เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 185 : ขึ้นรถของฉันสิ!
- Home
- เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง
- ตอนที่ 185 : ขึ้นรถของฉันสิ!
เมื่อหมอแว่นมองดูท่าทางที่สนิทสนมของทั้งสองคน เขาก็รู้สึกอิจฉาริษยาอย่างมาก
ทำไมคนสวยแบบนี้ถึงต้องมีแฟนแล้ว?
เมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหยิบปากกาและกระดาษออกมาเขียนบันทึกอาการของคุณยาย แล้วค่อยๆถอนตัวออกไปจากวอร์ดของคนไข้
จากนั้น ทั้งวอร์ดก็กลับมาอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้ง
และเวลาก็ยังคงไหลผ่านไปแบบนี้เรื่อยๆ
“กริ๊ง!”
หลังจากผ่านไปซักพักก็เป็นเวลา 12:00 น.
ซึ่งโทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินฟานก็มีการสั่นเล็กน้อย
จากนั้น ซองแดงก็ปรากฏขึ้น!
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 5 หยวน”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 1999หยวน”
…………
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 12222 หยวน”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 99 หยวน”
…………
ซองแดงที่เปิดไป ทำให้หลินฟานได้เงินมาทั้งหมด 31,922 หยวน
และด้วยมันเป็นจำนวนเงินที่เล็กน้อย เขาก็เลยเพิกเฉยต่อมันโดยไม่แยแสแม้แต่นิดเดียว
จากนั้น หลินฟานก็มองไปยังซองแดงที่มีอยู่ 510 ซองบนหน้าจอโทรศัพท์
นี่คือซองแดงที่ได้มาจากการซื้อรถปอร์เช่ คาเยนน์ และก็ตอนที่นัดรวมกินเลี้ยงฉลองกับพวกของซ่งเจียซิน
หลินฟานพูดในใจ “เก็บให้ได้สัก 1,000 ซองแล้วค่อยมาเปิดดีกว่า”
จากนั้น เขาก็มุ่งความสนใจไปที่ระบบลงชื่อเข้าใช้
“เข้าสู่ระบบ!”
【ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ยินดีด้วย คุณได้รับโรงแรมพาเลสสุดหรูในจังหวัดลี่ซี 】
“อืดด!”
ในขณะนั้น ท้องของหลินฟานก็ส่งเสียงร้องเบา ๆออกมา
เขาบ่นในใจ: หิวจังเลย
จากนั้น หลินฟานก็พูดว่า “ซูหนิง อาเหม่ย ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ไปกินข้าวด้วยกันไหม”
ซึ่งเมื่อทั้งสองได้ยินคำพูดของหลินฟาน พวกเธอก็มองไปยังคุณยายที่กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างลังเล
คุณยายยิ้มและพูดว่า “ยายสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พวกเธอไปกินข้าวกันเถอะ แต่ตอนกลับก็อย่าลืมเอาโจ๊กมาฝากยายด้วยล่ะ”
ทั้งสองคนพยักหน้ากันทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่ดูมีพลังของคุณยาย
จากนั้น เมื่อหลินฟานและพวกเธอได้เดินออกมาจากประตูของโรงพยาบาล ก็มีรถบีเอ็มดับเบิลยูขับออกมาจากลานจอดรถพอดี
ซึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถก็คือหมอแว่น และเมื่อเขาเห็นว่าทั้งสามคนกำลังเดินอยู่ ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุขออกมาทันที
เขาลดกระจกลงและพูดด้วยน้ำเสียงเสแสร้งว่า “อ้าว ซูหนิงจิง เธอกำลังจะเดินไปไหนล่ะ? ไม่ร้อนงั้นหรอ แดดแรงมากเลยนะ ขึ้นรถสิ เดี๋ยวฉันพาไป!”
ซูหนิงจิงพูดตอบ “ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่ดีของคุณนะ แต่ฉันไม่อยากรบกวนคุณเท่าไหร่ และข้างหน้าก็มีป้ายรถเมล์อยู่ด้วย”
ในตอนเช้า หลินฟานได้บอกกับซูหนิงจิงไปแล้วว่ารถโตโยต้าที่เขาเช่ามานั้นเสีย
ดังนั้น ซูหนิงจิงกับทุกคนจึงเดินมาขึ้นรถบัสเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันแทนไอรีนโนเวล
ซึ่งตอนนี้ หมอแว่นก็กำลังมีความสุขอย่างมาก
แม้ว่าแฟนของซูหนิงจิงจะหล่อเหลาแค่ไหนก็ตาม แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีรถขับ เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว หลินฟานจะมาทัดเทียบกับเขาได้อย่างไร?
ฉันมีบีเอ็มดับเบิลยู!
และด้วยสิ่งนี้…
เขาก็ยังคงมีโอกาสสูงที่จะแย่งซูหนิงจิงมาได้
เมื่อคิดถึงอย่างนั้นแล้ว หมอแว่นก็รู้สึกว่าเขากำลังจะได้รับชัยชนะ
จากนั้นเขาก็พูดว่า “เธอต้องการให้เด็กตัวเล็กๆอย่างน้องของเธอขึ้นไปบนรถบัสอย่างนั้นหรอ?”
“ รู้ไหม เวลานี้เป็นเวลาเลิกงาน และคนก็มักจะขึ้นบนรถบัสกลับบ้านกันจำนวนมาก ซึ่งเธอก็คงจะโดนเบียดจากฝูงชนมากมาย เธอคิดว่าเธอจะดูแลน้องสาวในที่คับแคบแบบนั้นได้หรอ มากับฉันเถอะ”
หากหมอแว่นใช้เหตุผลอื่นมาเชิญซูหนิงจิงขึ้นรถบีเอ็มดับเบิลยูของเขาแล้วล่ะก็
ซูหนิงจิงจะปฏิเสธอย่างแน่นอน
แต่เมื่อมันเป็นเรื่องความปลอดภัยของอาเหม่ย…
ซูหนิงก็รู้สึกลังเลทันที
หากเป็นแบบนั้น… แล้วอาเหม่ยได้รับบาดเจ็บล่ะ ฉันควรเอายังไงดี?
เมื่อเห็นความลังเลของเธอ หมอแว่นก็ดีใจอย่างมาก!
และเขาก็รีบพูดออกมาอย่างจริงจัง
“ซูหนิงจิง เธอไม่ได้ดูข่าวหรอ เมื่อไม่นานมานี้ มีเด็กที่อยู่บนรถบัสเสียชีวิตลงเพราะอุบัติเหตด้วยนะ… น่ากลัวมาก!”
“ไปรถส่วนตัวของฉันเถอะ…ปลอดภัยและสะดวกสบายกว่าด้วย!”
คำพูดนั้นทำให้ซูหนิงจิงตัดสินใจได้ทันที
เธอเปิดปากของเธอและกำลังจะพูดอะไรออกไป
“ปี๊ด!”
ทันใดนั้น เสียงแตรจากรถก็ดังขึ้นมาแต่ไกล
จากนั้น ปอร์เช่ คาเยนน์ คันใหม่เอี่ยมก็ขับมาทางนี้และได้่หยุดอยู่ข้างหลังของพวกเขา
ซึ่งทันทีที่รถจอดสนิท พนักงานขายในชุดสูทก็ได้เดินลงจากรถและตรงไปหาหลินฟาพร้อมกับพูดอย่างเคารพว่า “คุณหลิน รถของคุณเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
แน่นอนว่านี่คือปอร์เช่ คาเยนน์ที่หลินฟานซื้อไว้ในตอนเช้า
และด้วยประสิทธิภาพของร้าน ปอร์เช่ 4S
ขั้นตอนทั้งหมดจึงเสร็จภายในวันเดียว
หลินฟานตอบว่า “โอเค”
สิ้นสุดเสียง เขาก็หันกลับมาและพูดว่า “หมอแว่นคนนี้พูดถูก เวลานี้บนรถบัสคงมีคนเยอะมากๆ เราไปขึ้นรถส่วนตัวกันเถอะนะ น่าจะดวกกว่า”
เมื่อหลินฟานพูดเช่นนั้น ซูหนิงก็ไม่ลังเลเลย เธอพาอาเหมยไปที่ปอร์เช่ คาเยนน์ในทันที
“บูม!”
เมื่อหลินฟานนั่งลงบนตำแหน่งขับรถ เขาก็เหยียบคันเร่ง และปอร์เช่ คาเยนน์สุดเท่ก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
ฉากทั้งหมดนี้……
ได้อยู่ในสายตาของหมอแว่น ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกอึ้งอย่างมาก
ชายหนุ่มคนนั้นมี ปอร์เช่ คาเยนน์!
ยิ่งไปกว่านั้น นั่นยังเป็นตัวอันดับต้น ๆ ของ 4.0T!
เป็นไปได้ยังไง!
นั่นคือรถยนต์สุดหรูราคาหลักล้านหยวน!
ในตอนแรก ที่หมอแว่นนำรถบีเอ็มดับเบิลยูของเขามาอวด ก็เพื่อที่จะให้ซูหนิงจิงรู้ถึงความร่ำรวยของเขา และหลินฟานก็จะได้เข้าใจถึงช่องว่างระหว่างตัวเองกับเขาด้วย
“ปี๊ด!”
ในขณะนั้น เสียงไซเรนก็ดังขึ้นมาจากข้างหลังรถเขา
“เฮ้ ทำไมนายถึงมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าล่ะ เร็วเข้าสิ!”
“ใครขวางประตูอยู่วะ? มันไม่รู้หรอว่านี่คือทางเข้าของโรงพยาบาล? รปภ. รู้ไหมว่ามันเป็นใคร”
รปภ.ข้างๆเขากล่าวด้วยความเคารพ “ผู้อํานวยการ ดูเหมือนข้างหน้าจะเป็นรถของหมอหวางไคจากแผนกผ่าตัด”
“หวางไค แกขวางประตูอยู่ ออกไปเดี๋ยวนี้!” ผู้อํานวยการตะโกน
เมื่อหมอแว่นได้ยินเสียงนี้ เขาก็สั่นกลัวไปทั้งตัวและพูดด้วยความตื่นตระหนก: “ครับ… ผมขอโทษผู้อํานวยการ ผมจะขับออกไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อสิ้นสุดคำพูด เขาก็รีบเหยียบคันเร่งและขับไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ต้องรู้ว่า……
ผู้อํานวยการของโรงพยาบาลกลางหลี่นั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดอย่างมาก
และเขาก็ดันไปจอดขวางประตูอยู่ตั้งนาน!
ซึ่งเมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้ หมอแว่นก็รู้สึกหงุดหงิดทันที
มันทำให้เขาไม่มีสมาธิจนเผลอขับรถผ่าไฟแดง
สิ่งนี้..
ยิ่งทำให้เขาอารมณ์เสียขึ้นไปอีก
จากนั้น เขาก็พูดอย่างโกรธเคือง “วันนี้ฉันจะโชคร้ายไปถึงไหนเนี่ย ฉันคงต้องไปหาอาหารดีๆกินสักหน่อยแล้วล่ะ!”
หลังจากพูดจบ หมอแว่นก็มุ่งหน้าไปยังโรงแรมพาเลซที่มีชื่อเสียงในลี่ซีอย่างรวดเร็ว