เสน่ห์คมดาบ - เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 157
ลาเกอร์มองดยุกกอร์ตั้นและต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดยุกกอร์ตั้นหลับตาลงอย่างหงุดหงิด ลาเกอร์ขยับริมฝีปากของเขา แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่พูดแล้วถอยออกไป
ราเซียยืนอยู่ตรงประตูด้วยสีหน้ากังวลและเป็นห่วง ทันทีที่เห็นลาเกอร์ออกมานางก็รีบจับมือลาเกอร์แล้วถามอย่างร้อนใจ “ท่านพ่อ เป็นอย่างไรบ้างคะ?! จะช่วยท่านแม่ออกมาได้เมื่อไหร่?”
ลาเกอร์มองใบหน้ากังวลของราเซียแล้วถอนหายใจเล็กน้อย เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ สถานการณ์เป็นแบบนี้ซึ่งเขาเองก็คิดไม่ถึง ทั้งเรื่องการทรยศของเอเรคลูกชายคนรองของเขา ทั้งเรื่องที่แคทเธอรีนถูกใส่ร้าย เรื่องทั้งหมดนี้ราวกับว่าเขาถูกกระชากหัวใจเลย
ลาเกอร์ลูบหัวของราเซียและไม่สามารถพูดอะไรได้ เขาได้แต่ถอนหายใจยาวและเดินจากไป
ราเซียมองแผ่นหลังของลาเกอร์แล้วกัดริมฝีปาก ใบหน้าของนางเรียบนิ่ง นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นท่านพ่อเป็นแบบนี้ ทำไมเรื่องต่างๆ ถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ? ถ้าพี่สาวอยู่ที่นี่ด้วยก็คงจะดี พี่สาวจะต้องช่วยท่านแม่ออกมาได้อย่างแน่นอน ราเซียเงยหน้าขึ้นมองไปไกลๆ ท่านพี่ ตอนนี้พี่กำลังทำอะไรอยู่นะ? รู้หรือไม่ว่าตอนนี้ท่านแม่ถูกคุมขังอยู่?
แคลร์ในเวลานี้ก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเช่นกัน
แคลร์และเฟิงอี้เซวียนยืนหันหลังให้กัน ทั้งสองคนชุ่มไปด้วยเลือด มีคนล้อมพวกเขาอยู่และมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา คนเหล่านั้นล้อมพวกเขาไว้อย่างแน่นหนา
ที่นี่เป็นเพียงภูเขาชั้นที่ห้าเท่านั้น แต่เจ้าเมืองจากหลายๆ เมืองที่อยู่เหนือขึ้นไปอีก กลับมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้วล้อมแคลร์และเฟิงอี้เซวียนไว้
แม้ว่าตอนนี้แคลร์จะบรรลุไปถึงขั้นสิบแล้วด้วยความช่วยเหลือของดอกบัวสีทองที่ตื่นขึ้นมา วิชาลมเทียนกังของเฟิงอี้เซวียนก็บรรลุไปถึงขั้นที่สิบเอ็ดแล้วเช่นกัน แต่พวกเขายังห่างชั้นจากคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเหล่านี้ เดิมทีผู้ที่แข็งแกร่งเหล่านี้อยู่กับแบบตัวใครตัวมัน ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แต่ในขณะนี้พวกเขากลับพากันมาปิดล้อมแคลร์และเฟิงอี้เซวียนไว้
“บอกอาจารย์ของพวกเจ้าซือคงหลินและไป่หลี่จวีให้ออกมา! ไม่อย่างนั้นวันนี้พวกเจ้าจะไม่เหลือแม้แต่กระดูก!” เจ้าเมืองของเมืองที่เก้าผู้ดุร้ายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นผู้หญิงที่เย้ายวน นางเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในพื้นที่นี้
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่รู้จักซือคงหลินกับไป่หลี่จวี!” แคลร์กัดฟันและบีบคำพูดออกมา ตาของนางเริ่มเบลอและนางก็เวียนหัว บาดแผลบนร่างกายทำให้เลือดไหลไม่หยุด สถานการณ์ของเฟิงอี้เซวียนยิ่งแย่กว่า อีก เขาป้องกันการโจมตีเพื่อแคลร์หลายครั้ง บาดแผลของเขาจึงยิ่งมากและลึกขึ้นเรื่อยๆ!
“ไม่รู้จักหรือ? เจ้าคิดว่าพวกเราตาบอดกันหมดหรือไง? กระจกดอกบัวและสายลมเทียนกังเป็นเคล็ดวิชาเฉพาะของพวกเขา! ถ้าพวกเจ้าไม่อยากตายก็เรียกพวกเขาออกมา!” เจ้าเมืองที่แปดป็นชายที่มีแผลเป็น เขาโบกขวานคู่ใหญ่และตะคอกด้วยความโกรธ เสียงนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ในเวลานี้แคลร์และเฟิงอี้เซวียนรู้แล้วว่าชื่อจริงของท่านลมคือไป่หลี่จวี
แคลร์เข้าใจว่าหากคนเหล่านี้จะฆ่านางและเฟิงอี้เซวียนก็คงลงมือไปนานแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้คิดจะเอาชีวิต เพราะพวกเขาเพียงต้องการให้ทั้งสองเรียกอาจารย์ที่ชื่อซือคงหลินและไป่หลี่จวีออกมา พวกเขามีความเกลียดชังกันแบบไหนกับคนเหล่านี้นะ? ถึงขนาดทำให้คนเหล่านี้รวมตัวกันล้อมนางและเฟิงอี้เซวียนเอาไว้!
ในเวลานี้แคลร์รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างของเฟิงอี้เซวียนที่อยู่ด้านหลังของนางกำลังเซ แคลร์ยื่นมือออกไปเพื่อพยุงเฟิงอี้เซวียนทันที แต่มือที่พยุงเฟิงอี้เซวียนนั้นเต็มไปด้วยเลือด!
“เฟิงอี้เซวียน!” แคลร์อุทานด้วยความกังวล มือของนางสั่นเล็กน้อย หัวใจของนางก็รู้สึกดำดิ่งลงอย่างรวดเร็ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เฟิงอี้เซวียนจะไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว ตาแก่นั่น! ทำไมไม่บอกว่าพวกเขาสร้างความเกลียดชังครั้งใหญ่ไว้ที่นี่! คนเหล่านี้จำเคล็ดวิชาของพวกเขาได้ในพริบตา ตอนนี้บัญชีแค้นทั้งหมดตกอยู่ที่นางและเฟิงอี้เซวียน มันผิดมาก! ถ้าท่านลมอยู่ที่นี่ เขาคงจะโวยออกมาเช่นกัน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนหลังซือคงหลินทำอะไรไว้ แต่เพราะส่วนใหญ่เขามักจะอยู่กับซือคงหลินตลอด คนเหล่านั้นจึงนับรวมเขาเป็นธรรมดา ถ้าเขารู้ว่าซือคงหลินทำอะไรในตอนหลัง เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เฟิงอี้เซวียนและแคลร์ก้าวเข้ามาในสถานที่ที่เต็มไปด้วยการสังหารที่เต็มไปด้วยการกดขี่ข่มเหงและความโกลาหลเช่นนี้หรอก!
“ถ้าเจ้าอยากจะช่วยชีวิตคนรักของเจ้า เจ้าก็เรียกซือคงหลินมาเร็วๆ สิ!” ผู้หญิงที่เย้ายวนจ้องด้วยสายตาเย็นชาและพูดอย่างรุนแรง
“ข้าบอกว่าข้าไม่รู้จักซือคงหลิน!” แคลร์ช่วยเฟิงอี้เซวียน ขณะที่สายตาของนางพร่ามัว นางก็มาถึงขีดจำกัดของนางแล้ว
หรือว่าวันนี้จะต้องตายที่นี่จริงๆ?
สถานการณ์วิกฤตมากเช่นนี้ เทพเจ้าแห่งความมืดก็ยังไม่ปรากฏตัว เช่นนั้นมีเพียงเหตุผลเดียวที่จะอธิบายได้ นั่นก็คือเทพเจ้าแห่งความมืดไม่สามารถมาสถานที่แห่งนี้ได้ พื้นที่แห่งนี้มีข้อจำกัด ! ดอกบัวสีทองยังคงหลับสนิท เรียกอย่างไรก็ไม่ตื่น ไม่มีทางแล้วจริงๆ หรือ?
“ยัยตัวเล็ก ดูเหมือนว่าเจ้าจะอยากตายจริงๆ นะ!” ผู้หญิงที่เย้ายวนยิ้มเยาะ มือของนางเริ่มรวบรวมพลัง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวและมีรอยยิ้มที่น่ากลัว
“แคลร์…” เฟิงอี้เซวียนใช้แรงทั้งหมดที่มีดึงแคลร์ไปข้างหลังเขา
เลือดไหลหยดออกมาจากร่างกายของเฟิงอี้เซวียน พื้นดินข้างล่างค่อยๆ กลายเป็นสีแดงเรื่อยๆ
“เฟิงอี้เซวียน!” แคลร์มองแผ่นหลังของเฟิงอี้เซวียน เสียงของนางสั่นเล็กน้อย เขาบาดเจ็บถึงขนาดนี้แล้วยังจะปกป้องนางแบบนี้อีก ก้นบึ้งของหัวใจของแคลร์มีบางสิ่งค่อยๆ หยั่งรากงอกเงยออกมาอย่างช้าๆ
“แคลร์ ข้าขอโทษ ข้าล้มเหลวในการปกป้องเจ้า… ” เสียงของเฟิงอี้เซวียนต่ำลงเรื่อยๆ ในน้ำเสียงนั้นมีความโกรธแค้นและความเจ็บปวด
“ไม่ เฟิงอี้เซวียน ข้า… ” หัวใจของแคลร์รู้สึกขมขื่นมาก
“รีบๆ ตายไปซะ! ในเมื่อไอ้ซือคงหลินผู้นั้นไม่โผล่มา พวกเจ้าก็ตายซะ!” ชายผู้มีแผลเป็นพร้อมขวานคู่ในมือเหวี่ยงขวานยักษ์และตะคอก
หญิงผู้นั้นรวมรวบน้ำจนกลายเป็นลูกบอลน้ำขนาดใหญ่ คราวนี้นางเตรียมจะโจมตีคนทั้งสอง !
เฟิงอี้เซวียนยื่นมือออกมาและจับมือของแคลร์ไว้แน่น แคลร์มองดวงตาของเฟิงอี้เซวียนด้วยรอยยิ้ม จากนั้นนางก็กำมือของเฟิงอี้เซวียนไว้
ช่วงเวลานี้ ไม่ต้องมีคำพูดใดเอื้อนเอ่ยออกมา
เมื่อแคลร์และเฟิงอี้เซวียนมองหน้ากันและยิ้มเตรียมรับความตาย แสงสีทองก็สว่างวาบเข้ามา
ตรงหน้าพวกเขามีชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ด้วยใบหน้าเย็นชา ท่าทางของชายชราไม่ได้มาร้ายหรือดี แต่มีความขมขื่น จมูกนกอินทรี ริมฝีปากบางเรียว และตาแคบแวบแรกที่ได้มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีแน่นอน
เฟิงอี้เซวียนและแคลร์มองไปที่ชายชราที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยความประหลาดใจ เพราะคนที่ล้อมรอบพวกเขาทั้งหมดเดือดขึ้นมา
“ซือคงหลิน! ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัว!”
“เจ้ากล้าปรากฎตัวแล้ว!”
“วันนี้เจ้าจะต้องเสียใจ!”
“เตรียมรับความเจ็บปวดซะ! ตาแก่หัวขโมย!”
เสียงเรียกและการดุด่าผสมปนเปไป ผู้ที่แข็งแกร่งเหล่านั้นยังคงมีท่าทางดุร้าย พวกเขาทั้งหมดตะโกนสาปแช่งอย่างปากร้าย
คนพวกนี้เกลียดซือคงหลินเข้ากระดูก! อะไรคือความเกลียดชังที่ลึกซึ้งระหว่างพวกเขากันนะ? คนเหล่านี้ยั่วยุพวกเขา ล้อมรอบพวกเขา และบังคับให้ซือคงหลินแสดงตัว เป็นความเกลียดชังที่ฝังลึกมากเลยหรือ?
ซือคงหลินหันหน้าไปมองแคลร์ เขาลูบคางไม่สนใจคนที่ก่นด่าเขาอยู่และพูดออกมาสองคำ “ไม่เลว”
ไม่เลว? อะไรไม่เลว? แคลร์ขมวดคิ้วและมองซือคงหลินตรงหน้านาง นางแปลกใจ นี่คือซือคงหลินที่ท่านลมพูดถึงหรือ? เขาดูซื่อบื้อยิ่งกว่าท่านลมอีก
“ซือคงหลิน เจ้ามันเลว! เจ้ามองไปทางไหน เจ้ากล้าเมินเรางั้นหรือ!”
“ซือคงหลิน วันนี้เจ้าจะต้องตาย!”
“ข้าจะต้องล้างแค้นให้ได้!”
เสียงโกรธแค้นดังขึ้นทีละคนแต่ไม่มีใครกล้าโจมตี ต่างคนต่างรอให้ใครสักคนลงมือก่อน เห็นได้ชัดว่าพวกเขากลัวซือคงหลินมาก
เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาและซือคงหลินในอดีตนะ?
ซือคงหลินค่อยๆ หันกลับมามองทุกคน แต่ทุกคนก็ก้าวถอยหลังด้วยหัวใจที่สั่นเทา
ประโยคต่อไปของซือคงหลินทำให้ทุกคนอยากจะอาเจียนเป็นเลือด
“พวกเจ้าเป็นใคร?” น้ำเสียงของซือคงหลินจริงจังมาก มันไม่มีความตลกอยู่ในนั้นเลยแม้แต่น้อย
ความเงียบเกิดขึ้นรอบๆ เงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มตกลงที่พื้นได้เลย
วินาทีต่อมาคือเสียงคำสาปแช่งและคำสาปราวกับพายุ
“ซือคงหลิน! เจ้าเป็นคนไร้ยางอาย เจ้าบังคับให้ข้าคุกเข่าและให้ข้าเลียรองเท้าของเจ้า…” ชายที่ถือขวานพูดและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น เขาพูดไปครึ่งหนึ่งแล้วก็หยุดทันที ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเกือบจะพูดเรื่องที่น่าอายที่สุดของเขาออกไปแล้ว
แต่ว่าคำสาปแช่งที่ตามมาทำให้ชายผู้นั้นโล่งใจ เพราะทุกคนต่างยังก่นด่าซือคงหลินต่อไป
แคลร์และเฟิงอี้เซวียนรู้สึกไม่ดีเมื่อพวกเขาได้ฟังเช่นนั้น ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนพวกนี้ถึงเกลียดซือคงหลินมากขนาดนี้ ซือคงหลินให้คนเหล่านี้คุกเข่าลงร้องขอความเมตตาและเลียรองเท้าของเขา เขาบังคับให้คนอื่นพูดว่าการเลียรองเท้าของเขาเป็นสิ่งที่ดีและสนุกสนาน แถมยังรสชาติดี!
“เราพยายามอย่างหนักเพื่อฝึกและในที่สุดก็บรรลุผลเพื่อเอาชีวิตของเจ้าในวันนี้!” เจ้าเมืองที่เจ็ดคำราม แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะเริ่มก่อน ซือคงหลินทิ้งเงาไว้ในใจเขามากเกินไป
“กลัวอะไร! ไปพร้อมกันเถอะ!” หญิงสาวผู้เย้ายวนกอดอกและเริ่มร่ายคาถา
“ใช่แล้ว ไปพร้อมกันเถอะ! พวกเราฝึกหนักมาหลายปีแล้วเพื่อรอวันนี้ใช่หรือไม่”
“ทุกคนไปพร้อมกันเถอะ! ตอนนี้พวกเราแตกต่างจากเมื่อก่อนนั้นแล้ว!”
เสียงตะโกนดังขึ้นและฝูงชนก็เริ่มโจมตีอย่างดุเดือด! นักรบเข้าไปอย่างเต็มที่ และนักเวทย์ก็เริ่มทำการโจมตีด้วยเวทมนตร์
การสังหารในเสี้ยววิคืออะไร!
การสังหารในเสี้ยววิ รู้จักหรือไม่?
วันนี้แคลร์และเฟิงอี้เซวียนได้เห็นมันแล้ว
นี่มันคือการสังหารในเสี้ยววิ!
ผู้มีพลังทั้งเก้าคนที่ทำร้ายพวกเขา ตอนนี้เหมือนมดที่ถูกซือคงหลินสังหารในเสี้ยววินาทีเลย!
คนทั้งเก้านอนอยู่บนพื้นไม่ขยับตัว
เฟิงอี้เซวียนและแคลร์มองหน้ากัน แล้วทั้งคู่ก็เห็นความตกตะลึงในดวงตาของกันและกัน
“น่าเบื่อจริงๆ พวกเจ้าเป็นใครกัน?” ซือคงหลินก้าวไปข้างหน้าและเหยียบอาวุธของชายที่มีขวานคู่ที่อยู่ใกล้ที่สุดและอาวุธนั้นก็แตกหักพังไปทันที!
มีเพียงคำอธิบายเดียวมีคนจำนวนมากที่ถูกซือคงหลินทำร้ายและเขาจำคนตัวเล็กๆ เหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เลย!
“ซือคงหลิน!” ชายขวานคู่บีบคำสองสามคำจากไรฟันของเขาด้วยความโกรธแค้น หลังจากหลายปีแห่งความเกลียดชัง คนๆ นี้กลับจำอะไรไม่ได้เลย! ความขุ่นมัวและความไม่พอใจอย่างมากกำลังถาโถมใส่คนทั้งเก้าที่นอนอยู่ที่พื้น
…………………………………………………………………………