แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1003
“ระวัง!”
คมทิพย์เหงื่อไหลด้วยความตกใจ รีบคว้าที่จับรถเอาไว้ ส่วนนรมนใบหน้าขาวซีด บนศีรษะมีเหงื่อซึมออกมา
รมิดากลับสงบเยือกเย็น เพียงแต่มุมปากกระตุกเล็กน้อย
นรมนรีบเหยียบเบรก เสียงล้อขูดกับถนนแสบหูเป็นพิเศษ ทำให้คนรู้สึกอกสั่นขวัญหาย
รถเกือบชนกัน แต่สุดท้ายกลับหยุดลงในตำแหน่งที่ห่างกันเพียงหนึ่งเซนติเมตร
หัวใจของนรมนเต้นแรง ในขณะที่จิตใจยังไม่สงบลง ประตูรถเฟอร์รารีก็เปิดออก
ราเชนสวมชุดสูทเต็มตัวสีขาว ออกมาจากด้านในของรถเฟอร์รารี ตรงเข้ามาเคาะประตูรถของนรมน
หัวใจของนรมนกระตุก
หลังจากที่เธอรู้ว่าผู้ตายคือผู้ช่วยของราเชน นรมนก็คิดว่าเมื่อไหร่ราเชนจะตามหาตนเอง ตอนนั้นยังไม่ทันขึ้นเครื่องบิน ราเชนก็มาหา ถึงแม้จะไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย แต่นรมนยังคงแอบขมวดคิ้ว
“ลงมาจากรถ พวกเราต้องคุยกัน”
เสียงของราเชนแหบแห้ง ดูเหมือนอารมณ์จะไม่ค่อยดีมาก
คมทิพย์รีบคว้าตัวนรมนเอาไว้ กล่าวเสียงเบาว่า “ลงไปไม่ได้นะ ถ้าเขาจัดการเธออย่างสุนัขจนตรอกจะทำอย่างไร?อย่าลืมนะ ตอนนี้ร่างกายของเธอยังคงบาดเจ็บอยู่”
นรมนกลับรู้ว่าตนเองไม่ลงไปไม่ได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร อีกฝ่ายสูญเสียผู้ช่วยไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรืออารมณ์ตนเองควรจะไปดูสักหน่อย
“ฉันต้องลงไป ทางฝั่งราเชนต้องมีคำอธิบาย และถ้าเขาต้องการซักถามข้อกล่าวหาบุริศร์ พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแก้ไขความเข้าใจผิด”
ในขณะที่พูดนรมนปลดเข็มขัดนิรภัยออก
คมทิพย์กระวนกระวายใจ
“เธออย่าโง่ได้ไหม?บอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เธอพูดแค่ไม่กี่คำจะแก้ปัญหาได้อย่างไร?และอีกอย่างเธอดูท่าทางของราเชนในตอนนี้สิ แทบอยากจะกินคนเข้าไป เธอลงไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ไม่สู้รอกลับเมืองชลธีแล้วค่อยว่ากัน”
รมิดากระแอมไอหนึ่งทีและกล่าวว่า “เธอสามารถจัดการได้ด้วยตนเอง คุณไม่ต้องกังวล”
คมทิพย์รู้สึกไม่โอเคทันที
“คุณเป็นหมอภาษาอะไรเนี่ย ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่รู้สภาพร่างกายของเธอในตอนนี้”
“เอาล่ะ ไม่ต้องทะเลาะกัน รอฉันอยู่ตรงนี้นะ”
นรมนลงจากรถอย่างไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่น
บนร่างกายของราเชนมีกลิ่นบุหรี่แรงมาก นรมนสูดดมเข้าไปรู้สึกคันคอเล็กน้อย
เธอบีบจมูกอย่างไม่รู้ตัว ก็ได้ยินราเชนกล่าวเสียงเบาว่า “พวกเราคุยกันสองต่อสองเถอะ”
“ได้”
นรมนไม่ปฏิเสธ
“ไปไหน?”
“ในรถของผม!วางใจเถอะ ไม่ทำให้คุณขึ้นเครื่องช้าหรอก”
ราเชนรู้ตำแหน่งที่อยู่ของนรมนอย่างดี กลับทำให้นรมนรู้สึกประหลาดใจ
เธอเงยหน้ามองราเชน จากแววตาของเขา นรมนมองไม่เห็นความโกรธหรืออารมณ์ใด ๆ มีเพียงความเศร้าใจและเจ็บปวดใจ
“ได้”
นรมนรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
เธอเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียคนที่รักไป
ตอนแรกที่บุริศร์ตกลงมาจากหน้าผาที่ยูนนาน นรมนเหมือนตายทั้งเป็น ตอนนี้เห็นราเชนเป็นแบบนี้ เธออดนึกถึงข่าวลือข้างนอกไม่ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างราเชนกับซินดี้นั้นคลุมเครือ
ถ้าข่าวนี้คือความจริง ซินดี้เป็นคนรักลับ ๆ ของราเชน ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานแบบนี้ทำให้คนค่อนข้างเป็นทุกข์
นรมนเข้าไปในรถของราเชน คมทิพย์ตกใจรีบวิ่งเข้ามาขัดขวาง แต่ก็ช้าไปก้าวหนึ่ง
รถของราเชนพุ่งออกไปราวกับลูกธนู
นรมนไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมาก นั่งพิงหน้าต่างมองทิวทัศน์ภายนอกโบยบินผ่านไป สิ่งที่คิดในใจกลับเป็นบุริศร์
ไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้ชายคนนี้อยู่ข้างในจะเป็นอย่างไรบ้าง
เขามีอิทธิพลและความมั่งคั่งมาตลอด เคยต้องลำบากแบบนี้เมื่อไหร่?
แท้จริงแล้วใครวางแผนให้บุริศร์เข้าไป?
นรมนสงสัยกล้าณรงค์อยู่ในใจ แต่ตอนนี้สงสัยราเชนมากกว่า
รถของราเชนขับอย่างรวดเร็วมาจอดตรงหน้าคอนโดมิเนียมของตนเอง
“ลงรถ”
นรมนนิ่งไปสักพัก ในเวลานี้การเข้าไปในคอนโดมิเนียมของผู้ชายที่เห็นได้ชัดว่าเป็นศัตรูไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด เพียงแต่ตอนนี้นรมนไม่มีทางเลือก
เธอปลดเข็มขัดนิรภัย ตามราเชนเข้าไปในคอนโดมิเนียม
คอนโดมิเนียมรกมาก เต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่ มีกลิ่นฉุนจนนรมนไอออกมา
เธอเหลือบมองดู บนพื้นเต็มไปด้วยขวดเหล้ามากมาย ควันบุหรี่ตลบอบอวลไปทั้งห้อง บดบังสายตา มีความไม่ชัดเจนมาก
นรมนเดินไปตรงหน้าต่างและเปิดมันออกโดยไม่รู้ตัว จากนั้นนั่งยองลงไปเก็บกวาดห้องอย่างง่าย ๆ
ราเชนเอาแต่มองเธอ และไม่ได้ห้าม ไม่ได้พูดอะไร
แววตาของเขามีความเลื่อนลอย ราวกับมองเห็นใครอีกคนผ่านตัวของนรมน แววตานั้นมีความคิดถึง นรมนเห็นแล้วรู้สึกสงสาร
“การตายของซินดี้……”
“ไม่ใช่บุริศร์ คุณไม่ต้องกังวล ผมจะไม่รบกวนเขา”
ราเชนรู้ว่านรมนจะพูดอะไร ดังนั้นก่อนที่เธอจะพูดจบจึงรีบพูดขึ้นมาก่อน
นรมนรู้สึกเบาใจไปเยอะเลยทีเดียว
“ราเชน ฉันรู้ว่าตอนนี้พูดไปก็ไม่สำคัญ แต่ฉันยังต้องการพูด เสียใจด้วยนะ”
“คุณกำลังปลอบโยนผมเหรอ? หรือว่ารู้สึกเห็นใจผม?”
ราเชนมองนรมน น้ำเสียงมีความดุเดือดอยู่บ้าง
สำหรับการซักถามที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว นรมนรู้สึกอึ้งไป ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรถึงจะดูฉลาด จึงถือโอกาสปิดปากไม่พูดจาไปเลย
ไม่ว่าใครเจอกับเรื่องที่เดายากจนน่ากลุ้มใจ เหมือนความโกรธกระทบลงบนปุยฝ้าย กลัดกลุ้มใจ แต่กลับไม่ได้ผลอะไร
ราเชนถอนหายใจ กล่าวเสียงเบาว่า “เทน้ำให้ผมสักแก้วสิ ขอบคุณ”
นรมนก็ไม่ปฏิเสธ เทน้ำอุ่นให้เขาแก้วหนึ่ง
เมื่อราเชนรับแก้วน้ำมา อยู่ดี ๆ ก็กล่าวขึ้นว่า “ซินดี้คือคนรักของผม”
ประโยคนี้ทำให้นรมนอึ้งไป
ถึงแม้จะมีข่าวลือจากข้างนอกมานานแล้ว แต่อย่างไรเสียก็ไม่มีหลักฐาน ตอนนี้ได้ยินราเชนพูดออกมาเองแบบนี้ นรมนไม่ได้แปลกใจมาก
“ฉันต้องพูดอะไรไหม?”
“ไม่ต้อง ผมแค่อยากหาใครสักคนพูดด้วยแค่นั้น”
คำพูดของราเชนทำให้นรมนกลุ้มใจ และไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร ทำได้เพียงนั่งเทน้ำในตนเองอยู่ข้าง ๆ
ร่างกายของเธอยังมีบาดแผล เมื่อสักครู่รถของราเชนขับเร็วเกินไป ไม่ทันระวังว่าแผ่นหลังของนรมนจะสัมผัสโดนเบาะโดยสาร
ตอนนี้นรมนเจ็บจนเป็นตะคริว เธอกระตุกเบา ๆ ทำได้เพียงดื่มน้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลาย
ราเชนจมอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ จึงไม่ได้สังเกตนรมน
ดูเหมือนเขาจะจมดิ่งอยู่ในความทรงจำ
“ผมกับซินดี้เจอกับในสลัม คุณรู้ใช่ไหมว่าสลัมเป็นอย่างไร?”
นรมนรู้ ราเชนไม่ได้ต้องการให้เธอตอบคำถาม
มุมปากของราเชนยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ รอยยิ้มที่หวานชื่น และสวยงาม
“คนมากมายรู้สึกว่าสลัมเป็นสถานที่ต้อยต่ำ ก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ที่นั่น ผู้คนมากมายยังไม่มีเครื่องนุ่งห่มหรืออาหารให้อิ่มท้องได้เลย ผมถูกคนตามฆ่า จำเป็นต้องหนีเข้าไปในสลัม ผมอยู่ที่นั่นสามวัน ไม่ได้กินไม่ได้ดื่ม จนเกือบจะหิวตาย เป็นซินดี้ที่แบ่งของกินให้กับผม หลังจากที่รู้ว่าผมประสบกับชีวิตที่ขมขื่นก็พูดกับผมว่า เข้าวงการบันเทิงเถอะ”
“คุณรู้ไหมว่าตอนนั้นที่พวกเราสองคนอยู่ในสลัมเมื่อพูดคำนี้แล้วมันน่าหัวเราะแค่ไหน?แต่ผมตกลง ตั้งแต่วินาทีที่ซินดี้เอาอาหารของตนเองให้แก่ผม ผมก็รู้ว่าเขาคือคนที่ดีกับผมจริง ๆ ผมกับเขาออกมาจากสลัม หนีการไล่ล่า รอดจากความหิวโหยและความทุกข์ยาก ในที่สุดก็มีที่ยืนในวงการบันเทิง ผมบอกตัวผมเองว่า ผมอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้แก่ซินดี้”
“เมื่อวานเขายังรับปากผมว่าจะกลับไปพร้อมกับผม แต่วันนี้เขาไม่อยู่แล้ว คุณรู้ไหมว่าตอนผมได้ยินข่าวว่าเขาไม่อยู่แล้วผมรู้สึกอย่างไร?ผมรู้สึกว่าท้องฟ้าของผมพังทลายลงมา”
“นรมน ซินดี้สำหรับผม ก็มีความหมายเช่นเดียวกับบุริศร์สำหรับคุณ ผมรู้ว่าความรู้สึกระหว่างผมกับเขาบางทีพวกคุณอาจจะไม่เข้าใจ แต่แล้วไงล่ะ?อย่างไรเสียเขาคือคนเดียวที่ผมรักสุดหัวใจจนถึงตอนนี้”
ดวงตาของราเชนแดงก่ำสุด ๆ จนแม้แต่มีของเหลวอุ่น ๆ ไหลออกมาเต็มไปหมด แทบจะพังทลาย
หัวใจของนรมนเจ็บปวดเล็กน้อย กล่าวเสียงเบาว่า “บุริศร์ไม่ได้เป็นคนทำ!ฉันสามารถเอาตัวของฉันเป็นประกันได้ เขาไม่มีทางลงมือกับซินดี้ และเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำ!”
ราเชนมองนรมน และยิ้มขึ้นมาอย่างอ้างว้างโดยพลัน
“บางครั้งผมก็อิจฉาบุริศร์ สามารถมีภรรยาอย่างคุณได้ นับว่าเป็นวาสนาของเขา”
“บุริศร์ก็ดีกับฉันมาก”
“ไม่มากเท่ากับที่คุณทำเพื่อเขา ถ้าเป็นผู้หญิงอื่น เกรงว่าคงจะเลิกกับเขาไปนานแล้ว ความยุ่งเหยิงของตระกูลโตเล็กเกือบจะฆ่าคุณ ผมสงสัยจริง ๆ คุณไปเอาความกล้าหาญมาจากไหนทำไมต้องเป็นเขา?”
นรมนรู้สึกว่าคำพูดนี้ของราเชนไม่ค่อยน่าฟัง
“ความรู้สึกก็เหมือนคนดื่มน้ำ ร้อนเย็นรู้เอง ฉันไม่อยากพูดกับคุณมาก ก็เหมือนกับคุณและซินดี้ คุณไปเอาความกล้าหาญมาจากไหนทำไมต้องเป็นเขา?”
นรมนพูดประโยคนี้จบ ราเชนหัวเราะเยาะตัวเองและพูดว่า “ผมไม่จำเป็นต้องเป็นเขาหรอก เพื่อเป้าหมายอื่น ผมอาจจะแต่งคนอื่นเป็นภรรยา จนแม้แต่แต่งงานมีลูกกับคนอื่นได้ด้วยซ้ำ ผมคิดมาตลอดว่าตนเองปฏิบัติต่อความรักอย่างซื่อสัตย์ ตอนนี้มองดูแล้ว ผมยังคงพ่ายแพ้ต่อความเป็นจริง”
“คุณหมายความว่าอะไร? คุณจะแต่งงานเหรอ? ในขณะที่ศพของซินดี้ยังไม่ทันเย็นเนี่ยนะ?”
นรมนรู้สึกว่าถ้าราเชนตอบว่าใช่ เธอจะต้องรู้สึกดูถูกผู้ชายคนนี้แน่นอน
โชคดีที่ราเชนส่ายหน้าและกล่าวว่า “ผมแค่ยกตัวอย่างเฉย ๆ เอาเถอะ คุณไปได้แล้ว”
มุมปากของนรมนยกขึ้นเล็กน้อย
“คุณให้ฉันมาที่นี่แท้จริงแล้วเพื่ออะไร?”
“อาจจะแค่อยากหาคนคุยด้วยเท่านั้น ไม่อย่างนั้นผมกลัวว่าตัวเองจะเป็นบ้าไปจริง ๆ ”
เห็นได้ชัดว่าคำตอบแบบนี้ของราเชนทำให้นรมนไม่อาจรับได้
เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นมา
“คุณมันบ้าไปแล้วจริง ๆ !”
พูดจบนรมนก็เดินไป
ราเชนกล่าวเสียงเบาว่า “ถ้าคุณโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมเดียวกับผม คุณก็จะเป็นบ้า!”
“ฉันดีใจจริง ๆ ที่ไม่รู้ว่าคุณโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน”
นรมนรู้สึกว่าตนเองไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อไป
ในเมื่อเรื่องที่ราเชนพูดไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุริศร์ เธอก็สบายใจ อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ผู้ชายคนนี้ก็ไม่แอบทำลายอยู่เบื้องหลัง ส่วนเรื่องอื่น นรมนคิดว่าเอาไว้ค่อยคุยกัน
ราเชนก็ไม่รั้งให้นรมนอยู่ต่อ เพียงแต่เมื่อนรมนแตะลูกบิดประตู จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมา
“นรมน บุริศร์เคยให้ผมทำบัตรผ่าน ประเทศF ตอนนี้ได้บัตรมาแล้ว เขากลับเข้าไปข้างใน เรื่องนี้จะทำอย่างไรดี?”
ร่างกายของนรมนนิ่งไปทันที
“เขาจะไปทำอะไรที่ ประเทศF?”
“รับช่วงต่อเนตรา”
ราเชนพูดคำนี้ออกมา นรมนอึ้งไปทันที
“เนตราอยู่ในมือใครนะ?