เสน่ห์คมดาบ - เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 38
ไม่กี่วันต่อมาโรงเรียนไรซิ่งซันก็เปิดเทอม
เมื่อราเซียและแคลร์ปรากฏตัวที่ทางเข้าของโรงเรียน ดวงตาของทุกคนก็อึ้งไปตามๆ กัน
พี่น้องทั้งสองที่เข้ากันไม่ได้มาโดยตลอด คราวนี้กลับปรากฏตัวพร้อมกัน ช่างเป็นภาพที่กลมเกลียวจริงๆ!
พี่น้องสองคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดสายตา โดยเฉพาะแคลร์ผู้เป็นที่เลื่องลือเมื่อไม่นานมานี้
ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าแคลร์และราเซียเป็นเด็กหนุ่มที่มีเกียรติ ถ้าไม่นับใบหน้าที่ซีดเซียวและดวงตาที่แปลกประหลาด เขาก็เป็นชายหนุ่มรูปงามไม่น้อย แต่ในขณะนี้เขากำลังมองแคลร์อย่างไร้ยางอาย
“เจ้ากำลังทำอะไร? มีเรื่องอะไร? ” ราเซียขมวดคิ้วและถามอย่างไม่สนใจพร้อมกับมองไปที่ชายตรงหน้า
“สองสาวสวย สวัสดีตอนเช้านะ” ชายหนุ่มหน้าซีดโค้งคำนับอย่างสุภาพแล้วแสดงรอยยิ้มมั่นใจตัวเอง
ราเซียยกมุมปากมองชายหนุ่มที่เก๊กตรงหน้านางจนแทบจะอาเจียนออกมา
แคลร์ขมวดคิ้ว คนนี้… นางมีความทรงจำเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะคนเป็นคนที่เคยพัวพันกับแคลร์มาก่อน และนางก็ไล่ตามอย่างหนัก นางจำชื่อเขาไม่ได้แล้ว แต่แคลร์ยังคงมีความทรงจำกับใบหน้าขาวราวกับก้นหมูนี้
“คุณหนูแคลร์ ข้าอยากชวนเจ้าไปทานอาหารกลางวันได้หรือไม่?” พี่หมูถามด้วยรอยยิ้มมั่นใจ แคลร์เคยไล่ตามเขามาก่อน พี่หมูเดินไปรอบๆ แคลร์ เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ ที่แคลร์ผู้น่าเบื่อคนนั้นกลับเปล่งประกายได้มากขนาดนี้ ชื่อเสียงของแคลร์จากงานประลองและการดวลกันในห้องสมุดในวันนั้นทำให้เขาประทับใจเป็นอย่างมาก เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าวันนี้จะมาถึง… วันที่ความเปล่งประกายของแคลร์ทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาได้จริงๆ ในความเป็นจริงถ้ามองใกล้ๆ ภายนอกของนางก็เหมือนกับแคลร์คนเก่าในอดีต แต่ตอนนี้นางกลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
“ไม่ว่าง” แคลร์ปฏิเสธอย่างเย็นชา
“หือ? ” พี่หมูอึ้งจริงๆ เขาไม่คาดคิดว่าคำชวนที่เขาพูดออกไปด้วยความมั่นใจจะถูกปฏิเสธด้วยคำพูดเย็นชาเช่นนี้กลับมา สิ่งที่เขาคิดเอาไว้ก็คือ ถึงแม้ตอนนี้แคลร์จะดูต่างจากคนเดิมไปมาก แต่นางก็คงทำเป็นสงวนท่าทีแล้วตอบตกลงอย่างนิ่งๆ แต่ตอนนี้แคลร์กลับปฏิเสธเขาตรงๆ โดยไม่ไว้หน้าเลยหรือ?! นางคิดจะใช้กลวิธีปล่อยเพื่อจับหรือ? มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่ๆ!
ราเซียขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่เข้าใจภาษาคนหรือ? พี่สาวของข้าบอกว่าไม่ว่าง”
พี่หมูไม่ได้รังเกียจท่าทีของราเซีย ราเซียหยิ่งยโสมาตลอด แคลร์ก็จริงๆ เลย น้องสาวของเจ้าพูดเช่นนั้นแล้วยังจะเสแสร้งต่อไปอีกหรือ?
“ข้าคิดว่าคุณหนูแคลร์คงจะรู้สึกเขินอายที่จะตอบตกลงในทันที คุณหนูราเซีย เจ้าช่วยเว้นพื้นที่ส่วนตัวให้เราหน่อยได้หรือไม่?” พี่หมูปรากฎรอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าขาวซีด
“ไม่ว่าง” แคลร์พูดเบาๆ แล้วเดินไปข้างหน้า
ราเซียส่งเสียงหึอย่างเย็นชา เหลือบมองดูพี่หมูด้วยความรังเกียจแล้วก็เดินตามหลังแคลร์ไป
พี่หมูตะลึง จากนั้นก็โกรธเล็กน้อย หญิงบ้าผู้ชายผู้นี้ทำกับเขาได้ลงคอ! นางจะเสแสร้งไปถึงเมื่อไหร่กัน?
“เดี๋ยวก่อน” พี่หมูตะโกน
แคลร์ทำเป็นหูหนวก แล้วเดินจากไป
พี่หมูกระวนกระวาย เขารีบตามไปขวางแคลร์เอาไว้และพูดเยาะเย้ย “อย่าแสร้งทำเป็นไม่อยากอยู่กับข้าเลย เจ้าอยากอยู่กับข้ามาตลอดไม่ใช่หรือ? ” หลังจากนั้นพี่หมูก็เอื้อมไปคว้ามือของแคลร์ ในสายตาของพี่หมู แคลร์มีใบหน้าที่เย็นชา แคลร์ในแบบนี้ทำให้เขาใจเต้นมาก ผู้ชายเป็นเช่นนี้ สิ่งที่อยู่ใกล้แค่ปลายนิ้วจะไม่สนใจ แต่กลับสนใจในสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม
แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมือของพี่หมูยื่นมา
วินาทีต่อมา เสียงร้องอันน่าสยดสยองก็ดังก้องไปทั่วป่า นกบินแตกฮือกันทั่วทั้งท้องฟ้า
ใบหน้าของแคลร์เย็นชา พี่หมูจับที่ข้อมือขวาของเขาแล้วร้องโหยหวนซ้ำๆ เสียงกระดูกดังชัดเจน! กระดูกหัก ข้อมือแตก! พี่หมูน้ำหูน้ำตาไหล เขามองแคลร์ที่ใบหน้าเย็นชาด้วยความหวาดกลัว สีหน้าของนางไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่นางหักข้อมือเขาเมื่อกี้!
“ไอ้โง่! พี่สาวของข้าไม่ว่าง ถ้าเจ้ายังยุ่งกับนางอีก ข้าจะหักข้อมืออีกข้างของเจ้า! ” ราเซียเตรียมพร้อมที่จะโจมตีด้วยเวทมนตร์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่จำเป็นแล้ว
“เจ้า…… เจ้า…… อ๊าก! มือข้า! ” น้ำตาของพี่หมูยังคงไหลเป็นทาง
“ถ้าเจ้ายังไม่ไปหาผู้รักษา มือของเจ้าจะถูกทำลายนะ” เสียงทุ้มนุ่มของแคลร์พูดนิ่งเรียบ
พี่หมูวิ่งออกจากป่าด้วยความตื่นตระหนกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน
พี่หมูเป็นตัวอย่างชั้นดี….
หลังจากนั้นแคลร์จึงเดินไปอย่างราบรื่นและไม่มีผู้ชายมาก่อกวนอีก
เมื่อแคลร์คิดว่านางจะมีชีวิตที่สงบสุข ก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นทันทีเลย
เมืองเนียร์ เมืองที่แคลร์ได้ศักดินามากำลังเกิดโรคระบาดขึ้น!
ณ ห้องหนังสือของคฤหาสน์ดยุกฮิลล์
ดยุกกอร์ตั้นมองเอกสารบนโต๊ะอย่างเคร่งขรึม คิ้วของเขาขมวดแน่น
แคลร์ยืนรออย่างเงียบๆ
“แคลร์ คราวนี้สถานการณ์ร้ายแรงมาก โรคระบาดในเมืองเนียร์ยังคงขยายไม่หยุด และคราวนี้ภัยพิบัติก็แปลกประหลาดมาก ผู้คนต่างก็รู้สึกไม่ดี แม้ว่าข้าจะไม่อยากให้เจ้าไปเสี่ยงที่นั่น แต่ในฐานะที่เจ้าเป็นเจ้าเมืองเนียร์ เจ้าต้องไปเข้าใจหรือไม่?” ใบหน้าของดยุกกอร์ตั้นเคร่งขรึมและกังวลเล็กน้อย เขาไม่อยากให้แคลร์ไปที่ที่อันตรายเช่นนั้น หากแคลร์ติดเชื้อขึ้นมาคงจะไม่ดีแน่ๆ แต่นางก็เป็นเจ้าเมืองและยังเป็นคนของตระกูลฮิลล์อีกด้วย
“ข้าเข้าใจแล้วท่านปู่ เราจะไปกันเมื่อไหร่คะ?” แคลร์ถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม
“กลับไปที่ห้องของเจ้าและอ่านรายงานพวกนี้ เจ้าจะออกเดินทางคืนนี้ ส่วนวิหารแห่งแสงก็ได้ส่งคนมาช่วยเจ้าด้วย ข้าหวังว่าเราจะสามารถควบคุมโรคระบาดนี้ได้ สิ่งของบรรเทาทุกข์จะถูกแจกจ่ายในวันพรุ่งนี้ คืนนี้เจ้าไปก่อน” ดยุกกอร์ตั้นพูดพร้อมกับส่งข้อมูลในมือ ใบหน้าของเขาดูเครียดอยู่ตลอด
“ข้าเข้าใจแล้วท่านปู่ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจะไม่เป็นไร” แคลร์รับข้อมูลและปลอบดยุกกอร์ตั้นเรียบๆ
“เจ้าต้องระวังนะ ต้องกลับมาอย่างปลอดภัย รู้ไหม?” ดยุกกอร์ตั้นถามซ้ำอย่างเป็นห่วง
“ค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะท่านปู่” แคลร์ยิ้ม
เวลานี้ จู่ๆ เสียงระเบิดก็ดังขึ้น และดังไปถึงหูของทั้งสองคน
ดยุกกอร์ตั้นลุกขึ้นยืนทันที ใบหน้าของเขาตกตะลึง เพราะเสียงนี้มาจากภายในคฤหาสน์ และดูเหมือนจะมาจากห้องของอูมาริ!
แคลร์มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความสับสน นางเห็นควันดำทะมึนอยู่ข้างนอก ดูเหมือนบางอย่างระเบิด แต่แคลร์มองเห็นคลื่นเวทย์มนตร์ที่แข็งแกร่งในอากาศ เห็นได้ชัดว่ามันเกิดจากเวทย์มนตร์ระเบิด!
“นายท่าน แย่แล้ว แย่แล้ว! อาจารย์คลิฟกำลังต่อสู้กับอาจารย์อูมาริ อาจารย์คลิฟจะฆ่าอาจารย์อูมาริ! ” คนรับใช้คนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ แล้วตะโกน อูมาริเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะมือขวาของท่านดยุก ส่วนปรมาจารย์คลิฟก็เป็นตำนาน ไม่ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้บาดเจ็บ คนตัวเล็กๆ อย่างพวกเขาก็ไม่สามารถรับมือกับสถาการณ์หรือจินตนาการสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้
อะไร? อาจารย์คนที่สองต้องการจะฆ่าอาจารย์คนที่หนึ่งงั้นหรือ?
สีหน้าของแคลร์เปลี่ยนไป นางไม่พูดอะไรและรีบออกจากห้องหนังสือเพื่อไปยังห้องอูมาริ ดยุกกอร์ตั้นก็รีบตามหลังไป
อูมาริไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์คลิฟอย่างแน่นอน!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เมื่อแคลร์ไปถึงห้องอูมาริ นางก็ต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้า มีห้องอยู่ที่ไหนกันล่ะ? ห้องทดลองของอูมาริถูกรื้อถอนจนเหลือแต่ซากปรักหักพัง ไป๋ตี้ที่นอนบนหัวของแคลร์ จับผมของแคลร์มองที่ฉากตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้างและส่งเสียงเจื้อยแจ้ว (โดยปกติไป๋ตี้มักจะนั่งยองๆ อยู่บนไหล่หรือบนหัวของแคลร์ แทบจะไม่รู้สึกว่ามีมันอยู่ด้วยซ้ำคว)
อูมาริยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความอับอายท่ามกลางซากปรักหักพัง เขามีบาดแผลหลายแห่งบนร่างกาย เลือดอาบแขนเสื้อจนมือขวาของอูมาริเป็นสีแดงและเลือดยังคงไหลซิบๆ คลิฟลอยอยู่ในอากาศด้วยท่าทางที่น่ากลัว เขามองมายังอูมาริที่อยู่ด้านล่าง
“อาจารย์ ท่านเป็นอะไรหรือไม่? ” แคลร์รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของอูมาริ พยุงร่างที่สั่นเทาของเขาและถามอย่างเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้น? “
“แค่กๆ ……” อูมาริไอ มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขาแล้วพูดเบาๆ “โชคดีที่ไม่เป็นไร สาเหตุที่ปรมาจารย์คลิฟมาในวันนี้ เขาบอกกับข้าว่าเขาเป็นอาจารย์ของเจ้า ดังนั้นข้าจะต้องตาย”
แคลร์เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
คลิฟ ชายชราขี้เหนียวผู้นี้ไม่เต็มใจที่จะเป็นอาจารย์คนที่สอง เขาจะฆ่าอูมาริและจากนั้นเขาก็จะกลายเป็นอาจารย์เพียงคนเดียวของแคลร์
“เจ้ามีคุณสมบัติอะไรถึงเป็นอาจารย์ของแคลร์ได้? ข้าก็เอาแต่คิดว่าใครกันที่เป็นอาจารย์คนที่หนึ่งของแคลร์ คนตัวเล็กๆ อย่างเจ้าเหมาะสมงั้นหรือ? ” คลิฟลอยอยู่ในอากาศด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารแล้วตะโกนใส่อูมาริ
อูมาริห้ามเลือดในอกของเขาและไอเบาๆ “ใช่ ข้าก็รู้สึกมาตลอดว่าข้าไม่คู่ควร…”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ตายไปซะ” ดวงตาของคลิฟฉายแววเย็นชาและเขากำลังจะลงมือ
“หยุดนะ! ” แคลร์ยืนอยู่ตรงหน้าอูมาริและดุคลิฟ “อาจารย์อูมาริเป็นอาจารย์ของข้า ไม่มีใครสามารถทดแทนเขาที่คอยช่วยเหลือและดูแลข้าได้”
“ข้าก็ทำทุกอย่างที่เขาทำให้เจ้าได้ และข้าก็สามารถทำในสิ่งที่เขาทำให้เจ้าไม่ได้อีกด้วย! เขามีคุณสมบัติอะไรถึงจะเป็นอาจารย์ของเจ้าได้ วันนี้เขาต้องตาย!” คลิฟตะคอก ใบหน้าของเขาแดงก่ำ
“คลิฟ! ” แคลร์จ้องหน้า เรียกชื่อของคลิฟตรงๆ ด้วยความโกรธ “ข้าบอกแล้วไง ไม่มีใครมาแทนที่ความรักและความช่วยเหลือของอาจารย์อูมาริได้! ถ้าวันนี้ท่านกล้าทำร้ายเขาอีก ข้าจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อไล่ล่าท่าน ข้าจะไม่มีวันปล่อยท่านไปแน่!”