เสน่ห์คมดาบ - เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 133
เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของอันลิซ่าก็ยินดีอาจารย์พูดเช่นนี้หมายความว่าอาจารย์จะช่วยแล้ว!
แคลร์ตะลึง ชายชราผู้นี้รู้ว่านางจะต้องเผชิญกับสายฟ้ากี่ครั้ง!
“แม่หนู ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว ทำไมจึงสามารถดึงดูดสายฟ้าทั้งเจ็ดได้…” ชายชราพูดช้าๆ พลางส่ายหัว แต่สายตาของเขากำลังมองไปที่แคลร์ “แล้วก็เคล็ดวิชาที่เจ้าฝึกจิตคืออะไรกัน? หือ? ทำไมรู้สึกคุ้นๆ นะ?”
แคลร์ลังเล นางควรบอกความจริงกับชายชราตรงหน้านี้หรือไม่? แต่ถึงพูดไปเขาก็ไม่รู้หรอก
“กระจกดอกบัว” แคลร์ลังเลและพูดออกไป ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ชายชราผู้นี้เป็นคนเดียวที่สามารถป้องกันสายฟ้าให้นางได้ ดังนั้นนางจึงควรให้ความร่วมมืออย่างดีหน่อย
ใครจะรู้ว่าสีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปทันทีที่แคลร์พูดคำนี้ออกมา
“อะไรนะ! กระจกดอกบัว? เจ้าพูดว่ากระจกดอกบัวหรือ?” ชายชรารีบวิ่งเข้ามาจับไหล่ของแคลร์และเขย่า สีหน้าของเขาดูไม่ดีเลย “เจ้าบอกข้าอีกทีสิ พูดอีกที!”
สีหน้าของเฟิงอี้เซวียนก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน เขาไม่เคยเห็นชายชราบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อน เฟิงอี้เซวียนก้าวไปข้างหน้าเพื่อจะหยุดเขา แต่อันลิซ่าดึงไว้ เฟิงอี้เซวียนมองอันลิซ่าอย่างร้อนใจแล้วกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่อันลิซ่าส่ายหัวเบาๆ ส่งสัญญาณบอกเฟิงอี้เซวียนว่าตอนนี้แคลร์ไม่มีอันตรายอะไรหรอก
แคลร์ก็ตะลึงเช่นกัน การที่ชายชรามีปฏิกิริยามากเช่นนี้ทำให้นางสับสนไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ชายชราไม่ได้มีกลิ่นอายสังหารเลย นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
“ซือคงหลินเป็นอะไรกับเจ้า? พูดมา! ทำไมเขาถึงถ่ายทอดกระจกดอกบัวให้เจ้า? เป็นไปไม่ได้! เขาไม่มีทางส่งต่อวิชากระจกดอกบัวให้ใครง่ายๆ หรอก!” ชายชราลนลาน ท่าทางและสีหน้าของเขาไม่เหมาะสมกับอายุเลย
“ข้าไม่รู้จักซือคงหลิน” แคลร์นิ่งเฉยกับพฤติกรรมบ้าคลั่งของชายชรา
ชายชรานิ่งไป เขาอ้าปากค้างแล้วพูด “เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงรู้จักกระจกดอกบัวล่ะ?”
คำพูดต่อไปของแคลร์เกือบทำให้ชายชราแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด “หนังสือลับที่ข้าเก็บมาได้ แล้วข้าก็เรียนรู้ด้วยตัวเองมาโดยตลอด”
“กะ เก็บ เก็บมางั้นหรือ?” คำพูดของแคลร์ก้องอยู่ในความคิดของชายชราวนอยู่ซ้ำๆ หนังสือที่เก็บมาแล้วเรียนรู้เอง
ชายชราอยากจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด เขาร้องโหยหวนและหัวเราะอยู่บนพื้น
“ฮ่าๆ! ซือคงหลินงี่เง่าผู้นั้น คิดไม่ถึงเลยว่าเคล็ดวิชาของเขาจะมีคนที่ไม่รู้จักมาเรียนรู้ไปได้ ฮ่าๆ ตลกมาก เจ้าคนโง่ เจ้าคนงี่เง่า! สมน้ำหน้า! สมน้ำหน้าเจ้า!” ชายชราทั้งดิ้นทั้งหัวเราะ ทำให้แคลร์ อันลิซ่า และเฟิงอี้เซวียนตกตะลึง อันนี้เขาร้องเพลงหรืออย่างไร?
“อาจารย์ เอ่อ มีเรื่องอะไรก็เอาไว้ค่อยพูดได้หรือไม่? สายฟ้ากำลังจะมาแล้วนะ” ลิซ่าไม่เคยเห็นอาจารย์ทำตัวแบบนี้มาก่อน นางจึงถามอย่างระมัดระวัง
แคลร์และชายชรามองขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาเห็นเมฆดำทะมึนอยู่บนท้องฟ้า ฟ้าร้องคำรามสนั่น
“แม่หนู ข้าจะป้องกันสายฟ้าให้เจ้า แต่หลังจากนั้นเจ้าต้องอธิบายให้ข้าฟังอย่างละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนะ” ตอนนี้อารมณ์ของชายชราค่อนข้างดีอย่างเห็นได้ชัดเลย
“ได้ แต่ว่าผู้อาวุโส ช่วยป้องกันสายฟ้าให้ข้าก่อนได้หรือไม่?” แคลร์ขมวดคิ้วแล้วมองไปบนท้องฟ้า ท่ามกลางเมฆหนา ฟ้าร้องและฟ้าผ่ายังคงคำรามและส่งเสียงดัง แคลร์เข้าใจอย่างลึกซึ้งเลยว่านางไม่มีทางป้องกันสายฟ้าในครั้งนี้ได้ นางทำได้เพียงแค่พึ่งชายชราตรงหน้านี้เท่านั้น หากแค่เล่าว่าได้กระจกดอกบัวนี้มาได้อย่างไรจะทำให้ชายชราช่วยเหลือนาง เรื่องสายฟ้าได้ ก็ถือว่าเป็นข้อตกลงที่คุ้มค่ามาก เพราะว่าเรื่องที่ได้หนังสือนี้มามันง่ายจะตายไป
“ได้ ไม่มีปัญหา พวกเจ้าออกไป!” ชายชราดูเคร่งขรึมและโบกมือให้อันลิซ่าและเฟิงอี้เซวียนถอยไปไกลๆ
แคลร์มองท่าทางของชายชราก็เข้าใจได้ว่าครั้งนี้สายฟ้านั้นไม่ธรรมดาแน่นอน
สีหน้าของแคลร์เปลี่ยนเป็นจริงจัง
“เหอะ!” ชายชรามองท้องฟ้าอย่างสง่างาม เขายืนอยู่ตรงหน้าแคลร์ จากนั้นเขาก็กอดอกและขมวดคิ้วแน่น
อันลิซ่าและเฟิงอี้เซวียนมองไปอย่างเป็นห่วงแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย
สภาพแวดล้อมรอบตัวมืดลงเรื่อยๆ เพราะเมฆดำบนท้องฟ้าเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
“สายฟ้าทั้งเจ็ด แม่หนู เจ้าบรรลุขั้นแปดของกระจกดอกบัวตั้งแต่อายุยังน้อยอยู่เลย ไม่รู้ว่าหากเจ้าซือคงหลินนั่นรู้เข้าจะเป็นอย่างไร เขาคงจะโมโหน่าดูเชียวล่ะ” ชายชราเงยหน้าขึ้นมองเมฆดำบนท้องฟ้า ขมวดคิ้วแล้วพูด สีหน้าของเขาเคร่งขรึมแต่น้ำเสียงของเขาดูมีความสุขมาก
แคลร์ได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น กระจกดอกบัวน่าจะถูกสร้างขึ้นโดยชายที่ชื่อซือคงหลิน และชายผู้นี้ต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับชายชราที่อยู่ตรงหน้านี้แน่นอน
“เปิด!” ชายชราตะโกนและแยกมือออก แสงสีขาวสว่างไสวสองดวงออกจากมือของเขา จากนั้นก็กลายเป็นวงกลมที่ล้อมรอบทั้งแคลร์และชายชราอยู่
ชายชราขมวดคิ้ว โบกมืออีกครั้ง แสงสีขาวสองดวงก็พวยพุ่งออกมาล้อมรอบอันลิซ่าและเฟิงอี้เซวียนเพื่อปกป้องพวกเขาไว้
“อืม ยังขาดอะไรอีกนะ?” ชายชราลูบเคราของเขาเบาๆ และคิด
ชายชราครุ่นคิด เขาพลิกมือแล้วก็มีแผ่นคริสตัลใสขนาดเล็กปรากฏขึ้นในมือของเขา ชายชราดูเคร่งขรึมและโบกมือเบาๆ แผ่นนั้นก็บินไปในอากาศและค่อยๆหมุนไปที่ด้านบนหัวของแคลร์ แผ่นคริสตัลเปล่งแสงสีขาวนวลออกมา แคลร์เข้าใจดีว่าสิ่งนี้ต้องไม่ใช่ของทั่วไป มันคงจะเป็นสมบัติล้ำค่าแน่ๆ
“เอาล่ะ ทุกอย่างพร้อมแล้ว” ชายชราพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
สายฟ้ากำลังจะลงมาแล้ว!
สิ่งนี้น่ากังวลจริงๆ อันลิซ่าขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองแผ่นคริสตัลที่หมุนช้าๆ บนหัวของแคลร์ ครั้งนี้อาจารย์ใช้สิ่งนั้น ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย! เฟิงอี้เซวียนยิ่งกังวลมากขึ้น มือของเขากำแน่นจนข้อนิ้วเป็นสีขาว
“ลม!” ชายชรายกนิ้วชี้และนิ้วกลางแล้วโบกไปอย่างแรง ลมที่รุนแรงพัดขึ้นสู่ท้องฟ้าเขตกั้นนี้กลายเป็นศูนย์กลาง ทำให้สถานที่ที่พวกเขายืนนั้นเป็นพื้นที่เปิดโล่งและล้อมรอบด้วยพายุหมุนที่รุนแรงเต็มไปหมด
แคลร์มองฉากตรงหน้าด้วยความประหลาดใจและสงสัยในใจว่าชายชราผู้นี้ฝึกฝนลึกซึ้งแค่ไหนกันนะ?
เปรี้ยง…
สายฟ้าที่ยาวและดุร้ายก็ฟาดลงมา ดูน่ากลัวมาก
หัวใจของเฟิงอี้เซวียนบีบแน่น เขามองคนสองคนที่อยู่ในเขตกั้นนั้น
สีหน้าของชายชราดูเคร่งขรึมยิ่งทำให้พวกเขากังวลมากขึ้นไปอีก
“เหอะ! ฮ่า!” แต่ภาพต่อไปทำให้แคลร์และทุกคนอึ้งไปหมด
ชายชรากระโดดขึ้น สะบัดนิ้วเบาๆ และพลังอันกล้าแกร่งก็เผชิญหน้ากับสายฟ้าโดยตรง
เปรี้ยง…
ทันใดนั้นสายฟ้าที่ทรงพลังก็ถูกกั้นเอาไว้และแยกออกจากกัน สายฟ้าที่กระจายเบ่งบานกลางอากาศเหมือนดอกไม้ไฟระยิบระยับ
มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? สบายๆ เช่นนี้หรือ? เขาแค่ปัดไปน่ะหรือ?
“อืม สวยดีนะ เหอะ!” ชายชราบิดไหล่ของเขาแล้วสะบัดนิ้วของเขาไปที่สายฟ้าถัดไป ประกายไฟอันงดงามกระจายออกมาอีกครั้ง มันสวยงามมาก
อันลิซ่ากระตุกมุมปาก นางพูดอะไรไม่ออกเลย
เฟิงอี้เซวียนกลืนน้ำลายและมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยประกายไฟอย่างว่างเปล่า เขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
แคลร์มองไปที่ชายชราตรงหน้านาง จากนั้นก็มองขึ้นไปที่แผ่นคริสตัลที่ลอยอยู่บนหัวของนาง เขตกั้นรอบตัวนางและลมอันรุนแรงนั้น นางอยากจะถามชายชราผู้นี้มากว่าเขาทำทุกสิ่งก่อนหน้านี้ไปทำไม? เขาจัดการสายฟ้าได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ ยังจะต้องทำให้สถานการณ์ดูยิ่งใหญ่ไปทำไมกัน?
ชายชรายังใช้เวลาในการหวีเครายาวที่ยุ่งเหยิงของเขา จากนั้นก็จัดการสายฟ้าต่อได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่ชายชรากำจัดสายฟ้าทั้งเจ็ดไปอย่างสบายๆ แล้ว เขาก็หยิบหวีเล็กๆ ในแขนเสื้อออกมาหวีเคราและคิ้วของเขาอย่างระมัดระวังและพึมพำ “จริงๆ เลยนะทำให้ข้าวุ่นวายจริงๆ”
เมฆดำบนท้องฟ้าค่อยๆ สลายไป ท้องฟ้าสีครามก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับบรรยากาศที่เงียบสงบ
ชายชราโบกมือของเขา เขตกั้นสีขาวงดงามและลมนั้นก็หายไปทันที จากนั้นแผ่นคริสตัลใสบนหัวของแคลร์ก็ถูกเก็บกลับไปด้วยเช่นกัน
“ไป เข้ามาสิ ลิซ่า เจ้าไปชงชาสิ” ชายชรายิ้มและเดินนำไปที่ประตูบ้าน
“เดี๋ยวก่อน! อาจารย์!” เสียงของอันลิซ่าสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางกำลังอดทนอดกลั้นต่อบางสิ่งอยู่
“อะไร?” ชายชราหันไปมองอันลิซ่าที่กำลังจะระเบิดแล้วถามอย่างสงสัย
“อาจารย์ ถ้าอาจารย์สามารถกำจัดสายฟ้าได้ง่ายๆ เช่นนั้น อาจารย์ยังจะทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์ตั้งมากมายไปเพื่ออะไร? ทั้งเขตกั้น ทั้งลมอะไรนั่นอีก!” อันลิซ่าแทบคลั่งแล้วถามคำถามที่อยู่ในใจของแคลร์และเฟิงอี้เซวียนอีกด้วย
“เจ้าจะรู้อะไร? การจัดสถานที่เป็นสิ่งที่ต้องทำสิ ไม่เช่นนั้นข้าจะแสดงความสง่างามและทรงพลังของข้าได้อย่างไรล่ะ” ชายชรากลอกตาแล้วตอบอันลิซ่าอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็มองไปที่แคลร์ด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเถอะ แม่หนู เจ้าต้องบอกรายละเอียดให้ข้ารู้ด้วยนะ”
แคลร์อึ้ง อันลิซ่าแทบบ้า เฟิงอี้เซวียนยกมุมปากไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเลย
แคลร์เดินตามชายชราเข้าไปในบ้าน ชายชรานั่งลงบนเก้าอี้จากนั้นก็ให้ทุกคนนั่งลง
“แม่หนู บอกข้ามาสิว่าเจ้าได้รับเคล็ดวิชานี้มาได้อย่างไร เจ้าต้องรู้ก่อนนะว่าตอนแรกซือคงหลินนั่นหวงมากๆ ข้าเอาเคล็ดวิชาของข้าไปแลกก็ไม่ยอม” พูดถึงตรงนี้ชายชราก็กัดฟัน
แคลร์เล่าให้ชายชราฟังถึงการที่ได้เคล็ดวิชานี้มาแล้วดวงตาของชายชราก็เบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ
เฟิงอี้เซวียนขมวดคิ้ว เขาจำได้แล้ว ตอนที่ซัมเมอร์ถูกจับได้เขาเองก็อยู่ที่นั่นด้วย คิดไม่ถึงว่าแคลร์จะได้เคล็ดลับนี้มาในตอนนั้น
“ให้ข้าดูหน่อยสิ” คำที่เขาพูดออกมา เขาก็รู้สึกเองว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“อาจารย์ ทำไมอาจารย์ทำเช่นนี้ล่ะ?” อันลิซ่าเดินออกมาจากห้องด้านหลังพร้อมกับน้ำชาแล้วตำหนิด้วยความโกรธ
“เหอะๆ ข้าก็รู้ว่าข้าทำมากเกินไป” ชายชรายิ้มแล้วหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
“รู้ตัวก็ดี แม้ว่าอาจารย์จะช่วยแคลร์เรื่องสายฟ้า แต่ถ้าเอาเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขขอดูเคล็ดวิชา มันก็เกินไปนะ” อันลิซ่าเองก็ไม่ได้ไว้หน้าอาจารย์ของนางและพูดสั่งสอนออกมา