เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 165 : รสชาติของคุณย่า
- Home
- เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง
- ตอนที่ 165 : รสชาติของคุณย่า
หลายวันมานี้ เนื่องจากหลินฟานได้ทำการซื้อขายหุ้นในวิลล่า
เขาจึงมีความต้องการที่จะทำอาหารและรับประทานอาหารในวิลล่าแห่งนี้
เขาจึงได้ซื้อวัตถุดิบกลับมาเป็นจำนวนมาก
แต่หลังจากที่ลองทำอาหารเองแล้ว เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะทำอาหารต่อทันที
เลยยังเหลือวัตถุดิบจำนวนมากอยู่ในตู้เย็น
เมื่อหลินฟานสังเกตุอาการตกใจของสาวงามตรงหน้า เขาจึงรีบพูดต่อทันที “ในส่วนของเวลาการทำอาหาร จะให้ราคาเป็นสองเท่าของการทำความสะอาดเลย โอเคมั้ย?”
คนสวยลังเลอยู่สักพักก่อนจะพูดว่า “นี่…โอ…เค”
“ชู่ ชู่!”
เสียงน้ำไหลจากครัว กะหล่ำปลีคุณภาพดี เนื้อไม่ติดมัน ไก่ในฟาร์ม กุ้งสด ซี่โครง…วัตถุดิบทั้งหมดนี้กำลังถูกทำความสะอาดโดยสาวงาม
จากนั้น ควันก็ค่อยๆลอยออกมาจากห้องครัว ซึ่งกลิ่นก็อบอวลไปทั่วทั้งห้อง
และในไม่ช้า จานที่มีอาหารน่ากินก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
หลินฟานหยิบซี่โครงขึ้นมาแล้วใส่เข้าไปในปากของเขา
มันกรอบนอกนุ่มในเป็นอย่างมาก
จากนั้นเขาก็ชิมกะหล่ำปลี หมูหยองพริกหยวก และซดซุปอีกหนึ่งชาม…
รสชาติของอาหารแต่ละจานนั้นดีมาก มันถึงกับทำให้หลินฟานหวนนึกถึงรสชาติของคุณยายเลยทีเดียว
รสชาติอาหารของคุณยาย?
ใช่แล้ว!
เนื่องจากหลินฟานอาศัยอยู่กับคุณตาคุณยายในชนบทเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก
สิ่งเดียวที่เขาจำได้อย่างชัดเจนก็คือรสชาติอาหารของคุณยาย
และสมัยนั้นครอบครัวก็ยากจนมาก
แต่คุณตากับคุณยายก็เต็มใจที่จะอดทนต่อความยากลำบากของตัวเอง พวกเขามักจะฝืนซื้อเนื้อสัตว์ต่างๆ มาทำให้หลินฟานกินเป็นประจำ
ซึ่งในขณะที่กินอาหารพวกนี้ เขาก็เหมือนกับได้ยินเสียงของคุณปู่และคุณยายพูดอยู่ในหูของเขาตลอดเวลา
“เสี่ยวฟาน กินเนื้อเยอะๆนะ ร่างกายจะได้โตไวๆ”
“เสี่ยวฟาน ลองกินซี่โครงนี้สิ”
เมื่อนึกย้อนไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลินฟานฟานก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงพวกเขา
สาวงามตกใจทันทีเมื่อเห็นหลินฟานกินอาหารของตัวเองและเริ่มมีอาการตาแดง
เธออดไม่ได้ที่จะถาม “เอ่อ… ควันมันเยอะเกินไปหรือเปล่าคะ”
หลินฟานส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ๆ มันอร่อยมากเลยต่างหาก”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เขาก็พูดต่อ “ใช่สิ ผมลืมถามไปเลย ว่าคุณชื่ออะไรหรอ”
“ฉันชื่อซูหนิงจิง” คนสวยพูดเบาๆ
ซูหนิงหรอ?
สงบเงียบตามชื่อเลย
หลินฟานพูด ” ซูหนิงจิง คุณสนใจที่จะมาทำงานเป็นแม่บ้านและคอยทำอาหารให้ผมกินมั้ย สำหรับเงินเดือนก็ 15,000 หยวนต่อเดือน”
“นอกจากนี้ คุณไม่จำเป็นต้องมาทำงานทุกวันก็ได้ เพราะผมไม่ได้อยู่ที่นี่ทุกวันอยู่แล้ว”
“คุณมาทำความสะอาดและทำอาหารแค่… ตอนที่ผมอยู่ก็พอ”
“และคุณก็สามารถมาพักอาศัยอยู่ที่วิลล่าแห่งนี้ได้ตลอดเวลาเลย”
เงินเดือน 15,000 หยวนเลยหรอ?
ซูหนิงจิงตกตะลึงอย่างมาก
เพราะว่า……
งานปัจจุบันของซูหนิงได้เงินเดือนเพียง 5,000 หยวนเท่านั้น ซึ่งนี่ก็เท่ากับว่ามันเพิ่มขึ้นมาถึงสามเท่า!
ยิ่งไปกว่านั้นคืออีกฝ่ายบอกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องมาทำงานทุกวัน?
หรือเรื่องที่บอกว่าสามารถมาพักอาศัยอยู่ในวิลล่าได้ตลอดเวลาอีก?
สิ่งเหล่านี้…. เหมือนกับก้อนหินขนาดใหญ่ที่ได้พุ่งเข้ามาชนกับหัวของเธอ
ซูหนิงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อเห็นว่าซูหนิงจิงไม่ตอบ หลินฟานจึงพูดว่า “ซูหนิงจิง คุณคิดยังไงบ้าง”
ซูหนิงจิงพูด “ฉัน…ฉันไม่ใช่แม่บ้านของเอไอ”
“ฮะ?” หลินฟานแสดงความสงสัยออกมาผ่านทางใบหน้าของเขาทันที
“ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานสำหรับบริษัทเอไอทำความสะอาดบ้าน…ซึ่งเนื่องจากบริษัทเอไอทำความสะอาดบ้านในวันนี้ยุ่งอย่างมาก ฉันเลยออกมาช่วยชั่วคราว” ซูหนิงจิงตอบกลับ
หลินฟานพูดอย่างประหลาดใจ “แต่คุณดูเหมือนจะเชี่ยวชาญในการทำความสะอาดบ้านมากเลยนะ คุณเคยฝึกฝนมาก่อนงั้นหรอ?”
“ฉันทำอยู่ที่บ้านเป็นประจำ” ซูหนิงจิงพูด
หลินฟานพยักหน้าแล้วพูด “แล้วคุณคิดอย่างไรกับข้อเสนอของฉันล่ะ?”
ซูหนิงเงยหน้าขึ้นและแอบสังเกตหลินฟานอย่างเงียบๆ
อันที่จริง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอสังเกตหลินฟาน
เพราะตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอเดินเข้ามาในบ้าน เธอก็ระมัดระวังตัวและแอบสังเกตพฤติกรรมของหลินฟานมาโดยตลอด
นั่นเป็นเพราะซูหนิงจิงรู้ดีว่าตัวของเธอนั้นสวยมาก เลยมักจะเจอกับคนที่คิดไม่ดีด้วยเท่าไหร่
บางคนถึงกับเสนอเงิน 50,000 หยวนต่อเดือนเพื่อแลกกับตัวของเธอเลย
ถึงสภาพครอบครัวของซูหนิงจะไม่ค่อยดี แต่เธอก็เป็นคนที่ให้เกียรติตัวเองและรักตัวเองอย่างมาก ทำให้เมื่อต้องเผชิญกับคนหื่นๆเช่นนี้ เธอจึงเลือกรักษาระยะห่างเอาไว้เสมอ
และตั้งแต่ที่มาปานหลงวิลลา เธอก็สังเกตเห็นว่าหลินฟานรู้สึกตกใจเธอเมื่อเห็นเป็นครั้งแรก
แต่หลังจากนั้นเขาก็เป็นปกติ
แถมน้ำเสียงของหลินฟานก็ดูไม่มีความปรารถนาสื่งอื่นใดเลย
นอกจากนี้ราคา 15,000 หยวนก็ถือว่าเหมาะสม
ถ้าหลินฟานพูดว่าเขาจะให้ราคา 50,000 หรือ 100,000 หยวน ซูหนิงจะปฏิเสธทันทีเลย
และโดยรวมแล้ว หลินฟานก็แค่บอกให้ตัวเธอช่วยดูแลเรื่องทำความสะอาดกับเรื่องทำอาหารเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้น ซูหนิงก็ยังคงลังเลและพูดว่า “ขอฉัน…คิดดูก่อนได้ไหม”
“แน่นอน เชิญเธอคิดได้ตามสบาย แต่อย่านานเกินไปล่ะ” หลินฟานพูด
ได้เจอกับสาวงามที่ทำความสะอาดอย่างรอบคอบ แถมปรุงอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อย และยังมีเสน่ห์มากขนาดนี้ หลินฟานจึงยินดีที่จะรอในระยะเวลาหนึ่ง
“ขอบคุณ” ซูหนิงจิงพูด
จากนั้น หลินฟานก็หยิบจานกับตะเกียบขึ้นมาแล้วกินต่อ
หลินฟานพูด “คุณยืนทำอะไรอยู่? มานั่งกินข้าวด้วยกันสิ พอกินข้าวเสร็จแล้วก็เก็บข้าวของและเลิกงานได้เลย ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้”
“เอา… เอาไว้ภายหลังดีกว่า ตอนนี้ฉันไม่ค่อยหิว” ซูหนิงพูดพลางบีบนิ้วของตัวเองแน่น
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เธอก็รีบพูด “เวลาที่รอนี้ไม่นับเป็นเวลาดูแลบ้านนะ”
หลินฟานรู้สึกขบขันกับรูปลักษณ์ที่จริงจังของซูหนิงและกล่าวว่า “ไม่เป็นไร นั่งลงและกินข้าวด้วยกันเถอะ”
ซูหนิงจิงยืนอยู่ข้างๆเขาตลอดเวลาโดยก้มศีรษะและไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆเลย
ทำให้หลินฟานเข้าใจดีว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดื้อรั้น ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้ไป
และสำหรับมื้อนี้ หลินฟานก็กินข้าวไปสองชาม ดื่มซุปไปสองถ้วย และกินอีกอาหารมากมาย… จากนั้น เขาก็เดินไปที่โซฟาและนั่งลงอย่างพึงพอใจ
ตอนนี้ ซูหนิง…
เธอได้หยิบชามกับตะเกียบขึ้นมาและก้มหัวกินอย่างเงียบๆ
เพื่อประหยัดเงิน ซูหนิงจึงกินบะหมี่และซาลาเปากับผักดองอยู่ทุกวัน
ดังนั้น แม้ว่าอาหารในปัจจุบันจะหายร้อนไปหมดแล้ว แต่เธอก็มีความสุขมากที่ได้กิน
และในที่สุด อาหารที่เหลือทั้งหมดก็ถูกเธอเก็บกวาดไปจนหมด
ซึ่งในเวลาเดียวกัน ท้องแบนๆของเธอก็เริ่มป่องออกมานิดหน่อย
“ชู่ ชู่!”
ด้วยเสียงน้ำในห้องครัว จานและตะเกียบทั้งหมดได้รับการทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว โดยไม่เหลือแม้แต่คราบน้ำมัน
หลินฟานเหลือบมองท้องฟ้าที่มืดสนิทและพูดว่า “มันดึกแล้ว ให้ผมไปส่งคุณดีกว่า”
“ไม่…ไม่ ฉันกลับเองได้” ซูหนิงพูด