CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล - ตอนที่ 88 คืนดี

  1. Home
  2. เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล
  3. ตอนที่ 88 คืนดี
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ทั้งสองคนทะเลาะเหมือนเด็กๆ ไปครั้งหนึ่ง กระทั่งนั่งลงมาอีกครั้ง จิตใจและอารมณ์ก็สงบพอจะคุยกันได้แล้ว 

เฉินลั่วนั่งอยู่ในตำแหน่งเจ้าบ้าน รับมื้อเช้าพร้อมกับหวังซี 

หวังซีเห็นเขากินซาลาเปาไส้ผักสองลูก ซาลาเปาไส้เนื้อสองลูกและโจ๊กขาวหนึ่งถ้วยคู่กับผักดองเค็มและผักดองน้ำปรุงรสถั่วเหลืองนั่นแล้ว ลอบรู้สึกไร้คำพูดอย่างห้ามไม่อยู่ 

ซาลาเปานั่นมิใช่แบบที่เรือนครัวเล็กของพวกนางทำออกมา ที่อย่างมากก็ใหญ่เท่าจอกสุราเท่านั้น แต่ซาลาเปาที่เรือนครัวบ้านเฉินลั่วทำออกมานั้น แต่ละลูกใหญ่เท่ากำปั้นบุรุษ เปลือกนอกหนาไส้ก็มาก น่าเชื่อถือกว่าที่ขายในหอสุราด้านนอก ยังมีผักดองเค็มและผักดองน้ำปรุงรสถั่วเหลืองเหล่านั้นอีก บรรจุไว้ในชามกระเบื้องขนาดใหญ่ หากตั้งไว้ในห้องของนาง นับรวมพวกไป๋กั่วด้วยแล้วก็ยังต้องกินสองถึงสามวันถึงจะหมด 

หวังซีเคยได้ยินพี่ชายใหญ่ของนางกล่าวว่า คนทางเหนือเป็นคนจริง กินอะไรล้วนชอบใช้ชามกระเบื้องขนาดใหญ่ แต่ที่นี่คือจิงเฉิง ตอนนางไปกินข้าวที่หอสุราก็มิได้มีปริมาณเต็มมากขนาดนี้ 

นางตกใจ 

นอกเสียจากว่าเป็นทหารในค่ายหรือไม่ก็คนใช้แรงงานเหล่านั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่อาจกินข้าวปริมาณมากขนาดนี้ได้ 

แต่เฉินลั่วผู้นั้นกลับกินอย่างเป็นปกติ 

นางใช้โอกาสตอนบ้วนปากหลังอาหารแอบถามไป๋กั่วว่า  เจ้าเคยไปดูที่เรือนครัวมาแล้วใช่หรือไม่ พ่อครัวผู้นั้นเป็นคนเช่นไรหรือ  

ไป๋กั่วกระซิบกล่าว  เป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ร่างไม่สูง แต่แข็งแรงกำยำยิ่ง ดูแล้วไม่เหมือนคนเป็นพ่อครัว ทว่ามือเท้ากลับคล่องแคล่วว่องไว ยามนวดแป้งคล้ายไม่ต้องใช้แรงอย่างไรอย่างนั้น ดูเบาและสบายมือเป็นอย่างมาก  

แม้นอาหารที่ทำออกมาจะดูหยาบ ทว่ามีรสชาติเฉพาะของตัวเอง ไม่เหมือนทำออกมาอย่างลวกๆ 

แปดถึงเก้าในสิบส่วนน่าจะเป็นพ่อครัวที่คุ้นชินกับการทำอาหารปริมาณมากในค่ายทหาร 

แต่ในบ้านผุพังหลังหนึ่งของเฉินลั่วแบบนี้ เหตุใดต้องเชิญพ่อครัวเช่นนี้มาด้วย 

ไหนจะท่าทางการกินข้าวของเฉินลั่วอีก ดูไม่เข้ากับสถานะและตำแหน่งของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว 

นึกถึงที่เฉินลั่วก้มศีรษะให้นางสองครั้งขึ้นมาอีก หวังซีพันนิ้วกับผ้าเช็ดหน้า ครู่ใหญ่ถึงกล่าวกับไป๋กั่วเสียงหนึ่ง เสร็จแล้ว เดินนำข้ารับใช้ข้างกายไปที่ห้องโถง 

บ้านเล็กเกินไปก็มีข้อเสียที่ตรงนี้ จะกินข้าวดื่มน้ำชาก็ต้องอยู่ร่วมกัน 

จานชามในห้องโถงถูกจัดเก็บไปหมดเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าในอากาศยังคงมีกลิ่นอาหารหลงเหลืออยู่ 

ไป๋กั่วจุดธูปดอกไป่เหอดอกหนึ่ง ไม่เห็นเฉินลั่วมีท่าทีไม่พอใจอะไร ถึงได้พาไป๋จื่อและคนอื่นๆ ถอยออกไป 

หวังซีดื่มชาคำหนึ่ง 

เปลี่ยนเป็นชายอดเหลืองของเหมิงซานที่ตัวเองเอามาด้วย 

กลิ่นชาบริสุทธิ์ทำให้จิตใจนางแจ่มใสมีชีวิตชีวา 

เฉินลั่วจิบไปคำหนึ่งกลับถามอย่างลังเลว่า  นี่…คือชาเหมาเฟิงของเอ๋อเหมยหรือ  

หวังซีประหลาดใจ 

เฉินลั่ว…เขาไม่รู้เรื่องชา 

นี่ไม่น่าเป็นไปได้ 

บุตรหลานของตระกูลชั้นสูงใดบ้างมิได้มีชีวิตอย่างหรูหรา มีอาหารการกินเสื้อผ้าและของใช้อย่างดีมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งไปกว่านั้นจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นตระกูลทรงอำนาจมาโดยตลอด ไม่เคยตกต่ำมาก่อน เป็นไปไม่ได้ที่เฉินลั่วจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ 

นางกดความรู้สึกผิดปกติเก็บไว้ในใจ กล่าวยิ้มๆ ว่า  นี่คือชายอดเหลืองของเหมิงซาน เจ้าดูสีน้ำชานี้ ใสกระจ่างเลยใช่หรือไม่ แล้วก็ดูใบชานี้ ล้วนเป็นสีเหลืองอ่อนทั้งสิ้น มันจึงได้ชื่อมาด้วยประการฉะนี้  

เฉินลั่วมองแล้ว ร้อง อ้อ เสียงหนึ่งโดยไม่แสดงความคิดเห็น ท่าทางเหมือนไม่อาจบอกรายละเอียดหนึ่งสองได้ แล้วก็ไม่ค่อยสนใจด้วย 

หวังซียังมีความสงสัยอยู่ ถือโอกาสหยั่งเชิงเขา กล่าวยิ้มๆ ว่า  ปกติใต้เท้าเฉินชอบดื่มชาอะไรหรือ ครอบครัวของพวกข้าก็ทำการค้าใบชาด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าตลาดหลักๆ คือภาคตะวันตกเฉียงเหนือและภาคตะวันตกเฉียงใต้ ขายชาหมักมากกว่า แต่ชาเขียวและชาขาวอะไรต่างๆ นั้น หากต้องการนำมาสะสมที่บ้านเป็นการส่วนตัวก็มิใช่เรื่องยากอะไร  

เฉินลั่วกลับถามขึ้นว่า  เจ้าบอกว่าคนที่บ้านเจ้าชอบดื่มชาเหมาเฟิงของเอ๋อเหมยมิใช่หรือ  

 เป็นท่านปู่ของข้าที่ชอบดื่มมาก  หวังซียิ้มตาหยีกล่าว  แต่ข้านั้นอะไรก็ได้ ขอเพียงเป็นชาดี ข้าล้วนชอบทั้งสิ้น ช่วงเวลานี้นอกจากชาเขียวอย่างชาหลงจิ่งและชาปี้หลัวชุนประเภทนี้แล้ว ก็เป็นฤดูที่เหมาะกับการดื่มชาเหลืองและชาขาว ข้าไปวัดเจินอู่ครานี้ หลงจู๊ใหญ่ของพวกข้าร่วมทางไปกับข้าด้วยมิใช่หรือ เขามอบชาให้ข้ามาสองสามจิน[1] ข้าไม่ได้ดื่มมาระยะหนึ่งแล้ว จึงนำออกมารับรองท่าน อยากดูว่าท่านจะชอบหรือไม่  

นางดื่มชาบรรณาการของเขาแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจอย่างสุภาพ ก็ย่อมนำชาดีมารับรองเขาด้วยเช่นกัน 

เฉินลั่วพยักหน้า จบหัวข้อสนทนานี้ลงอย่างกะทันหัน เอ่ยถึงท่านหมอเฝิงขึ้นมา  ข้าอยากให้เขาช่วยแนะนำหมอที่ยอมเข้าวังไปถวายการรักษาฮ่องเต้ให้ข้าสักคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเขาจะมีตัวเลือกในแวดวงนี้บ้างหรือไม่ หากไม่มี คงต้องขอให้ท่านหมอเฝิงช่วยคิดหาวิธีให้ข้าสักอย่างถึงจะดี  

ฮ่องเต้มีอาการใจสั่น ความจริงแล้วการที่พวกขุนนางแนะนำท่านหมอผู้หนึ่งให้เป็นเรื่องไม่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง หากหมอผู้นี้รักษาหายได้ยังดี แต่ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้น คนแนะนำต้องถูกลากเข้ามารับผิดชอบด้วยเป็นแน่ แต่เฉินลั่วไม่เหมือนกัน นอกจากเขาจะเป็นขุนนางแล้ว ยังเป็นหลานชายของฮ่องเต้อีกด้วย หลานชายแนะนำหมอให้คนเป็นลุง ความเอาใจใส่นั่นก็นับเป็นความกตัญญู 

เพียงแต่ว่าการเอ่ยถึงครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ ดูผิดปกติเล็กน้อย 

ยิ่งไปกว่านั้นยังเอ่ยต่อหน้านางอีก 

หวังซียิ้มกล่าว   นี่ท่านอยากให้ครอบครัวของข้าช่วยเจ้าหาหมอมาถวายการรักษาอาการพระทัยสั่นให้ฮ่องเต้อีกสักคนใช่หรือไม่  

สติปัญญาล้ำเลิศอย่างที่คาดไว้จริงๆ 

คุยกับคนเช่นนี้ไม่สิ้นเปลืองเรี่ยวแรง 

เฉินลั่วพยักหน้า กล่าวว่า  เรื่องนี้สำคัญมาก  

หวังซียิ้มแต่ไม่กล่าวสิ่งใด 

สำคัญมากจริงๆ 

ยิ่งเฉินลั่วได้รับตำแหน่งสำคัญต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้เท่าไร ก็เป็นผลดีต่อตระกูลหวังมากเท่านั้น 

แต่เขาไม่บอกอะไรนางเลยสักอย่าง ก็เลยดูไม่จริงใจเล็กน้อย 

คาดว่าเฉินลั่วเองก็คิดถึงข้อนี้แล้วเช่นกัน เขากระแอมไอเบาๆ อย่างอึดอัดใจครั้งหนึ่ง กล่าวเสียงเบาว่า  ที่ข้าไม่บอกเจ้า ก็เพื่อเป็นการดีต่อตัวเจ้าเอง บางครั้ง รู้มากเกินไปก็มิใช่เรื่องดี  

หวังซียิ้มกล่าว  ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา  

อย่างเรื่องที่สวนป่าของศาลากวางร้อง นางรู้มากเกินไปมิใช่เรื่องดี 

แต่วันนี้ นางกับเฉินลั่วกำลังจะลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากยังไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง ก็มิใช่เรื่องดีอะไรเช่นกัน 

นางกล่าวต่อไปว่า  ท่านปู่ของข้าชอบดึงคนรุ่นเด็กๆ อย่างพวกข้าไปเล่าเรื่องเก่าๆ สมัยเขายังหนุ่มให้ฟังเป็นที่สุด เขาเคยเล่าให้ข้าฟังว่า ตอนเขาเป็นเด็กเขาเกียจคร้านมาก ทำอะไรก็ชอบเดินทางลัดทั้งสิ้น ตอนที่เขาเพิ่งเริ่มเข้ามาแตะกิจการของตระกูลนั้น ถูกท่านปู่ทวดของข้าจับไปเป็นหลงจู๊รองที่ร้านขายของชำ ณ อำเภอไม่เล็กไม่ใหญ่แห่งหนึ่ง ท่านปู่ของข้าไม่ชอบที่ต้องตื่นแต่เช้าทำงานจนดึกดื่นเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจตายทุกวันแต่ทำเงินได้เพียงไม่เท่าไร ทำได้ไม่กี่วันก็ไม่อยากทำแล้ว… 

…จึงบอกท่านปู่ทวดของข้าว่า ให้ท่านปู่ทวดของข้ามอบร้านให้เขาหนึ่งร้าน ภายในเวลาหนึ่งปี หากเขาทำการค้าได้ดีกว่าหลงจู๊คนเก่า ท่านปู่ทวดของข้าต้องรับปากเขา ให้เขาไม่ต้องไปเป็นเด็กฝึกหัดอีก… 

…ท่านปู่ทวดของข้ารับปาก… 

…ท่านปู่ทวดของข้าจึงมอบร้านขายของชำที่เมืองแห่งหนึ่งให้ท่านปู่ของข้าลองฝึกปรือฝีมือ… 

…ท่านปู่ของข้าเรียกเสมียนเล็กใหญ่และหลงจู๊ของที่ร้านมากินข้าวด้วยกันมื้อหนึ่ง บอกพวกเขาว่าปีหน้าต้องทำเงินให้ได้จำนวนเท่าไร จากนั้นแต่ละเดือนต้องทำเงินให้ได้จำนวนเท่าไร และแต่ละวันต้องทำเงินให้ได้จำนวนเท่าไร หากทำได้ไม่ถึงเป้า ต้องหักเบี้ยรายเดือนจำนวนเท่าไร แต่ถ้าทำถึงเป้า จะสมนาคุณเพิ่มเข้าไปในเบี้ยรายเดือนจำนวนเท่าไร… 

…ให้ทุกคนคิดหาวิธีว่าจะทำเงินให้มากขึ้นได้อย่างไร… 

…คนเหล่านั้นรู้ว่าท่านปู่อาจได้เป็นนายใหญ่ในอนาคต ทั้งยังได้เบี้ยรายเดือนเพิ่มขึ้นด้วย ทุกคนจึงเค้นเรี่ยวแรงเสนอความคิดให้ท่านปู่ ยังออกไปสำรวจตลาดและชักชวนลูกค้าด้วยตัวเองอีกด้วย ส่วนท่านปู่ของข้านั้น เพียงต้องรักษาความสัมพันธ์กับทางการไว้ให้ดี ไปมาหาสู่กับลูกค้ารายใหญ่สองสามเจ้าก็พอ แม้นจะต้องเข้าสังคมร่ำสุราอยู่บ่อยๆ ทว่าทุกวันนอนจนตะวันขึ้นสูงถึงสามปล้องไม้ไผ่ได้… 

…ท่านปู่ของข้ารู้สึกว่าชีวิตเช่นนี้ถึงเรียกว่าชีวิต… 

…ยิ่งไปกว่านั้นไม่ถึงครึ่งปีเขาก็ทำเงินที่เป็นรายได้ของปีก่อนทั้งปีกลับมาได้แล้ว… 

…ทำเอาคนแก่หนึ่งกลุ่มตกใจจนดวงตาแทบกระเด็น… 

…ท่านปู่ของข้าบอกว่า นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็รู้สึกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำการค้าคือการกำหนดเป้าหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อทุกคนรู้ว่าเป้าหมายอยู่ที่ใดแล้ว ถึงจะรู้ว่าควรทำอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น… 

…ต่อมาเมื่อท่านปู่ของข้ารับช่วงดูแลกิจการของตระกูลต่อจากท่านปู่ทวดของข้าแล้ว ก็ขยับขยายกิจการของตระกูลพวกข้าให้ใหญ่ขึ้นไปอีกกว่าหนึ่งเท่าตัว… 

…ข้าคิดว่า ใต้เท้าเฉินเองก็เรียนรู้จากท่านปู่ของข้าได้… 

…ท่านคิดว่าอย่างไร  

เฉินลั่วมองนางมิได้กล่าวอะไร ทว่าแววตาดูลึกล้ำเล็กน้อย 

หวังซีลอบถอนหายใจ 

หลงจู๊ที่ไม่ฟังคำแนะนำอย่างจริงใจ ไม่ใช่หลงจู๊ที่ดี 

หากเฉินลั่วเป็นคนเช่นนั้น นางควรตัดความร่วมมือกับเขาดีหรือไม่ 

ขณะที่นางกำลังขบคิดใคร่ครวญอยู่ในใจนั้น ผู้ใดจะรู้ว่าเฉินลั่วกลับเอ่ยขึ้นอย่างปุบปับว่า  ที่เจ้ากล่าวมามีเหตุผล เนื่องจากปู่ของเจ้าทำสำเร็จ เห็นได้ชัดว่าวิธีการนี้ใช้ได้  

หวังซีดีใจ 

เฉินลั่วกล่าว  อย่างที่เจ้ากล่าวมา อาการประชวรของฮ่องเต้กับการแต่งตั้งรัชทายาทเป็นสองเรื่องใหญ่ของราชสำนักในเวลานี้ แม้นบอกว่าเรื่องใหญ่สองเรื่องนี้แตกต่างกัน แต่ความจริงแล้วกลับเป็นเรื่องเดียวกัน ถึงข้าจะเป็นหลานชายของฮ่องเต้ บรรดาองค์ชายทั้งหมดล้วนเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าทั้งสิ้น แต่เนิ่นนานหลายปีขนาดนี้ฮ่องเต้ก็ยังไม่แต่งตั้งรัชทายาทเสียที ข้าเองก็อยากรู้เหลือเกินว่าพระทัยของฮ่องเต้ทรงคิดอย่างไรกันแน่… 

…แต่หนึ่งเดือนก่อนหน้า มีวันหนึ่งที่ข้าปฏิบัติหน้าที่อยู่ ฮ่องเต้กลับทรงมีอาการพระทัยสั่นอย่างกะทันหัน คนที่ปรนนิบัติรับใช้อยู่ในเวลานั้นคือไป๋ต้าจิ่นที่ถวายการรับใช้ฮ่องเต้มาตั้งแต่ตอนที่ยังประทับอยู่ตำหนักเฉียนตี่ก่อนขึ้นครองราชย์ เขาไม่กล้าแพร่งพรายออกไป มาหาข้าด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ให้ข้าอย่าทำให้ผู้อื่นตื่นตระหนก รีบไปตามหมอหลวงหยางที่ตรวจชีพจรให้ฮ่องเต้บ่อยๆ มา… 

…เพียงแต่ว่าตอนที่ข้ากับหมอหลวงหยางไปถึง ฮ่องเต้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว… 

…ข้าค้นพบว่าในห้องทรงพระอักษรของพระตำหนักเฉียนชิงจุดธูปดอกหนึ่งเอาไว้… 

…ข้าถวายการรับใช้อยู่ข้างวรกายฮ่องเต้เป็นประจำ ข้างวรกายฮ่องเต้มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิดเดียวคนที่ถวายการรับใช้อยู่ข้างวรกายอย่างพวกข้านี้สมควรต้องรู้ และต้องรู้ด้วยว่าของเหล่านั้นมาจากที่ใด… 

…ปกติไป๋ต้าจิ่นไม่เคยปิดบังข้า… 

…แต่ครั้งนี้ พอเขาค้นพบว่าข้าสังเกตเห็นธูปดอกนั้นแล้ว นอกจากไม่อธิบายที่มาของมันกับข้าแล้ว ยังแสร้งทำเป็นไม่มีความผิดปกติอะไรอาศัยจังหวะที่ข้าหมุนกายหยิบธูปดอกนั้นไปซ่อนเสีย… 

…ข้าจึงรู้ว่าในเรื่องนี้มีความผิดปกติซ่อนอยู่… 

…แต่ไป๋ต้าจิ่นเป็นคนที่ฮ่องเต้ทรงไว้วางพระทัยที่สุด ทั้งยังไม่ผูกสัมพันธ์กับผู้ใด ต่อให้เป็นข้า ก็ไม่อาจล้วงสิ่งที่เขารู้ออกจากปากของเขาได้… 

…แรกเริ่มข้าเพียงสงสัย อยากหาทางตามหาธูปดอกนั้นให้เจอ อยากรู้ว่าธูปดอกนี้มาจากที่ใด  

กล่าวถึงตรงนี้ เขาหยุดครู่หนึ่ง นัยน์ตามีความคับข้องใจสายหนึ่งวาบผ่าน 

ในหัวของหวังซีเริ่มคิดอะไรอย่างไร้ขีดจำกัดขึ้นมาอีกแล้วอย่างห้ามไม่อยู่ ยังช่วยกล่าวต่อคำของเขาด้วยว่า  ผลปรากฏว่าเจ้าค้นพบว่าไม่ว่าจะตรวจสอบอย่างไรเจ้าก็หาที่มาของธูปดอกนี้ไม่เจอ หลังจากที่ตัดขุนนางในราชสำนักกับข้าราชบริพารใกล้ชิดออกแล้ว เจ้าสงสัยว่าธูปดอกนี้เป็นของพระสนมสักคนในวังที่ถวายให้  

 ไม่ผิด!  เฉินลั่วมองหวังซีครั้งหนึ่ง แววตาสงบและราบเรียบ ทำให้หวังซีนึกถึงท้องฟ้าก่อนจะมีพายุฝนขึ้นมา นิ่งสงบทว่าฝืนระงับไว้อยู่  แต่ไม่ว่าจะเป็นฮองเฮาหรือว่าซูเฟย ล้วนมิใช่คนไม่รู้กฎระเบียบประเภทนั้น ที่ผ่านมาฮ่องเต้ไม่เคยรับยาหรืออาหารที่พวกนางถวายให้โดยไม่ผ่านสำนักกิจการภายใน   

 เร็วๆ นี้ฮ่องเต้เองก็มิได้โปรดปรานเหม่ยเหรินท่านไหน  หวังซีกล่าว 

หากในวังมีเหม่ยเหรินผู้โชคดีคนใหม่ เฉินลั่วย่อมจะสงสัยเหม่ยเหรินผู้นั้น คงไม่จับต้นชนปลายไม่ถูกเหมือนตอนนี้ 

 หากธูปดอกนี้เป็นของที่พระสนมในวังหลังถวายให้ จะต้องเป็นคนเก่าแก่ในวังอย่างแน่นอน  นางกล่าวต่อไป  คนผู้นี้ถวายสิ่งของให้ฮ่องเต้อย่างลับๆ ได้ ฮ่องเต้ยังใช้มันในยามคับขันโดยไม่สงสัยเลยแม้แต่นิดเดียวด้วย เห็นได้ชัดว่าพระสนมท่านนี้ต่างหากที่เป็นคนที่ฮ่องเต้ไว้วางพระทัยและโปรดปรานที่สุด!… 

…หากนางมีโอรส ไม่แน่ว่าโอรสที่นางให้กำเนิดต่างหากคือคนที่ฮ่องเต้ทรงคิดจะแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท   

เฉินลั่วมองหวังซีอย่างลึกล้ำ มิได้ปฏิเสธถ้อยแถลงของนาง แต่นิ่งเงียบขึ้นมาอีกครั้ง 

……………………………………………………………….. 

 

[1] จิน หนึ่งจินเท่ากับครึ่งกิโลกรัม 

 

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 88 คืนดี"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์