เฮดโฟนของผมเชื่อมต่อกับอนาคตได้! My Headphones Can Connect to the Future - ตอนที่ 61
คำเตือนของซูฟ่านทำให้หยางลี่ลี่คิดถึงมิตรภาพระหว่างตัวเธอกับถังเว่ย
ซูฟ่านพาหยางลี่ลี่ไปที่โรงแรมและเปิดห้องสองห้อง
แม้ว่าหยางลี่ลี่จะไม่ยอมแต่ก็เห็นได้ชัดว่าซูฟ่านไม่ได้สนใจตัวเธอและเธอไม่สามารถบังคับได้
หลังจากเข้าห้องซูฟ่านก็อาบน้ำร้อน
คราบเลือดและเหงื่อบนร่างกายถูกชะล้างออกไปอย่างหมดจดและเขารู้สึกสบายตัวขึ้นมาก
ซูฟ่านนอนลงบนเตียงและระบบก็ส่งเสียงเตือนเมื่อเขาเริ่มง่วงนอน
“ภารกิจของโฮสต์เสร็จสิ้นแล้วเนื่องจากโฮสต์จับ หวังฉางเจียง หวังฟู่กุย และ จางหวังไค ได้อีกทั้งยังช่วยชีวิตคน 163 ทางอ้อม โฮสต์จึงได้รับรางวัลระดับสุดยอด: ‘ย้อนกลับไม่จำกัด’ ”
“โฮสต์สามารถใช้ทักษะนี้ย้อนกลับไปเมื่อสามสิบวินาทีก่อนได้ หากโฮสต์ถูกสังหารทักษะจะถูกใช้เองโดยอัตโนมัติ”
หลังจากฟังคำแนะนำของระบบซูฟ่านก็รู้สึกประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้ซูฟ่านได้รับทักษะในการย้อนเวลาทำให้ตัวเองสามารถย้อนเวลาและช่วยฉินเสี่ยวหยุนได้
แต่เวลาที่เลือกย้อนกลับได้คือภายในหนึ่งปี
รางวัลระดับสุดยอดที่ระบบมอบให้ในครั้งนี้สามารถย้อนกลับไปเมื่อ 30 วินาทีที่แล้วเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างใน 30 วินาทีนั้นเป็นเรื่องยากมาก
แต่เมื่อซูฟ่านตกอยู่ในอันตรายการที่สามารถตั้งเวลาย้อนกลับได้ 30 วินาทีก็ถือเป็นทักษะที่ดีมาก!
เทียบเท่ากับซูฟ่านมีชีวิตที่ไม่มีที่สิ้นสุดและสามารถฟื้นคืนชีพได้ซ้ำ ๆ หลังจากความตาย
แน่นอนว่ามันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยมด้วยรางวัลนี้ซูฟ่านกฌรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น!
หลังจากที่ระบบแจ้งจบ ซูฟ่านก็เห็นว่าเจ้าหน้าที่เจียงเพิ่งส่งข้อความมาบอกเขาว่าหวังฉางเจียงและพรรคพวกของเขาถูกจับเข้าคุกแล้ว และเจ้าหน้าที่เจียงยังพูดอะไรบางอย่างเพื่อขอบคุณซูฟ่าน
ดูเหมือนว่าระบบจะค่อนข้างเข้มงวดในการพิจารณาความสำเร็จของภารกิจ แม้ว่าซูฟ่านจะจับหวังฉางเจียงได้ซักพักแล้วแต่ก็จะไม่ถือว่าประสบความสำเร็จหากหวังฉางเจียงยังไม่เข้าคุก
เมื่อเขาเข้าคุกเท่านั้นภารกิจจึงจะสำเร็จและรางวัลจะออกตามมา
หลังจากต่อสู้เป็นเวลาหนึ่งคืนซูฟ่านก็ยังไม่รู้สึกเหนื่อย
แต่ถึงเวลานอนแล้วก็แค่นั้น
ในขณะที่ซูฟ่านจมอยู่ในความฝันของเขา
ณ ห้องทำงาน ฉินเสี่ยวหยุนกำลังจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อทำโอที
เธอให้เวลาตัวเองนอนวันละ 4 ชั่วโมงเท่านั้นส่วนเวลาที่เหลือก็อยู่ที่ทำงาน
ในขณะที่มองไปที่หน้าจออย่างตั้งใจก็มีคนมาเคาะประตูห้องทำงานของเธอ
ใครมันจะมาดึกขนาดนี้?
ฉินเสี่ยวหยุนขมวดคิ้วและพูดเชิญเข้ามา
ประตูถูกผลักเปิดออกและหลินจูก็ปรากฏตัวต่อหน้าฉินเสี่ยวหยุน
“ทำไมเธอมาที่นี่ดึก ๆ?”
ฉินเสี่ยวหยุนขมวดคิ้วและมองไปที่หลินจู
จนกระทั่งหลินจูเข้ามาใกล้ฉินเซี่ยวหยุนเธอจึงเห็นว่าดวงตาของหลินจูแดงก่ำและเปลือกตาของเธอก็บวมเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเธอร้องไห้มา
“เมื่อกี้ฉันโทรหาเธอแต่เธอไม่รับสายและเธอก็ไม่ได้อยู่ที่บ้าน ฉันก็เลยเดาว่าเธอกำลังทำโอทีอยู่ที่บริษัท”
น้ำเสียงของหลินจูฟังดูไม่ได้กำลังมีความสุข
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า? ทำไมถึงร้องไห้หรือมีใครแกล้งเธองั้นเหรอ?”
ฉินเสี่ยวหยุนลุกขึ้นและจับหลินจูนั่งลง
ในใจของฉินเสี่ยวหยุนคือเธอคิดว่าคู่กรณีคือคู่หมั้นที่นอกใจหลินจู
“เธอรอก่อน ฉันจะจัดการไอ้นั่นเอง!”
“ไม่ใช่เขา! อย่าทะเลาะกัน!”
หลินจูรีบหยุดอย่างรวดเร็ว
ฉินเสี่ยวหยุนไม่สามารถทำความเข้าใจได้ถ้าไม่ใช่ไอ้ผู้ชายคนนั้นแล้วใครจะทำหลินจูเป็นแบบนี้ได้อีก?
“งั้นบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้น!”
ฉินเสี่ยวหยุนมองไปที่หลินจูอย่างกังวลและถามไป
“พ่อแม่ของฉันรู้เรื่องการนอกใจของซุนหยานแต่พวกเขาก็ไม่สนใจเลย”
“แม่ของฉันบอกว่าธุรกิจของตระกูลซุนกำลังตกต่ำลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและพวกเขาจะไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หากฉันแต่งงาน”
“แล้วพ่อของฉันก็ยังบอกอีกว่าการเลิกกันเป็นเรื่องดีและเขายังล้อเลียนฉันด้วยที่ไม่สนใจที่ครอบครัวของฉันคัดค้านที่จะหมั้นกับซุนหยานในเวลานั้น”
ขณะที่หลินจูกำลังพูดก็มีความรู้สึกไม่พอใจอีกครั้งบนใบหน้าของเธอ
ฉินเสี่ยวหยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่แต่จริง ๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการถูกพ่อแม่ดุและนี่ไม่จำเป็นต้องเสียใจเลย
“แล้วเธอโกรธเหรอ?”
“ไม่ล่ะ พ่อบอกให้ฉันเชื่อฟังในอนาคตหลังจากที่เขาเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังเขาจะแนะนำฉันให้กับครอบครัวที่ดีและขอให้ฉันแต่งงานกับฝ่ายนั้นเพื่อให้ทั้งสองครอบครัวได้รับประโยชน์ร่วมกัน”
ฉินเสี่ยวหยุนขมวดคิ้วหลังจากได้ยินเรื่องนี้
ดูเหมือนว่าหลินจูจะเผชิญกับสถานการณ์เช่นเดียวกับตัวเธอเองและกำลังจะถูกครอบครัวคลุมถุงชน
แต่หลินจูก็เหมือนกับเธอที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแต่งงานเพื่อหวังผลกำไร
“เธอปฏิเสธไปตรง ๆ แล้วเหรอ คุณลุงทำเกินไปแล้ว! แต่เธอไม่ชอบฝ่ายนั้นจริง ๆ เหรอ?”
“ไม่เอาน่ารู้ไหมว่าคน ๆ นั้นคือใคร?”
“ใคร?”
“พี่ชายของเธอ ฉินเสี่ยวหยาง”
ฉินเสี่ยวหยุนรู้สึกอึ้งทันทีที่ได้ยิน
เธอไม่เคยคิดว่าพ่อของหลินจูจะต้องการแต่งงานกับตระกูลฉินของพวกเธอ
“เธอไม่รู้เรื่องเหรอ?”
หลินจูมองไปที่ฉินเสี่ยวหยุนด้วยความประหลาดใจ
ฉินเสี่ยวหยุนส่ายหัว
“ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ แต่เธอรอก่อนฉันจะถามให้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
หลังจากพูดฉินเสี่ยวหยุนก็ไม่สนใจว่าเวลานั้นเป็นเวลากี่โมงและเธอก็โทรออกทันที
แม้ว่าจะเป็นเวลาเที่ยงคืน แต่ฉินเสี่ยวหยางก็กำลังเล่นเกมอยู่
การถูกรบกวนด้วยโทรศัพท์อย่างกะทันหันทำให้ร่องรอยของความไม่พอใจฉายไปทั่วใบหน้าของเขา
“มีอะไรเหรอน้องสาว”
ฉินเสี่ยวหยางรับโทรศัพท์
“ขอฉันถามนายหน่อย เรื่องของหลินจูเป็นแผนของนายงั้นเหรอ?”
ฉินเสี่ยวหยุนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แต่ฉินเสี่ยวหยางยังคงทำตัวงี่เง่าเช่นเคย
“หลินจูอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”
“อย่ามาแกล้งโง่ ลุงหลินบอกว่าอยากให้หลินจูแต่งงานกับนายและเข้าตระกูลฉินของเรา!”
ฉินเสี่ยวหยุนถาม
“อ๋อเรื่องนี้เอง ฉันจำได้แล้วฉันเพิ่งพูดกับแม่ของฉันก่อนหน้านี้ฉันบอกว่าหลินจูเป็นผู้หญิงที่ฉันชอบและอยากแต่งงานด้วยแต่ในตอนนั้นเธอมีแฟนแล้วเราก็เลยทำอะไรไม่ได้”
“แต่ตอนนี้เธอเลิกแล้วไม่ใช่เหรอ แม่ก็เลยไปคุยกับลุงหลินว่าจะสู่ขอ!”
ฉินเสี่ยวหยางพูดอย่างไร้ความปราณี
“ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมคนอย่างลุงหลินถึงไม่รู้ว่านายเป็นแค่ขยะ ที่แท้ก็เพราะนายหลบหลังแม่ของนายเพื่อขอผู้หญิงแต่งงาน”
น้ำเสียงดูถูกของฉินเสี่ยวหยุนกระตุ้นความไม่พอใจของฉินเสี่ยวหยาง
“โอ้ เธอพูดกับพี่ชายแบบนี้ได้ยังไงอย่าคิดว่าเธอจะทำอะไรก็ได้หลังจากชนะเดิมพันนะ อย่าลืมเธอยังมีเดิมพันจำนวนหลายพันล้านที่ต้องทำเพื่อยุติข้อตกลงการเดิมพันนะ อย่างห่วงหลินจูเลยสนใจตัวเองก่อนเถอะ!”
ฉินเสี่ยวหยางพูดประชดประชัน
“ฉันไม่ต้องการให้นายกังวลเกี่ยวกับเรื่องของฉันและฉันขอบอกนายอย่างชัดเจนเลยนะว่าถ้านายต้องการแต่งงานกับหลินจูน่ะ ไปฝันเอาเถอะ!”
ฉินเสี่ยวหยุนวางสายหลังจากพูดจบ
ในความเป็นจริงเมื่อฉินเสี่ยวหยางเห็นหลินจูเป็นครั้งแรกเขาก็บอกฉินเสี่ยวหยุนว่าเขาชอบผู้หญิงแบบหลินจูและต้องการให้ฉินเสี่ยวหยุนช่วยสร้างสะพานเพื่อให้ทั้งสองคนได้คบกัน
แต่ฉินเสี่ยวหยุนรู้ดีว่าพี่ชายของเธอเป็นคนอย่างไร
มันโลภและขี้เกียจแถมไม่มีสมองเลย เขามักจะเล่นการพนันหรือเล่นกับผู้หญิงไปทั่วหาก หลินจูแต่งงานกับเขาชีวิตคงจะพังพินาศ
เป็นไปไม่ได้ที่ฉินเสี่ยวหยุนจะผลักเพื่อนที่ดีของเธอให้กับคนแบบนั้น
“ไม่ต้องห่วงฉันไม่ปล่อยให้พี่ชายของฉันทำสำเร็จหรอก ฉันจะกลับไปที่บ้านตระกูลฉินในวันพรุ่งนี้เพื่อจัดการเรื่องนี้”
ฉินเสี่ยวหยุนปลอบโยนหลินจู