เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ - ตอนที่ 1095 ชอบอิสตรี / ตอนที่ 1096 ฝีมือของใคร
เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ – ตอนที่ 1095 ชอบอิสตรี / ตอนที่ 1096 ฝีมือของใคร
ตอนที่ 1095 ชอบอิสตรี
“แม่นางหงหลัวใช่หรือไม่” ซูหลีคล้ายกับไม่เห็นความตื่นเต้นของนางมิปาน นางรวบพัดทองที่อยู่ในมือ จากนั้นใช้พัดทองเชิดคางหงหลัวขึ้น
หงหลัวถูกการกระทำของนางทำให้มึนงงไปหมด ในชั่วขณะนี้ไม่รู้ว่าตนควรมีท่าทีโต้ตอบอย่างไรดี ทั้งร่างลนลาน ดวงตาคู่นั้นลังเลตลอดเวลาไม่กล้ามองไปทางนาง
ท่าทางเช่นนี้ทำให้นางดูน่าสงสารไปหลายส่วน ทำให้ความงามเพริศที่เดิมมีอยู่ลดลงไปหลายส่วน ยิ่งทำให้นางดูไม่เหมือนกับซูหลี
ซูหลีไม่มีทางที่มีอากัปกิริยาเช่นนี้
ทว่าหากพูดกันแล้ว เหล่าบุรุษเหมือนจะชื่นชอบแบบหงหลัวมากกว่า เป็นสตรีที่อ่อนแอที่จะต้องพึ่งพาอาศัยพวกเขา นี่ถึงจะเป็นสตรีแบบนี้บุรุษในราชวงศ์ต้าโจวชื่นชอบ
สตรีที่มีท่าทางเฉกเช่นนี้ซูหลี อย่าว่าแต่อ่อนแอเลย นางคนเดียวก็สามารถจัดการกับสกุลที่เก่าแก่สกุลหนึ่งให้อันตรธานหายไปอย่างง่ายดาย ใครจะกล้าล่วงเกินนางกัน
“อย่าตื่นใจไป ข้าชำเลืองเห็นดวงตาคู่นี้ของเจ้าดูมีชีวิตชีวามาก” ซูหลีหัวเราะขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา ใบหน้าฉายแววอ่อนโยน
“เห็นมาเจ้ามีดวงตาที่คล้ายกับข้าหลายส่วน แม่นางหงหลัว เจ้าลืมไปว่าตนเคยมีพี่น้องที่พลัดพรากกันหลายปีหรือไม่”
ครั้นซูหลีพูดจบ ทั้งหอหร่วนเซียงล้วนตกตะลึง
ชั่วขณะนี้คนที่อยู่ด้านล่างไม่รู้ว่าควรมีท่าทีโต้ตอบอย่างไรดี
หงหลัวเป็นสตรีในหอโคมเขียว อีกทั้งยังเป็นทาส คนผู้นี้ในสายตาเหล่าคุณชายที่อยู่ด้านล่าง อย่างไรก็เป็นทาสรับใช้อยู่ดี
ในสายตาของคนทั้งราชวงศ์ต้าโจว เกรงว่าสตรีชั้นสูงทุกคนไม่มีทางที่จะนำตนเองไปพูดเปรียบเทียบกับสตรีหอโคมเขียว เช่นนี้มิต่างอะไรกับการทำลายชื่อเสียงของตน
ซูหลีกลับเป็นคนที่ไม่แยแสสิ่งใด ขึ้นเวทีมาเอ่ยเช่นนี้ออกมา
หงหลัวคนนี้มีความคล้ายคลึงกับนางหลายส่วน นี่เป็นที่ประจักษ์ต่อทุกคนแล้ว ทว่าหากเปรียบเทียบกับซูหลีแล้ว แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน กระนั้นมิมีใครที่ปัญญาทึบถึงขนาดนำสตรีหอโคมเขียวไปเปรียบกับนางหรอกกระมัง
อีกทั้งคำพูดนี้เป็นคำพูดที่ตัวนางพูดออกมาเอง
จะไม่ให้คนตกตะลึงได้อย่างไร
“ตะ ใต้เท้าชมเกินไปแล้วเจ้าคะ! บ่าวมิบังอาจ!” หลังจากที่หงหลัวได้ยินคำพูดประโยคนี้ ทั้งร่างจึงสั่นเทาและท่อนขาถึงกับอ่อนแรงจนแทบจะคุกเข่าลงไปตรงหน้าซูหลี
“ไอหยา!” ใครจะรู้ว่า ทันทีที่นางล้มลงกลับมิได้ล้มลงไปที่พื้น ทว่ากลับถูกซูหลีรับไว้ในอ้อมกอด
ครั้นซูหลีได้สูดกลิ่นหอมที่แผ่ออกมาจากกายนาง ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความขบขัน เมื่อหงหลัวเหลือบตาสบเข้ากับดวงตาที่สามารถทำให้คนตะลึงงันของซูหลี
นางพลันชะงักค้างไป
ใครๆก็เอ่ยว่า นางได้เปรียบที่สุดที่มีดวงตาคล้ายคลึงกับซูหลีที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ทว่าบัดนี้ไยนางถึงรู้สึกว่า ดวงตาของทั้งสองคนนั้นมิเหมือนกันสักนิด
ไม่สิ เพียงมีรูปทรงเหมือนกันเท่านั้น
นัยน์ตาทั้งสองของซูหลี เป็นประกายประหนึ่งดวงดาวของทางช้างเผือก สัมผัสถึงมนต์เสน่ห์จนทำให้ดวงใจของผู้คนวูบไหว ส่วนนาง…เป็นได้เพียงหนึ่งในหมื่นส่วนของซูหลีเท่านั้น
“เฮ้อ! ดูเหมือนว่าในวันนี้ทุกท่านจะเสียเวลามาที่นี่เสียแล้ว ข้ายังไม่ทันพูดจบ โฉมสะคราญก็จู่โจมถลาเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดข้าเสียแล้ว!” ซูหลีพูดกับคนที่อยู่ด้านล่างเวทีอย่างยิ้มๆ
หงหลัวชะงักค้างเล็กน้อย นี่หมายความว่าเช่นไรกัน
นางยังคิดว่าที่ซูหลีขึ้นมาบนเวทีเมื่อครู่ เป็นเพราะนางมีรูปโฉมที่คล้ายกับซูหลีจนทำให้ซูหลีโกรธ ดังนั้นซูหลีคงจะลงโทษนาง!
อย่างไรสตรีที่เป็นทาสเฉกเช่นนาง สถานภาพเร่ร่อนจะไปทางใด เพียงคำพูดของชนชั้นสูงประโยคเดียวก็สามารถตัดสินได้แล้ว!
ใครจะรู้ว่าซูหลีจะเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา
“ใต้เท้าซู! เจ้าเป็นสตรีนางหนึ่ง จะต้องการแม่นางยอดดอกเหมยไปเพื่ออะไร!?” มีคนที่อยู่ด้านล่างไม่ยินยอม นี่ซูหลีต้องการทำอะไรกันแน่ ศึกประชันยอดดอกเหมยยังไม่เริ่ม นางกลับถลาขึ้นไปกอดไว้เสียแล้ว
“เจ้าสามารถทำอะไรได้ ข้าก็สามารถทำได้เช่นกัน!” มุมปากของซูหลียกยิ้มบาง ใบหน้าฉายแววร้ายกาจ
ตอนที่ 1096 ฝีมือของใคร
“…” คำพูดของนางทำให้ในชั่วขณะนี้ทุกคนสะอึกจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
พวกเขาสามารถมีบุตรกับแม่นางยอดดอกเหมยคนนี้ นางมีความสามารถหรือไม่
ทว่าคำถามนี้ไม่มีใครกล้าถาม คนที่อยู่ด้านบนคือซูหลี หากนางตอบว่าได้ขึ้นมา พวกเขาจะสามารถทำอะไรได้กัน
“โฉมสะคราญ เจ้าคิดว่าอย่างไร เจ้าดูสิ พวกเรามีบุพเพสันนิวาสต่อกันเช่นนี้ มิหนำซ้ำบัดนี้ยังโอบกอดกันต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ เจ้าถือว่าเป็นคนของข้าแล้วใช่หรือไม่” ซูหลีกำมือของหงหลัวไว้ และเคลื่อนไปด้านบนอย่างต่อเนื่องจนสุดท้ายหยุดที่ช่วงเอวของนาง
นางพลันนึกถึง ข่าวลือที่มีคนพูดกันในตลาด
มีคนกล่าวว่า ซูหลีคนนี้ถูกเลี้ยงดูเฉกเช่นบุรุษอยู่หลายปี แท้จริงแล้วภายในจิตใจมิต่างอะไรกับบุรุษ ดังนั้นแม้นางจะแต่งกายเป็นสตรีแล้ว ก็ยังคอยเมียงมองสตรีอยู่ แม้จะได้รับความชื่นชอบอย่างล้นหลามจากบุรุษทั้งเมืองหลวง ทว่านางกลับมิเห็นบุรุษเหล่านี้อยู่ในสายตาสักครา
สาเหตุเป็นเพราะซูหลีคนนี้…
ชื่นชอบสตรี!
ครั้นหงหลัวคิดถึงตรงนี้ ทั้งร่างก็รู้สึกย่ำแย่เป็นอย่างมาก
“ซะ ซู…” ใบหน้านางเต็มไปด้วยน้ำตา ไม่รู้ว่าตนควรจะพูดอะไรถึงจะสามารถทำให้ซูหลีล้มเลิกความคิดเช่นนี้ไปซะ
“ซูหลี ลงมาเดี๋ยวนี้! มิเห็นรึว่าแม่นางคนนี้ถูกเจ้าทำให้ตกใจจนเป็นอย่างไรไปแล้ว” ใบหน้าของฉินม่อโจวที่อยู่ด้านล่างเขียวคล้ำ เอ่ยพูดด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก
“ท่านอ๋อง อย่าอิจฉาไปเลย!” ซูหลีตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เห็นเช่นนี้นางถึงถอยห่างออกไปก้าวหนึ่งและปล่อยมือจากหงหลัว
ทันทีที่นางปล่อยมือ หงหลัวก็ถอยไปด้านหลังหลายก้าว คล้ายดังนางเป็นมหันตภัยอะไรก็มิปาน
ซูหลีเห็นเช่นนั้น ความขบขันในดวงตากลับลุ่มลึกกว่าเดิม นางก้าวเข้าไปหาหงหลัวหนึ่งก้าว จากนั้นใช้มือลูบไล้ที่ใบหน้ารูปไข่ของหงหลัวและเอ่ยอย่างเย้าแหย่
“โฉมสะคราญ อีกครู่หนึ่งพวกเราค่อยคุยกันต่อ!”
หงหลัวสั่นเทาไปทั้งร่างจนเกือบร้องไห้ออกมาว่า นะ นางไม่ต้องการ
หากเป็นเช่นนั้น สู้นำนางไปขายในบุรุษคนอื่นเสียดีกว่า
อย่างไรนั่นก็เป็นบุรุษ
ซูหลีพูดจบจึงเดินลงมาจากบนเวทีด้วยรอยยิ้ม
”ใต้เท้าซูช่างชอบล้อเล่นโดยแท้ ใต้เท้าทุกท่าน แม่นางท่านนี้คือไพ่ใบใหม่ของหอหร่วนเซียง นามว่า หงหลัว กฎเกณฑ์เป็นเช่นเดิม รักคืนแรกของหงหลัว ผู้ใดให้ราคาสูงที่สุด ผู้นั้นก็ได้ไป!” หลังจากซูหลีเดินลงมา หวังหมัวมัวที่นั่งดื่มสุรากับเหล่าคุณชายที่อยู่ด้านล่างก็ลุกขึ้น
ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มประสบประแจงและเอ่ยพูดเช่นนี้ออกมา
การประมูลคืนแรกของแม่นางยอดดอกเหมย ก็มีธรรมเนียมเฉกเช่นนี้
หลังจากซูหลีลงมาจากเวทีก็กลับไปนั่งที่ตำแหน่งของตนเองเช่นเดิม มองดูหงหลัวที่ยืนไม่เป็นสุขอยู่ด้านบน โดยเฉพาะดวงตาที่คล้ายกับนาง กอปรกับได้ยินประโยคที่หวังหมัวมัวเอ่ย ‘ผู้ใดให้ราคาสูงที่สุด ผู้นั้นก็ได้ไป’ หัวใจที่ไม่มีความสุขในชั่วขณะนี้พลันพองโตยิ่งกว่าเดิม
เรื่องของหอหร่วนเซียงนี้ มิรู้ว่าเป็นฝีมือของใครที่จัดการนำแม่นางยอดดอกเหมยคนนี้มาประมูลให้กับทุกคน
แม้คนที่อยู่บนเวทีมิใช่ซูหลี ทว่าเพราะมีดวงตาที่คล้ายคลึงกัน จึงทำให้ซูหลีรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกประมูลมิปาน
ไม่ว่าจะเป็นใครที่ใช้วิธีเช่นนี้ทำให้นางไม่สบายใจ ช่างมีกะจิตกะใจคิดได้โดยแท้
ซูหลีหัวเราะเย้ยหยันออกมาสองครา ขณะที่กำลังจะยกมือประมูลราคา พลันได้ยินประโยคหนึ่งดังมาจากด้านหลัง
“ห้าพันชั่ง! นำนางมาเลียเท้าข้าซะ!”
ใบหน้าของซูหลีพลันเย็นยะเยือนไปชั่วขณะ หันศีรษะไปกลับเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย คนคนนี้คือใครกัน
“ทำไมรึ เจ้าไม่รู้จักเขาหรือ” ลมร้อนพัดผ่านที่ข้างหู ซูหลีจึงหันศีรษะกลับไปมองจึงสบเข้ากับดวงตาที่ลุ่มลึกของฉินมู่ปิง
นางชะงักค้างไปเล็กน้อย แต่มิได้เอ่ยอะไรออกมา
“เขาคือบุตรของเซียวเสวียน ญาติผู้น้องของเซียวซูเฟย นามว่า เซียวรุ่ย!”