เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 48 : ขอโทษ
ถึงตระกูลว่านจะพออำนาจอยู่ในเมืองหลวงอยู่บ้าง
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลโจวแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับมดที่ตัวใหญ่ขึ้นนิดหน่อย
หากโจวกั๋วเถา ผู้อาวุโสของตระกูลโจวต้องการจะทำลายตระกูลว่านแล้วล่ะก็ เพียงแค่เขาหายใจออกไปก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายทั้งตระกูลได้
และเขาก็กำลังหาเรื่องกับคนที่โจวกั๋วเถาเรียกเขาว่าน้องชาย ?
นี่……
หรือว่า……
ยิ่งว่านหลางคิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะตามมามากเท่าไหร่ หัวใจของเขาก็ยิ่งสั่นกลัวมากขึ้นเท่านั้น
ในที่สุด เขาก็ก้มหัวลงเล็กน้อยพร้อมกับกำมืออย่างแน่นก่อนจะพูดออกไป: “นี่… พี่หลิน ดูเหมือนฉันจะมีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ… ฉัน… ฉันขอโทษนะ…”
ว่านหลางให้ความสำคัญกับปัญหาที่เขากำลังเผชิญเป็นอย่างแรก
เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งที่คนอย่างเขาต้องมาก้มหัวขอโทษ
แต่ถึงมันจะอึดอัดแค่ไหนก็มีแต่ต้องทำ
เพราะว่านหลางเข้าใจดีว่า ถ้าหลินฟานไม่พอใจกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป
ไม่แน่พรุ่งนี้บางที ตระกูลว่านอาจจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นก็เป็นได้
หลินฟานเหลือบมองว่านหลางและพูด “ในฐานะมนุษย์ นายต้องรู้จักสงบสติอารมณ์บ้างนะ แค่คราวนี้เท่านั้นที่คำว่าขอโทษสามารถแก้ไขในสิ่งที่นายทำได้ แต่ถ้ามีครั้งต่อไปล่ะก็…แค่คำขอโทษก็คงจะไม่พอ”
“ฉันจะระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก…” ว่านหลางพยักหน้าเหมือนกับไก่ที่กำลังจิกเศษอาหารกิน
หลินฟานกล่าวว่า “และก่อนหน้านี้ ฉันก็ไม่มีความตั้งใจที่จะยั่วยุนายแต่อย่างใด ฉันแค่อยากได้โสมร้อยปีอย่างเร็วที่สุด และฉันก็ขี้เกียจที่จะต้องไปเสนอราคาต่อกับคนอื่น”
ถ้าหลินฟานพูดแบบนี้มาก่อนหน้านี้ ว่านหลางจะพ่นน้ำลายใส่ที่ใบหน้าของเขาอย่างแน่นอน
หากขี้เกียจประมูลต่อส่วนใหญ่เขาจะเพิ่มราคากันแค่สองถึงสามล้านหยวนเท่านั้น ?
คิดว่าฉันโง่รึไง?
แต่ในเวลานี้ ว่านหลางไม่สามารถทำอะไรกับสิ่งที่เขาคิดได้ทั้งนั้น
เพราะคนที่เขาหาเรื่องนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลโจว
เขาทำได้เพียงแค่ก้มหัวแล้วก็พยักหน้ารับต่อสิ่งที่หลินฟานพูดเท่านั้น
หลังจากที่ว่านหลางได้จากไป หลิวหยูหางก็ถึงกับหัวเราะออกมา
“พี่หลิน รู้ไหม? ฉันไม่เคยเห็นว่านหลางจะทำหน้าตาแบบนี้มาก่อนเลย มันเหมือนกับเต่าที่อยู่ท่ามกลางฝูงฉลาม! เจ๋งมาก! สุดยอดไปเลยพี่!”
หลินฟานยิ้มและส่ายหัวเบาๆแล้วจึงเดินออกไปข้างนอก
ทั้งสองคนได้ขึ้นรถ Mercedes-Benz S500 และเมื่อพวกเขาอยู่บนรถและกำลังจะออกไปจากที่นี่ พวกเขาก็ได้บังเอิญเห็นชายชราคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นซึ่งกำลังจับหน้าอกอยู่
ใบหน้าของคนสวยที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นมีแต่ความตกใจที่ปรากฏขึ้นมาให้เห็น
หลินฟานมองอย่างตั้งใจและเห็นว่าชายชราคนนั้นก็คือโจวกั๋วเถา และคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็คือหลานสาวของโจวกั๋วเถานั่นเอง
“หยุดก่อน!” หลินฟานตะโกน
หลิวหยูหางเหยียบเบรกในทันทีและใบหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนสีเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปพร้อมกับหลินฟาน
“รีบพาปู่ไปโรงพยาบาลที!” คนสวยตะโกนบอก
หลิวหยูหางและหลินฟานก็ไม่ลังเลเช่นกัน พวกเขาอุ้มโจวกั๋วเถามาขึ้นรถอย่างรวดเร็ว พวกเขารีบมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที
ในระหว่างทาง หญิงสาวสวยก็ได้กุมมือของโจวกั๋วเถาไว้แน่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับหยาดฝน
“คุณปู่ คุณปู่… คุณปู่จะต้องสบายดี คุณปู่จะต้องไม่เป็นไรนะ..”
ในเวลานี้ เธอเป็นเหมือนกวางน้อยที่กำลังหวาดกลัว ความสงบนิ่งของเธอในก่อนหน้านี้ได้หายไปจนหมด
“เร็วเข้า เร็วกว่านี้ได้มั้ย!”
หลิวหยูหางเองก็อยากขับรถให้เร็วขึ้นกว่านี้เช่นกัน แต่ในเมืองหลวงมีรถบนถนนเต็มไปหมด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเร่งความเร็วได้มากกว่านี้
หลินฟานรีบพูด “ขอฉันขับหน่อย”
หลิวหยูหางนึกถึงทักษะการขับรถที่ยอดเยี่ยมของหลินฟาน เขาจึงรีบเปลี่ยนที่นั่งกับหลินฟานในรถโดยทันที
หลินฟานพูด “ขอละเมิดกฎหมายได้ไหม”
“ได้แน่นอน ไม่มีปัญหา!” หลิวหยูหางพูด
“บูม!”
หลังจากได้รับคำตอบจากหลิวหยูหางแล้ว หลินฟานก็เหยียบคันเร่งโดยทันที เขาขับรถผ่านช่องแคบๆระหว่างรถทั้งสองคันได้อย่างรเฉียบขาด และไม่ว่าจะมีรถอะไรอยู่ข้างหน้าของเขา เขาก็ขับด้วยความเร็วสูงสุดตลอดทางเสมอ
ในเวลาไม่ถึงสิบนาที Mercedes-Benz S500 ก็ขับมาอยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาล
ตอนอยู่ในรถ คนสวยได้พยายามโทรศัพท์หาใครบางคนหลายครั้ง
และในตอนนั้นเอง หมอและพยาบาลกลุ่มใหญ่ก็ได้มารอที่หน้าประตูทางเข้าอยู่แล้ว
หลังจากที่เห็น Mercedes-Benz S500 พวกเขาก็ส่งเสียงบอกทุกคนและรีบนำเปลหามมาพา โจวกั๋วเถาไปที่ห้องVIPอย่างรวดเร็ว และเริ่มทำการตรวจสอบและรักษา
นอกห้องVIP
น้ำตาของสาวสวยไหลไม่หยุดเลย
ด้านหนึ่งเป็นเพราะเธอรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องร่างกายของคุณปู่
และอีกด้านหนึ่งเป็นเพราะ เธอเป็นคนคอยดูแลคุณปู่ในครั้งนี้และถ้าปู่เป็นอะไรไป… เธอคงคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเธออย่างแน่นอน
“ตึก! ตึก! ตึก!”
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าก็ดังมาแต่ไกล
ชายหญิงกลุ่มใหญ่ในชุดหรูหราได้เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ในหมู่ของคนที่มานั้น มีคนคิ้วดาบและมีดวงตาที่เหมือนกับดวงดาว ดูเป็นคนค่อนข้างน่าเกรงขามอย่างมาก เขาคือ โจวเจิ้น อายุประมาณ 50 ปี เขามองตรงไปยังสาวงามและกล่าวว่า “จื่อซาน เกิดอะไรขึ้น?”
โจวเจิ้นเป็นผู้นำของตระกูลโจวในเวลานี้ และในขณะเดียวกันก็เป็นพ่อของโจวจื่อซานด้วย
โจวจื่อซานปาดน้ำตาบนใบหน้าของเธอและพูดตามความจริง “หลังจากที่หนูออกมากับคุณปู่ในวันนี้ หนูก็ได้ไปที่งานประมูลที่โรงแรมซินเยว่ และหลังจบงานหนูก็ตรงมาที่จอดรถทันทีและอยู่ดีๆคุณปู่ก็ค่อยๆล้มลงและเอามือจับที่หน้าอก.. .”
เมื่อถึงจุดนี้น้ำตาของโจวจื่อซานก็ได้ไหลลงมาอีกครั้ง
มีคนถามขึ้นมาว่า “ที่โรงแรมซินเยว่ คุณปู่ได้กินอะไรเข้าไปบ้างหรือป่าว”
โจวจื่อซานพูด “คุณปู่ดื่มชาผู่เอ๋อร์และก็กินเค้กอีกชิ้นนึง… และก็… กินเหล้าด้วย…”
“อะไรนะ! สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว ทำไมถึงยังปล่อยให้ท่านดื่มเหล้าได้อีก!” โจวเจิ้นตะโกนเสียงดัง
ข้างๆมีโจวซื่อหงซึ่งดูคล้ายกับโจวเจิ้นอย่างมาก เขามองดูเหล้าเหมาไถในสมัยราชวงศ์ฮั่น ที่โจวจื่อซานได้พกไว้ที่เอว และดูเหมือนจะมีตราประทับหยกรูปมังกรอยู่ด้วย เขาจึงพูดว่า “นี่เป็นเหล้าที่ปู่ดื่มงั้นหรือ? ”
“ใช่คะ” โจวจื่อซานตอบกลับ
โจวซื่อหงกล่าวว่า “พี่ชาย ไม่น่าแปลกใจที่จื่อซานปล่อยให้คุณพ่อดื่มเหล้า เพราะสิ่งที่พ่อดื่มมันคือเหล้าเหมาไถในสมัยราชวงศ์ฮั่น แม้ว่าจะเป็นพวกเรา ฉันก็เกรงว่าจะไม่สามารถหยุดคุณพ่อเอาไว้ได้เช่นกัน”
เมื่อโจวเจิ้นได้ยินดังนั้น สีหน้าที่มีแต่ความโกรธของเขาก็ค่อยๆลดลง
เขารู้ดีว่าคุณพ่อชอบเหล้าเหมาไถมากถึงขนาดไหน
เขาพูดด้วยความสงสัย “ท่านพ่อประมูลเหล้าเหมาไถจากโรงแรมซินเยว่มางั้นหรอ”
“เขาคนนั้นเป็นคนเอาให้ปู่” โจวจื่อซานได้ชี้ไปที่หลินฟานที่อยู่ไม่ไกลนัก “และนอกจากนี้ คนที่นำคุณปู่ไปส่งที่โรงพยาบาลได้ทันเวลาก็คือเขาอีกเช่นกัน”
ทุกคนในตระกูลโจวตอนนี้มองไปทางที่หลินฟานยืนอยู่
หัวใจของหลิวหยูหางรู้สึกถึงความตึงเครียด เขาจึงได้อธิบายอย่างรวดเร็วว่า: “ตอนนั้นพวกเรากำลังดื่มอยู่ในห้องส่วนตัว แต่ผู้เฒ่าโจวได้กลิ่นเหล้าเหมาไถจึงได้เดินเข้ามาหาพวกเรา…”
“และต่อมาเมื่อเราได้เห็นผู้เฒ่าโจวนอนอยู่บนพื้นในลานจอดรถ เราก็รีบพาผู้เฒ่าโจวจึงมาส่งที่โรงพยาบาลทันที”
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่หลิวหยูหาง จะรู้สึกประหม่าอย่างมาก
ท้ายที่สุด พลังของตระกูลโจวก็น่ากลัวเกินไป
ในกรณีที่ตระกูลโจวคิดว่าพวกเขาจงใจฆ่าโจวกั๋วเถา นั่นคงจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างแน่นอน
โจวจื่อซานที่อยู่ข้างๆ พูดตาม “สิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง… นอกจากนี้ คุณปู่ยังประเมินหลินฟานที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสูงส่ง”
“โอ้?”
โจวเจิ้น,โจวซื่อหงและคนอื่นๆ ต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็เริ่มมองหลินฟานอย่างระมัดระวัง
พวกเขารู้ดีว่าสายตาของชายชราสูงส่งแค่ไหน
ประเมินชายหนุ่มเอาไว้สูงงั้นหรอ?
นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ
โจวเจิ้นพูดขอบคุณ “ขอบคุณที่พาคุณพ่อมาส่งที่โรงพยาบาล”
หลิวหยูหางได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกโล่งใจและรีบพูด “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร… นี่คือสิ่งที่เราควรจะทำอยู่แล้ว”
“ฟุบ!”
ในเวลานี้ ประตูของห้อง VIP ก็ถูกเปิดออก
แพทย์หลายคนเดินออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย
โจวเจิ้นรีบถาม “พ่อของฉันเป็นอย่างไรบ้าง”
หมอหัวล้านที่ยืนอยู่ข้างหน้าอ้าปากค้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอึดอัด
ถ้าเป็นคนไข้ธรรมดาก็ไม่เป็นไร
แต่คนที่นอนอยู่ข้างใน ดันเป็นโจวกั๋วเถา ผู้เฒ่าตระกูลโจว!
ถ้าเขาไม่จัดการกับมันไห้ดี ไม่ต้องพูดถึงเขา แม้เต่โรงพยาบาลก็คงจะเกิดปัญหา
โจวเจิ้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดว่า “หมอ คุณพูดมาตรงๆ ได้เลย”
หมอหัวล้านพูดอย่างระมัดระวัง: “เราสามารถใช้เครื่องมือและยาเพื่อยื้อให้ท่านผู้เฒ่ามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่ชั่วโมง … ”
“บูม!”
คนในตระกูลโจวเหมือนกับถูกฟ้าถล่มมาใส่!