เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล - ตอนที่ 65 ท่านเจ้าอาวาส
หวังซีกะพริบตา
เหตุใดเฉินลั่วถึงดีกับนางขนาดนี้
หากเพียงเพื่อชดเชยให้นาง ไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนี้ก็ได้กระมัง บางที เฉินลั่วอาจมีเรื่องอะไรต้องการขอร้องนาง?
หวังซีครุ่นคิดครั้งแล้วครั้งเล่า
นอกจากทำให้ท่านหมอเฝิงไปรักษาคนป่วย นางก็คิดไม่ออกแล้วว่านางยังมีอะไรที่พอจะช่วยเหลือเฉินลั่วได้บ้าง แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เฉินลั่วรู้ได้อย่างไรว่านางพูดโน้มน้าวท่านหมอเฝิงได้?
นอกเสียจากว่าเฉินลั่วจะเคยสืบเรื่องของนางมาก่อน!
เช่นนั้นเฉินลั่วรู้หรือไม่ว่านางเป็นคนดึงดาบที่สวนไผ่เล่มนั้นออก?
หวังซีกัดปาก
น่าจะไม่รู้หรอกกระมัง หาไม่จะให้ข้าราชสำนักสตรีฝ่ายในที่มีอำนาจอยู่ข้างกายเป่าชิ่งจ่างกงจู่นำปิ่นดอกไม้ไปส่งให้นางเป็นพิเศษได้อย่างไร เช่นนั้นเหตุใดเฉินลั่วถึงปฏิบัติต่อนางต่างจากผู้อื่นเล่า?
หวังซีคาดเดาไม่ออก ก็เลยเลิกคิดเสีย หันไปยิ้มให้เฉินลั่ว
เฉินลั่วเห็นแล้ว หางตายกขึ้นเล็กน้อย ดูค่อนข้างเบิกบาน แววตาเผยความอบอุ่นให้เห็นหลายส่วน
หวังซีอดพยักหน้าไม่ได้
เฉินลั่วในลักษณะนี้ดีกว่า!
ส่วนท่านหมอเฝิงที่ได้ยินเฉินลั่วกล่าวแนะนำรีบก้าวออกไปทำความเคารพซ่างไห่
ซ่างไห่สุภาพเป็นอย่างยิ่ง หลังจากทำความเคารพกลับแล้วยังกล่าวทักทายท่านหมอเฝิงยิ้มๆ อีกสองสามประโยคด้วย
เฉินลั่วมองแล้ว ทนไม่ค่อยได้เล็กน้อย
นอกจากเขาจะตรงไปนั่งลงในตำแหน่งประธานแล้ว ยังบอกกล่าวซ่างไห่ด้วยว่า สถานที่แห่งนี้ก็นับว่ากว้างขวาง ทุกคนนั่งลงมาพูดคุยกันเถอะ!
คล้ายกับเขาเป็นเจ้าบ้านของที่นี่ก็ไม่ปาน
ซ่างไห่นั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีเรื่องให้ต้องวิตกหรือเป็นเพราะไม่อาจเสียอารมณ์กับเรื่องเล็กน้อยกันแน่ คล้ายกับไม่เคืองโกรธแม้แต่น้อย หลังจากนั่งลงมาอย่างยิ้มแย้มแล้ว ก็เอ่ยกับเฉินลั่วถึงวัตถุประสงค์การมาของเขาขึ้นมาก่อนอย่างกระตือรือร้นในทันที …ตอนที่ซ่างซานบอกข้าว่าการทำเครื่องหอมที่เป็นมรดกตกทอดของเฉาอวิ๋นยังรอการถกเถียงกันอยู่นั้น ข้าตกใจเป็นอย่างมาก จึงเร่งมาหาอย่างรีบร้อน…เรื่องนี้หากเป็นอย่างที่ท่านผู้เฒ่าเฝิงกล่าวมาจริงๆ ทางวัดของพวกข้าย่อมไม่อาจนิ่งดูดายไม่สนใจได้ แต่ท่านผู้เฒ่าเฝิงเองก็จะห้ามไม่ให้เฉาอวิ๋นทำเครื่องหอมอีกนับจากนี้เป็นต้นไปเพียงเพราะคำพูดไม่กี่ประโยคไม่ได้เช่นกัน…
จากคำพูดดังกล่าว ราวกับว่าค่อนข้างให้ความสำคัญกับความเห็นของเฉินลั่ว
ส่วนเรื่องที่เฉินลั่วเป็นแขกแต่กระทำตัวเสมือนเป็นเจ้าบ้านนั้น เขาไม่เผยความขุ่นเคืองใจออกมาให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่ว่าซ่างไห่จะจริงใจหรือเสแสร้ง แต่อย่างน้อยก็ดูออกว่าเฉินลั่วเก่งกาจมากเพียงใด
ท่านหมอเฝิงรู้สึกเกรงขามอยู่ในใจ
เจ้าอาวาสวัดต้าเจวี๋ยมิใช่พระธรรมดาทั่วไป ก่อนหน้านี้เขายืมตัวหวังสี่และอีกหลายคนนำเงินมายังไม่อาจทุบประตูวัดต้าเจวี๋ยให้เปิดออกได้
เขาไม่มีทางเลือกถึงได้เห็นด้วยกับแผนการของหวังซี
แต่อย่างไรก็ตาม การที่วัดต้าเจวี๋ยหวั่นเกรงเฉินลั่วเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วถือเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง
อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องถูกวัดต้าเจวี๋ยไล่ออกไปโดยที่ไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว
เขาจึงหันไปค้อมตัวให้ซ่างไห่ กล่าวว่า ก่อนข้ามา ได้ยินว่าเครื่องหอมคลายกังวล เครื่องหอมจินและเครื่องหอมหยาของอาจารย์เฉาอวิ๋นล้วนทำอย่างประณีตพิถีพิถัน ข้าคัดลอกสูตรเครื่องหอมที่ท่านอาจารย์ทิ้งไว้ให้ข้ามาด้วยหนึ่งฉบับ ขอให้ท่านเจ้าอาวาสช่วยเปรียบเทียบกับสูตรเครื่องหอมของเฉาอวิ๋นไต้ซือดูสักครั้ง
ก็จะได้รู้แล้วว่าเขาพูดจริงหรือเท็จ
ซ่างไห่เห็นท่านหมอเฝิงกล่าวอย่างมั่นใจเช่นนี้แล้ว ในใจลอบรู้สึกเป็นกังวล
การที่เขานั่งอยู่ในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดของราชวงศ์ได้อย่างมั่นคง ย่อมมีด้านที่เขาโดดเด่น
จะว่าไปแล้วสูตรเครื่องหอมของเฉาอวิ๋นก็เป็นเพียงของหรูหราอย่างหนึ่ง เป็นของเล่นเอาไว้ฆ่าเวลาเท่านั้น ท่านหมอเฝิงมาหาถึงที่ผ่านการติดต่อของจวนชิ่งอวิ๋นโหวแล้ว ต่อให้มรดกตกทอดของเฉาอวิ๋นไม่มีปัญหา สูตรเครื่องหอมนี้ย่อมเป็นของตกทอดของผู้อื่นอย่างแน่นอน
หากจะกล่าวโทษก็ต้องโทษเขาที่ประมาทเลินเล่อไปชั่วขณะ คิดแต่ว่าทำเพื่อชื่อเสียงของวัดต้าเจวี๋ย จนลืมตรวจสอบที่มาของสูตรเครื่องหอมนี้อย่างละเอียด
แน่นอน ความจริงแล้วต่อให้เขาประมาทเลินเล่อไปชั่วขณะก็มิใช่เรื่องร้ายแรงอะไร แต่เฉาอวิ๋นโชคร้ายเกินไป ผู้ใดใช้ให้เขาบังเอิญพบกับเฉินลั่ว?
บัดนี้จะจัดการอย่างไร ก็ต้องดูว่าเฉินลั่วจะว่าอย่างไรแล้ว!
แต่จำอวดบางอย่างก็ยังคงต้องกระทำอยู่
ซ่างไห่ยิ้มร่าพลางกล่าว เช่นนั้นก็รบกวนท่านผู้เฒ่าเฝิงแล้ว! จากนั้นเพื่อความเป็นธรรม เขากำชับซ่างซานพระต้อนรับแขกว่า เจ้าให้เฉาอวิ๋นนำสูตรเครื่องหอมที่เขาใช้เป็นประจำออกมาเทียบดูด้วย
ซ่างซานขานรับคำอย่างนอบน้อม มองไปที่เฉาอวิ๋น
เฉาอวิ๋นรู้สึกไม่สบายใจยิ่งขึ้น แต่ภายใต้การจับจ้องของทุกคน เขาไม่มีหนทางที่ดีกว่านี้ ได้แต่อ้อยอิ่งถ่วงเวลาเอาไว้
นี่…คงไม่ค่อยดีกระมัง! เขากล่าว ค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า คนผู้นั้นเป็นคนมอบสูตรเครื่องหอมเหล่านั้นให้ข้า ตอนมอบให้ข้ายังย้ำกำชับข้าว่าอย่าให้ผู้อื่นเห็น…
แต่เดิมซ่างซานก็ค่อนข้างดูแคลนที่เฉาอวิ๋นสร้างชื่อเสียงด้วยการประจบประแจงสตรีอยู่แล้ว เห็นเช่นนั้นก็ยิ่งอดไม่ได้ตำหนิเสียงต่ำว่า เจ้ายืนตัวตรงมาพูดคุยกันได้หรือไม่! สูตรเครื่องหอมของท่านผู้เฒ่าเฝิงมิใช่สูตรลับหรืออย่างไร ของผู้อื่นดูได้ เหตุใดของเจ้าจึงดูไม่ได้…
…อย่าทำตัวไร้เหตุผลเลย!…
…ของที่เจ้าเห็นเป็นสมบัติล้ำค่า วัดต้าเจวี๋ยของพวกเราไม่ล้ำค่าหรือ เจ้ามาอยู่วัดของพวกข้านานหลายปีขนาดนี้ ที่วัดของพวกข้ามีใครเคยขอให้เจ้าสอนวิธีผสมเครื่องหอมมาก่อนหรือไม่…
…เจ้าใจกว้างสักครั้งมิได้หรือ!
เฉาอวิ๋นหน้าแดงก่ำ ครานี้ไม่พูดอะไรมากอีก หยิบสูตรเครื่องหอมออกมาอย่างรวดเร็ว
เพื่อความยุติธรรมแล้ว ซ่างไห่นำสูตรเครื่องหอมของทั้งสองคนมาวางบนโต๊ะ ปล่อยให้เฉินลั่วกับท่านหมอเฝิงและคนอื่นๆ ได้เปรียบเทียบ
ถึงแม้สูตรเครื่องหอมของเฉาอวิ๋นจะใส่เครื่องเทศมากกว่าสูตรเครื่องหอมของท่านหมอเฝิง แต่เครื่องเทศหลักๆ กลับเหมือนกัน
นอกจากนี้เพราะซ่างซานได้ติดต่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ทรงอิทธิพลในเมืองหลวงมานาน สิ่งที่จำเป็นต้องรู้เอาไว้มีเป็นจำนวนมาก เรื่องผสมเครื่องหอมนั้นเขาเองก็พอจะรู้เรื่องอยู่บ้างเช่นกัน
กลิ่นหอมหลายกลิ่นที่ออกมาจากสูตรเครื่องหอมของเฉาอวิ๋นนั้นล้วนเป็นกลิ่นที่ไม่จำเป็นทั้งสิ้น บางอย่างถึงกับเกินความจำเป็นเสมือนวาดขาให้งูด้วยซ้ำ ทำให้คนเกิดความสงสัยว่าคนที่เขียนสูตรเครื่องหอมนี้ไม่มีความรู้ความเข้าใจเท่าคนที่เขียนสูตรเครื่องหอมของท่านหมอเฝิงใช่หรือไม่
แค่มองซ่างซานก็รู้แล้วว่าสูตรเครื่องหอมของเฉาอวิ๋นมีปัญหา
เขาอดที่จะหันไปส่ายศีรษะให้ซ่างไห่ไม่ได้
ซ่างไห่หัวใจหนักอึ้ง หันไปมองเฉินลั่ว
เฉินลั่วกวาดตามองสูตรเครื่องหอมของทั้งสองคนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น มิได้มองอย่างใส่ใจนัก กลับเป็นท่านหมอเฝิงที่ตื่นเต้นยิ่งนัก จดจ้องสูตรเครื่องหอมของเฉาอวิ๋นตาไม่กะพริบ
ซ่างไห่รู้สึกว่าถ้าอยากจัดการเรื่องนี้ให้ดี วัดต้าเจวี๋ยต้องแสดงท่าทีที่เหมาะสม
เขาครุ่นคิด ถามท่านหมอเฝิงว่า ท่านดูสูตรเครื่องหอมนี้แล้ว มีอะไรข้องเกี่ยวกับของพวกเจ้าหรือไม่
ท่านหมอเฝิงมั่นใจแล้วว่าเฉาอวิ๋นตรงหน้าคือศิษย์พี่ใหญ่ของเขา
เขาถามซ่างไห่ ปกติเฉาอวิ๋นใช้มือซ้ายหรือว่ามือขวาเขียนหนังสือ?
ซ่างไห่มิได้สังเกตจริงๆ
เขามองไปที่ซ่างซาน
ซ่างซานกล่าว ใช้มือซ้ายเขียนหนังสือ เฉาอวิ๋นไต้ซือเป็นคนถนัดซ้าย
ท่านหมอเฝิงยิ้มเย็น มองเฉาอวิ๋นที่หน้าซีดเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวว่า ศิษย์พี่ ข้าเพียงอยากรู้ว่าหลังจากสังหารศิษย์น้องหญิงแล้วเหตุใดเจ้ายังต้องสังหารท่านอาจารย์อีก? เพื่อตำรับยาที่อยู่ในมือของท่านอาจารย์หรือ หลายปีที่ผ่านมานี้เจ้านอนหลับสนิท? เจ้าไม่กลัวตกนรกชั้นที่สิบแปดเลยหรือ
ตอนกล่าวถ้อยคำนี้ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งเดือดดาล สุดท้ายถึงกับลุกขึ้นมา กำหมัดทั้งสองข้างแน่น ดูราวกับว่าหากพูดไม่เหมาะสมก็พร้อมจะชกไปที่ดวงหน้าของเฉาอวิ๋นได้ทุกเมื่อ
แน่นอนว่าเฉาอวิ๋นไม่ยอมรับ กล่าวเบี่ยงประเด็นว่า ท่านผู้เฒ่าเฝิง ข้ากับเจ้าปัจจุบันไม่เคยเป็นปฏิปักษ์กัน อดีตก็ไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดเจ้าต้องปฏิบัติต่อข้าอย่างอยุติธรรมเช่นนี้ด้วย ยังหันไปขอความช่วยเหลือจากซ่างไห่ ท่านเจ้าอาวาส ชื่อเสียงส่วนตัวของข้าถือเป็นเรื่องเล็ก ชื่อเสียงของวัดถือเป็นเรื่องใหญ่ ข้ายินดีไปคุยกับท่านผู้เฒ่าเฝิงที่ศาลซุ่นเทียนให้กระจ่าง!
นี่หมายความว่าไม่กลัวทางการมาตรวจสอบ
ซ่างซานก่นด่าเฉาอวิ๋นว่าโง่เขลาอยู่ในใจไม่หยุด
ฟ้องร้องหรือไม่ฟ้องร้องมีอะไรให้ต้องเป็นห่วง สิ่งที่ต้องเป็นห่วงคือผู้อื่นจะมองเรื่องนี้อย่างไร
โดยเฉพาะเรื่องที่แพร่ออกไปว่าเครื่องหอมของวัดต้าเจวี๋ยลอกเลียนแบบสูตรเครื่องหอมของผู้อื่นมา ต่อไปใครจะกล้ามาซื้อเครื่องหอมของวัดต้าเจวี๋ยอีก
ไม่ให้มีเรื่องนี้เกิดขึ้นจะดีกว่า!
ซ่างไห่คิดเช่นเดียวกับซ่างซาน เขาชำเลืองมองเฉินลั่วครั้งหนึ่ง
เฉินลั่วดูไม่ใส่ใจเท่าไรนัก
ซ่างไห่ไม่ค่อยเข้าใจความคิดของเขานัก ได้แต่พึมพำกล่าวว่า ข้าว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องบุ่มบ่ามขนาดนั้น ท่านผู้เฒ่าเฝิง เจ้าว่าเช่นนี้ดีหรือไม่…
…ทางวัดของพวกข้าจะหยุดขายและหยุดมอบเครื่องหอมของเฉาอวิ๋นเป็นการชั่วคราวก่อน เจ้าเองก็ระงับโทสะเอาไว้ก่อน เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ภรรยามีเหตุผลของภรรยา สามีก็มีเหตุผลของสามี มิสู้รอพวกข้าตรวจสอบที่มาของสูตรเครื่องหอมนี้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย…
…ท่านผู้เฒ่าเฝิงคิดว่าเป็นอย่างไร
นี่หมายความว่าอยากประนีประนอมเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
แน่นอนว่าท่านหมอเฝิงไม่เห็นด้วย
มือสังหารที่ตามหามาหลายสิบปีอยู่ตรงหน้าแล้ว ชีวิตของภรรยา บุตรชายและพ่อภรรยาสามชีวิต จะปล่อยไปง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร
ดวงตาเขาแดงก่ำ ยิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อย พยายามกล่าวอย่างมีเหตุผลว่า ขออภัยไต้ซือด้วย เกรงว่าข้ากับอาจารย์เฉาอวิ๋นจะคิดเห็นไปในทางเดียวกันเสียแล้ว เรื่องใหญ่และสำคัญ ไปคุยกันที่ศาลซุ่นเทียนให้กระจ่างดีกว่า!
ซ่างไห่ขมวดคิ้วมุ่น
หวังซีกับเฝิงเกาฟังมาถึงตรงนี้ก็ร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย โดยเฉพาะหวังซี ตระหนักดีว่าแทนที่จะไปถึงศาลซุ่นเทียนทำให้วัดต้าเจวี๋ยมีเวลาไปขอความช่วยเหลือจากขุนนางใหญ่และคนชนชั้นสูงเหล่านั้น เกรงว่ามิสู้ขอให้เฉินลั่วช่วยตัดสิน อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกวัดต้าเจวี๋ยฟ้องกลับ
นางหันไปมองเฉินลั่วอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย
ผู้ใดจะคิดว่าเฉินลั่วเองก็หันมามองนางตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกัน
สายตาของทั้งสองคนสบประสานกันกลางอากาศพอดี
หวังซีประหลาดใจ
เฉินลั่วกลับหันมายิ้มให้นางเสมือนคาดเดาเอาไว้อยู่แล้วก็ไม่ปาน
รอยยิ้มนั่น ไม่เพียงอบอุ่นแต่ยังเจือความรู้สึกว่ามองเรื่องราวในโลกนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งอยู่ด้วยหลายส่วน ทำให้นางใจเต้นไม่เป็นส่ำขึ้นมาฉับพลัน ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการทำอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง
สีหน้าของเฉินลั่วดูราวกับว่าเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมากขึ้นในพริบตาเดียว แม้แต่เสียงพูดก็ลดความเย็นชาลง และเพิ่มความเอื้อเฟื้อขึ้นหลายส่วน
ข้าว่าไม่จำเป็นต้องวุ่นวายถึงเพียงนั้น เขากล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน อย่างไรสูตรเครื่องหอมนี้ก็มีข้อกังขาอยู่เล็กน้อย วัดต้าเจวี๋ยเป็นวัดของราชวงศ์ การตรวจสอบเรื่องเช่นนี้ให้ละเอียดก็มิใช่เรื่องที่หนักหนาเกินไป เครื่องหอมในวัดของพวกเจ้าคงไม่อาจขายต่อไปได้แล้ว สูตรเครื่องหอมนี้จะเป็นอย่างที่เฉาอวิ๋นกล่าวมาหรือไม่ พวกเจ้าส่งคนไปตรวจสอบที่สู่จงครั้งหนึ่งก็ไม่เลวเหมือนกัน
ขณะที่เขากล่าว ก็เคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะ กล่าวว่า ด้านท่านผู้เฒ่าเฝิง ก็อย่าฟังสายลมเป็นสายฝน เห็นสูตรเครื่องหอมก็คิดว่าเฉาอวิ๋นเป็นมือสังหารฆ่าคน ข้าว่ารอให้วัดต้าเจวี๋ยตรวจสอบผลลัพธ์ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีดีกว่า ท่านคิดว่าเป็นอย่างไร
เมื่อเขาเอ่ยข้อกล่าวอ้างนี้ออกมา ไม่เพียงท่านหมอเฝิงและหวังซีเท่านั้น แม้แต่พระของวัดต้าเจวี๋ยและเฉาอวิ๋นเองต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด
หากบอกว่าเฉินลั่วกำลังช่วยวัดต้าเจวี๋ยอยู่ เขากลับทำตัวเป็นคนกลางผู้หนึ่ง แต่ถ้าบอกว่าเขากำลังช่วยท่านหมอเฝิงอยู่ กลับให้ท่านหมอเฝิงฟังผลลัพธ์จากการตรวจสอบของวัดต้าเจวี๋ยก่อน
หวังซีเม้มปาก พลันรู้สึกว่าเฉินลั่วช่างไม่รู้จักการวางตัวเอาเสียเลย
นี่เขาไม่เกรงกลัวผู้ใดเลยสักคน ดังนั้นจึงไม่กลัวว่าจะทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างขุ่นเคือง?
ซ่างไห่เป็นคนที่เคยปฏิสัมพันธ์กับเฉินลั่วมาก่อน ในเมื่อเขากล่าวเช่นนี้แล้ว หากพวกเขาไม่ทำตามนี้แล้วทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมา คงวุ่นวายแน่
แม้แต่ฮ่องเต้ก็อาจต้องถอยให้!
เขาไม่อยากทำให้เฉินลั่วขุ่นเคืองใจ เร่งให้คำมั่นก่อนท่านหมอเฝิงในทันที ใต้เท้าเฉิน วัดต้าเจวี๋ยของพวกข้าเชื่อฟังคำสั่งของท่าน! ข้าจะให้คนไปตรวจสอบที่สู่จงบัดเดี๋ยวนี้ ต้องมีคำอธิบายให้ท่านอย่างแน่นอน
เฉินลั่วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หันไปมองท่านหมอเฝิง
ท่านหมอเฝิงไม่ยินดี แต่เวลานี้เขาอยู่ภายใต้การปกป้องของผู้อื่น จำต้องก้มศีรษะลงต่ำ
สีหน้าเขาดูไม่ดียิ่งนัก กล่าวว่า หวังว่าใต้เท้าเฉินจะช่วยตัดสินให้ข้าได้ เพื่อตามหามือสังหารแล้ว ข้าเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้มาสามสิบกว่าปี บัดนี้ข้าอายุหกสิบแล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกกี่ปี ก่อนตาย ท่านช่วยทำให้ข้ายืดหลังตรงพูดต่อหน้าท่านอาจารย์หลังความตายว่า ‘ข้ามิได้ทำให้คำสอนสั่งของเขาสูญเปล่า’ จะได้หรือไม่
ถ้อยคำนี้กล่าวอย่างโศกเศร้าและเจ็บปวด
เป็นครั้งแรกที่หวังซีเห็นปู่เฝิงของนางยอมจำนนถึงขนาดนี้
นางขุ่นเคืองใจไม่น้อย
ทว่าเฉินลั่วเสมือนมองไม่เห็น ราวกับว่ารอยยิ้มน้อยๆ โดยไม่รู้ตัวสองครั้งก่อนหน้านี้ของเขาล้วนเป็นเพียงภาพลวงตาของนาง ลุกขึ้นมาอย่างยินดีประหนึ่งได้สลัดสิ่งกวนใจอย่างขนไก่และเปลือกกระเทียมออกไปแล้ว ถือสูตรเครื่องหอมแผ่นหนึ่งกล่าวกับท่านหมอเฝิงว่า เจ้าบอกว่าทักษะผสมเครื่องหอมของเฉาอวิ๋นเป็นสมบัติตกทอดของครอบครัวเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็น่าจะผสมเครื่องหอมเป็นกระมัง
………………………………………………………………..