เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 193
“ท่านผู้มีพระคุณได้โปรด ได้โปรดหยุดเถิด” ในที่สุดราชาเงือกก็รับรู้สถานการณ์ จึงรีบขอร้อง
สีหน้าของชีอ้าวชวางยังคงเย็นชาอยู่เช่นเดิม ตราบใดที่ราชาเงือกไม่ได้เอ่ยปากว่าจะส่งมอบขนนกเทพเจ้าให้ นางก็จะไม่เชื่อคำพูดของราชาเงือกเด็ดขาด
“ท่านผู้มีพระคุณ ได้โปรดหยุดเถิด ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากมอบมันให้ แต่มีคนเอาขนนกเทพเจ้าไปแล้วเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในมือของเราแล้ว” ราชาเงือกรีบพูดความจริงออกไปโดยไม่สนใจเรื่องอื่นอีกต่อไปแล้ว
อะไรนะ? ชีอ้าวชวางตะลึงแล้วหยุดทันที นางมองราชาเงือกอย่างเย็นชา “ใครเอาไป?” ในที่สุดชีอ้าวชวางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุผลแท้จริงที่ราชาเงือกไม่ยอมมอบขนนกเทพเจ้าให้เป็นเพราะเหตุนี้ นี่น่ะหรือเผ่าเงือกที่บอกกันว่าหยิ่งผยอง?
“ใครเป็นคนเอาไป?” ชีอ้าวชวางมองราชาเงือกที่กำลังหน้าเสียด้วยสายตาเย็นชา
ราชาเงือกลังเล จนในที่สุดก็กัดฟัน อย่างไรเสียวันนี้ก็อับอายไปแล้ว ช่างมันเถอะ
“มนุษย์ผู้หนึ่งเอาไป” ราชาเงือกกัดฟันพูดออกมาในขณะที่สีหน้าของเขาดูแย่ลงเรื่อยๆ “มนุษย์ผู้นั้นชื่อว่าเชวียหลงเฟย” ราชาเงือกจดจำชื่อของมนุษย์บ้าคลั่งที่เอาสิ่งประดิษฐ์ไปได้อย่างดี แต่สิ่งที่ทำให้เขาเกลียดมากที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้
“พวกเจ้าออกไปให้หมด” ราชินีเงือกโบกมือให้เงือกทั้งหมดที่อยู่ในห้องโถงออกไปด้วยสีหน้าลำบากใจ
เหล่าเงือกเหล่มองชีอ้าวชวางด้วยความหวาดกลัวจากนั้นก็ออกไปอย่างเงียบๆ เหลือเพียงราชาเงือก ราชินีเงือก และชีอ้าวชวางเท่านั้นที่อยู่ในห้องโถง
“เล่ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” มีมนุษย์คนหนึ่งเอาสิ่งประดิษฐ์งั้นหรือ? ชีอ้าวชวางมองท่าทางขบกรามมองราชาเงือกก็รู้เลยว่าเรื่องราวมันคงไม่ธรรมดาอย่างนั้นแน่ๆ
“ที่จริงแล้วพวกเราต่างก็รู้จักสิ่งประดิษฐ์นั้นดีว่า หากชิ้นส่วนทุกชิ้นไม่ได้ถูกรวบรวมเข้าด้วยกัน มันก็จะเป็นเพียงแค่เครื่องประดับชิ้นหนึ่งเท่านั้น พวกเราเองก็มั่นใจว่าสิ่งประดิษฐ์ไม่มีทางจะรวมเข้าด้วยกันได้ ดังนั้นเราจึงมอบมงกุฎสีทองนั้นให้กับลูกสาวของเรา” ราชาเงือกเงียบไปสักพัก สีหน้าของเขาเริ่มปรากฏความโกรธ
ราชินีเงือกถอนหายใจเบาๆ “ข้าพูดเองดีกว่า วันนั้นลูกสาวเราสวมมงกุฎออกไปว่ายน้ำซุกซนเล่นตามประสา แต่นางไปพบกับมนุษย์คนหนึ่งที่ชื่อเชวหลงเฟย เขาพาลูกสาวเราไปพร้อมกับมงกฎนั้นด้วย!”
“คนๆ นั้นพาตัวลูกสาวของพวกท่านไปหรือ? เพราะเขาหลงในความงามของนางหรือ?” ชีอ้าวชวางถามอย่างสงสัย
สีหน้าของราชาเงือกและราชินีเงือกดูอึดอัด จากนั้นพวกเขาก็พูดอย่างอ่อนแรง “เด็กอกตัญญูคนนั้น นางหนีตามชายผู้นั้นแล้วละทิ้งเราและเผ่าเงือกไป! เราจึงถือเสียว่าไม่เคยให้กำเนิดเด็กอกตัญญูนั่น”
ชีอ้าวชวางเข้าใจในทันที มนุษย์ผู้นั้นคงจะเสน่ห์แรงเสียจนเจ้าหญิงของเผ่าเงือกต้านทานเสน่ห์ไม่ไหวจึงยอมตามเขาไปสินะ ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายจริงๆ
“เชวหลงเฟยคือใคร?” ชีอ้าวชวางเลิกคิ้วถามเสียงเรียบ
“เขาเป็นเจ้าเมืองเมืองหนึ่งในประเทศสวิท เขาทั้งน่าเกลียดทั้งชั่วร้าย และก็ไร้ยางอาย แถมเขายังชอบเสาะหาสาวงามไปทั่วทุกที่อีก เมืองที่เขาเป็นเจ้าเมืองอยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง เกาะที่อยู่บริเวณโดยรอบทั้งสิบแปดเกาะก็อยู่ในเขตอำนาจของเขาเช่นกัน” ราชินีเงือกกัดฟันพูด
ชีอ้าวชวางรู้เลยว่าสิ่งที่ราชินีเงือกพูดมานั้นไม่เป็นความจริง เพราะถ้าหากว่าชายผู้นั้นเป็นอย่างที่ราชินีพูด เจ้าหญิงเงือกจะชอบเขาจนตามเขาไปหรือ?
ในเมื่อตอนนี้รู้แล้วว่าสิ่งประดิษฐ์นั้นอยู่ที่ไหน ก็ไม่จำเป็นจะต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่แล้ว เวลานี้แค่ต้องไปตามหาเจ้าหญิงเงือกให้เจอแล้วไปเอาสิ่งประดิษฐ์นั้นเสียก็จบ
“ลูกสาวของท่านหน้าตาเป็นอย่างไร?” ชีอ้าวชวางถามเรียบๆ “เมืองที่ว่านั้นอยู่ที่ไหนล่ะ?”
“นี่ นี่คือภาพของนาง” ราชินีเงือกถอดสร้อยออกจากคอของนางแล้วก้าวลงจากบัลลังก์มาส่งให้ตรงหน้าชีอ้าวชวาง “เมืองของมนุษย์ผู้นั้นชื่อว่าเมืองปู้จี ออกจากที่นี่ตรงไปทางทิศตะวันออกก็จะเห็นหมู่เกาะ จากนั้นเจ้าไปถามดูก็จะรู้”
ชีอ้าวชวางหยิบจี้รูปดาวมาดู ภาพนั้นชัดเจนมากแม้จะอยู่ในน้ำ เห็นได้ชัดว่ามันสร้างขึ้นจากเวทมนตร์บางอย่าง ในจี้นั้นเป็นรูปหญิงสาวสวยที่กำลังยิ้มแย้ม บนศีรษะของนางสวมมงกุฎ คาดว่าสิ่งนี้คงจะเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ขนนกสังหารเทพเจ้า พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนั้นติดตัวเจ้าหญิงเงือกไปด้วยในตอนที่นางตามมนุษย์ผู้นั้นไป สิ่งนั้นไม่ได้ถูกลักไปแต่อย่างใด เพราะเหตุนี้ท่าทีของราชาและราชินีเงือกจึงดูแปลกๆ อย่างที่เห็น
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว” ชีอ้าวชวางจะคืนจี้ให้กับราชินีเงือก แต่ราชินีเงือกกลับโบกมือ “หากผู้มีพระคุณพบกับเด็กอกตัญญูผู้นั้นก็ช่วยเอาจี้นี้มอบให้นางแล้วบอกนางให้ทีว่าเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางแล้ว”
ชีอ้าวชวางมองจี้ในมือแล้วมองราชินีเงือกที่มีความเศร้าลึกๆ อยู่ภายในแววตา ทันใดนั้นภาพรอยยิ้มที่อบอุ่นและเจ็บปวดครั้งสุดท้ายของแคทเธอรีนก็ปรากฎอยู่ตรงหน้า ชีอ้าวชวางกำจี้ในมือแน่นแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “ในเมื่อเรื่องมันเป็นเช่นนี้ ข้าจะช่วยกำจัดเด็กอกตัญญูผู้นั้นให้พวกท่านเอง”
ชีอ้าวชวางหันหลังไปขี่สัตว์เวทเลี่ยงน้ำเตรียมว่ายไปออกไป
“เดี๋ยวก่อน!” เสียงร้อนลนของราชินีเงือกดังมาจากด้านหลัง
“มีอะไรหรือ?” ชีอ้าวชวางหยุดแล้วพูดด้วยเสียงที่เย็นชายิ่งขึ้นแต่ไม่ได้หันกลับไปมอง “ราชินีต้องการให้ข้าส่งศพลูกสาวของท่านกลับมาให้หรือ? แบบนั้นมันยุ่งยากเกินไป เดี๋ยวถ้าถึงเวลานั้นท่านก็ส่งคนไปรับที่ชายหาดแล้วกัน ข้าจะทิ้งไว้ให้ตรงนั้น”
“ไม่นะ…” ราชินีเงือกร้องออกมา
ชีอ้าวชวางถอนหายใจเบาๆ ความรักของแม่มักจะห่วงใยเช่นนี้อยู่เสมอ
“ไม่นะ อย่าทำร้ายนาง” ราชินีเงือกวิ่งตามมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความร้อนใจและอ้อนวอน
“วางใจได้ ข้าจะทำให้นางกลับมาหาท่านด้วยสภาพสมบูรณ์แข็งแรงและด้วยความเต็มใจของนางเอง” ชีอ้าวชวางโบกมือ ทิ้งคำพูดในตอนแรกแล้วขี่สัตว์เวทเลี่ยงน้ำออกไป เชวียหลงเฟยเป็นคนแบบไหนกันถึงทำให้เจ้าหญิงเงือกตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็นจนยอมทิ้งพ่อแม่ของนางเพื่อไปใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินกับเขาได้
ราชินีเงือกมองแผ่นหลังของชีอ้าวชวางอยู่นานก็ยังไม่ได้สติคืนมา ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงเชื่อคำพูดของชีอ้าวชวางมากๆ นางเชื่อโดยไม่มีเหตุผลเลยว่ามนุษย์เด็กผู้นี้จะช่วยตามลูกสาวนางกลับมาได้!
ชีอ้าวชวางออกจากอาณาจักรเงือกไปพบทุกคนได้โดยไม่มีการขัดขวางใดๆ ตอนที่ทุกคนเห็นร่างของชีอ้าวชวางปรากฎที่หน้าประตูก็ต่างโล่งใจ
“อ้าวชวาง เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าได้สิ่งประดิษฐ์มาแล้วหรือไม่?” เฉียวฉู่ซินรีบเข้าไปถามด้วยความร้อนใจ
ชีอ้าวชวางถอนหายใจเบาๆ มองไปที่ตงเฟิงโฮ่วแล้วพูด “เข้าไปในตัวของวัวมอมอก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
ตงเฟิงโฮ่วสั่งให้วัวมอมอกลืนทุกคนเข้าไปอีกครั้ง พลังจากที่ทุกคนเข้ามาอยู่ในตัวของวัวมอมอก็ลงจากสัตว์เวทเลี่ยงน้ำ ตงเฟิงโฮ่วก็ทำสัญญาณมือสั่งให้สัตว์เวทเลี่ยงน้ำและสัตว์อื่นๆที่อัญเชิญมากลับไป จากนั้นทุกคนก็หันกลับมารอคำตอบของชีอ้าวชวาง
“สิ่งประดิษฐ์นั้นอยู่ที่เจ้าหญิงเงือก ไม่ได้อยู่ที่พวกเขา แต่เจ้าหญิงเงือกหนีตามมนุษย์คนหนึ่งไปแล้ว” ชีอ้าวชวางพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแล้วเอาจี้ที่ราชินีเงือกให้มาส่งให้ทุกคนดู “นี่คือเจ้าหญิงเงือก พวกเราต้องตามหานางให้เจอถึงจะเจอสิ่งประดิษฐ์”
หนีตาม?!
ทุกคนอึ้งแล้วมองหน้ากัน
คนที่ทำให้เจ้าหญิงเงือกยอมละทิ้งทุกอย่างแล้วหนีตามเขาไปจะเป็นอย่างไรนะ?
“คนๆ นั้นชื่อว่าเชวหลงเฟย ราชินีเงือกบอกว่าเขาเป็นเจ้าเมืองเมืองหนึ่งที่อยู่บนเกาะของประเทศสวิท ไปกันเถอะ เราไปตามหาคนๆ นั้นกัน” ชีอ้าวชวางพูดเรียบๆ
“เชวหลงเฟย?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นขมวดคิ้ว แม้ว่าพลังของวิหารแห่งแสงจะไม่ได้เข้าไปในประเทศสวิทมากนัก แต่เหลิ่งหลิงยวิ๋นก็พอจะรู้เรื่องคร่าวๆ ของประเทศสวิทอยู่บ้าง
“เจ้ารู้จักคนนี้หรือ?” เฟิงอี้เซวียนถาม
“อืม ข้าเคยได้ยินมาบ้าง” เหลิ่งหลงยวิ๋นพูดนิ่งๆ “คนๆ นี้…” เหลิ่งหลิงยวิ๋นขมวดคิ้วมองภาพในจี้ที่อยู่ที่มือของสีเฉ่าฉีด้วยท่าทางสงสัย
“มีปัญหาอะไรหรือ?” ชีอ้าวชวางถาม
“คนๆ นี้มีชื่อเสียงมากในประเทศสวิท เขาเก่งทั้งวิชาการและการทหาร เขาจัดการได้หมดทุกเรื่อง เมืองปู้จีของเขาเจริญรุ่งเรืองมาก ว่ากันว่า…” เหลิ่งหลิงยวิ๋นหยุดแล้วพูดอย่างลังเล “ว่ากันว่าคนๆ นี้รูปงามและแข็งแกร่งมาก เขาเป็นคนหลายใจ มีนางบำเรออยู่มากมาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีสาวๆ อีกมากที่อยากจะเข้าหาเขา” สิ่งนี้แตกต่างกับสิ่งที่ราชินีเงือกพูดมาก ดูท่าทางราชินีเงือกจะเกลียดชังมนุษย์ผู้นั้นเป็นอย่างมากจึงได้จงใจใส่ร้ายเขา
“หืม นายน้อยเหลิ่ง เจ้าเป็นคนชอบเรื่องซุบซิบตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงได้รู้เรื่องพวกนี้ตั้งมากมายขนาดนี้?” สีเฉ่าฉีถามหยอกเพราะเรื่องที่พูดออกมาเหล่านี้ไม่ใช่นิสัยของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเลยแม้แต่น้อย
“เรื่องพวกนี้มันอยู่ในบันทึกของวิหารแห่งแสงน่ะ” สีหน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเปลี่ยนไป การที่วิหารแห่งแสงยอมเสียน้ำหมึกเพื่อบันทึกเรื่องของคนๆ นี้จะต้องมีเหตุผลแน่นอน เช่นนั้นก็คาดเดาพลังและอิทธิพลของคนๆ นี้ในประเทศสวิทได้เลย
เมื่อคำพูดของเหลิ่งหลิงยวิ๋นจบลง สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป ตอนนี้ทุกคนเหมือนกำลังครุ่นคิดกันอยู่
ผู้ชายหลายใจงั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นเขาก็เป็นเสือผู้หญิงน่ะสิ? คนๆ นี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เจ้าหญิงเงือกถึงได้ยอมหนีตามเขาไป ชีอ้าวชวางรับจี้คืนจากสีเฉ่าฉีแล้วพูดเรียบๆ “คนๆ นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เราต้องพยายามอย่าให้มีปัญหาเพิ่มนะ ถ้าหากตัวตนของเราเปิดเผยออกไป พวกกลุ่มสายฟ้าสีดำคงจะตามมาเจอแน่นอน”
พอพูดถึงกลุ่มสายฟ้าสีดำ ชีอ้าวชวางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย องค์กรนี้มีอำนาจแค่ไหนกันนะ?
“ตงเฟิงโฮ่ว เดินทางตรงไปยังทิศตะวันออกนะ” ชีอ้าวชวางบอกตงเฟิงโฮ่ว
“ได้” ตงเฟิงโฮ่วรับคำแล้วเดินไปสื่อสารกับวัวมอมอ
เชวหลงเฟย…สายตาของชีอ้าวชวางนิ่งเรียบ นี่นางต้องเจอกับคนแบบไหนกัน
อากาศที่เกาะปู้จีกำลังสบาย ไม่ร้อนไม่หนาว มีแสงแดดอ่อนและลมพัดเบาๆ
ท่าเรือเต็มไปด้วยผู้คนวุ่นวาย
เป็นภาพเช้าที่สดใสของเมืองปู้จีที่แสนคึกคัก
“ทำไมต้องเป็นข้าล่ะ?” ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของตงเฟิงโฮ่วบูดบึ้ง ตอนนี้เขาอยู่ในรูปลักษณ์หญิงงามไร้ที่ติ ตอนนี้เวลาในการแปลงเพศของทุกคนครบกำหนดแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องอยู่รอฟังข่าวที่โรงแรม
เวลานี้ชีอ้าวชวางและตงเฟิงโฮ่วกำลังนั่งเงียบๆ อยู่ข้างน้ำพุในจัตุรัสพร้อมกับขนมปังในมือสำหรับโยนลงพื้นเป็นอาหารนกเหมือนกับคนหลายๆ คนที่นั่น เวลาในการใช้ยาแปลงเพศของชีอ้าวชวางก็ครบกำหนดแล้วเช่นกัน นางกลับมาเป็นผู้หญิงแล้ว เวลานี้นางจึงต้องใส่วิกผมสีบลอนด์ ในเมื่อไม่มีคลิฟที่คอยเปลี่ยนสีผมสีตาให้ ก็คงทำได้เพียงเท่านี้แหละ