เสน่ห์คมดาบ - เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 66
เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 66
“เจ้า! ” ซัมเมอร์กระโดดขึ้นอย่างบ้าคลั่ง แต่นางก็ไม่กล้าทำอะไรกับมังกรดำ และทำได้เพียงแอบสาปแช่งมังกรดำที่ไร้มารยาทผู้นี้
“คุณหนู เทพธิดาแห่งแสงมาขอพบค่ะ” สาวใช้ที่ยืนอยู่ที่ประตูพูดอย่างระมัดระวัง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ชายในชุดดำที่อยู่ใกล้ๆ ทำให้ผู้คนได้รับแรงกดดันที่มองไม่เห็นจนทำให้ทุกคนต้องการจะหลบหนีไปโดยเร็วที่สุด
เร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ?! แคลร์แปลกใจเล็กน้อย นางเพิ่งมาถึงบ้าน คนในวิหารแห่งแสงก็รู้แล้ว
“ข้ารู้แล้ว ข้าจะไปทันที” แคลร์โบกมือและพูดเบาๆ บอกให้สาวใช้ไปก่อน
“เร็วเกินไป พอเจ้าเข้ามาในเมือง ทางนั้นก็คงจะรู้เลย ทำไมวิหารแห่งแสงถึงให้ความสำคัญกับเจ้ามากขนาดนี้ แต่ว่านี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลยนะ” ซัมเมอร์ขมวดคิ้วและพึมพำ
“เจ้าอย่าเดินเพ่นพ่านไปไหน อย่าสร้างปัญหาให้ข้า โดยเฉพาะเจ้า เบน อย่าลืมเรื่องที่รับปากไว้ เจ้าสัญญากับข้า แล้วอย่าทำเรื่องยุ่ง รู้หรือไม่? ” แคลร์ถามซ้ำ “รู้ รู้แล้ว สบายใจได้” เบนโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้ารีบไปเจอเทพธิดาแห่งแสงเถอะ”
“อืม” แคลร์พยักหน้าและเดินออกไป
เทพธิดาแห่งแสงไม่ธรรมดาเลยนะ พอแคลร์เข้าเมืองมา นางก็มาหาทันทีเลย
“เทพธิดาผู้นี้ชอบเจ้าหน้าขาวนั้น แล้วเจ้าหน้าขาวก็ทำดีกับแค่น้องสาวของเขาเท่านั้น แล้วน้องสาวของเขาก็ชอบเจ้าเท่านั้น ดูจากความสัมพันธ์เช่นนี้หมายความว่าเทพธิดาคงจะเกลียดเจ้า แคลร์ อนาคตของเจ้ามืดมนเล็กน้อยแล้วล่ะ” วัลโดพูดด้วยความยินดี
แคลร์ไม่ได้พูดอะไร จะอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าเทพธิดาคิดว่านางจะจัดการแคลร์ได้ง่ายๆ ล่ะก็ นางคิดผิดไปมากเลยล่ะ
แคลร์เดินไปที่ห้องโถง ทันทีที่เข้าไปในห้องโถง ร่างเล็กๆ ก็รีบวิ่งเข้ามา
“พี่สาว ข้าคิดถึงพี่มากเลย” เสียงที่คมชัดเป็นธรรมชาติของเด็กหญิงที่น่ารักเหลิ่งซวนซวน
ไม่มีใครเห็นความลึกซึ้งในแววตาของเทพธิดาแห่งแสงตอนที่เห็นฉากนี้
“ซวนซวน” แคลร์ก้มตัวลงอุ้มซวนซวน ขณะมองคนน่ารักในอ้อมแขนของนางด้วยรอยยิ้ม
“คุณหนูแคลร์ สวัสดี ข้ามาที่นี่ด้วยความเกรงใจ หวังว่าจะไม่ทำให้เจ้าเดือดร้อนนะ” เทพธิดาแห่งแสงหลิวเฉว่ฉิงลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับแคลร์ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“ไม่ค่ะ เทพธิดาเชิญนั่งลงก่อน” แคลร์พยักหน้าและยิ้ม
“ซวนซวนอยากพบเจ้ามาตลอด ดังนั้นเราเลยต้องมาเยี่ยมเมื่อรู้ว่าเจ้ากลับมาแล้ว” หลิวเฉว่ฉิงมองไปที่ซวนซวนในอ้อมแขนของแคลร์และพูดด้วยความกังวลเล็กน้อย
“เทพธิดาดีต่อซวนซวนมากเลยนะคะ” แคลร์ชื่นชม
หลิวเฉว่ฉิงยิ้มและไม่พูดอะไร
“พี่สาว ข้าไปดูห้องนอนของพี่ได้หรือไม่? ” ซวนซวนดึงผมของลาแคลร์เบาๆ เพื่อดึงความสนใจของแคลร์
“ซวนซวน เจ้าต้องเป็นเด็กดีนะรู้หรือไม่ อย่าทำให้คุณหนูแคลร์เดือดร้อน” หลิวเฉว่ฉิงยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ข้ารู้ค่ะ พี่ฉิงไม่ต้องกังวล ข้าจะเชื่อฟัง” ซวนซวนพูดกับหลิวเฉว่ฉิงแล้วกอดแคลร์ไว้แน่น “ถ้าเช่นนั้นพี่มารับข้าตอนเย็นนะคะ”
“ตกลง ข้าจะมารับเจ้าเย็นนี้” หลิวเฉว่ฉิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อลูบหัวของเหลิ่งซวนซวน
“พี่ฉิงใจดีที่สุดเลย” ซวนซวนยิ้มหวาน
“คุณหนูแคลร์ วันนี้ข้ารบกวนเจ้าดูแลซวนซวนได้หรือไม่?” ใบหน้าของหลิวเฉว่ฉิงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนและสง่างามอยู่เสมอ
หัวใจของแคลร์กระตุก เจ้าพูดกันเเรียบร้อยและตัดสินใจแล้ว ตอนนี้จะให้ข้าพูดอะไรได้ล่ะ?
“แน่นอน ซวนซวนน่ารักมากขนาดนี้” แคลร์พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม
แคลร์ส่งเทพธิดากลับไปแล้ว นางก็เดินกลับไปที่ห้องหนังสือของตนเองพร้อมกับเหลิ่งซวนซวน
แคลร์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานมองเหลิ่งซวนซวนจับสิ่งนั้นสิ่งนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แคลร์รู้สึกวุนงงในใจ เด็กคนนี้แปลกจริงๆ ทำไมถึงรู้สึกสนิทกับนางได้ขนาดนี้ ครั้งแรกที่พบกันก็เป็นเช่นนั้นเลย ตอนนี้ก็มานั่งกับตนเองไม่ไปไหนอีก
“ซวนซวน” แคลร์กระซิบ ขณะมองเหลิ่งซวนซวนที่กำลังก้าวขึ้นไปบนเก้าอี้และดูหนังสือ
“พี่สาว” จู่ๆ เหลิ่งซวนซวนก็เงยหน้าขึ้นมองแคลร์แล้วพูดด้วยรอยยิ้มสดใส “พี่สาวเจอพี่ชายของข้าก่อนที่จะกลับมาแล้วใช่หรือไม่? “
แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลิ่งหลิงยวิ๋นติดต่อกับเหลิ่งซวนซวนแล้วงั้นหรือ?
“พี่ชายของเจ้าบอกเจ้าหรือ?” แคลร์ถามอย่างสงสัย
“ไม่หรอก ข้าเห็นมันเอง” เหลิ่งซวนซวนชี้ที่ตาของนางและพูดอย่างจริงจัง
แคลร์ตะลึง เห็น? หมายถึงอะไรกัน?
“เด็กหญิงตัวเล็กๆ ผู้นี้ทำไมทำให้ข้ารู้สึกสยดสยองกันนะ?” ทันใดนั้นวัลโดรู้สึกหนาวสั่นเล็กน้อยในใจและพูดกับแคลร์
“เจ้าเห็นหรือ? ” แคลร์ถามเหลิ่งซวนซวนด้วยใบหน้าที่จริงจัง “เจ้าหมายถึงอะไร? “
“ก็คือข้าสามารถมองเห็นได้ เทพธิดาผู้สูงศักดิ์ไม่ได้ใจดีกับข้าเพราะนางชอบข้าจริงๆ หรอก แต่เพราะนางชอบพี่ชายของข้าต่างหาก” เหลิ่งซวนซวนวางหนังสือในมือลงและมองไปที่แคลร์ รอยยิ้มแปลกๆ ก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของนาง
วัลโดสั่นเทามากขึ้น ดวงตาของเด็กหญิงตัวเล็กดูเหมือนจะมองทะลุได้เลย
แคลร์ตะลึง จ้องเด็กอายุห้าขวบตรงหน้านางแล้วไม่สามารถพูดอะไรได้เลย เด็กคนนี้อายุแค่ห้าขวบจริงๆ หรือ?
ทำไมดวงตาถึงวิเศษมากเช่นนี้?!
“พี่สาวเคยได้ยินหรือไม่ว่าบุตรแห่งแสงมีดวงตาสีม่วงคู่หนึ่งที่สามารถหยั่งรู้อนาคตได้?” เหลิ่งซวนซวนยิ้ม นั่งลงบนโต๊ะ และมองไปที่แคลร์
แคลร์พยักหน้าเบาๆ “เคยได้ยินสิ” ในตอนนี้แคลร์แอบตกใจ เป็นไปได้หรือไม่ที่เด็กหญิงตรงหน้านางจะมองเห็นอนาคตได้? ไม่ใช่หรอกใช่ไหม?
“พี่สาว นี่หมายถึงอะไร? ” วินาทีต่อมาใบหน้าของเหลิ่งซวนซวนก็กลับมามีรอยยิ้มบริสุทธิ์ที่เด็กอายุห้าขวบควรจะมี นางเปลี่ยนเรื่องและชี้ไปที่หนังสือในมือเพื่อถามแคลร์
แคลร์มองหนังสือและอธิบายกับเหลิ่งซวนซวนด้วยรอยยิ้ม
“แคลร์ สาวน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน” วัลโดพูดเสียงสั่น
ไร้สาระ แคลร์ส่งเสียงหึ นางรู้เรื่องนี้โดยไม่ต้องให้วัลโดพูดเลย เด็กคนนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนรูปร่างหน้าตาของนางเลย
หลังจากหมดไปหนึ่งวัน ในตอนเย็นหลิวเฉว่ฉิงก็มารับเหลิ่งซวนซวน นางกล่าวคำอำลากับแคลร์อย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็ขึ้นรถไปพร้อมกับหลิวเฉว่ฉิงและจากไป
ไม่นานหลังจากการไปของเหลิ่งซวนซวน ราเซียก็กลับมา
“ท่านพี่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว ไปฝึกประสบการณ์ก็ไม่พาข้าไปด้วยเลย พอข้าได้ยินว่าวันนี้พี่จะกลับมา ข้าก็อยากจะรีบกลับมาทันทีแต่อาจารย์ก็ไม่ปล่อยให้ข้ากลับจนกว่าข้าจะทำงานเสร็จก่อน” ราเซียพูด
“เอาไว้ข้าจะพาเจ้าไปคราวหน้านะ จริงสิ ท่านแม่ล่ะ? ทำไมข้าไม่เจอท่านแม่เลย?” แคลร์ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว พอกลับมา นางก็ไปหาดยุกกอร์ตั้นทันทีแล้วก็ไปหาท่านแม่แต่ไม่เจอใครเลย พอจะไปถามท่านปู่ เหลิ่งซวนซวนก็มาเสียก่อน
“ท่านแม่อยู่ในวัง กลายเป็นสาวใช้ขององค์หญิงไปแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมองค์หญิงจึงขอให้จักรพรรดิเชิญท่านแม่ไปอยู่ด้วยที่วังไปคอยติดตามพระองค์ ไม่ได้มีอะไรทำมากหรอก เพียงแค่สนทนากับองค์หญิงและคอยดูแลให้สาวใช้ทำสิ่งต่างๆ เท่านั้นเอง ข้าไม่รู้ว่าองค์หญิงคิดอะไรอยู่” ราเซียขมวดคิ้ว ดูเหมือนนางจะไม่พอใจที่แม่ของนางไปที่วังเพื่อทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้น
แคลร์เงียบไปทันที วังก็เป็นสถานที่ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้เช่นกัน วังวนแห่งอำนาจที่ต้องดิ้นรนนั้น ท่านแม่ของนางเข้าไปในวังไปเป็นสาวใช้ขององค์หญิงทำไมกัน?
“พี่สาว ทุกคนชมเชยพี่เกี่ยวกับเรื่องที่เมืองเนียร์ ในครั้งนี้องค์จักพรรดิทรงทราบและจะมอบรางวัลให้พี่ด้วย นอกจากนี้พี่ได้พบการผจญภัยใดๆ ตอนไปฝึกหรือไม่? แล้วพรุ่งนี้พี่จะไปเรียนกับข้าหรือไม่?” ราเซียถามคำถามเป็นชุดไม่หยุดเลย
“ข้ามีเสือดาวลมเป็นสัตว์พาหนะ ข้าจะไปที่วังเพื่อเยี่ยมท่านแม่ในวันพรุ่งนี้และจะเข้าชั้นเรียนในวันมะรืน อย่างไรข้าก็ยังต้องเรียนให้จบ ข้าจะทำให้ตระกูลฮิลล์เสียหน้าไม่ได้ ข้าต้องได้รับเหรียญจากการประเมิน” แคลร์พูดด้วยรอยยิ้ม จักรพรรดิจะเข้าร่วมการประเมินการสำเร็จการศึกษาของโรงเรียนเป็นการส่วนตัว จากนั้นจะมอบเหรียญให้กับนักเรียนที่ผ่านการประเมินเป็นการส่วนตัวด้วยเช่นกัน เหรียญนั้นเป็นเหรียญเกียรติยศที่เป็นสัญลักษณ์ว่าสามารถทำงานรับใช้ประเทศได้
“เสือดาวลม?! สัตว์เวทย์ระดับเจ็ดน่ะหรือ? ” ราเซียรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยิน “มันอยู่ที่ไหน? มันอยู่ที่ไหน? ข้าจะไปดู”
“ในสวนหลังบ้าน” แคลร์พูด “เจ้าระวังตัวด้วย”
“ข้ารู้” ราเซียรีบวิ่งไปที่สวนหลังบ้านอย่างตื่นเต้น
แคลร์มองท้องฟ้าสลัวและถอนหายใจเล็กน้อย แคทเธอรีน หญิงสาวผู้อ่อนโยน หวังว่าท่านแม่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำเน่าของการต่อสู้ในราชสำนักหรอกนะ
ตอนมื้อค่ำ ดยุกกอร์ตั้นกระตือรือร้นเป็นพิเศษกับมังกรดำ แต่เขาไม่สนใจ ส่วนดยุกกอร์ตั้นก็ยังเรียกหาแต่มังกรดำ
หลังอาหารค่ำ สาวใช้ก็มาแจ้งว่าองค์หญิงส่งรถม้ามารออยู่ด้านนอกคฤหาสน์ตระกูลฮิลล์เพื่อมารับแคลร์และพาไปที่พระราชวัง
“เอาล่ะ แคลร์ เจ้าไปพบท่านแม่ของเจ้าตอนนี้ และไปเรียนพรุ่งนี้นะ” ดยุกกอร์ตั้นสั่ง
“ค่ะ ท่านปู่” แคลร์พยักหน้าและพาจินเหยียนออกไปด้วยกัน
พระราชวังเปิดไฟสว่างสวยงาม
สาวใช้พาแคลร์ไปจนถึงตำหนัก จินเหยียนทำได้เพียงรออยู่ที่หน้าประตู
สาวใช้เดินนำแคลร์ผ่านทางเดินยาวไปยังห้องนอนขององค์หญิง
ในห้องมีแสงสว่าง แคลร์เห็นแคทเธอรีนหญิงสาวผู้อ่อนโยนที่นางคิดถึงในทันที แคทเธอรีนนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ องค์หญิงแมริสที่กำลังยิ้มแย้ม ทั้งสองดูเหมือนกำลังคุยกันถึงเรื่องที่มีความสุขอยู่ แคลร์รู้สึกประหลาดใจที่องค์ชายสองก็อยู่ที่นั่นด้วย
“คำนับองค์ชายสองและองค์หญิงเพคะ” แคลร์โค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ
“แคลร์ เจ้ามาถึงแล้ว เรากำลังพูดถึงเจ้าเลย” เมื่อองค์หญิงแมริสเห็นแคลร์ นางก็ดูมีความสุขมากกว่าแคทเธอรีนเสียอีก นางรีบลุกขึ้นทักทายทันที
“แคลร์” แคทเธอรีนยืนขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของนางแล้วมองแคลร์อย่างตื่นเต้น
“ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว” แคลร์พยักหน้าและยิ้มให้แคทเธอรีน นางรู้ว่าหญิงที่อ่อนโยนผู้นี้เป็นห่วงนางมาก
“แคลร์ ข้าไม่คิดว่าโรคระบาดในเมืองเนียร์จะเป็นเช่นนั้นและข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะแก้ไขเรื่องโรคได้เร็วขนาดนี้เลย” องค์ชายสองพูด