แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1007
นรมนเคยได้กลิ่นแบบนี้ เหมือนกับเคยได้กลิ่นนี้มาจากบนตัวเนตรา
แต่ตอนนี้เนตราน่าจะอยู่ในกำมือของ ราเชน แล้วกลิ่นจากตัวของแพรวามาจากไหนกัน?
สมองของนรมนแล่นคิดอย่างเร็ว
“คุณน้า กลิ่นจากตัวคุณน้าหอมจังเลย น้ำหอมใหม่เหรอคะ? แบรนด์อะไร? วันหลัง ฉันจะไปซื้อกลับมาลองใช้เสียหน่อย”
นรมนถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
ดวงตาของแพรวาเป็นประกายแวบหนึ่ง จากนั้นเธอก็ยิ้มและพูดว่า “น้าอายุปูนนี้แล้ว จะไปฉีดน้ำหอมอะไรเล่า ได้กลิ่นผิดแล้ว”
“เหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นจมูกหนูคงทำงานไม่ดีเอง เพิ่งได้รับบาดเจ็บมา อยู่ในโรงพยาบาลตลอด ตอนนี้เพิ่งออกมา ดมอะไรก็คงหอมไปหมด”
นรมนยังคงยิ้มอยู่ แต่รอยยิ้มกลับไปไม่ถึงดวงตา
แพรวามองดูเธอด้วยความประหลาดใจ “ได้รับบาดเจ็บ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ? รุนแรงไหม?”
นรมนยิ้มหยันภายในใจ
เธอที่ถูกเนตราทำร้าย ใกล้จะขึ้นเป็นที่หนึ่งในการค้นหาที่ร้อนแรงในWeiboตอนนี้ ถึงแม้จะเธอจะอายุมากแล้ว ไม่ดูWeibo ก็คงฟังมาจากธิดา ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องทุกอย่างที่ธิดา รู้ ทำไมเธอถึงไม่รู้?
นรมนไม่คิดมาก่อนว่า แพรวาจะมีปัญหา ไม่คิดว่าหนอนบ่อนไส้จะปรากฏตัวที่บ้านในวันแรกที่เธอกลับมา?
เธอครุ่นคิดในใจแล้วยิ้มออกมาเบาๆ และพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยค่ะ ไม่ใช่เรื่องดีนะ มีบางคนทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ฉันตาย น่าเสียดายที่ดวงฉันแข็ง ทำอย่างไรได้ละคะ? ฉันยังทำอะไรไม่ถูกเลย”
พูดจบ เธอก็ยักไหล่อย่างขี้เล่น
แพรวาไอและรีบพูดว่า “นี่จะออกไปไหน?”
“อ้อ ไปเยี่ยมคุณตาค่ะ คุณน้า ตอนเที่ยงไม่ต้องเหลืออาหารไว้ให้นะ ฉันจะไปทานข้าวกับคุณตา”
นรมนเดินออกจากบ้านไปหลังจากพูดจบ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ไม่มีแล้ว
เธอต่อสายหาชัยยศ
“สืบหาให้ฉันหน่อยว่าล่าสุดแพรวาเธอไปไหน ทำอะไร และติดต่อกับใคร”
“รับทราบครับ”
ในฐานะที่เป็นคนทำงานดีของนรมนและบุริศร์ ชัยยศไม่ถามอะไรสักคำ และตรงไปสืบทันที
นรมนเปิดโรงรถ และดูรถข้างใน ก่อนจะพบว่าล้อรถของเธอเปรอะโคลนเล็กน้อย
รถของเธอได้รับการทำความสะอาดอย่างดีเสมอก่อนส่งเข้ามาจอด แถมในระหว่างนี้เธอไม่ได้อยู่ที่ที่เมืองชลธีและไม่ได้ขับเลย มันจะเปื้อนโคลนตมได้อย่างไร?
นรมนมองดู จากนั้นจึงสั่งชัยยศอีกครั้ง
“อ้อ แล้วก็ตรวจดูด้วยว่ารถของฉันเพิ่งไปละเมิดกฎหรือเปล่า ให้ไปที่กองปราบตำรวจจราจรแล้วตรวจดูว่ารถของฉันเข้าออกที่ไหนบ้างเมื่อไม่นานมานี้”
“ครับ คุณนาย”
หลังจากวางสายแล้ว นรมนก็เลือกรถ Land Rover ของบุริศร์ และขับรถออกไป
ป้ายทะเบียนของบุริศร์ยอดเยี่ยมมาก และหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นตอนขับออกไป สามารถรายงานไปยังกองปราบตำรวจจราจรได้โดยเร็วที่สุด
นรมนยังคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองด้วย
ก่อนที่จะกลับมา เธอคิดว่าหนอนบ่อนไส้คงไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วแน่ แต่ตอนนี้หนอนบ่อนไส้ตัวแรกปรากฏตัวขึ้นในบ้านตระกูลโตเล็กแล้ว มันทำให้น่าทุกข์ใจจริงๆ
นรมนขับรถออกจากบ้านตระกูลโตเล็ก ก่อนจะขับตรงไปหาคุณท่านตนุวร
เมื่อคุณท่านตนุวรรู้ว่านรมนกำลังจะมาหา เขาก็รีบฟื้นตัวอย่างเร็ว
“รีบไปทำเค้กอร่อยๆเถอะ ของโปรดหลานสาวของฉันคือของหวาน ได้ยินมาว่าเธอเพิ่งจะแท้งลูกไป ตอนนี้ยังได้รับบาดเจ็บอีก ตอนนี้กลับบ้านมาแล้ว อย่างไรฉันก็ต้องทำให้หลานสาวฉันมีความสุขถึงจะใช่”
พ่อบ้านรีบไปทำงานทันที
คุณท่านตนุวรมองไปที่โซฟาในบ้าน ไม่ชอบที่มันอุ่นไม่พอ เขาจึงเดินไปที่ห้องทำงานและดึงเบาะรองนั่งมา ก่อนจะปูไปที่โซฟา
นรมนเห็นฉากเหล่านี้เมื่อเดินเข้ามา เบ้าตาอดไม่ได้ที่จะร้อนชื้นขึ้นมา
“คุณตา ทำอะไรอยู่คะ?”
“นรมนกลับมาแล้ว? รีบมานั่งนี่เร็วเข้า! ดูสิ ตาทำเบาะรองนั่งเฉพาะของหลานไว้ให้ ทั้งอุ่นทั้งนุ่ม ไม่เจ็บสะโพกด้วย”
คุณท่านตนุวรกล่าวด้วยรอยยิ้ม เวลานี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยหยาดน้ำ
“คุณตา!”
นรมนรีบถลาเข้าไปกอดเขา รู้สึกซาบซึ้งเสียจนแสบจมูก
“โธ่ เป็นแม่ของพวกลูกๆแล้วนะ ยังทำตัวเป็นเด็กน้อยในอ้อมกอดของตาอยู่เลย ไม่อายหรือ?”
“หนูไม่สน หนูต้องการกอดจากคุณตา คิดถึงจะตายแล้วค่ะ”
นรมนกอดคุณท่านตนุวรราวกับเด็ก และใช้โอกาสนี้เช็ดน้ำตาด้วยมือของตัวเอง
ได้พบเจอกันคือความปีติยินดี เธอไม่ควรทำให้คุณตาเศร้าสลดใช่ไหม?
“เอาล่ะ ตาแก่คนนี้แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว รีบนั่งเถอะ ตาให้พ่อบ้านไปจัดการทำของอร่อยให้ทานแล้ว เที่ยงนี้ทานข้าวที่นี่ไหม?”
“ค่ะ หนูอยากกินปลาเปรี้ยวหวาน”
นรมนแทบจะไม่เกรงใจเลย
คุณท่านตนุวรหัวเราะขึ้นมาทันที
“โอเค ตาจะทำให้ ทำไมเมื่อก่อนไม่รู้นะว่าหลานจะเป็นเด็กกินเก่งอย่างนี้? ดูท่าว่า กมลจะชอบกินเหมือนหลานนะนี่”
เมื่อได้คุณท่านตนุวรพูดถึงลูกสาว นรมนก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึง
“กมลชอบกินแล้วมันผิดที่หนูตรงไหนคะ? คุณตา ตอนที่หนูไม่อยู่ที่นี่ กมลมาที่นี่ไหม?”
“แน่นอนสิ ช่วงนั้นมาทุกวันเลย แต่ช่วงนี้ไม่ได้ออกไปวาดรูปหรือ? กี่วันแล้วที่ไม่ได้เห็นเจ้าเด็กคนนี้ ตาคิดว่า บุริศร์นี่ก็เจตนาดีนะ ตอนนี้แม่หนูก็ไม่อยู่แล้ว ตาก็เป็นชายชราที่โดดเดี่ยว ที่รอคอยวันตายอยู่ทุกวัน ต้องขอบคุณเขา ที่ส่งกมลมาอยู่เป็นเพื่อนตา ตอนแรกเริ่มพวกเราแน่ใจเลยว่าจะต้องยุ่งและงานล้นมือแน่ สาวน้อยคนนี้อารมณ์ร้าย ถ้าไม่ยินยอม ก็จะขว้างปาสิ่งของ ตาเห็นเธอค่อนข้างร่างกายอ่อนแอ ในช่วงเวลานี้เลยสอนทักษะการป้องกันตัวเองให้ ก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ช่วงที่ไม่อยู่ใกล้ตัวตา จะฝึกฝนทุกวันหรือเปล่า เด็กผู้หญิง ควรเรียนรู้ทักษะการป้องกันตัวไว้บ้างก็ดี จะได้ไม่เสียเปรียบ”
เมื่อคุณท่านตนุวรพูดถึงกมล เขาก็พูดถึงเธออย่างน้ำไหลไฟดับ
เมื่อเห็นดวงตาของคุณท่านตนุวรมีความสุข ในใจของนรมนก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก
“ตอนนี้กมลโตขึ้นแล้วไหมคะ?”
“แน่ละสิ! ใส่กางเกงตัวก่อนไม่ได้แล้ว ตาให้คนไปซื้อมาใหม่ให้เธอแล้วละ อีกสองเดือนก็จะปีใหม่แล้ว หลานวางแผนจะทำอะไร?”
เมื่อคุณท่านตนุวรถามอย่างนี้ นรมนก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร
เธอรู้ว่าคุณท่านตนุวรหมายความว่าอะไร ตระกูลทวีทรัพย์ธาดานี่เป็นครอบครัวแรกเกิดของเธอ แต่คุณท่านตนุวรอายุเยอะมากแล้ว ผ่านวันปีใหม่คนเดียวคงจะเงียบเหงามาก
นรมนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “หรือให้หนูถามพวกอาเล็กกับอารองไหม ให้พวกเขามาฉลองปีใหม่ที่นี่? ไม่รู้ว่าคุณตาจะรังเกียจที่พวกเราค่อนข้างจะวุ่นวายหรือเปล่า”
“ไม่! วุ่นวายอะไรกัน? พวกหลานมีกี่คน ยกมาให้หมด ต้องมานะ!”
“โอเค!”
นรมนยิ้มอย่างมีความสุข
พูดตามตรง เมื่อกลับมาหาคุณท่านตนุวรที่นี่ นรมนถึงค่อยรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่บ้านที่แท้จริง
“อาการบาดเจ็บของหลานเป็นยังไงบ้าง? ให้ตาไปเรียกภรรยาของป้องมาดูให้เอาไหม?”
คุณท่านตนุวรมองไปยังใบหน้าที่เหมือนจะซูบลงของนรมน ก็อดที่จะปวดใจขึ้นมาไม่ได้
นรมนส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ต้องค่ะ หนูมีหมอคนอื่น โพนี่ท้องใหญ่แล้ว ทำอะไรไม่ค่อยสะดวก ให้เธอดูแลลูกขแงเธอเถอะค่ะ”
“หลานนี่ คิดถึงคนอื่นก่อนเสมอเลยนะ ไม่รู้จักดูแลตัวเองเลย”
คุณท่านตนุวรถอนหายใจ
หลานสาวคนนี้ไม่เหมือนลูกสาวของเขาเลย แต่เหมือนภรรยาที่ตายไปแล้วของตัวเองมากกว่า
แม้ว่าเธอจะเคยได้ทำเรื่องบางเรื่องที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเสียใจ และก็ยังทิ้งพวกคนชั่วร้ายที่เกือบจะทำร้ายนรมนลงไป แต่ช่วงนี้อาจจะเป็นเพราะอายุที่มากขึ้น คุณท่านตนุวรเลยเริ่มที่จะคิดถึงเธอ
คิดถึงเธอเมื่อก่อน ตอนรักกัน และความหอมหวานตอนที่เพิ่งจะแต่งงาน
คืนวันเวลาเหล่านั้นผ่านพ้นมาหลายปีแล้ว
คุณท่านตนุวรอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“คุณตา เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
นรมนไม่ค่อยเห็นคุณท่านตนุวรเป็นแบบนี้ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย
คุณท่านตนุวรส่ายหัว และพูดว่า “ช่วงนี้หลานยังติดต่อกับเจตต์อยู่ไหม?”
นรมนนิ่งไปชั่วครู่
ชื่อของเจตต์ดูเหมือนจะห่างไกลจากเธอไปเล็กน้อย
เธอยังจำตอนที่เพิ่งรู้จักคุณชายเจตต์เจ้าเสน่ห์คนนั้นได้ ราวกับเป็นเพียงเมื่อวาน แต่ตอนนี้มัวแต่ยุ่งกับเรื่องอื่น จนลืมคนคนนี้ไปเสียแล้ว
พูดให้ถูกก็คือ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง แม้จะไม่ใช่คุณตา แต่ก็คือคุณยาย
แต่เธอไม่รู้ว่าที่จู่ๆคุณท่านตนุวรถามขึ้นมานี่หมายความว่าอะไร
“คุณตาหมายความว่าอะไรคะ?”
คุณท่านตนุวรคงไม่ไปหาเรื่องเจตต์ใช่ไหม?
เมื่อเห็นนรมนมองมาที่ตัวเองด้วยสีหน้าระมัดระวัง คุณท่านตนุวรจึงยกมือขึ้น ก่อนจะดีดไปที่หน้าผากของนรมน
“คิดอะไรอยู่? ตาของหลานเป็นพวกผู้ใหญ่ที่รังแกเด็กหรือไง?”
“ไม่ใช่ค่ะ”
นรมนส่ายหัวอย่างรวดเร็ว แต่ที่มุมปากกลับแต้มรอยยิ้มเล็กน้อย ทำให้คุณท่านตนุวรรู้สึกไม่เข้าตา
“จริงจังหน่อย”
“ค่ะ!”
นรมนตะเบ๊ะแบบทหารทันที
คุณท่านตนุวรถึงค่อยรู้สึกพอใจขึ้นมา
“เด็กเจตต์นั่นน่าสงสารเอาการนะ ตอนนี้ก็โดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพังและก็ไม่รู้ว่าจะล่องลอยไปอยู่ที่ไหน เป็นคน ต้องมีรากยึด ไม่อย่างนั้นชีวิตจะมีความหมายอะไร? ตาก็แค่คิด ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตากับยายของหนูก็เป็นสามีภรรยากัน เจตต์เป็นหลานชายของเธอ อย่างไรเขาก็เป็นหลานชายของตาด้วย กลับไปก็ติดต่อเขาหน่อย ว่าให้มาฉลองปีใหม่ที่นี่ ถ้าหากเขายินยอมที่จะมา ตาจะเป็นคุณตาเขานับจากนี้ไป ตาทั้งรักทั้งเกลียดคุณยายของหลานมาตลอดทั้งชีวิต ตอนนี้อายุปูนนี้แล้ว ส่วนเธอก็ไปสู่สุขคติแล้ว ตาจะทนดูหลานของเธอล่องลอยอยู่คนเดียวได้อย่างไรกัน”
ใจของนรมนรู้สึกเศร้าขึ้นมา
เธอพลันคิดไปถึงท่าทางตอนที่เจตต์มาบอกลาตัวเอง
เขาพูดว่า “นรมน บางทีผมกับคุณคงไม่มีวาสนาต่อกันในชาตินี้ ผมขอให้คุณมีความสุข”
ไม่รู้ทำไม จู่ๆนรมนก็อยากร้องไห้ขึ้นมา มากจนกระทั่งคิดถึง
ชายที่ยื่นมือมาช่วยเหลือเธอตอนกลับประเทศมาครั้งแรก ตอนนี้เป็นเหมือนสุนัขจรจัด ไม่รู้ว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในมุมไหนของโลก และกำลังเลียบาดแผลของตัวเองเพียงลำพัง
ความคิดของเธอ ทำให้นรมนเศร้าอย่างมาก
“ขอบคุณค่ะคุณตา ”
นรมนกอดคอของคุณท่านตนุวร และทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าการได้มีครอบครัวเช่นนี้นับว่าเป็นพรอันประเสริฐที่พระเจ้าได้ประทานให้เธอจริงๆ
“เอาละ พูดถึงเรื่องในอดีตเสร็จแล้ว เรามาคุยเรื่องธุรกิจกันดีไหม?”
“คุณตา ตอนนี้คุณตาเกษียณแล้วนี่คะ มีธุรกิจอะไรอีก? ธุรกิจของคุณตาคือ มีความสุขไปทุกๆวันไม่ใช่เหรอคะ?”
คำพูดของคุณท่านตนุวร ทำให้นรมนนิ่งไปเล็กน้อย
“ตากำลังพูดถึงธุรกิจของหลาน ที่หลานกลับมาครั้งนี้เพื่อบุริศร์ใช่ไหม? เพิ่งกลับมาเจออะไรบ้างหรือเปล่า?”
คุณท่านตนุวรพูดราวกับมานั่งในใจ แค่เพียงเอ่ย นรมนก็รู้ว่าตัวเองซ่อนความคิดไม่ได้แล้ว