แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1050
หัวของบุริศร์ราวกับจะระเบิดขึ้น
เขาร้องดังอึก อยากจะทนกลั้นเอาไว้ แต่ทว่าคลื่นความเจ็บปวดที่รุนแรงนี้มาจากเส้นประสาท ทำให้ร่างของเขาถึงกับเซแล้วฟุบงบนตัวของนรมน
“บุริศร์! คุณเป็นอะไรไป”
นรมนที่คิดพะวงอยู่กับอาการบาดเจ็บของเนตราเมื่อสักครู่ ยังไม่ทันดึงความคิดกลับมา ก็เห็นบุริศร์ฟุบลงที่ไหล่ของตัวเอง หนำซ้าท่าทางยังเจ็บปวดทรมาน
หัวใจของเธอจึงบีบรัดขึ้นทันใด
“ฉันจะโทรศัพท์เรียกป้องมา”
นรมนตื่นตระหนกตกใจ
เธอรู้ว่าบุริศร์ปวดเส้นประสาท แต่ไม่รู้ว่าอาการเขาจะเจ็บปวดรุนแรงและทรมานขนาดนี้
ร่างกายของเขาชักกระตุกขึ้น มือกุมศีรษะ ที่แทบอยากจะทุบสมองให้แตกละเอียด
นรมนมือสั่นเทาขณะที่โทรศัพท์
เมื่อป้องเห็นเป็นสายโทรศัพท์ของนรมน คิ้วจึงขมวดขึ้น
“พี่สะใภ้รอง ก็แค่เงินสดแสนกว่าหยวนเอง ไม่จำเป็นต้องโทรทวงจิกขนาดนี้มั้ง ผมไม่ได้จะไม่ให้สักหน่อย”
เสียงหัวเราะเย้าหยอกของป้องดังลอยมา
แต่นรมนกลับไม่มีอารมณ์ที่จะหยอกเย้าด้วย อีกทั้งยังพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้“ป้องรีบมาด่วน บุริศร์ปวดเส้นประสาทกำลังจะหมอสติแล้ว”
ป้องตกใจชะงัก
“ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อวางสายโทรศัพท์ลง นรมนก็กอดบุริศร์อยู่ในอ้อมกอดไว้แน่น
“บุริศร์ ป้องกำลังมา คุณอดทนไว้นะ”
บุริศร์รู้ว่านรมนเป็นห่วง อยากจะยื่นมือไปบอกกับเธอว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ว่าคลื่นความเจ็บที่รุนแรงนี้ทำให้เขาแม้แต่อยากจะเปล่งเสียงก็ทำไม่ได้
วินเซนต์ออกมาเห็นเข้ากับภาพนี้พอดี
“เฮียเป็นอะไร”
เขารีบเข้ามาที่ข้างกายของบุริศร์ คิ้วขมวดแน่น
นรมนที่ไม่ค่อยสนิทกับเขา แต่บุริศร์บอกว่าเขาเป็นเพื่อนของตัวเอง นรมนจึงเชื่อใจเขาไปก่อน
“โรคปวดเส้นประสาทของเขากำเริบ ฉันส่งเขาเข้าวิลล่าคุณก่อนได้ไหม”
“อะไรคือได้ไหม รีบสิ แล้วโทรหาหมอหรือยัง”
วินเซนต์รับตัวบุริศร์จากมือนรมน
นรมนรีบพยักหน้า “โทรหาป้องแล้ว อีกสักพักก็คงจะมา”
“ส่งตำแหน่งไปให้ป้อง มีเขาอยู่คงไม่น่าจะมีปัญหา ทำไมถึงเจ็บเส้นประสาทได้ เมื่อก่อนไม่เป็นโรคนี้นิ”
วินเซนต์พลางพูดพลางพยุงตัวบุริศร์เข้าไปนอนในวิลล่า
บุริศร์เจ็บจนขดตัวเข้าด้วยกัน แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ผมจะไปดูว่ามียาแก้ปวดไหม จะได้ให้เขาประทังไปก่อน”
คำพูดของวินเซนต์ทำให้นรมนลังเลใจเล็กน้อย
ยังไม่สามารถเชื่อใจวินเซนต์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
วินเซนต์ก็ไม่ได้รอคำตอบจากเธอ ได้เดินตรงไปหากล่องยา
ลูกน้องคนหนึ่งห็นบุริศร์เป็นเช่นนี้ จึงรีบตามวินเซนต์เข้าไปในห้อง
“พี่เฟย เฮียบุริศร์ตอนนี้เป็นแบบนี้ ยังสามารถเป็นลูกพี่ของพวกเราได้อีกไหม”
“นายหมายว่ายังไง อยากตายใช่ไหม”
วินเซนต์จับลูกน้องยันชิดติดกำแพง และพูดอย่างดุดัน “ผมขอเตือนนายนะ คำพูดนี้ให้มันจบงตรงนี้ หากออกไปแล้วยังกล้าพูดจาไร้สาระอีก ผมเอานายตายแน่”
“พี่เฟย ผมก็แค่หวังดีกับพี่ หลายปีมานี้ เฮียบุริศร์มัวแต่ทำธุรกิจอยู่ข้างนอก ไม่ได้เป็นลูกพี่คนเดิมตั้งนานแล้ว ถ้าหากหลายปีมานี้ไม่ใช่เพราะพี่คอยดูแลจัดการเรื่องในสหภาพอย่างไม่คิดชีวิต ป่านนี้สหภาพQT ก็คงกลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี เฮียบุริศร์เจ็บป่วย ผู้หญิงข้างกายของเขาก็อ่อนแอ สู้พวกเรา……”
ลูกน้องทำท่าสังหาร
วินเซนต์หัวเราะขึ้นทันใด หัวเราะอย่างสำราญ แต่ว่าลูกน้องกลับรู้สึกขนพองสยองเกล้า
“พี่เฟย ผมหวังดีกับพี่นะ! ผม……”
เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกวินเซนต์หักคอ
ร่างของลูกน้องทรุดลงไปกองกับพื้น นอนตายตาไม่หลับ
วินเซนต์ดึงผ้าปูที่นอนมาคลุมศพไว้ แล้วทำการหากล่องยาต่อจนเจอ จากนั้นกลับมาหานรมนโดยไม่แม้แต่หันกลับไปมองเขา
“พี่สะใภ้ ให้เฮียทานยาแก้ปวดก่อนนะ”
“ฉัน……”
นรมนที่ยังคงลังเล บุริศร์จึงคว้ายาแก้ปวดมาจากนั้นก็กลืนลงไป
ฤทธิ์ของยาไม่ได้ออกผลในทันที บุริศร์ยังคงมีอาการเจ็บปวดอยู่ แต่กลับคว้ามือของวินเซนต์มาแล้วพูดขึ้นอย่างยากลำบาก“จัดการเรื่องของเนตราก่อน อีกสักพักป้องก็จะมาถึงแล้ว อย่าให้เขาเห็นเป็นอันขาด”
“ครับ”
วินเซนต์ลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไป
นรมนวางศีรษะของบุริศร์ไว้บนตักของตัวเอง แล้วมองแผ่นหลังของวินเซนต์ที่กำลังจากไป จากนั้นพูดขึ้นเสียงเบาๆ “บุริศร์ ตอนนี้คุณไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น”
บุริศร์กำมือของนรมนไว้แน่น อยากจะปลอบประโลมแต่ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไร
จิตใจนรมนเป็นกังวลมาก เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของกิจจา
หนังสือโบราณแห่งหมู่บ้านดารายนนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่
คนเหล่านี้หาไม่เจอ หรือว่ามีเพียงคนของหมู่บ้านดารายนเท่านั้นที่จะสามารถหาเจอได้
นรมนกำลังครุ่นคิดในใจ
เดิมทีไม่รู้ว่าโรคปวดเส้นประสาทของบุริศร์จะเจ็บรุนแรงขนาดนี้ ตอนนี้เห็นทีเรื่องตามหาหนังสือโบราณนั้นต้องทำอย่างเร่งด่วนแล้ว
เมื่อป้องมาถึง สีหน้าของบุริศร์ก็ขาวซีดอย่างน่าตกใจ
เขาจึงรีบทำการตรวจวินิจฉัยให้กับบุริศร์คร่าวๆอย่างรวดเร็ว สีหน้าดูค่อนข้างแย่
“ก่อนที่ผมจะมาถึงได้ทานยาแก้ปวดเหรอ”
“ใช่ ทานไปเม็ดหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล”
นรมนเป็นกังวลอย่างมาก
ป้องพูดเสียงเบาๆ “อาการเจ็บประสาทของเขาตอนนี้ยาไม่สามารถระงับบรรเทาได้แล้ว จำเป็นต้องใช้เครื่องอุปกรณ์ในการช่วยรักษา ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดคือส่งเขาไปโรงพยาบาล”
“อย่างนั้นก็ไปกันเถอะ”
นรมนฟังป้องทุกอย่าง
เพราะว่าบุริศร์อาการกำเริบกะทันหัน คนของวินเซนต์ยังไม่ทันได้แยกย้าย ดังนั้นเมื่อป้องเห็นพวกเขาก็ตกใจชะงักขึ้น แต่กลับไม่ได้พูดอะไร
นรมนพยุงบุริศร์ขึ้นรถแล้วก็รีบตามป้องไปที่โรงพยาบาลทหาร
ป้องส่งตัวบุริศร์ไปที่ห้องไอซียูเพื่อทำการรักษาทันที
นรมนที่ตกใจอกสั่นขวัญแขวน
เมื่อกานต์ทราบข่าวก็รีบมาทันที
“หม่ามี้ คุณบุริศร์เป็นอย่างไรบ้างครับ”
“ยังไม่รู้เลย กำลังทำการรักษาอยู่”
นรมนมองกานต์แล้วก็รู้สึกใจสบายใจขึ้น
กานต์หยิบแหวนโบราณวงหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้กับนรมน
“นี่คืออะไร”
“เป็นของที่คุณย่าให้กับผมในตอนนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่บางทีอาจมีประโยชน์ต่อหมู่บ้านดารายน ไม่อย่างนั้นคุณย่าก็คงไม่มอบมันให้กับผม”
คำพูดของกานต์ทำให้นรมนตกใจเล็กน้อย
เธอเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“หนูรู้เรื่องที่แด๊ดดี้เป็นโรคปวดเส้นประสาทไหม”
“กิจจาบอกกับผมแล้ว พวกเราเคยวิดีโอคอลกัน เขาบอกกับผมว่ามิลินได้บอกไว้ที่หมู่บ้านดารายนมีหนังสือโบราณเล่นหนึ่งที่บางทีอาจมีวิธีในการรักษาโรคปวดเส้นประสาทของคุณบุริศร์ แต่ว่าผมไม่มีเวลาไป หม่ามี้ลองหาคนที่ไว้ใจได้สักคนไปดูสิ ถ้าหากว่าสามารถหาหนังสือโบราณเล่มนี้ได้ บางทีอาจมีวิธีในการรักษาคุณบุริศร์ก็ได้นะ การรักษาในตอนนี้ก็แค่รักษาที่ปลายเหตุไม่ได้รักษาต้นเหตุ”
กานต์รีบอธิบายเรื่องนี้ให้กับนรมน
นรมนพูดเสียงเบาๆ “ความจริงแล้วหม่ามี้ก็อยากจะไปเอง แต่ว่าทางหมู่บ้านดารายนหม่ามี้ไม่ค่อยคุ้นทางสักเท่าไหร่ หม่ามี้อาจจะพาโสธรไปด้วย”
“หม่ามี้ หม่ามี้อยู่ที่นี่เถอะ คุณบุริศร์ต้องการหม่ามี้”
กานต์ไม่เห็นด้วยที่นรมนจะไปที่หมู่บ้านดารายน
ครั้งก่อนที่พวกเขาไปยูนนาน พวกเขาได้ประสบพบเจอกับสิ่งต่างๆมากมายเกินไป ตอนนี้บุริศร์ก็มาเป็นแบบนี้อีก กานต์รู้สึกวางใจไม่ลงจริงๆ
นรมนพูดเสียงต่ำ“อย่างนั้นหม่ามี้จะส่งโสธรไป แต่ว่าแหวนวงนี้……”
“ช่วยคุณบุริศร์สำคัญกว่า ไม่ว่าแหวงวงนี้จะมีความหมายอย่างไร ก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าคุณบุริศร์”
กานต์ที่มีจุดยืนค่อนข้างแน่วแน่ ถึงแม้ว่าเวลาปกติจะไม่เรียกบุริศร์ว่าแด๊ดดี้ แต่เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เขาไม่อาจทนเห็นหม่ามี้ต้องมาทุกข์เสียใจต่อหน้าต่อตา เห็นบุริศร์ที่ต้องเจ็บปวดทรมาน
นรมนพยักหน้า
ตอนที่โสธรถูกเรียกตัวมาแล้วเห็นกานต์นั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น
“เจอหน้ากันอีกแล้ว”
“ครับ เจอกันอีกแล้ว”
กานต์ล้วงสองมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ท่าทางขี้เกียจเล็กน้อย แต่ว่าแววตากลับเป็นประกาย ทำให้คนไม่อาจจะละสายตามองข้ามไปได้
“คุณนายเรียกผมมามีธุระอะไรหรือครับ”
นรมนนำแหวนมอบให้กับโสธร
“รู้จักนี่ไหม”
สีหน้าของโสธรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
“นี่เป็นสิ่งของสัญลักษณ์ของหัวหน้าหมู่บ้าน มาอยู่กับคุณนายได้อย่างไร”
“เป็นของที่แม่ย่าของฉันมอบให้ไว้กับลูกชายของฉัน”
นรมนชี้ไปที่กานต์
โสธรรีบแสดงความเลื่อมใสศรัทธาต่อกานต์ อีกทั้งยังโค้งคำนับอย่างนอบน้อมพร้อมกล่าวขึ้น“ถึงแม้ว่าหมู่บ้านดารายนจะไม่มีแล้ว แต่เมื่อเห็นสิ่งของสัญลักษณ์ของหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว ก็หมายความว่าคุณเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนปัจจุบันของหมู่บ้านดารายน ต่อไปหากคุณชายกานต์มีเรื่องอะไรรับสั่งก็ให้รับสั่งตรงๆมาได้เลย กระผมโสธรต่อให้จะบุกน้ำลุยไฟก็จะไม่เกี่ยงครับ”
กานต์กลับไม่รู้สึกอะไร พูดเพียงเบาๆ“ไม่ถึงขนาดบุกน้ำลุยไฟหรอก แต่ว่าตอนนี้มีเรื่องหนึ่งที่ต้องการให้คุณไปจัดการจริงๆ ได้ยินมาว่าหมู่บ้านดารายนมีหนังสือโบราณทางการแพทย์เล่มหนึ่ง ในนั้นมีการบันทึกโรคที่รักษายากไว้มากมาย เป็นสมบัติของหมู่บ้านดารายน ตอนนี้ผมอยากได้หนังสือโบราณเล่มนี้”
โสธรขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“หนังสือโบราณเล่มนี้ผมก็เคยได้ยิน แต่ว่ามีเพียงสิ่งของสัญลักษณ์ของหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้นที่จะสามารถหาเจอหนังสือเล่นโบราณเล่มนี้ได้ หากคุณชายกานต์ต้องการให้ผมไปออกตามหาหนังสือโบราณเล่นนี้ กระผมคงต้องยืมแหวนวงนี้ไปใช้ก่อน”
“อะเอาไป”
นรมนยื่นให้กับโสธร แล้วพูดอย่างขึงขังว่า“จะต้องหาหนังสือโบราณเล่มนั้นให้เจอ ฉันไม่ได้อยากได้มาไว้ครอบครอง เพียงอยากได้มารักษาโรคปวดเส้นประสาทของบุริศร์ หากหายแล้วฉันก็จะคืนหนังสือให้กับหมู่บ้านดารายนทันที
“ครับคุณนาย ผมจะรีบออกเดินทางเดี๋ยวนี้”
โสธรจากไปพร้อมกับแหวน
กานต์พูดเสียงเบาๆ “หม่ามี้ ทางที่ดีส่งคนไปสะกดตามเขาด้วย”
“หนูกังวลโสธรเหรอ”
นรมนรู้สึกว่าลูกชายของตัวเองคนนี้สุดยอดจริงๆ
อายุแค่นี้ทำไมถึงรู้จักสงสัยคนแล้ว
กานต์พูดเบาๆ“กันไว้ก่อนครับ”
“ให้ผมไปแล้วกัน”
กานต์เพิ่งพูดจบ วินเซนต์ก็ได้เดินเข้ามา ปรายตามองนรมนกับกานต์แวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ“ผมจะแอบสะกดตามเขาไป ไม่ต้องกลัวว่าเจ้านั่นจะทรยศ หลายปีมานี้ผมพัวพันอยู่กับเรื่องเทาๆทั้งนั้น จึงคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้”
“คุณเป็นใคร”
แววตาของกานต์ประกายความระแวงขึ้น
นรมนพูดด้วยเสียงเบาๆ“เขาเป็นเพื่อนของแด๊ดดี้หนู เรียกเขาว่าอาเห้อ”
กานต์ที่เป็นตัวของตัวเอง จึงไม่ได้เรียกเขา แต่กลับมองสำรวจเขาหนึ่งรอบ จากนั้นพูดขึ้น“หม่ามี้ คุณบุริศร์ตอนนี้คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ที่ค่ายทหารยังมีธุระ ผมกลับก่อน ถ้าหากว่ามีข่าวคราวอะไร หม่ามี้โทรศัพท์หาผมนะ”
“จ๊ะ หม่ามี้จะให้ชัยยศไปส่งหนู”
“ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมกลับเอง”
กานต์หันหลังจากไป แต่วินาทีที่เดินผ่านวินเซนต์นั้นได้พูดเสียงต่ำๆว่า “ผมรู้จักคุณ อินทรี”
ชื่อนี้ทำให้วินเซนต์หน้าเปลี่ยนสีขึ้นทันที
เขามองกานต์ด้วยสายตาลึกล้ำ จากนั้นก็ยิ้มขึ้นทันใด
รอยยิ้มของวินเซนต์ค่อนข้างมีเสน่ห์ แต่ลูกน้องกลับไม่ค่อยกล้าสบตา ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของนรมน เพราะเธอหันหน้าไปมองห้องไอซียูด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด