เสน่ห์คมดาบ - เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 104
“ท่าน!” ซัมเมอร์ตะคอกอย่างเย็นชา แต่ทันใดนั้นก็ต้อง ตกใจกับสิ่งที่นางเห็น
แสงเย็นวาบเกิดขึ้นตรงหน้าของนาง และกริชอันแหลมคมก็แทงทะลุเสื้อของแคลร์!
หากเป็นคนอื่นแทง แคลร์ยังสามารถหลีกเลี่ยงได้! แต่ผู้ที่แทงกริชคือหลี่เยว่เหวิน! หลี่เยว่เหวินสามารถเอาชีวิตของแคลร์ อย่างเงียบๆ ได้อยู่แล้ว เพราะนางสามารถทำแบบนั้นได้ !
ทันใดนั้นคามิลล์ก็รีบยื่นมือออกไปกั้นด้านหน้าโดยไม่ลังเล กริชแทงทะลุมือของคามิลล์อย่างรุนแรงและแทงทะลุร่างของแคลร์อีกที!
“เยว่เหวิน! เจ้าทำอะไร?!” หลี่หมิงหยู่อุทานมองหลี่เยว่เหวินที่กำลังโจมตีอย่างไม่เชื่อ
หลี่อวี่เหวินมองที่มือของนางด้วยความประหลาดใจ นางเองก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน! นางโจมตีแคลร์ไปแล้วจริงๆ!
กริชถูกดึงออกโดยทันที มือของคามิลล์เต็มไปด้วยเลือด ร่างของแคลร์ก็ยืนไม่มั่นคงแล้วค่อยๆ ทรุดลง เหลิ่งหลิงยวิ๋นจับแคลร์ไว้แต่เลือดที่หลังของนางยังคงไหลออกมาราวกับน้ำพุและย้อมเสื้อผ้าที่หลังของแคลร์อย่างรวดเร็ว
“มีอะไรหรือ?!” วัลโดตะโกน
“ข้า ข้าไม่ ข้า…” ดวงตาของหลี่เยว่เหวินเต็มไปด้วยความสับสน นางมองมือแล้วพูดติดขัด
“อ่าฮะ… น่าสนใจจริงๆ” มีเสียงหัวเราะแหลมดังมาจากอีกฝ่าย “ใครจะเป็นคนต่อไปนะ”
ดวงตาของหลี่เยว่เหวินเบิกกว้าง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสยดสยองและหวาด กลัว! จากนั้นร่างกายของนางก็เริ่มเคลื่อนไหว! มันเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว!
“ผู้หญิงสองคนนั้น! พวกนางกำลังควบคุมร่างกายของเยว่เหวินอยู่!” หลี่หมิงหยู่ได้สติขึ้นมาทันที เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฝั่งตรงข้าม
ใบหน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเย็นชา เขาขมวดคิ้วและจับแคลร์ไว้ด้วยมือข้างเดียว จากนั้นก็ปล่อยเวทมนตร์รักษาด้วยมืออีกข้าง
“ฉู่ซิน เจ้ายิงผู้หญิงสองคนนั้นเร็ว พวกนางสามารถควบคุมร่างกายของหลี่เยว่เหวินได้! เร็วเข้า!” ซัมเมอร์พูด นางยิ่งกลัวอยู่ในใจว่า จะเป็นเป้าหมายต่อไปที่จะถูกควบคุม นางจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองหากนางทำร้ายแคลร์!
ซัมเมอร์ไม่ต้องบอก เฉียวฉู่ซินก็เล็งไปที่ผู้หญิงทั้งสองคนแล้ว หลังจากที่ดึงเชือกเต็มที่ จู่ๆ การเคลื่อนไหวของเฉียวฉู่ซินก็หยุดลง
“ฉู่ซิน? ฉู่ซิน?” ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นในใจของซัมเมอร์ นางจึงเรียกอย่างกังวล
“เร็วเข้า ออกไป!” เสียงของเฉียวฉู่ซินเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ในเวลานี้ร่างกายของหลี่เยว่เหวินผ่อนคลาย และนางสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระอีกครั้ง การควบคุมถูกถอดออกจากร่างของหลี่เยว่เหวินแล้ว แต่ตอนนี้เฉียวฉู่ซินถูกควบคุมแทน!
ดวงตาของเฉียวฉู่ซินเต็มไปด้วยความกลัวและความวิตกกังวล แต่ร่างกายของนางหมุนไปรอบๆ อย่างไม่สามารถควบคุมได้ จากนั้นนางก็ปล่อยลูกศรออกมา
วัลโดส่งเสียงร้องและกางเขตกั้นออกมาอย่างรวดเร็ว
เสียงระเบิดดังขึ้น ลูกศรเวทย์สายฟ้าระเบิดออก
“อาฮ่าๆ สนุกจริงๆ” ผู้หญิงสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหัวเราะดังๆ ดวงตาของพวกนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกระหายเลือด นักธนูหยุดแล้วยืนอยู่ข้างๆ พวกนางด้วยสีหน้าสงบ เห็นได้ชัดว่าเขามั่นใจในตัวผู้หญิงทั้งสองคนมาก ส่วนนักเวทย์โจมตีด้วยลูกไฟขนาดเล็กที่พลังไม่รุนแรงมากจำนวนมาก วัลโดจึงสามารถป้องกัน ได้อย่างง่ายดาย
หลี่หมิงหยู่ดึงเอาธนูและลูกศร ของเฉียวฉู่ซินออกจากมือของนาง แต่หากไม่มีธนูและลูกศร อยู่ในมือ แล้ว ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของนางก็จะ ลดลงอย่างมาก เช่นกัน
ใบหน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋นดูแย่ลง เล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถควบคุมพฤติกรรมของคนได้ พวกนางควบคุมผ่านอะไรกัน? ควบคุมจิตใจหรือ? ไม่ใช่! หากเป็นการควบคุมจิต ผู้ถูกควบคุมควรจะหมดสติสิ แต่ตอนนี้หลี่เยว่เหวินและเฉียวฉู่ซินมีสติมาก! พวกนางใช้อะไรในการควบคุมพฤติกรรมมนุษย์กันนะ?!
“เบื่อแล้ว เราเปลี่ยนเป็นคนอื่นเถอะ!” พี่สาวฝาแฝดเห็นคันธนูและลูกศรของเฉียวฉู่ซินถูกทิ้ง อยู่บนพื้นจึงเตรียมเปลี่ยนคนควบคุมใหม่ทันที
ทันทีที่แฝดพี่พูดจบ วัลโดก็ว้าวุ่น ความวิตกกังวลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อือ…” ตอนนี้แคลร์เริ่มฟื้นตัวขึ้น ช้าๆ
“แคลร์ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นถามอย่างเป็นห่วงและมองแคลร์ที่หน้าซีดเซียว
“ข้าสบายดี…” แคลร์ตอบอย่างอ่อนแรง แต่นางรู้ดีว่าหากคามิลล์ไม่เข้ามาขัดขวางการโจมตีในครั้งต่อมา นั้น หัวใจของนางก็คงถูกแทงไปแล้ว อีกทั้งถ้าไม่ใช่เพราะการรักษาอย่างทันท่วงทีของเหลิ่งหลิงยวิ๋น นางก็จะต้องเสียเลือดมากเกินไปและตายอย่างแน่นอน! คราวนี้นางผ่านความตายมาได้อย่างหวุดหวิดเลย!
“อย่าขยับตัว เจ้าบาดเจ็บอยู่…” ก่อนที่คำพูดของเหลิ่งหลิงยวิ๋นจะจบลง ท่าที ของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติในร่างกายของเขา! คราวนี้เป้าหมายของแฝดคือเขาเอง!
“อาฮ่าๆ พ่อหนุ่มรูปงาม รีบฆ่าผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เจ้าและโยนนางทิ้งไปซะ จากนั้นก็เข้ามาในอ้อมแขนของเราเถอะ” หญิงแฝดยิ้มอย่าง ร้ายกาจแล้วบิดเอวของพวกนางจนทำให้เสื้อผ้าที่ดูเปิดเผยอยู่แล้ว ยิ่งเปิดเผยมากขึ้นไปอีก
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที พวกเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของเหลิ่งหลิงยวิ๋นดีที่สุด! หลี่หมิงหยู่รีบคว้าตัวแคลร์ออกจากมือของเหลิ่งหลิงยวิ๋นอย่างรวดเร็วและ กอดนาง ไว้แน่นขณะที่มองเหลิ่งหลิงยวิ๋นอย่างระแวดระวัง
เหลิ่งหลิงยวิ๋นขมวดคิ้วแน่น ร่างกายของเขาไม่ขยับ แต่ สั่นเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังต่อสู้กับพลังบางอย่างอยู่
“ห้ะ? เขากล้าขัดขืนเราได้อย่างไร!” แฝดหญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอุทาน จากนั้นหญิงสาวทั้งสองก็หัน หน้าเข้าหากัน จากนั้นก็ เอามือประสานกันแล้วเคลื่อนไหวด้วยท่าทางแปลกๆ
คิ้วของเหลิ่งหลิงยวิ๋นขมวดแน่นขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังต่อสู้กับพลังที่ต้องการควบคุมเขาอย่างสุดชีวิต
แคลร์เอนตัวลงอย่างอ่อนแรงในอ้อมแขนของหลี่หมิงหยู่ แต่สายตาของนางจ้องอยู่ที่เหลิ่งหลิงยวิ๋น นางไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไปแล้ว! หากเป็นเช่นนี้พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน! อีกฝ่ายอาศัยอะไรในการควบคุมร่างกายของคนกันนะ? ไม่ใช่จิตวิญญาณ! เพราะผู้ถูกควบคุมยังมีสติอยู่ แล้วมันคืออะไร?
ในเวลานี้ วัลโดยังคงจัดการกับลูกบอลเปลวไฟที่ นักเวทย์ฝ่ายตรงข้ามโจมตีเข้ามาอยู่ ลูกบอลเปลวไฟจำนวนมาก ทำให้กลางคืนสว่างไสว จินเหยียนยังคงต่อสู้อย่างหนักกับนักรบผู้นั้นและไม่มีเวลามาคิดฟุ้งซ่านใดๆ หากฟุ้งซ่านเขาจะตายทันที! จินเหยียนรู้ดีแก่ใจว่าถ้าเขาแพ้ แคลร์และคนอื่นๆจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มอีกคน ดังนั้นเขาจะแพ้ไม่ได้!
“ไป! ไป!” เหลิ่งหลิงยวิ๋นกัดฟัน
“นี่มันเวทมนตร์อะไรกัน?” คามิลล์ถามโดยไม่มีรอยยิ้ม เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแต่ไม่ได้คิดจะหนี เขารู้ว่าการหนี ไม่มีประโยชน์
“มังกรดำไร้มารยาท นั่น ทำไมเขาไม่อยู่ในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้นะ?” ซัมเมอร์ร้องไห้อย่างกังวล เสียงดังขนาดนี้ทำไมมังกรดำจึงยังไม่มาปรากฎตัวอีก?
“ฮ่าๆๆ พ่อหนุ่มรูปงาม เจ้าหยุดดิ้นแล้วมาหาเราเถอะ” เสียงหัวเราะของฝาแฝดดัง เข้าหูของทุกคน
“แคลร์ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” ซัมเมอร์มองแคลร์ด้วยน้ำตา
หลี่หมิงหยู่และหลี่เยว่เหวินดูเคร่งเครียด พวกเขา มองเหลิ่งหลิงยวิ๋นอย่างระมัดระวัง หลี่เยว่เหวินกำกริชในมือของนางและตัดสินใจ ดูท่าทางแล้วนางคงจะต้องล้มเขาก่อน!
“เงา! อีกฝ่ายควบคุมเราผ่านเงา!” แคลร์อดทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่หลังของนางและรีบพูดประโยคดังกล่าวออกมา
ทุกคนตกใจ ทุกคนที่อยู่อีกฝั่ง ก็ตกใจเช่นกัน เด็กสาวฝาแฝดตะลึงไปชั่วขณะ ในช่วงเวลาที่ทั้งสองนิ่งไปเช่น นี้ ก็ทำให้เหลิ่งหลิงยวิ๋นหลุดพ้นจากการควบคุมทันที
ทันใดนั้นทุกคนก็เข้าใจ นี่ไม่ใช่การควบคุมจิตวิญญาณแต่เป็นการควบคุมเงา! ไม่ แปลกใจเลยว่าทำไม นักเวทย์จึงใช้ลูกไฟที่ไม่รุนแรง โจมตีพวกเขา! ที่แท้เขา ไม่ได้คิดจะใช้เวทมนตร์ที่มีพลังด้อยกว่าเพื่อทำร้ายพวกเขา แต่ใช้เพื่อ จัดแสงเพื่อให้เงาของทุกคนชัดเจนขึ้น! เพื่อให้การร่ายคาถาควบคุมของสองสาวฝาแฝดได้ผลยิ่งขึ้น!
วัลโดไม่ สนใจอะไรได้อีกต่อไปในเวลานี้ และเขาปลดปล่อยเวทมนตร์แห่งความมืด ออกมาในทันที ลมปราณสีดำท่วมไปทั่วทุกพื้นที่โดยรอบอย่างรวดเร็วและแผ่กระจายออกไป รวมไปถึง ไฟที่ไข่อ้วนกลม นั้นปล่อยออกมาด้วยเช่นกัน และโดยธรรมชาติ เงาของพวกเขาก็ ถูกความมืดกลืนกินไปเช่นกัน
เหลิ่งหลิงยวิ๋นหันหน้าไปมองวัลโด ดวงตาของเขาเย็นชา
คนข้างๆ แคลร์เป็นนักเวทย์แห่งความมืดจริงหรือ?!
บริเวณโดยรอบมืดสนิท ประกายไฟของอาวุธที่กระทบกันอยู่ไกลๆ ของ จินเหยียนและ นักรบของฝ่ายตรงข้าม นั้นไม่เพียงพอที่จะส่องสว่างให้เกิดเงาได้ หญิงสาว ฝาแฝดกรีดร้องและตะโกนใส่นักเวทย์ของพวกเขา “เจ้างี่เง่า รีบมาจุดไฟให้พวกเราสิ เราจะควบคุมพวกมันได้อย่างไรโดยไม่มีเงาล่ะ?”
“อีกฝ่ายมีนักเวทย์แห่งความมืด!” นักเวทย์พูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างกังวล
“นักเวทย์แห่งความมืดแล้วยังไงล่ะ? เร็วเข้าสิ!” สาวฝาแฝดตวาดอย่างโกรธเคือง
หลังจากนั้น เสียงระเบิด พร้อมกับเสียงกรีดร้องของอีกฝ่าย ก็ดังขึ้น เฉียวฉู่ซินสามารถจับ ทิศทาง ของเสียงได้ นางจึง ยิงธนูหลายดอกติดต่อกัน นักเวทย์อีกฝ่าย สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติในอากาศ เขาจึงเปิดเขต กั้นได้ทันท่วงที
“ไปซ่อนอยู่หลังต้นไม้!” หลี่หมิงหยู่กระซิบทันที เนื่องจากเฉียวฉู่ซินสามารถยิงธนูเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ได้ นักธนูของอีกฝ่ายก็สามารถหา ตำแหน่งของพวกเขาได้เช่นกัน !
ทุกคนรีบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ และเป็นไปตามที่คาดไว้ ลูกศรเปลวไฟสองสามลูกระเบิดตรง จุดที่พวกเขายืนอยู่เมื่อสักครู่นี้
ในขณะนี้ใบหน้าที่บอบบางของวัลโด แทบคลั่งเมื่อเขานึก ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับแคลร์เมื่อครู่นี้ พวก ศัตรูใช้การ โจมตีที่น่ารังเกียจเช่นนี้! วัลโดซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ เขามองไปในความมืดมิด แล้วค่อยๆ ร่ายคาถาด้วยเสียงที่ลึกล้ำ กลุ่มหมอกสีดำค่อยๆ ลอยไป ฝั่งตรงข้าม เงียบๆ
“อ๊ะ…” เสียงร้องดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและมาพร้อมกับเสียงของ ร่างของคนตกกระแทก พื้น เสียงนั้นดังขึ้นจากสองสาวฝาแฝด และพวกเขาได้ยินอย่าง ชัดเจนว่าทั้งคู่ล้มลงไปกับพื้น
วัลโดตะลึง พลังงานสีดำที่เขาปล่อยออกไปน่าจะยังไปไม่ถึงฝั่งของคู่ต่อสู้และเขาไม่เห็นใครอีก พวกเขากลัวอะไรกัน?
“นี่มันอะไรกัน!” แฝดพี่อุทาน
“หุบปาก อย่าพูด อีกฝ่ายจะรู้ ตำแหน่งของเราได้” เสียงพึมพำพูดใส่พวกเขา
“เจ้ากำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ตอนนี้พวกเราขยับตัวได้หรือไงเล่า?” น้ำเสียงที่น่ากลัวเต็มไปด้วยความโกรธและคำพูดนั้นก็เงียบไป แต่น่าเสียดายที่สิ่งนี้เป็นการ บอกอีกฝ่ายว่าพวกเขาขยับไม่ได้ สามารถโจมตีมาที่พวกเขาได้เลย