เสน่ห์คมดาบ - เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 109
“ให้รองหัวหน้าของเราตัดสินใจแล้วกัน” แคลร์ตอบอย่างลวกๆ ด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้า การนอนบนรถม้า ไม่สะดวกสบายเลย ความจริงแล้วมันทำให้ เหนื่อยมากขึ้นไปอีก นางต้องการอาบน้ำร้อนเดี๋ยวนี้
“ตอบกลับพวกเขาไปว่าพรุ่งนี้ไปด้วยกัน” คามิลล์ตอบเบา ๆ
หลังจากกลุ่มของแคลร์ขึ้นไปชั้นบน ยอร์ชก็ยังคงยืนอยู่ที่นั่นมองแผ่นหลังของแคลร์ด้วยความงุนงง
“คนลามก กลับมาแล้ว”
“นักเลง เจ้ากำลังมอง อะไร ?”
“ลูกตาของเจ้าจะหล่นลงบนพื้นอยู่แล้ว”
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากมุมห้องซึ่งเป็นเสียงของสมาชิกในทีมของยอร์ชเอง
“ไอ้บ้าเอ๊ย บัญชีเมื่อกี้ยังไม่ได้ชำระเลยนะ” ยอร์ชพูดและรีบวิ่งไปคว้าใครบางคนแล้วกอดคอเขาแน่น
“หัวหน้า ทำไมเด็กผู้หญิงผมบลอนด์และตาสีเขียวนั่นดูคุ้นๆ จัง ดูเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน นางอยู่ไกลไปหน่อยข้ามองไม่ชัด” หนึ่งในนักเวทย์หนุ่มถาม
“ก็คนสวยที่เราเจอครั้งที่แล้วไง” ยอร์ชยิ้ม “ไม่คาดคิดว่าจะได้พบพวกเขาที่นี่เลย พวกเขารวมตัวเป็นกลุ่มทหารรับจ้างด้วยนะ”
“กลุ่มทหารรับจ้างอะไร?” คนที่อยู่ข้างๆ เขาถามอย่างเรียบเฉย
“กลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่า” ยอร์ชพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ทันใดนั้นรอยยิ้มของเขากลับค้างไป กลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่า?! พวกเขาคือกลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่าหรือ? กลุ่มทหารรับจ้างใหม่ที่ทรงพลังน่ะหรือ?
ผู้คนที่โต๊ะต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน ทุกคนมองไปที่หัวหน้าของพวกเขาตาถลน
“กลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่า?” ยอร์ชกระตุกปากและพูด หากชาวบ้านทั่วไป ในเมืองห่างไกลไม่รู้จักชื่อนี้อาจเป็นเรื่องปกติ แต่ชื่อของพวกเขาเผยแพร่ไปทั่วโลกของทหารรับจ้าง แล้ว กลุ่มทหารรับจ้างเล็กๆ ที่มีชื่อแปลกๆ ไม่มีใครเคยได้ยินพวกเขารับ งานยากๆ มาก่อน แต่พวกเขากลับโด่งดังในโลกของทหารรับจ้างในชั่วข้ามคืน พวกเขาใช้พลังของคนเพียงไม่กี่คนเพื่อขับไล่สัตว์เวทย์ทะเลที่โจมตีเมืองเลเวล ทำให้เมืองรอดพ้นจากการถูกน้ำทะเลท่วมเมือง หลังจากนั้นพวกเขาก็กำจัดกลุ่มโจรสลัดกะโหลกแดง ที่ทำให้กองทัพของอาณาจักรต้องสูญเสียและสร้างความปวดหัวให้กับกองทหารรับจ้าง แม้จะได้ยินว่าในภายหลังว่ากัปตันของพวกเขาหลบหนีไปได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเขาฟื้นคืนอำนาจได้อีกครั้ง สิ่งที่ยอร์ช ไม่คาดคิดก็คือกลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่านั้นคือพวกของแคลร์หรอกหรือ?
“หัวหน้า ข้าคิดว่าครั้งนี้พี่อย่าคิดเลย ระวังพวกเขาจะจัดการ พี่นะ อีกอย่าง หุ่นหมีอย่างพี่ อายุก็เท่านี้ เหอะๆ… อีก ฝายเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ นะ” เพื่อนร่วมทีมที่อยู่ข้างๆ พูด สร้างความสนใจให้คนรอบๆ พวกเขาต่างพยักหน้าเห็นด้วย ยอร์ชที่ถูกยั่วยุนั้นแทบคลั่ง ห้องโถงก็ยิ่งเสียงดังกว่าเดิม
ในตอนกลางคืน แคลร์กลั้นใจ ดื่มยาบำรุงเลือดที่หลี่เยว่เหวินยืนกราน ให้นางดื่มในวันนี้ก่อนที่จะเข้านอน
หลังจากที่หลี่เยว่เหวินเดินออกจาก ห้องของแคลร์และปิดประตูแล้ว แคลร์ก็มองลงไปที่มือขวาของนางอย่างเงียบๆ นางยังคงสวมถุงมือที่เฟิงอี้เซวียนมอบให้ไว้บนมือขวาของนาง แคลร์ค่อยๆ ลูบถุงมือและนึกถึง สีหน้าที่เด็ดเดี่ยวของเฟิงอี้เซวียนตอนที่เขาจากลาไป ครั้งหน้าที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาของนาง เขาจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว แล้วตัวนางเองล่ะ? แคลร์ค่อยๆ ถอดถุงมือออกและมองรอยดำที่หลังมือ ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะเห็นได้ชัดว่ารอยดำนั้นเข้มกว่าตอนก่อนหน้านี้
“ฮู่ๆ!” เจ้าลูกบอลบนไหล่ซ้ายของแคลร์ร้องลั่นหลังจากเห็นตรานั้น เขาบินตรงไปที่หลังมือของแคลร์แล้วยืนมอง
“จิ๊บๆ!” ไป๋ตี้กระโดดลงเตะลูกบอลสีดำลอยออกไปด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว
สงครามได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง…
“ท่านแม่ ท่านแม่…” จู่ๆ เสียงของดอกบัวสีทองก็ดังขึ้น
“ดอกบัวสีทอง?” แคลร์สงสัย ทำไม ดอกบัวสีทองที่ไม่ได้ปรากฏตัวมานานจึงส่งเสียงเรียกในวันนี้ได้ล่ะ
“ข้าเพิ่งตื่น ลูกบอลสีดำนี้คืออะไร? รู้สึกว่ามันคล้ายกับไป๋ตี้มาก มันมีพลังแฝงมากแต่ไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้ รู้สึกเหมือนว่านี่ไม่ใช่ใบหน้าจริงของมันนะ แถมสติปัญญายังเยาว์วัยอีกด้วย ” ดอกบัวสีทองพูดพร้อมกับหาว
“เจ้านอน หรือ? เจ้านอนมาตลอดเลยหรือ?” แคลร์ถามพลางมองลูกบอลสีดำและสีขาวล้มลงกับพื้นและฟาดฟันกันด้วยความสนใจ
“ข้าก็ต้อง ฝึกเหมือนกัน แต่ข้าต้องย่อยสายฟ้าที่ข้ากลืนไปให้กลายเป็นพลังของตัวเองก่อน” ดอกบัวสีทองตอบอย่างเป็นธรรมชาติ
แคลร์ไม่แปลกใจที่ดอกบัวสีทอง ไม่ได้ปรากฏตัวในเวลาที่นางถูกหลี่เยว่เหวินลอบสังหาร ก็เขานอนหลับไปแล้ว
แคลร์สวมถุงมือและหยิบกระจกดอกบัวออกมา ในใจของแคลร์นึกถึงคำพูดของหลี่หมิงหยู่ กลุ่มที่แปลกประหลาดทั้งห้าคนนั้นเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ ในองค์กรบางอย่างเท่านั้น! องค์กรที่เรียกว่าสายฟ้าสีดำแข็งแกร่งแค่ไหนกันนะ? ทวีปนี้กว้างแค่ไหน? มีผู้แข็งแกร่งที่ยังไม่ถูกเปิดเผยอีกกี่คน ตอนนี้แคลร์เข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่านางจะต้องแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด
“ดอกบัวสีทอง” แคลร์ร้องเรียก
“หือ?” ดอกบัวสีทองสงสัย
“ทำไมข้าไม่รู้สึกถึงธาตุดินเหมือนครั้งที่แล้วและก็สั่งพวกมันไม่ได้แล้วล่ะ?” แคลร์ถามสิ่งที่นาง สงสัยอยู่ในใจ หลังจากการต่อสู้กับลูกพี่ลูกน้องของอลิซ นางก็ไม่สามารถสัมผัสถึงธาตุดินได้เหมือนครั้งนั้นอีกต่อไป
“ครั้งนั้นข้า ช่วยท่านอยู่ ท่านแม่ ไม่ต้องกังวลนะ กระจกดอกบัวสามขั้นแรกสามารถทำให้เปลวเพลิงของท่านมีพลังมากขึ้นเท่านั้น ท่านไม่สามารถเข้าใจพลังแท้จริงที่ลึกล้ำของกระจกดอกบัวได้จนกว่าท่านจะเข้าใจขั้นสุดท้ายเท่านั้น ” ดอกบัวสีทองพูดอย่างลึกลับ
แคลร์หยุดถาม นางรู้ว่าดอกบัวสีทองพูดแบบนี้ยังไงก็คงไม่ตอบ เด็กผู้นี้ แคลร์มองไม่ออกเลยว่านางให้กำเนิดเขาและเขาก็คล้ายกับนางตรงไหน แคลร์เปิดหนังสือกระจกดอกบัวและเริ่มฝึกฝนขั้นที่สี่ ถ้าไม่ใช่เพราะสายฟ้าฟาด แคลร์ ต้องการที่จะฝึกฝนไปที่ขั้นเจ็ดในครั้งเดียวเลย พลังของดอกบัวลอยไปทั่วร่างกายของนางอย่างทรงพลังและแคลร์ก็ไปถึงจุดสูงสุดของขั้นสามได้อย่างง่ายดาย หากต้องการทะลุขั้นสี่สายฟ้าก็จะต้องฟาดลงมาอีก ดังนั้นนางจึงหยุดก่อน
“ท่านแม่ ออกไปข้างนอกเมืองและฝึกฝนจนถึงขั้นที่เจ็ดในครั้งเดียวเลย ข้าจะกินสายฟ้าทั้งหมดเพื่อย่อยและฝึกฝน” ดอกบัวสีทองพูดอย่างมีความสุข “ไม่ต้องกังวล ท่านแค่ตั้งใจฝ่าทุกขั้นไป ส่วนข้าจะคอยดูแลท่านไม่ให้ได้รับอันตราย เวทมนตร์และพลังยุทธ์ในปัจจุบันของท่านเพียงพอที่จะช่วยให้ท่านไปถึงขั้นที่เจ็ดของกระจกดอกบัวได้อย่างง่ายดายแล้ว จากนั้นท่านแม่จะเข้าใจว่าความลึกล้ำของกระจกดอกบัวคืออะไร?”
“อืม” แคลร์ครุ่นคิดสักพัก แม้ว่านางจะเหนื่อยและไม่สบายนิดหน่อย แต่ก็ไม่เรื่องสำคัญหรอกการที่จะแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุดคือ ความหวังสูงสุดของแคลร์เช่นกัน เมื่อนางลุกขึ้น ลูกชิ้นและลูกบอลที่กำลังทะเลาะ กันอยู่บนพื้นหยุดก็ทันทีและวิ่งมาที่ไหล่ของแคลร์
แคลร์เดินไปเคาะประตูของจินเหยียน เขาเปิดประตูออกมาและก็ตกใจเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมแคลร์ถึงมาหาเขา
“ข้ากำลังจะออกนอกเมือง เจ้าจำได้หรือไม่ว่า ตอนที่ข้าเผชิญหน้ากับมังกรทอง ข้าได้บรรลุพลังและ สายฟ้าก็ฟาด ข้า ข้ากำลัง จะบรรลุอีกครั้ง และเจ้าก็ต้องปกป้องข้าด้วย” แคลร์พูดตรงๆ และชัดเจน
จินเหยียนตะลึง แต่หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยความสุขที่อธิบายไม่ได้
แคลร์มาหาเขาเพื่อให้เขาปกป้อง!
“ครับ” จินเหยียนพยักหน้าและไม่พูดอะไร เขาปิดประตูเตรียมตัวออกไปพร้อมกับแคลร์
นอกเมืองมีลมพัดเย็นสบาย แคลร์และจินเหยียนขี่เสือดาวลมออกนอกเมืองไปด้วยกัน ลมที่พัดทำให้ผมยาวของแคลร์ปลิวไสวและกลิ่นหอมของนางก็ลอยเข้ามา ในจมูกของจินเหยียน เขาจ้องแคลร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วย ดวงตาที่ สับสนเล็กน้อย
เสือดาวลมใช้เวทมนตร์ธาตุลมเพื่อวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงบนท้องฟ้าและนกไม่ทราบชนิดก็ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว
เมื่อวิ่งไปถึง สถานที่ห่างไกล แคลร์ก็มองไปรอบๆและเห็นหน้าผาว่างโล่ง ตรงหน้าแคลร์มองขึ้นไปยังดวงจันทร์ที่สว่างจ้า
“ที่นี่แหละ” แคลร์ลงจากเสือดาวลมและ พอใจกับภูมิประเทศตรงหน้า หน้าผาทั้งสามด้านเต็มไปด้วยเหวสีดำและก้นเหวลึกที่ไม่มีใครสามารถขึ้นมาจากทางนั้น ได้ จินเหยียนต้องดูแลนางจากทิศทางเดียวเท่านั้น
“ข้าจะป้องกันทางนั้นและจะไม่ให้ใครเข้าใกล้ครับ” จินเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มแล้วหันหลังเดินกลับไป เสียงต่ำนั้นเต็มไปด้วยคำสัญญาที่มั่นคง เสือดาวลมแลบลิ้นของเขาเตรียมที่จะทำตาม
“เจ้าก็เช่นกัน” แคลร์โยนหนูน้อยทั้งสองที่อยู่บนไหล่ของนางไปยังเสือดาวลม หนูน้อยทั้งสองก็ร่อนลงไปบนหลังของเสือดาวลม จากนั้นเสือดาวลมก็พาพวกเขาเดินตามจินเหยียนไปและทิ้งแคลร์ไว้ข้างหลัง
“ท่านแม่ ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว ท่านต้องฝ่าขั้นไปให้ข้าได้กินให้เต็มที่เลย ฮ่าๆ” ดอกบัวสีทองพูดกระตุ้น
หัวใจของแคลร์กังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการบรรลุ กระจกดอกบัวจะลึกล้ำเพียงใดและจะทำให้นางประหลาดใจแบบไหนกันนะ?
แคลร์ยืนเงียบๆ บนหน้าผาสูงที่มีลมกระโชกแรง ผมสีทองและเสื้อผ้าของนางปลิวไสว แคลร์มองไปข้างหน้าเงียบๆนางค่อยๆ นั่งขัดสมาธิและเริ่มใช้พลังดอกบัว บรรลุชั้นที่สี่ไปเลย!
ทันใดนั้นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สดใสและเย็นสบายก็เปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว เมฆมืดดำรวมตัวกันอย่างรวดเร็วจากทุกทิศทุกทางและสายฟ้าก็ปรากฏ ในกลุ่มเมฆที่รวมตัวกันอยู่ที่เหนือศีรษะของแคลร์อย่างรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงจันทร์สว่างถูกเมฆมืดปิดกั้นไปชั่วขณะและสภาพแวดล้อมก็มืดสลัว พื้นที่ที่เหลือยังสว่างอยู่
จินเหยียนที่ยืนอยู่ในระยะไกลมองไปที่ภาพบนท้องฟ้า การแสดงออกของเขาซับซ้อนเล็กน้อย แคลร์ฝึกเคล็ดลับแบบไหนกัน? เหตุใดจึงทำให้เกิดเหตุเช่นนี้ได้?
ในเวลานี้ เหลิ่งหลิงยวิ๋นที่กำลังนอนอยู่บนเตียงของโรงแรมก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาลุกจากเตียงและมาที่หน้าต่าง เขาเห็นกลุ่มเมฆดำทะมึนอยู่ไกลออกไปนอกเมืองและมีสายฟ้าแลบในกลุ่มเมฆ เหตุการณ์นี้เหมือนกับสิ่งที่เขาเห็นนอกเมืองเมื่อครั้งที่เขากลับมาที่เมืองหลวงครั้งแรกเลย! แล้วจากนั้น…
เหลิ่งหลิงยวิ๋นลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าและออกไปทันที เขาเคาะประตูของแคลร์ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
“แคลร์ แคลร์?!” เหลิ่งหลิงยวิ๋นกระซิบและเคาะประตู แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ
จริงๆ ด้วย! เหตุนี้เกิดจากแคลร์และนาง ไม่ได้อยู่ในห้อง เหลิ่งหลิงยวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดสักครู่ ก่อนที่จะหันเพื่อออกไป แต่พอเปิดประตู เขาก็เห็นหลี่เยว่เหวิน หลี่หมิงหยู่และคามิลล์กำลังมองมาที่เขา