เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 137
เพียงไม่นานแคลร์ก็ค้นพบความผิดปกติของที่นี่ แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเขียวชอุ่ม แต่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ในระยะห้าร้อยเมตรจากเขตกั้นของสถานที่แห่งนี้เลย มีเพียงเหตุผลเดียวที่จะอธิบายได้ นั่นคือธรรมชาติของสัตว์ พวกมันรู้ดีว่าที่นี่เป็นสถานที่อันตราย ดังนั้นพวกมันจึงอยู่ห่างจากที่นี่
แคลร์บินช้าๆ และสังเกตการเคลื่อนไหวของพื้น ทันใดนั้นวัตถุที่ส่องแสงบนพื้นก็ดึงดูดความสนใจของแคลร์ นางบินเข้าไปใกล้ช้าๆ และเมื่อเห็นสิ่งที่ส่องแสงนั้น สีหน้าของแคลร์ก็เปลี่ยนไป
ของสิ่งนี้เป็นของคลิฟ! มันคือชิ้นส่วนคริสตัลที่เขาใช้ทำยา! ไม่ผิดแน่ ของแบบนี้หายากมาก แต่คลิฟมีอยู่มากมาย นอกจากนี้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ต้องห้ามของผู้แข็งแกร่งด้วย มันบังเอิญเกินไปหากคนอื่นจะเผลอทำสิ่งเหล่านี้หายเช่นกัน ดังนั้นจึงมีเพียงคำอธิบายเดียว นั่นก็คือคลิฟมาถึงที่นี่แล้วและสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้น แคลร์ไม่มีเวลาหยุดเขาคลิฟได้เข้าสู่อาณาจักรปีศาจไปแล้ว!
แคลร์เก็บเศษคริสตัล หันหลัง และบินไปหาจินเหยียนอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้ จูดี้ดีขึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงนอนพักอยู่
“คุณหนู” จินเหยียนเห็นสีหน้าของแคลร์ไม่ค่อยดี ลางสังหรณ์ไม่ดีจึงพุ่งเข้ามาในใจของเขา
“มีความเป็นไปได้มากเลยว่าอาจารย์จะเข้าไปแล้ว” แคลร์หยิบชิ้นส่วนคริสตัลที่พบบนพื้นออกมาและพูดด้วยเสียงทุ้ม “อาจารย์มีสิ่งนี้อยู่มากมาย ไม่มีมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตใดอยู่แถวนี้ ไม่มีทางที่จะมีผู้คนผ่านมาแล้วบังเอิญทิ้งสิ่งนี้ไว้ได้หรอก”
“คุณหนู มันก็ไม่แน่นะครับ บางทีอาจารย์คลิฟอาจจะยังไม่ได้เข้าไป เรารอดูก่อนดีกว่า” จินเหยียนรีบพูด ในใจเขาเข้าใจดี ด้วย นิสัยของแคลร์ ถ้านางแน่ใจว่าอาจารย์คลิฟเข้าไปแล้ว นางจะต้องตามเข้าไปอย่างแน่นอน
“จินเหยียน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากให้ข้าตามเข้าไป” แคลร์มองชิ้นส่วนคริสตัลในมือของนางแล้วถอนหายใจเล็กน้อย “แต่ว่าเจ้าก็รู้เช่นกันว่าสิ่งนี้เป็นของอาจารย์ใช่หรือไม่?”
สีหน้าของจินเหยียนเปลี่ยนไปทันที เขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
“ข้าจะเข้าไป” แคลร์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองจินเหยียนแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม
“ไม่ คุณหนู! ไม่ได้ครับ!” จินเหยียนรีบห้ามทันที เขารู้ดีว่าอาณาจักรปีศาจน่ากลัวแค่ไหน
“จินเหยียน เจ้ารอข้าอยู่ข้างนอก ข้าจะออกมาพร้อมกับอาจารย์” แคลร์หนักแน่นมาก
“ไม่! คุณหนู คุณหนูไม่เข้าใจความน่ากลัวของอาณาจักรปีศาจ ถ้าเข้าไปแล้วคุณหนูจะไม่สามารถออกมาได้อีกต่อไป! เข้าไปไม่ได้นะครับ! “จินเหยียนยืนขึ้นด้วยความตื่นตระหนก เขาขมวดคิ้วและพูดกับแคลร์อย่างเคร่งขรึม
“เจ้ากับจูดี้รอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะออกมาอย่างแน่นอน” ไม่ว่าจินเหยียนจะพูดอะไรก็ ไม่สามารถเปลี่ยนความมุ่งมั่นของแคลร์ได้
“คุณหนู ถ้าคุณหนูจะเข้าไปจริงๆ ข้าจะไปกับคุณหนู” จินเหยียนถอนหายใจเบาๆ เขารู้ว่าคำพูดของเขาไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนความคิดของแคลร์ได้ จินเหยียนสงบลงและพูดกับแคลร์อย่างจริงจัง “คุณหนู ข้าเป็นอัศวินผู้พิทักษ์ของคุณหนู ข้าจะติดตามไปทุกที่ที่คุณหนูไป”
“จินเหยียน ครั้งนี้มันแตกต่างออกไปนะ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตามข้าเข้าไป” แคลร์คิดอยู่สักพัก ในที่สุดก็ตัดสินใจยกมือขวาขึ้น แล้วค่อยๆ ถอดถุงมือข้างขวาออก เผยให้เห็นตราประทับสีดำที่น่าตกใจ
สีหน้าของจินเหยียนเปลี่ยนไป เขารู้ดีที่สุดว่าสิ่งนี้คืออะไร แต่ในเวลานี้แคลร์แสดงสิ่งนี้ออกมาหมายความว่าอย่างไรกัน? “เจ้าก็รู้ว่านี่คือตราประทับที่เทพเจ้าแห่งความมืดทิ้งไว้ว่าข้าเป็นเครื่องสังเวยของเขา อย่างไรก็ตาม หากเวลานั้นยังไม่มาถึง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ข้าเป็นอะไรไปพูดอีกอย่างคือตอนนี้ข้ามีผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งและน่ากลัวมาก เขาปกป้องข้าเอง” แคลร์หยุดชั่วคราวแล้วพูดต่อ “ตอนนี้ข้าไม่ต้องการการปกป้องของเจ้า เข้าใจหรือไม่? เจ้ารอข้าอยู่ข้างนอก ข้าจะออกมา” แม้ว่าแคลร์รู้ว่าหากพูดประโยคนี้ออกไปจะทำร้ายจินเหยียน แต่เพื่อไม่ให้จินเหยียนตามเข้าไปพบกับอันตราย แคลร์จึงต้องพูดประโยคนี้ออกไป
“คุณหนู…” ความเจ็บปวดและความไม่เต็มใจอย่างรุนแรงของจินเหยียนฉายออกมา
“ครั้งที่แล้วที่ข้าสังหารผู้อาวุโสนั่น ไม่ใช่ศัตรูของผู้อาวุโสไล่ตามเขามาหรอก แต่เทพเจ้าแห่งความมืดช่วยข้า ข้าจึงสามารถฆ่าคนนั้นได้” แคลร์พูดช้าๆ มองท่าทางที่สิ้นหวังของจินเหยียนแล้วหัวใจของแคลร์ก็รู้สึกซับซ้อนมาก
จินเหยียนทรุดนั่งลง ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดในหัวใจของเขาได้ เขากำหมัดแน่นจนช่องว่างในกำปั้นของเขาเป็นสีแดงแต่เขาก็ไม่สังเกตเห็นความรู้สึกขุ่นมัวและทำอะไรไม่ถูกได้กลืนกินหัวใจของเขาไปแล้ว
“จินเหยียน ข้าจะกลับมา เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่นะ” แคลร์สูดหายใจเข้าลึกๆ และหันหลังเดินไปทางเขตกั้น จินเหยียนก้มหน้าลงจนนางไม่สามารถเห็นการแสดงออกของเขาได้อย่างชัดเจน
แคลร์เข้าไปใกล้เขตกั้น นางยื่นมือออกไปแตะเขตกั้นเบาๆ แต่ยังไม่ทันได้อ่านความยาวคลื่นของเขตกั้นเลย นางก็ทะลุผ่านเขตกั้นนั้นไปโดยไม่มีอะไรขวาง!
แคลร์เข้าสู่อาณาจักรปีศาจมาง่ายๆ เช่นนี้!
สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าแคลร์คือป่าเขียวชอุ่ม แต่มันเงียบมาก หรือนางอาจจะยังไม่รู้สึกถึงลมหายใจของสิ่งมีชีวิตก็ได้
แคลร์หันไปและยื่นมือออกไปแตะเขตกั้น แต่นางก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าความยาวคลื่นของเขตกั้นนั้นไม่สามารถอ่านได้และนางไม่สามารถข้ามผ่านได้ มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสถานการณ์ที่ทะลุเข้ามาอย่างง่ายดายเมื่อครู่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ นางต้องหาอาจารย์ให้พบก่อน
ที่นี่แปลกมาก ทิวทัศน์สวยงามมากๆ แต่ไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย ที่นี่คงจะมีสิ่งมีชีวิตที่อันตรายมากที่ขัดขวางไม่ให้สิ่งมีชีวิตอื่นกล้าเข้ามาใกล้ หรือว่าที่นี่จะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะ?
“จิ๊บๆ…” “ฮู่ๆ… ” ไป๋ตี้และเฮยหยู่ที่นั่งยองๆ บนไหล่ซ้ายและขวาของแคลร์ตะโกนขึ้น ทันใดนั้นแคลร์ก็รู้สึกได้ถึงเสียงที่อยู่ข้างหลังและหันไปเผชิญหน้ากับใบหน้าแน่วแน่ของจินเหยียน
“จินเหยียน!” สีหน้าของแคลร์เปลี่ยนไป “ทำไมเจ้าถึงเข้ามา เจ้ารู้ดีกว่าใครว่าที่นี่มันอันตรายมากนี่? ข้าบอกแล้วว่าอย่าเข้ามา!”
ไป๋ตี้และเฮยหยู่กระโดดไปนั่งบนไหล่ของจินเหยียน หากเทียบกันแล้ว พวกเขาอยู่บนไหล่กว้างๆ ของจินเหยียนแล้วสบายกว่า
“คุณหนู ข้าเคยบอกแล้วว่าข้าจะติดตามคุณหนูไปทุกที่ที่คุณหนูไป แม้ว่าต้องตายก็ตาม” จินเหยียนพูดด้วยใบหน้าสงบนิ่ง เขาพูดเบาๆ แต่ดวงตาของเขาเผยให้เห็นความหนักแน่นที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
แคลร์เงียบไป นางทำเพียงแค่มองจินเหยียนด้วยความงุนงง ชายผู้นี้มีใบหน้าแน่วแน่ แคลร์ไม่เคยสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขาเลย ตั้งแต่แรกเริ่มเขาแสดงความรังเกียจและดูถูกนางมาถึงตอนนี้ที่เขาไม่เคยห่างไปไหน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ตอนนี้แคลร์รับรู้ได้อย่างลึกซึ้งแล้ว
“ไปกันเถอะ” แคลร์พูดเบา ๆ แต่ก็มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นในใจ
“ครับ” มีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของจินเหยียนแล้วเขาก็ตามหลังแคลร์ไป
“จริงสิ จูดี้อยู่ที่ไหนล่ะ?” จู่ๆ แคลร์ก็นึกได้ว่ามีมังกรที่หมดแรงอยู่นอกเขตกั้น
“นางไม่เป็นไรแล้ว พักอยู่ข้างนอกสักพักเดี๋ยวก็คงจะกลับไปเอง” จินเหยียนตอบเบาๆ พร้อมกับน้ำเสียงที่รู้สึกผิด
แคลร์ไม่ถามอะไรต่อและเดินหน้าต่อไป
รอบๆ ยังคงเงียบและแปลกประหลาด ไร้ซึ่งสัญญาณของสิ่งมีชีวิต
“คุณหนู ตรงนี้แปลกๆ ” จินเหยียนมองไปรอบๆ และพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“อืม ไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย” แคลร์พยักหน้า “ไม่รู้ว่าเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรก หรือมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากๆ มาทำให้เป็นเช่นนี้”
ทันทีที่แคลร์พูดจบสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป พลังขนาดใหญ่ที่น่ากลัวปรากฏขึ้นตรงหน้าและใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
จินเหยียนก้าวไปข้างหน้าแคลร์แล้วชักดาบออกมา
เมื่อแคลร์และจินเหยียนเห็นสิ่งมีชีวิตที่พุ่งเข้ามา ทั้งคู่ก็ตกตะลึง มันคือมังกรดิน! สัตว์เวทย์ระดับเก้า! เกล็ดสีน้ำเงินเปล่งประกาย หนามแหลมคมเป็นแถว ที่ด้านหลังของคอมีหนามแหลม เต็มไปด้วยพลัง หางยังหนาและทรงพลัง มันคือสิ่งมีชีวิตที่สง่างามและอันตรายอย่างยิ่ง! ถ้าพวกเขาปะทะกันจริงๆ ทั้งแคลร์และจินเหยียนก็ไม่สามารถชนะได้อย่างแน่นอน มังกรดินหายากมาก ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เห็นสัตว์เวทย์ระดับสูงเช่นนี้เมื่อเข้ามาในอาณาจักรปีศาจ แต่ว่าในขณะนี้สัตว์เวทย์ที่ทรงพลังตัวนี้กลับเต็มไปด้วยความกลัวและวิ่งอย่างเต็มที่ราวกับว่ามีบางสิ่งที่น่ากลัวกำลังไล่ตามเขาอยู่
มังกรดินวิ่งอย่างเต็มที่ผ่านแคลร์และจินเหยียนไปโดยไม่แม้แต่จะมองพวกเขา นับประสาอะไรกับการหยุดล่ะ มันวิ่งไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ด้วยขาทั้งสี่
อะไรกันที่ทำให้สัตว์เวทย์ที่ทรงพลังและอันตรายตัวนี้หวาดกลัว?
“เห้ย! ถ้าเจ้าวิ่งอีก! วันนี้ข้าจะย่างเจ้า เจ้าเชื่อหรือไม่? “คำพูดหยาบคายดังมาจากด้านหลัง มังกรดินวิ่งเร็วขึ้นแล้วร้องในใจว่านึ่งกับย่างมันต่างกันอย่างไรล่ะ?
แคลร์และจินเหยียนยังไม่ทันเห็นว่าเป็นใคร ทันใดนั้นก็มีแสงวาบอยู่ตรงหน้าพวกเขา และก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
“หือ มนุษย์?” ร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าจินเหยียนและแคลร์เป็นเด็กหนุ่มตัวผอม ผมยาวสีดำสนิท แต่ใบหน้าบอบบางของเขาหยิ่งผยองและดวงตาของเขาก็เป็นสีแดงเลือด!
ปีศาจ!
มันคือปีศาจจริงๆ!
อาณาจักรปีศาจมีปีศาจอยู่ จริงๆ!
จินเหยียนยังไม่ขยับ ชายหนุ่มตาแดงค่อยๆ ยื่นมือและใช้สองนิ้วจับดาบของจินเหยียน ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นดาบของจินเหยียน แตกออก ดาบวิเศษนี้ถูกทำลายไปอย่างง่ายดาย!
“สาวน้อย ไปกัน ข้าขอเชิญเจ้าไปทานอาหาร” ทันใดนั้นชายหนุ่มตาแดงก็โบกมือแล้วจินเหยียนก็หายไปในอากาศเลย!
“เจ้า! เจ้าทำอะไร? จินเหยียนล่ะ?” สีหน้าของแคลร์เปลี่ยนไปอย่างมาก ขณะที่มองไปที่เด็กชายตาแดงตรงหน้ามีเสียงระฆังเตือนดังในใจ! คนนี้ โอ้ ไม่สิ พลังของปีศาจตนนี้ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขา!
“จินเหยียนหรือ? คนที่ใช้ดาบชี้ข้าเมื่อกี้น่ะหรือ? ข้าส่งเขาไปเที่ยวที่มุมหนึ่งของสถานที่แห่งนี้แล้ว” เด็กชายตระกูลปีศาจยิ้มอย่างมีความสุข “ไปเถอะ สาวน้อย ข้าจะให้เจ้ากินมังกรดินนึ่ง”
“เจ้าเป็นใคร?” แคลร์ก้าวถอยหลัง เขาแค่โบกมือก็เคลื่อนย้ายจินเหยียน ไป๋ตี้และเฮยหยู่ไปได้ นี่มันพลังแบบไหนกัน! กลิ่นอายที่หลั่งออกมาจากปีศาจตนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเลย แต่พลังกลับน่ากลัวเช่นนี้ เขาเป็นใครกันแน่?
……………………………………………………………………………….