เสน่ห์คมดาบ - เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 63
สีหน้าของคลิฟเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเข้าใจดีว่าสิ่งที่เบนพูดนั้นคือความจริงทั้งหมด
แต่ว่าหากพวกเขาไม่เดินทางผ่านเส้นเลือดมังกรแล้ว พวกเขาก็จะไม่สามารถไปถึงป่าเอลฟ์ได้ นับประสาอะไรกับการไปเจอเทพเจ้าแห่งเอลฟ์ล่ะ แล้วตราที่อยู่ด้านหลังมือของแคลร์ก็จะไม่สามารถปลดออกได้
“หากตอนนี้พวกเราเดินทางผ่านเส้นเลือดมังกร พวกเราจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย หากยังไม่ไปตอนนี้ ก็ยังมีความหวังริบหรี่อยู่” แคลร์พูดกับคลิฟเบาๆ
คลิฟเข้าใจดีว่าแคลร์หมายถึงอะไร นางต้องแข็งแกร่งก่อนที่เทพเจ้าแห่งความมืดจะกลับมาอีกครั้งและใช้พลังของนางเองแก้ไขตราที่มือและต่อสู้กับเทพเจ้าแห่งความมืดให้ได้ แต่มันจะได้ผลหรือไม่ล่ะ? จะรอถึงเวลานั้นได้หรือ?
“เอาล่ะ อาจารย์ ไม่ต้องคิดแล้ว นี่มันเกือบรุ่งสางแล้วนะ ข้าขอพักผ่อนก่อน” แคลร์หาว “เราตั้งกระโจมกันเถอะ”
ใบหน้าของคลิฟดูเคร่งขรึม เขาหยิบของบางอย่างออกมาเงียบๆ หัวใจของเขารู้สึกหนักอึ้งผิดปกติ
จะเดินหน้าหรือว่าจะถอยหลังดีล่ะ?
สภาพแวดล้อมโดยรอบเงียบสงบ ทุกคนเข้าไปในกระโจม แต่จะมีกี่คนที่หลับก็ไม่อาจทราบได้
คืนนี้เหนื่อยมาก ทุกคนหลับยาวจนกระทั่งบ่ายวันรุ่งขึ้น
หลังจากที่แคลร์ตื่นขึ้นก็เดินออกจากกระโจม นางเห็นจินเหยียนนั่งอยู่หน้ากองไฟกำลังย่างเนื้ออยู่
“คุณหนู ตื่นแล้วหรือครับ?” จินเหยียนยืนขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า
“อื้ม ตอนนี้ร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ” แคลร์นั่งแล้วส่งสัญญาณให้จินเหยียนนั่งลงและถามเบาๆ เมื่อวานนี้แม้ว่ามังกรทองดูเหมือนจะสู้พอหอมปากหอมคอกับจินเหยียน แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่เหมือนกัน
“ดีขึ้นมากแล้วครับ ยาที่อาจารย์คลิฟทำนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ” จินเหยียนตอบ
“อ้าว แคลร์ อรุณสวัสดิ์” เฟิงอี้เซวียนออกมาจากกระโจมเช่นกัน เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินไปแทรกตรงกลางระหว่างทั้งสองคนและนั่งลงเลย
“อืม อรุณสวัสดิ์” แคลร์พยักหน้า
“พวกเรากลับไปที่เมืองหลวงโดยเร็วที่สุดจะดีกว่านะครับ” จู่ๆ จินเหยียนก็พูดเสียงเข้ม “มังกรดำพูดแล้วเมื่อวานนี้ว่ามังกรทองจะไม่มีวันปล่อยพวกเราไป หากคุณหนูต้องการฝึกก็ไม่จำเป็นต้องไปที่ป่าเอลฟ์ก็ได้นี่ครับ เราสามารถเลือกเส้นทางอื่นได้”
เฟิงอี้เซวียนขมวดคิ้ว เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นก็จำได้ว่าตราที่อยู่บนหลังมือของแคลร์นั้นมีเพียงเขาและคลิฟเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เฟิงอี้เซวียนจึงกลืนสิ่งที่เขาอยากจะพูดกลับคืนไป
“อืม กลับสิ เมืองหลวงเป็นที่ตั้งหลักของวิหารแห่งแสง ถ้ามังกรดำพูดถูก มันต้องมีข้อตกลงระหว่างเทพีแห่งแสงและเทพเจ้ามังกรว่ามังกรไม่สามารถบุกเมืองมนุษย์ได้” แคลร์พยักหน้า ถ้ามังกรทองไม่ตกใจกับคำพูดขู่ของนาง มันก็คงจะไม่หนีไปหรอก มังกรเช่นนี้เป็นราชานับว่าเป็นความอัปยศของเผ่ามังกรมาก ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างมังกรดำกับมังกรทองจะดูยุ่งเหยิงมาก แคลร์คาดเดาว่าหากมังกรดำไม่ถูกใส่ร้าย เขาอาจจะได้เป็นราชาคนต่อไปของเผ่ามังกรแทนมังกรทอง
“คุณหนู หิวหรือไม่ครับ?” จินเหยียนถามเบาๆ พลางพลิกเนื้อในมือ
แคลร์ยังไม่ทันได้ตอบ มังกรดำก็วิ่งออกจากกระโจมราวกับพายุหมุน เขาดูลุกลี้ลุกลนและโกรธมาก จากนั้นก็ตะโกนอย่างประหม่า “เร็วเข้าๆ รีบออกไปจากที่นี่ ไอ้นั่นกลับมาอีกแล้ว! “
อะไรนะ?!
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
จะมีใครอีกที่สามารถทำให้มังกรดำตื่นตระหนกและบอกให้พวกเขาต้องรีบไปอย่างรวดเร็วนอกจากมังกรทองผู้โหดร้าย
แคลร์ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและหันมองไปข้างหน้า
ทันใดนั้นพายุที่รุนแรงก็พัดเข้ามาตรงหน้า ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีทรายและโขดหินลอยเต็มไปหมด และบริเวณด้านหน้าก็กลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่าในทันที ลมแรงทำลายล้างทุกอย่างโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
สีหน้าของเบนคร่ำเครียดลง เขารีบวิ่งไปด้านหน้าแล้วกลับคืนร่างเดิมของเขาทันทีเพื่อสกัดกั้นพายุที่รุนแรงนี้และป้องกันทุกคน
พายุพัดผ่านเบนไป ต้นไม้และก้อนหินที่อยู่ข้างๆ ก็ถูกพัดหายไปในทันที เหลือแต่ร่องรอยที่น่าตกใจบนพื้นดิน
กระโจมที่อยู่ข้างหลังทุกคนเหมือนโดนอะไรบางอย่างสาดใส่ จากนั้นกระโจมก็ค่อยๆ กลายเป็นสีแดง แคลร์เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจและมองเห็นสีแดงมากยิ่งขึ้นไปอีก ข้างลำตัวของมังกรดำมีเลือดไหลออกมา พายุที่รุนแรงได้บาดร่างกายที่แข็งแกร่งของมังกรดำไปแล้ว! เลือดเบนกระเซ็นติดกระโจม พายุนี้สามารถทำร้ายมังกรดำได้จริงๆ!
คลิฟและคนอื่นๆ รีบออกจากกระโจมอย่างรวดเร็ว เมื่อออกมาเห็นภาพเบื้องหน้าพวกเขาก็ถึงกับหน้าซีด
“มนุษย์ที่ต่ำต้อย ข้าบอกแล้วว่าข้าจะให้พวกเจ้าได้ชดใช้ ข้าจะบดขยี้ร่างของพวกเจ้าเป็นชิ้นๆ วิญญาณของพวกเจ้าจะต้องทนทุกข์ตลอดไป” เสียงคำรามของมังกรทองดังมาจากที่ไกลๆ ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธแค้น
สีหน้าของแคลร์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน มังกรทองกลับมาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร? อาการบาดเจ็บที่เท้าของเขาหายได้เร็วขนาดนี้เลยหรือ?
คราวนี้พวกเขาไม่สามารถต่อกรกับความโกรธแค้นของมังกรทองได้อีกต่อไปแล้ว
จะทำอย่างไรกันดีล่ะ?
ในไม่ช้า ร่างของมังกรทองก็ปรากฏขึ้นต่อสายตาของทุกคน ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างน่ากลัว จมูกของเขาพ่นลมหายใจออกมา และดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธและความอัปยศอดสูที่เคยถูกมนุษย์ต่ำต้อยผู้นั้นขู่ก่อนหน้านี้ ทำไมเขาถึงเชื่อไปจริงๆ นะว่ากรงเล็บจะถูกทำลายได้?
“มนุษย์ต่ำต้อย เจ้ากล้าโกหกข้า ข้าจะให้เจ้าชดใช้ในสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับ” มังกรทองคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
เจ้ามังกรไร้ยางอายผู้นี้ แคลร์ส่งเสียงหึอย่างเย็นชา ที่ข้าหลอกเจ้าได้ก็เพราะความรักตัวกลัวตายของเจ้าไม่ใช่หรือไง
“แคลร์ เราจะทำอย่างไรดี? ตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี? ตอนนี้มังกรตัวนี้โกรธมากยิ่งขึ้น และเขาจะไม่มีทางถูกหลอกอีกครั้งได้อย่างแน่นอน เขาใช้พลังทันทีที่มาถึงเลย หรือว่าครั้งนี้พวกเราจะต้องตายแล้วจริงๆ?” วัลโดถามตัวสั่น
“ข้าไม่รู้” แคลร์พูดอย่างเย็นชา ถ้ามังกรทองระเบิดพลังเต็มที่ก็ไม่มีใครหยุดเขาได้หรอก
“ถ้าอย่างนั้นแย่แล้ว แย่แล้ว…” วัลโดพึมพำด้วยความตื่นตระหนก ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้และพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น “แคลร์ ไป๋ตี้ล่ะ ไป๋ตี้ตื่นหรือยัง? ครั้งที่แล้วเขากลายร่างเป็นมนุษย์และฆ่าผู้ใช้ความตายตัวนั้นใช่หรือไม่? รีบปลุกเขาให้ตื่นแล้วให้เขาจัดการกับมังกรตัวนี้สิ”
แคลร์เงียบไม่พูดอะไรเพราะไป๋ตี้ยังคงหลับอยู่ ความเชื่อมโยงระหว่างพันธะทำให้แคลร์รู้ว่าไป๋ตี้ยังไม่ตื่น เขายังคงพักฟื้นอยู่
“อ่า ข้ารู้แล้วว่าไม่มีเรื่องดีเลยเมื่ออยู่กับแคลร์ เวลานี้มันจบลงแล้วจริงๆ ” ซัมเมอร์พูดอย่างอนาถด้วยความเศร้า
“อย่ายอมแพ้จนกว่าจะถึงจุดจบสิ” สุ่ยเหวินโม่พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ร่างของมังกรทองกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อเขาเห็นมังกรดำยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน ใบหน้าของเขาก็ดูน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อยๆ เขากัดฟันและพูด “เจ้าตกต่ำจนไร้หนทางรักษาแล้วจริงๆ สินะถึงไปอยู่กับพวกมนุษย์ต่ำต้อยพวกนี้ ช่างทำให้เผ่ามังกรเสียหน้าจริงๆ! “
“ก็ดีกว่าเจ้าที่ขึ้นเป็นราชาด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ” เบนกัดฟันและโต้กลับ
“ฮ่าๆ …” มังกรทองหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “ถ้าเจ้าจะโทษก็โทษที่เจ้ามันโง่! แต่ว่าตอนนี้เจ้าจงไปลงนรกเสียเถิด” มังกรทองก้าวถอยหลังและร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นลำแสงก็พุ่งออกมา สีหน้าของเบนเปลี่ยนไปแล้วเขาก็หลบ แต่ลำแสงนั้นราวกับว่ามีชีวิตอยู่ มันเลี้ยวแล้วพุ่งเข้ามาชนมังกรดำอีกครั้ง
ลำแสงทะลุร่างของมังกรดำ จากนั้นก็ยืดขยายออกและพันรอบๆ ตัวของมังกรดำอีก ลำแสงรัดแน่นอย่างรุนแรง ทำให้ร่างกายของมังกรดำเกร็งไปหมด
ทุกคนจำได้ว่าลำแสงนั้นเป็นลำแสงที่รั้งมังกรดำไว้เมื่อพวกเขาพบมังกรดำเป็นครั้งแรก
“เจ้าน่ะ อยู่นิ่งๆ ไปก่อน ข้าจะจัดการกับเจ้าในภายหลัง ข้าอยากให้เจ้าเห็นด้วยตาของเจ้าเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมนุษย์ต่ำต้อยที่เจ้าต้องการจะอยู่ด้วย” มังกรทองแสยะยิ้มอย่างโหดร้ายมองพวกมนุษย์
แคลร์กำหมัดแน่นและพูดกับมังกรที่โหดร้ายตัวนี้ “อยากได้อะไรก็มาลงที่ข้าแล้วปล่อยพวกเขาไป” คำพูดนี้ทำให้เขารู้สึกขบขัน ด้วยนิสัยของเขาแล้ว มนุษย์ที่นี่ทั้งหมดจะต้องตาย
เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครไปสักคน!
แคลร์ไม่ลังเลและเริ่มใช้กระจกดอกบัวทันที แสงสีทองจางๆ ปรากฏขึ้นบนร่างของนางทันที
ทันใดนั้นมังกรทองก็แทบคลั่งเมื่อเห็นสิ่งนี้
เปลวไฟสีนี้ที่แผดเผาเขา มันทำให้เขาสับสนและคิดว่าเปลวไฟจะสร้างความเสียหายให้เขามากจริงๆ จากนั้นเขาหนีไปด้วยความอัปยศอดสู
ความอัปยศอดสูนี้ต้องถูกชำระล้างออก!
“ไปลงนรกซะ! ” มังกรทองยิ้มอย่างน่ากลัว เขากระพือปีกบินขึ้นไปในอากาศแล้วมังกรที่ทรงพลังก็หายใจเข้า
คลิฟรีบวางกำแพงกั้นและเฟิงอี้เซวียนก็ช่วยสร้างกำแพงกั้นด้วย
ฝุ่นโดยรอบกำลังฟุ้งกระจายราวกับหมอก
“ระวัง! ” เสียงที่อ่อนแอของเบนทำให้ทุกคนตกใจ
เมื่อฝุ่นกระจายคละคลุ้ง สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป ลำแสงพุ่งโจมตีต่อหน้าต่อตาแคลร์ มังกรทองเจ้าเล่ห์กว่ามาก ก่อนอื่นเขาพ่นลมหายใจของมังกรออกมาเพื่อสร้างความสับสนให้กับทุกคน แล้วจากนั้นจึงปล่อยลำแสงตามออกมา
ในอีกไม่กี่อึดใจ ลำแสงกำลังจะพุ่งทะลุผ่านร่างของแคลร์ ในฐานะมนุษย์นางไม่สามารถต้านทานการโจมตีเหมือนมังกรดำได้
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของมังกรทอง ลำแสงนั้นจะหลอมมนุษย์ที่ต่ำต้อย ร่างและวิญญาณจะหลอมรวมเข้าด้วยกันให้พวกเขาตายอย่างช้าๆ ด้วยความเจ็บปวดไม่รู้จบ และสลายหายไปเลย
ไม่มีใครหยุดเขาได้และไม่มีใครช่วยนางได้!
ฮ่าๆ มนุษย์ต่ำต้อยที่โง่เขลา นี่คือการชดใช้จากการที่เจ้าทำร้ายร่างกายของข้า! มังกรทองมองขึ้นไปบนฟ้าและหัวเราะ รอเวลาที่แคลร์จะถูกทรมานและตายไป รอคอยความสิ้นหวังของมนุษย์ผู้ต่ำต้อยเหล่านั้น
สีหน้าของเฟิงอี้เซวียนซีดไปทันทีและเขากำลังรีบไปยืนหน้าแคลร์โดยไม่ลังเล จินเหยียนก็เคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน เป้าหมายของพวกเขาเหมือนกัน นั่นคือพวกเขาต้องการยืนอยู่ตรงหน้าแคลร์ คลิฟปล่อยโล่เวทย์ออกมามากมายในการหายใจครั้งเดียว แต่โล่เวทย์นั้นถูกลำแสงส่องทะลุผ่านได้อย่างง่ายดายและโล่เวทย์ก็แตกสลายทันที
แคลร์หลับตาลง กระจกดอกบกำลังวิ่งอย่างดุเดือดในร่างกายของนาง
ดอกบัวสีทอง ในตอนนี้นางจำเป็นต้องเรียกดอกบัวสีทองที่สามารถสกัดกั้นสายฟ้าได้ นางต้องการให้ดอกบัวสีทองนั้นออกมาช่วยสกัดกั้นลำแสงนี้
ออกมาเร็วๆ เข้า ดอกบัวสีทอง เจ้าบ้า ดันไม่ออกมาในช่วงเวลาสำคัญ แคลร์ดุในใจ
“ให้ตายเถอะ อีกเดี๋ยวก็จะมีคนมาช่วยเจ้าแล้ว ข้าจะออกไปทำไมเล่า? สิ้นเปลืองแรงเปล่าๆ ” ทันใดนั้นเสียงที่ไม่เป็นมิตรก็ดังขึ้นในความคิดของแคลร์ แล้วก็หายไปทันที