เสน่ห์คมดาบ - เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 36
แคลร์หันไปพยักหน้าให้ราเซียเบาๆ จากนั้นก็เดินออกไป
ราเซียอึ้ง รอยยิ้มจางๆ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของนาง
แคลร์เดินนำหน้าไปโดยมีจินเหยียนเดินตามมาข้างหลัง
อลิซเก็บดาบไว้ที่หลังของนางด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธและมองแคลร์อย่างไม่พอใจ นางอยากจะทุบร่างของแคลร์ให้แหลกเป็นชิ้นๆ หญิงบ้าผู้ชายน่าเกลียดผู้นี้ทำไมถึงกล้าเรียกนางเช่นนั้น
ราเซียเดินตามมาข้างหลัง คนอยู่ข้างๆ คือคนที่คอยสนับสนุนนาง ด้านหลังสุดยังมีกลุ่มคนตามมาอีก เดิมทีพวกเขาทั้งหมดคือคนที่มาค้นหาข้อมูลในห้องสมุด แต่เมื่อพวกเขาได้ยินว่าแคลร์ตอบรับคำท้าดวล พวกเขาก็พากันวิ่งออกไปดูด้วยความตื่นเต้น
เมื่อพวกเขาได้เห็นชัดๆ ว่าใครคือคนที่แคลร์ตอบรับการดวลในครั้งนี้ พวกเขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย ผู้นั้นคืออลิซ โรม นักรบอันดับสามในไรซิ่งซัน นางบรรลุนักดาบชั้นยอดตั้งแต่อายุสิบสาม แต่แคลร์เป็นเพียงนักเวทย์ที่บรรลุนักดาบขั้นสูงเท่านั้น อีกทั้งระดับนักเวทย์ของแคลร์ก็ยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างแท้จริงเลย
ใครกันที่จะเป็นผู้ชนะการดวลในครั้งนี้?
พื้นที่จัตุรัสกว้างขวางด้านหน้าห้องสมุดถูกล้อมอย่างรวดเร็วโดยผู้คนจำนวนมากที่ยังเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าดีใจที่เจ้ายอมรับคำท้าของข้า” อลิซแสยะยิ้มแล้วกัดฟันพูด ดวงตาของนางดูภาคภูมิใจราวกับว่านี่เป็นช่วงเวลาแห่งชัยชนะของนาง
“งั้นก็มาเริ่มกันเลยสิ” แคลร์พูดเบาๆ
“เดี๋ยวก่อน” อลิซพูดขึ้นมาทันที “แบบนี้มันไม่น่าเบื่อเกินไปหรือ เรามาพนันกันเถอะ”
“หือ? ” แคลร์เลิกคิ้ว
“หากข้าชนะ ข้าต้องการดาบของอัศวินเจ้า แต่หากข้าแพ้ ดาบของข้าก็จะเป็นของเจ้าไปเลย” อลิซดึงดาบรูปร่างแปลกๆ ที่หลังของนางออกมาแล้วปักมันลงบนพื้น ทันใดนั้นแผ่นหินสี่เหลี่ยมด้านล่างก็แตกออกทันที
อลิซอยากได้ดาบวิเศษของจินเหยียนหรือ?!
แคลร์ขมวดคิ้ว ดวงตาของนางเย็นชา นางมอบดาบให้จินเหยียนแล้วดังนั้นนางก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวกับมันอีก นอกจากนี้อาวุธที่หญิงสาวหยาบคายคนนี้เสนอให้ก็ไม่ได้น่าสนใจเลยสำหรับนาง
“ข้าเชื่อว่าคุณหนูจะแล้วชนะได้ดาบวิเศษมาอีกเล่มแน่นอน” เสียงของจินเหยียนดังมาจากด้านหลังของแคลร์เบาๆ ความหมายในประโยคนั้นชัดเจนมาก จินเหยียนตกลงที่จะใช้อาวุธของเขาเป็นเดิมพันและเขาก็เชื่อมั่นว่าแคลร์จะเป็นผู้ชนะ
ดาบเล่มนั้นก็เป็นดาบวิเศษด้วยงั้นหรือ? แคลร์สัมผัสได้ว่าดาบที่อลิซปักลงบนพื้นมีคลื่นเวทมนตร์จางๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นดาบที่ดี
“คุณหนู นี่ครับ” จินเหยียนก้าวไปข้างหน้าแล้วปลดดาบที่เอวของเขาส่งให้แคลร์ ฝ่ายตรงข้ามมีอาวุธ และแน่นอนว่าแคลร์เองก็ไม่สามารถรับมือได้ด้วยมือเปล่า แคลร์จึงรับดาบแล้วหันไปมองอลิซ
“ตกลง” แคลร์ยิ้มและพยักหน้าเบาๆ “งั้นมาเริ่มกันเลย”
“หึ! เจ้าไม่รู้อะไรเลยสินะ! ” อลิซตะคอกพร้อมชักดาบที่พื้นขึ้นมา นางคิดในใจว่าจะจัดการหญิงโง่เง่าผู้นี้จนเสียหน้าในฐานะที่เป็นคนของตระกูลฮิลล์ และจะต้องเหยียบย่ำจนนางเอ่ยขอความเมตตาต่อหน้าทุกคนที่นี่ให้ได้!
“เจ้าต้องจัดการแม่หนูน้อยนี่ ทำให้นางอึ้งจนไปต่อไม่ได้ แล้วก็เตะเข้าที่ใบหน้า เหยียบหลัง แล้วโกนผมนางไปเลย! ” วัลโดตะโกนอยู่ในหัวของแคลร์ เขารู้สึกขยะแขยงสาวหยิ่งผยองผู้นี้เช่นกัน พวกชนชั้นสูงนี่ชอบโอ้อวดว่าตัวเองเหนือกว่ากันจริงๆ ปีศาจน้อยก็เป็นขุนนางเช่นกัน แต่ไม่เห็นว่านางจะทำตัวหวือหวาเลย
แคลร์เงียบแล้วพุ่งเข้าหาอลิซโดยไม่ใช้ดาบ อลิซรู้สึกดีใจมากจึงรีบวิ่งไปพร้อมดาบของนาง ในขณะที่วัลโดกำลังร้องโหยหวน “เจ้าปีศาจน้อย เจ้าเป็นคนที่เก่งกาจที่สุดในหมู่คนเจ้าเล่ห์ไม่ใช่หรือ ทำไมวันนี้เจ้าไม่แสดงความร้ายกาจออกมาล่ะ เจ้าต้องการจะเผชิญหน้าตรงๆ จริงหรือ? “
อลิซรู้สึกดีใจมาก หญิงบ้าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ใช้สมองเลย นางต้องการต่อสู้ระยะประชิดงั้นหรือ! นางคิดจะพึ่งความสามารถในฐานะนักดาบขั้นสูงเพื่อต่อสู้แบบระยะประชิดตัวกับตนเองน่ะหรือ?! ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลาเสียจริงๆ!
อลิซเปล่งเสียงออกมาและเหวี่ยงดาบไปที่แคลร์อย่างรุนแรง นางมั่นใจว่าแคลร์ไม่สามารถรับดาบนี้ได้และจะล้มลงกับพื้น
แต่แคลร์ไม่ได้แสดงพลังอะไรและพร้อมรับการโจมตี ทันทีที่อลิซมีรอยยิ้มบนใบหน้า แคลร์กลับหบลหลีกอย่างฉลาดและหายตัวไปต่อหน้าต่อตาอลิซ รูม่านตาของอลิซขยายออกทันที การที่ฝ่ายตรงข้ามหายตัวไปต่อหน้านักรบมันหมายความว่าอย่างไร? สิ่งที่นักรบเก่งที่สุดคือการต่อสู้ระยะประชิดนะ!
วินาทีต่อมาเสียงดาบฟันผ่านอากาศที่แสนเย็นยะเยือกก็ดังขึ้นที่หลัง อลิซคืนสติและเหวี่ยงดาบไปด้านหลังนางในทันที ทันใดนั้นก็เกิดเสียงโลหะกระทบดังกึกก้องอย่างรุนแรง อลิซรู้สึกถึงเหงื่อที่ชุ่มท้ายทอยของนาง ถ้าเมื่อกี้ดาบเล่มนี้ฟันถูกนางล่ะก็……
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้นางตกใจเพิ่งเริ่มต้น การโจมตีที่โหดเ**้ยมและแปลกประหลาดของแคลร์ทำให้นางลำบาก นี่มันเรียกว่าการต่อสู้ที่ไหนกัน? แบบนี้มันใช่การต่อสู้ระหว่างนักรบหรือ? หญิงบ้าผู้ชายคนนี้ดุร้ายมาก ทุกการโจมตีของแคลร์เล็งไปที่จุดสำคัญต่างๆ ซึ่งทำให้อลิซต้องเหนื่อยกับการรับมือ เมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อลิซก็เหลือแค่แรงปัดป้องเท่านั้นไม่สามารถต่อสู้กลับได้อีกต่อไป
ความตึงเครียดและความเหนื่อยล้าโถมเข้าใส่อลิซ ทำให้พลังของนางลดลงอย่างรวดเร็ว หากนางประมาทเพียงเล็กน้อย ดาบของแคลร์ก็คงทำให้นางบาดเจ็บได้อย่างแน่นอน
ผู้คนเริ่มตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ชมการต่อสู้ พวกเขาต่างก็สงสัยว่าแคลร์ใช้วิชาดาบแบบไหนกัน?! มันทั้งแปลกและยืดหยุ่นดีมาก อลิซที่อยู่ในฐานะนักดาบชั้นยอดถูกบีบให้ล่าถอยจนเหนื่อยหอบ พลังยุทธ์ของนางค่อยๆ จางไปอย่างช้าๆ แต่ว่า! ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบแคลร์ยังไม่ได้ใช้พลังยุทธ์เลย แคลร์ใช้เพียงแค่ดาบในการโจมตีเท่านั้น!
จินเหยียนที่กำลังดูการต่อสู้ตรงหน้าวก็รู้สึกแปลกใจอยู่ตลอดเวลา วิชาดาบของแคลร์ทรงพลังและน่าทึ่งมาก แคลร์บอกว่านางจะใช้ความนุ่มนวลเพื่อเอาชนะความแข็งแกร่ง ตอนนี้จินเหยียนยังไม่เข้าใจอะไรมากนัก ส่วนเรื่องที่แคลร์เรียนวิชาดาบเช่นนี้ได้อย่างไรนั้นก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่
“หึ! ” แคลร์ส่งเสียงอย่างเย็นชา จากนั้นพลังยุทธ์สีเขียวกระจายไปทั่วร่าง นางเหวี่ยงดาบไปที่คู่ต่อสู้ อลิซรีบยกดาบขึ้นมาขวางไว้ แต่ในเวลานี้นางไม่สามารถสู้กับดาบที่ทรงพลังของแคลร์ได้อีกต่อไปแล้ว
เสียงคมชัดของอาวุธที่ปะทะกันตามมาด้วยเสียงของดาบที่ตกลงบนพื้น
สถานที่นั้นเงียบไปชั่วขณะ
ดาบในมือของอลิซถูกกระแทกลอยขึ้นไปในอากาศแล้วตกลงที่พื้นไม่ไกลจากทั้งสองมากนัก แคลร์มองอย่างเย็นชาแล้วเอาดาบในมือจี้ไปที่คอของอลิซ
ลมที่พัดมาทำให้ผมสีบลอนด์ทองของแคลร์สว่างไสวราวกับแสงอาทิตย์
ดวงตาของอลิซดูซีดไปเลย
บริเวณรอบๆ มีเพียงความเงียบ
“ที่แท้คนตระกูลโรมก็เป็นเช่นนี้เองหรือ? ไม่มีความสามารถ แต่ชอบที่จะท้าทาย?” เสียงของราเซียดังขึ้นอย่างเย็นชา ราเซียรู้สึกเสียใจมาก นางจำสิ่งที่อลิซพูดในห้องสมุดได้อย่างชัดเจน ในตอนนี้นางจึงพูดคำเหล่านั้นกลับคืนใส่อลิซ
อลิซเงยหน้าขึ้นมองราเซียด้วยดวงตาที่มีประกายโกรธแค้น แต่นางไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ
“ไปกันเถอะ” แคลร์หยิบดาบบนพื้นดินที่เคยเป็นของอลิซขึ้นมา
“แต่ว่า ท่านพี่ การที่อัศวินของพี่ใช้ดาบสองเล่มมันไม่มากไปหน่อยหรือ? ” ราเซียเดินมาพูดยิ้มๆ เพื่อเยาะเย้ยอลิซที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น
วัลโดเงียบ นกยูงที่น่ารังเกียจ ตอนนี้กลับมาเรียกท่านพี่อย่างสนิทสนม ที่เมื่อก่อนเดินจมูกเชิดเลยนะ! จินเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร เขาไม่จำเป็นต้องพูดออกมาว่าราเซียเคยเกลียดแคลร์มากแค่ไหน เวลานี้ในน้ำเสียงของเด็กสาวผู้นี้คือความภาคภูมิใจในตัวแคลร์ ราเซียเป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสาจริงๆ คิดจะทำอะไรก็ทำจนสุด
“ถ้าอย่างนั้นก็มอบให้เจ้าแล้วกัน เจ้าจะเอาไปให้เพื่อนนักรบของเจ้าก็ได้นะ” หลังจากที่แคลร์คืนดาบของจินเหยียนให้เขาแล้ว นางก็มองดาบวิเศษอีกเล่มที่มีรูปร่างแปลกประหลาดในมือของนางแล้วพูดอย่างสบายๆ จากนั้นก็ส่งดาบให้ราเซีย
ดวงตาของอลิซเบิกกว้าง มองดาบวิเศษในมือของราเซียที่เดิมทีเป็นของตนเอง ดาบนั้นคือหนึ่งในมรดกตกทอดของตระกูลโรม! เป็นสิ่งล้ำค่ามาก! แต่ว่าตอนนี้นางกำลังจะเสียดาบไปจริงๆ! นางจะกลับไปอธิบายอย่างไร? ท่านพ่อและท่านปู่จะต้องโกรธมากแน่นอน
ราเซียแกว่งดาบวิเศษในมืออย่างมีความสุข “ขอบคุณท่านพี่”
แคลร์ยิ้มจางๆ แล้วหันหลังเดินกลับไปที่ประตูห้องสมุดเพราะนางยังอ่านหนังสือไม่เสร็จ ผู้คนที่ห้อมล้อมพื้นที่ต่างหลีกทางเมื่อแคลร์ก้าวผ่าน ในบทสนทนาของพวกเขาเต็มไปด้วยเรื่องของอลิซ สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่แคลร์และมองแผ่นหลังของนางที่หายเข้าไปในประตูห้องสมุด
แคลร์ที่อยู่ในฐานะนักดาบขั้นสูงสามารถเอาชนะอลิซที่เป็นนักดาบชั้นยอดได้และใช้พลังยุทธ์เพียงแค่ตอนท้ายเท่านั้น บางคนพูดถึงความแข็งแกร่งของแคลร์นั้นยอดเยี่ยมมาก ในขณะที่บางคนก็ดูถูกแคลร์ที่เอาแต่เลี่ยงการใช้พลังยุทธ์จนทำให้ความแข็งแกร่งทางกายของอลิซลดลง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แคลร์ก็เป็นผู้ชนะในการดวลครั้งนี้และได้รับรางวัลเป็นดาบวิเศษอันเป็นมรดกสืบทอดของตระกูลโรมไป
ชื่อของแคลร์ดังก้องไปทั่วเมืองอีกครั้ง
ในตอนนี้ท่าทีของราเซียที่มีต่อแคลร์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่ราเซียรู้เหตุผลในการมาห้องสมุดของแคลร์ นางจึงอาสาช่วยแคลร์อ่านหนังสือ แต่หลังจากยุ่งกับการค้นหากันมาตลอดทั้งบ่าย พวกเขาก็ยังไม่พบว่าไป๋ตี้เป็นสัตว์เวทย์ชนิดใดกันแน่
ในตอนเย็น เมื่อแคลร์และราเซียกลับมาถึงบ้าน พวกนางก็เห็นรถม้าหรูหราจอดอยู่ที่ประตู และป้ายที่รถม้าเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลโรม!
“เป็นไปได้ไหมที่ยัยอลิซงี่เง่าไม่สามารถเอาชนะท่านพี่ได้ นางจึงมาที่บ้านของเราเพื่อร้องเรียนในเรื่องนี้” ราเซียมองรถม้าและพูดอย่างเหยียดหยาม ตอนนี้เด็กสาวผู้นี้รักพี่สาวของนางมาก นางจำไม่ได้แล้วว่าก่อนหน้านี้นางไม่ชอบแคลร์อย่างไร วัลโดกลอกตาและถอนหายใจ ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ที่สุดเลย
“คงไม่ใช่หรอก” แคลร์พูดเบาๆ ดูจากนิสัยของอลิซแล้ว นางคงจะไม่ทำตัวงี่เง่าเช่นนี้
“เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” ราเซียเดินนำเข้าไป