับสกุลเซี่ย เขากับซูหลีก็ไม่มีทางได้อยู่ด้วยกัน
ทว่าถึงจะรู้ว่าเป็นเช่นนี้ กลับทำเป็นอีกแบบ
เขาไม่มีทางจะตอบแทนคนที่กีดกันเขาได้อย่างเเน่นอน
โดยเฉพาะคนที่มีใจต่อซูหลีเช่นเดียวกับเขา อย่างน้อยจี้ฉินก็สามารถพูดความในใจออกไป ทว่าเขากลับถูกพวกเขาวุ่นนางจนไม่สามารถทำอะไรได้!
“ซื่อจื่อ ไยวันนี้จี้ฉินถึงไม่มาด้วยเล่า” ทางเซี่ยเสียนกำลังคิดถึงจี้ฉิน ก็ได้ยินซูหลีที่อยู่ด้านหน้าเอี้ยวตัวหันมาถามฉินมู่ปิง
มีประกายเย้ยหยันพาดผ่านในดวงตาของเซี่ยเสียน
ดูสิ แม้จี้ฉินจะไม่ได้อยู่กับนาง แต่อย่างน้อยในใจของนางยังมีเยื่อใยอะไรบางอย่างให้เขาใช่หรือไม่
“เจ้ายังมีใจยุ่งคนอื่นอีก!” ฉินมู่ปิงตวัดตามองนางปราดหนึ่ง ขมวดคิ้วแล้วพูดกับนาง
“เฮ้อ! ข้าเป็นคนที่ว่างที่สุดในใต้หล้า ซื่อจื่อก็มิใช่ไม่รู้” ซูหลีเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ
ฉินมู่ปิงได้ยินดังนั้น เขาทำได้เพียงส่งเสียงพึมพำแหบแห้งออกมา สุดท้ายไม่ได้โต้ตอบคำถามของนาง
ซูหลีมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นเงาของจี้ฉินจริง ประกายความฉงนสงสัยพาดผ่านในแววตาของนาง ทว่าเมื่อปรายตาเห็นฉินมู่ปิงที่ไม่อยากเสวนากับนาง นางจึงควบคุมความสงสัยในใจของตนลงไป
เมื่อนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ละครงิ้วฉากสำคัญในวันนี้ก็มาแล้ว
“บ่าวคารวะใต้เท้าทุกท่าน คารวะท่านอ๋อง คารวะซื่อจื่อเจ้าคะ” หวังหมัวมัวเดินนวยนาดที่ไปเวทีที่อยู่เบื้องหน้าของซูหลี เอ่ยพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแบบประจบ
“บ่าวไม่พูดอะไรมากแล้ว แน่นอนว่าที่คุณชายและใต้เท้าทุกท่านที่มาที่นี่ในวันนี้ คงมิใช่เพราะว่าดูดอกไม้ที่โรยราเช่นข้า…”
หมัวมัวคนนี้รู้จักพูดเป็นอย่างมาก เป็นคนที่เฉลียวฉลาดมีชั้นเชิงคนหนึ่ง เพียงแค่คำพูดไม่กี่ประโยคก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศภายในหอหร่วนเซียงได้
อารมณ์ของบุรุษที่อยู่ด้านล่างต่างพากันตื่นเต้นไปตามคำพูดของนาง
ซูหลีที่สวมอาภรณ์สีแดงทั้งร่างนั่งอยู่ท่ามกลางของกลุ่มบุรุษ ช่างดูโดดเด่นมาก
มิใช่นางไม่รู้ตัว ริมฝีปากของนางเพียงยกยิ้มขึ้นมองไปยังหวังหมัวมัวที่กำลังพูดอยู่บนเวที