CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล - ตอนที่ 18 สนทนายามว่าง

  1. Home
  2. เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล
  3. ตอนที่ 18 สนทนายามว่าง
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

อย่างไรเสียหวังซีก็ยังเด็ก แม้จะเข้าใจหลักสำคัญต่างๆ มาก ทว่าประสบการณ์ก็ยังน้อย ในใจรู้สึกวิตกกังวล ก็เผยออกมาให้เห็นทางสีหน้าหลายส่วนอย่างช่วยไม่ได้ ฉังเคอมองแล้ว ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว ดึงแขนเสื้อของหวังซี กล่าวอย่างเป็นกังวลใจว่า “เช่น…เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไรดี ไปขอให้ท่านย่าช่วยดีหรือไม่ ไม่ได้ ให้ท่านย่ารู้ไม่ได้ ท่านย่ารู้ ก็เท่ากับท่านโหวรู้ด้วย หรือว่าไปขอให้ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ช่วยดี นางเอ็นดูคนรุ่นเด็กมาตลอด จ่างกงจู่เห็นแก่หน้าของจวนหย่งเฉิงโหว ไม่แน่ว่าเรื่องนี้อาจเปลี่ยนจากเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก จากเรื่องเล็กเป็นไม่มีอะไรเลยก็เป็นได้” 

ตอนแรกหวังซียังรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก พอได้ยินฉังเคอกล่าวเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ความกระวนกระวายนั่นพลันมลายหายไปในอากาศ บังเกิดความมั่นใจว่า ที่แท้ข้าก็เดาถูก นางเห็นใจสงสารก็ส่วนเห็นใจสงสาร ทว่าไม่มีความกล้าหาญของคนเป็นแม่ ในยามคับขันมิต้องพูดถึงบุตรชายหญิง แม้แต่หลานสาวก็รู้ว่าพึ่งพานางไม่ได้ ขึ้นมาแทนที่ 

“เจ้าอย่าวิตก!” นางปลอบโยนฉังเคอ ทว่าสมองกลับขบคิดอย่างรวดเร็ว นึกถึงคำที่ท่านย่าเคยบอกนางในแต่ละวัน 

นายของบ้านเป็นอย่างไรบ่าวก็เป็นอย่างนั้น 

ยามประสบกับเรื่องใหญ่โต บ่าวล้วนกระทำตามสิ่งที่นายของบ้านทำ 

ยิ่งนายของบ้านสงบนิ่งได้มากเท่าไร พวกบ่าวก็ยิ่งสงบใจได้มากเท่านั้น ทุกคนก็จะยิ่งผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยกันได้  

ถึงแม้นางกับฉังเคอมิได้มีความสัมพันธ์ฉันนายบ่าว แต่เวลานี้ฉังเคอหวาดกลัวขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่ามิใช่คนตัดสินใจอะไรได้ เช่นนั้นนางก็คงต้องก้าวออกมาคิดหาวิธีแก้ปัญหาอย่างกล้าหาญแล้ว 

ไม่อย่างนั้นพวกนางคงได้เป็นอย่างที่ฉังเคอกล่าวมา ถูกเฉินลั่วยิงทิ้งไว้ตรงนี้ ไม่มีโอกาสได้กล่าวโต้แย้งอีก 

หวังซีสูดหายใจเข้ายาวๆ สองสามครั้ง ต่อให้รู้สึกไม่มั่นใจอย่างไร ทว่าบนใบหน้ากลับเผยความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญออกมา “เจ้าฟังข้า เมื่อก่อนข้าเองก็เคยใช้กล้องส่องทางไกลยืนส่องไปทั่วทุกทิศอยู่บนศาลาชั้นสองของที่บ้านเหมือนกัน พื้นที่ที่มันส่องถึงจำกัดนัก หาไม่ข้าก็คงไม่วิ่งมาที่สวนร่มหลิว โดยเฉพาะที่ที่ถูกบดบังด้วยเหล่าต้นไม้ ย่อมเห็นได้ไม่ชัดเจน ต้นหลิวนี้บังพวกเราเอาไว้ เขาไม่มีทางเห็นพวกเรา แต่ถ้าพวกเราตื่นตระหนก สูญเสียการควบคุมตัวเอง รีบร้อนวิ่งออกไป เขาอาจจะเห็นตำแหน่งที่อยู่ของพวกเราได้อย่างชัดเจน สิ่งที่พวกเราต้องทำตอนนี้คือแข่งความอดทนกับเขา ดูว่าเขาจะออกจากเรือนวสันต์สราญที่เจ้าเอ่ยถึงนั่นก่อนหรือว่าพวกเราจะออกจากที่นี่ก่อน” 

เสียงของนางกังวานใสและอ่อนหวาน ทว่าน้ำเสียงกลับเจือความมั่นใจเต็มเปี่ยม ทำให้คนคล้อยตามคำพูดของนางไปด้วยอย่างห้ามไม่อยู่ 

หัวใจเต้นรัวของฉังเคอค่อยๆ สงบลงมา 

นางตบหน้าอกเบาๆ จากนั้นนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของหวังซีขึ้นมา กลัวว่าการขยับเขยื้อนของตัวเองจะสร้างปัญหาใหม่เพิ่ม เป็นการดึงดูดความสนใจของเฉินลั่ว ร่างกายพลันสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เสียงพูดก็เปลี่ยนเป็นบางเบาปานเสียงยุง “จริงหรือ ขอเพียงพวกเราหลบอยู่ตรงนี้ไม่ขยับเขยื้อน เขาก็หาไม่เจอแล้ว?” 

“เจ้าเชื่อใจข้าเถอะ!” หวังซีรักษาม้าตายประหนึ่งรักษาม้าเป็น[1] อย่างมากก็แค่ถูกฮูหยินผู้เฒ่าและคนอื่นๆ ตำหนิครั้งหนึ่ง แต่เพื่อเห็นแก่เงินแปดพันตำลึงนั่นของนาง เชื่อว่าอย่างไรคนจวนหย่งเฉิงโหวก็ต้องคิดหาหนทางช่วยนางออกจากหายนะครั้งนี้ได้ 

คิดถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว นางเกือบหลั่งน้ำตาออกมา 

บิดาของนางกล่าวได้ถูกต้องจริงๆ คนที่ไม่มีเงินอยู่ในมือ จะทำอะไรก็ยากลำบาก! 

นางต้องดูแลรักษาสินเจ้าสาวของตัวเองให้ดี นอกจากไม่อาจปล่อยให้ใครก็ตามมีโอกาสมาฉกฉวยแล้ว ยังต้องเรียนรู้วิธีทำเงินให้กลายเป็นมหาเศรษฐี ทำให้คนเหล่านั้นที่ต่อให้เกลียดนาง แต่ด้วยความสามารถในการชี้หินเป็นทองของนางแล้ว ก็ต้องยอมกัดฟันมาประจบประแจงนางถึงจะใช้การได้ 

หวังซีเอ่ยกับฉังเคออย่างเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ว่า “ข้าไม่มีทางพลาดเป็นแน่” 

ฉังเคอพยักหน้า ร่างกายที่แข็งเกร็งผ่อนคลายลงหลายส่วน 

หวังซีรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ 

นอกจากพาบุรุษรูปงามกลับบ้านไปด้วยไม่ได้แล้ว ยังไปแหย่โดนคนอำมหิตผู้หนึ่งมาอีก 

นางพยายามไม่สัมผัสตรงจุดที่อาจทำให้กิ่งไม้ใบไม้เคลื่อนไหว นั่งลงบนบันไดอย่างระมัดระวัง กล่าวกับฉังเคอว่า “เจ้าเองก็พักสักครู่เถอะ! นี่มิใช่เรื่องที่ใช้เวลาเพียงประเดี๋ยวประด๋าว น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ข้าประมาณการผิดไป คิดว่าอย่างมากเขาก็คงฝึกยิงธนูอยู่ที่นี่สักหนึ่งชั่วยามก็กลับจวนแล้ว ผู้ใดจะรู้ว่าเขาจะออกไพ่ผิดไปจากแผนการเดิม จึงมิได้นำน้ำชาหรือว่าของว่างมาด้วย นั่งว่างอยู่ตรงนี้ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก! โชคดีที่พวกเราอยู่ใต้ร่มไม้ นี่ถ้าอยู่กลางแดด ต่อให้ไม่โดนลูกธนูของเฉินลั่วยิงตาย พวกเราก็อาจจะถูกแดดเผาตายได้” 

ฉังเคอตะลึงพรึงเพริดเพราะหวังซีอีกครั้งหนึ่ง “เจ้าช่างใจกล้านัก! เจ้าไม่กลัวว่าเฉินลั่วจะไปฟ้องท่านลุงใหญ่เลยหรือ” 

หวังซีโบกมืออย่างไม่เห็นด้วย “เขาไปฟ้องหย่งเฉิงโหว นั่นก็เพราะต้องการโต้แย้งกับพวกเราด้วยเหตุผล แล้วเขาจับตัวการได้แล้วหรือ ที่นี่เป็นจวนของจ่างกงจู่หรือ อยู่ในบ้านของตัวเองข้าจะเดินไปไหนมาไหนตามใจชอบไม่ได้เลยหรือ สวนร่มหลิวเชิญช่างฝีมือมาซ่อมแซมสวน เขากล้ารับประกันหรือว่ามีคนกำลังสอดแนมเขาอยู่ ถ้าหากเขารู้สึกว่าเช่นนี้เป็นการรบกวนความสงบของเขา มีความสามารถก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่! หากยังไม่พอใจ ก็เข้าวังไปขอร้องฮ่องเต้! ให้ฮ่องเต้หาสถานที่สร้างจวนให้จวนหย่งเฉิงโหวใหม่ ไม่แน่ว่าอาจจะกว้างขวางกว่าที่นี่ แล้วก็ไม่ต้องอยู่ติดกับเพื่อนบ้านอำมหิตด้วย ชีวิตของพวกเจ้าอาจจะมีความสุขมากกว่านี้ก็เป็นได้!” 

ฉังเคอถูกพันธนาการด้วยบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ของจวนหย่งเฉิงโหวหลังนี้ไปแล้ว ที่ผ่านมาไม่กล้าคิดเช่นนี้มาก่อน 

แต่คำกล่าวนี้…ทำให้เลือดในกายนางเดือดพล่าน คล้ายกับได้ปลดปล่อยความเกลียดชังก็ไม่ปาน 

ดวงตาทั้งสองข้างของนางคลอน้ำระยิบระยับ คว้ามือของหวังซีเอาไว้ พลางกล่าว “ถูกต้องๆๆ คือเหตุผลนี้ ถ้าเขากล้าไปฟ้องท่านลุงใหญ่จริงๆ ต่อให้ท่านลุงใหญ่เข้าข้างเขา ข้าก็จะถามเขาเช่นนี้” 

นี่ต้องมีความขุ่นแค้นมากมายเพียงใดกันนะ! 

หวังซีร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก 

กลัวว่าเฉินลั่วจะเป็นเหมือนกับที่ฉังเคอกล่าวมา เป็นคนลงมือก่อนแถลงทีหลัง ยิงพวกนางก่อนแล้วค่อยพูดคุยกัน 

นางเอ่ยกับหงโฉวและคนอื่นๆ ที่ยังไม่หายจากอาการตกใจกลัวว่า “พวกเจ้าขยับเข้ามาใกล้หน่อย อย่าให้เฉินลั่วเห็นเชียว” แล้วถามหงโฉวว่า “มีจอมยุทธ์ที่แม้แต่เสียงฝีเท้าก็ไม่อาจเล็ดลอดจากการได้ยินของเขาในระยะสิบลี้ประเภทนั้นอยู่จริงหรือไม่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่อาจเก็บเกี่ยวผลโดยไม่หว่านไถ แล้วก็ไม่อาจประสบผลสำเร็จในก้าวเดียวด้วย เฉินลั่วยังไม่เข้าพิธีสวมกวน[2] ต่อให้เขาเริ่มฝึกยุทธ์มาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ก็ไม่น่าจะมีฝีมือสูงส่งขนาดนั้น? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาค้นพบพวกเราโดยวิธีอื่น?” 

ปากกล่าวเช่นนี้ก็จริง แต่เมื่อหวังซีนึกถึงสายตาของเฉินลั่วที่ราวกับมองเห็นนางจริงๆ จากกล้องส่องทางไกลนั่นแล้ว ในใจกลับยิ่งเอนเอียงไปทางที่ว่าวิทยายุทธ์ของเฉินลั่วสูงส่งมากขึ้น 

หงโฉวไม่แน่ใจ ชิงโฉวกลับกล่าวขึ้นว่า “มีบ้างเหมือนกันที่มีประสาทสัมผัสทั้งหกดีเยี่ยมมาตั้งแต่เกิด ไม่ฝึกยุทธ์ก็รับรู้ได้ถึงภยันตรายโดยสัญชาตญาณ หากได้รับการฝึกยุทธ์ที่เหมาะสม เขาฝึกหนึ่งปี ก็เท่ากับผู้อื่นฝึกสามถึงห้าปี ไม่แน่ว่าคุณชายรองสกุลเฉินท่านนั้นอาจเป็นคนประเภทนี้นี้ก็เป็นได้” 

หวังซีจึงมองฉังเคอครั้งหนึ่ง 

สายตานั่น ราวกับกำลังตำหนิว่านางพูดไม่จริง 

ฉังเคอรีบอธิบายอย่างอดไม่อยู่ “วิทยายุทธ์ของเขาสู้คุณชายใหญ่เฉินไม่ได้จริงๆ นี่เป็นสิ่งที่เจิ้นกั๋วกงพูดเอง มิใช่เพราะข้ามีอคติกับเขาจริงๆ นะ” 

“เจ้าก็รู้ด้วยหรือว่าเจ้ามีอคติกับเขา!” หวังซีกล่าวเรียบๆ “พวกเราไม่อาจฟังผู้อื่นพูดอย่างไรก็เชื่ออย่างนั้น ต้องใช้ตาตัวเองมอง ข้าจำได้ว่าในเมืองหลวงนี้ฮ่องเต้จัดพิธีล่าสัตว์ช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นประจำทุกปี ด้วยคุณสมบัติและสถานะของเขาแล้ว ย่อมต้องเข้าร่วมด้วย ในพิธีล่าสัตว์เขาสู้เฉินอิงไม่ได้สักปีเลยหรือ” 

ตอนพิธีล่าสัตว์ จวนหย่งเฉิงโหวเองก็เข้าร่วมด้วย ลูกหลานชนชั้นสูงบางคนก็แสดงความสามารถผ่านพิธีล่าสัตว์ ได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้ ทำให้หน้าที่การงานก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว 

ดังนั้นทุกครั้งที่พิธีล่าสัตว์เสร็จสิ้น ฉังเคอจึงมักจะได้ยินผู้อาวุโสในบ้านพูดคุยเรื่องผลลัพธ์ของพิธีล่าสัตว์ 

บัดนี้ฟังถ้อยคำของหวังซีแล้ว นางรู้สึกกระดากอายเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวเสียงเบาว่า “เมื่อก่อนทุกคนต่างพูดว่าเพราะเฉินลั่วเป็นบุตรชายคนเดียวของจ่างกงจู่ ผู้อื่นจึงไม่กล้าเอาชนะเขา…” 

“เฮ้อ!” หวังซีกังวลใจมากยิ่งขึ้น 

ถ้าหากเฉินลั่วคิดจะยิงพวกนาง ดูแล้วคงยากที่พวกนางจะหนีพ้น 

คนสองสามคนนั่งคุยกันอยู่ตรงนั้น แอบยกกล้องส่องทางไกลขึ้นส่องเรือนวสันต์สราญของจวนจ่างกงจู่ที่อยู่ถัดไปเป็นพักๆ 

เริ่มแรกยังเห็นเงาร่างสีดำนั่นอยู่ หลายๆ ครั้งต่อมาเห็นเพียงหน้าต่างที่เปิดกว้างอยู่เท่านั้น 

ฉังเคอโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ถามว่า “เช่นนั้นพวกเราเร่งออกไปจากที่นี่ได้แล้วใช่หรือไม่” 

หวังซีรู้สึกว่าไม่ถูกต้องนัก 

ถ้าเฉินลั่วค้นพบว่ามีคนแอบมองเขาจากประสาทสัมผัสทั้งหกได้จริงๆ น่าจะไม่ยอมแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้ 

นางกล่าว “พวกเรารอต่อไปอีกครู่หนึ่ง” สั่งการชิงโฉวที่ทำอะไรสุขุมกว่าหงโฉวว่า “เจ้าเอากล้องส่องทางไกลไปจับตาดูตรงหน้าเอาไว้ หากภายในครึ่งชั่วยามทางนั้นไม่มีความเคลื่อนไหว พวกเราค่อยหลบออกไปก็ยังไม่สาย” 

ชิงโฉวรับคำ ไปกระทำตามที่นางบอก 

หวังซีและฉังเคอไม่มีอะไรให้ทำอีกครั้ง 

ทั้งสองคนคุยเรื่องทั่วไปกันต่อ 

“เจ้าว่าเจิ้นกั๋วกงจะทราบหรือไม่ว่าวิทยายุทธ์ของเฉินลั่วล้ำเลิศกว่าของเฉินอิง” หวังซีถาม “ข้าเห็นเรือนแถวตะวันออกของจวนจ่างกงจู่ล้วนเป็นลานบ้านที่ไม่ค่อยสลักสำคัญเท่าไรทั้งสิ้น ความสัมพันธ์ระหว่างจ่างกงจู่กับเจิ้นกั๋วกงธรรมดาสามัญยิ่งใช่หรือไม่ แต่เจิ้นกั๋วกงมีบุตรชายสองคนบุตรสาวหนึ่งเท่านั้น ดูท่าทางแล้วก็มิใช่คนฝักใฝ่ในสตรี? หรือว่าจ่างกงจู่เป็นเหตุทำให้เขาไม่กล้าทำประเจิดประเจ้อ แต่ความจริงแล้วกลับมีอนุภรรยาอยู่ข้างนอก? พี่สาวร่วมอุทรของเฉินอิงแต่งเข้าจวนเต๋อชิ่งโหว นางเป็นคนเช่นไรหรือ” 

หน้าผากของฉังเคอมีเหงื่อซึม กล่าวว่า “เจ้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก! แค่จากแผนผังจวนจ่างกงจู่ก็มองออกแล้วว่าจ่างกงจู่กับเจิ้นกั๋วกงไม่ลงรอยกัน คนจำนวนมากในเมืองหลวงยังพูดกันว่าจ่างกงจู่กับเจิ้นกั๋วกงเป็นคู่แต่งงานที่รักใคร่กันมากอยู่เลย!” 

หวังซีหัวเราะฮ่า กล่าวว่า “ข้าเป็นผู้ใด ถ้าหากแม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังมองไม่กระจ่าง แล้วจะอยู่ในเรือนชั้นในเหมือนปลาได้น้ำได้อย่างไร! อย่างไรก็ตาม การที่เจ้ารู้ว่าจ่างกงจู่กับเจิ้นกั๋วกงไม่ลงรอยกันได้ ก็นับว่ายอดเยี่ยมมากเหมือนกัน!” 

ฉังเคอจึงอมยิ้ม 

หวังซีใช้ศอกกระทุ้งฉังเคอ พลางกล่าว “อย่างไรเสียก็อยู่ว่างๆ แล้ว เจ้าเล่าให้ข้าฟังหน่อยเถอะ!” 

ฉังเคอหันไปมองรอบๆ ด้วยความเคยชิน เห็นไป๋ซู่และคนอื่นๆ ล้วนยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล หากลดเสียงลงสักหน่อย พวกนางคงได้ยินไม่ชัด และนางเองก็อยากแบ่งปันเรื่องที่ตัวเองค้นพบกับผู้อื่นเช่นกัน ตรึกตรองครู่หนึ่งแล้วนางจึงขยับเข้าไปกระซิบที่ข้างหูหวังซี “พี่สาวเจวี๋ยหรือก็คือพี่สาวร่วมอุทรของเฉินอิงนั้นเกลียดชังเฉินลั่วมาตั้งแต่เด็ก ต่อหน้าผู้ใหญ่แบบหนึ่ง ลับหลังผู้ใหญ่ก็อีกแบบหนึ่ง มีครั้งหนึ่ง เจิ้นกั๋วกงไปพบเข้า ทว่าไม่ว่าอะไรเลยสักอย่าง พี่สาวเจวี๋ยก็เลยยิ่งไม่บิดบังพวกข้า ข้าจึงรู้สึกว่า เจิ้นกั๋วกงต้องไม่โปรดปรานจ่างกงจู่แน่ๆ” 

หวังซีฟังแล้วลูกตากลอกไปมาไม่หยุด 

เจิ้นกั๋วกงต้องไม่โปรดปรานเฉินลั่วที่จ่างกงจู่ให้กำเนิดออกมาด้วยเช่นกันเป็นแน่ 

หาไม่แล้วคงไม่ปล่อยให้คนเข้าใจผิดคิดว่าวิทยายุทธ์ของเฉินอิงดีกว่าของเฉินลั่ว 

นี่คือสาเหตุจริงๆ ที่เฉินลั่วย้ายออกไปอยู่ข้างนอกหรือเปล่านะ 

แต่ฮ่องเต้โปรดปรานเฉินลั่ว เจิ้นกั๋วกงน่าจะไม่กล้าแสดงออกชัดเจนเกินไปหรือกระทำเกินกว่าเหตุเกินไป 

เพียงแต่ไม่รู้ว่าจ่างกงจู่ทราบเรื่องหรือไม่ 

ถ้าทราบ เช่นนั้นก็น่าสนุกแล้ว 

นางขยับเข้าไปใกล้ฉังเคอมากยิ่งขึ้น ฟังนางเล่าต่อ “แต่เรื่องที่ว่าเจิ้นกั๋วกงมีอนุภรรยาอยู่ข้างนอกนั้น ข้าคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เจ้าดูอย่างสวามีของหลินอานต้าจ่างกงจู่[3] ภายในบ้านมีอนุภรรยาและสาวใช้อุ่นเตียงหนึ่งกองใหญ่ ฮ่องเต้พระองค์ก่อน ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันและหลินอานต้าจ่างกงจู่ต่างไม่ว่าอะไร จ่างกงจู่แต่งงานเป็นครั้งที่สอง ต่อให้ทำเพื่อชื่อเสียง ก็ไม่น่าจะใช้เรื่องรับอนุภรรยามาสร้างความลำบากให้เจิ้นกั๋วกง ส่วนพี่สาวเจวี๋ยนั้น ข้ารู้สึกว่านางเป็นคนดีมาก นอกจากสิ่งที่ปฏิบัติต่อเฉินลั่วแล้ว แม้แต่ตอนเจอพวกข้า ล้วนมอบลูกกวาดให้พวกข้ากินอย่างยิ้มแย้มอ่อนโยน แล้วก็ไม่รังเกียจที่พวกข้าส่งเสียงดัง มักจะให้สาวใช้พาพวกข้าไปเล่นสนุกกัน” 

…………………………………………………………………………. 

 

[1] รักษาม้าตายประหนึ่งรักษาม้าเป็น เปรียบเปรยถึงการพยายามทำทุกอย่างในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง 

[2] พิธีสวมกวน แสดงถึงการโตเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ จะจัดเมื่อเด็กชายจีนมีอายุครบ 20 ปีเต็ม และจะมีการสวม”กวาน ” (冠) หรือสิ่งที่ชนชั้นสูงชาวจีนในสมัยโบราณใช้สวมครอบบนศีรษะเพื่อเป็นเครื่องบอกระดับยศและสถานะ 

[3] ต้าจ่างกงจู่ ตำแหน่งขององค์หญิงที่เป็นพระปิตุจฉา (ป้าหรืออาหญิง) ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน 

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 18 สนทนายามว่าง"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์