แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1053
ทำไมรู้สึกว่าคุณดูยุ่งกว่าผมซะอีก”
พฤกษ์รู้สึกไม่อยากจะจากไปจึงโอบล้อมคมทิพย์ไว้ ตอนนี้อยากจะเป็นกษัตริย์ที่ไม่ต้องออกว่าราชการในท้องพระโรงจริงๆ
คมทิพย์ถูกเขาตามตื้อ จึงยิ้มแล้วใช้นิ้วมือแตะเข้าที่จมูกของเขา จากนั้นพูดขึ้น“ฝันเฟื่องไปเหอะคุณ คิดอยากเป็นฮ่องเต้รึ ทำไมเหรอ รังเกียจว่าฉันคนเดียวจะปรนนิบัติไม่ทั่วถึง จึงอยากมีสนมนางในไว้คอยปฏิบัติรับใช้ใช่ไหม”
“จะกล้าที่ไหนล่ะ มีคุณคนเดียวเป็นสนมเอกก็พอแล้ว”
คำอวยของพฤกษ์ใช้ได้ผลกับคมทิพย์มาก ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผู้หญิงนั้น หากถูกผู้ชายพูดจาหวานใส่ไม่กี่คำก็จะไปไม่ถูกแล้ว
“ช่างเหอะ ไม่เจ๊าะแจ๊ะคุณแล้ว เป็นโทรศัพท์จากริชาร์ด คิดว่าคงจะเร่งให้ฉันกลับไปอัดเพลง ทุกคนทุ่มเทกับอัลบั้มนี้มาก อยากให้ดังเป็นพลุแตก อีกทั้งเพิ่งเปิดตัวกับบริษัทภาพยนตร์โทรทัศน์ของนรมน จึงต้องทำคะแนนหน่อย อย่างอื่นฉันไม่สามารถช่วยเธอได้ แต่ว่าจุดนี้ฉันจะต้องพยายามให้ถึงที่สุด”
คมทิพย์มองพฤกษ์แล้วพูดอย่างตั้งใจ
พฤกษ์ย่อมรู้นิสัยของคมทิพย์ เมื่อตัดสินใจทำอะไรแล้วก็จะมุ่งมั่นทำอย่างตั้งใจอย่างสุดความสามารถ
“ครับ เมื่อเสร็จธุระและผ่านช่วงนี้ไปแล้ว พวกเราแต่งงานกันนะ ผมได้ยินมาว่าเจตต์นั้นจดทะเบียนสมรสแล้ว พวกเรายังตามหลังเขาอยู่เลย ให้ตายสิ”
เมื่อได้ยินพฤกษ์บ่น คมทิพย์อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณจะไปเปรียบคนอื่นเรื่องนี้ทำไม”
“ทำไมจะไม่เปรียบล่ะ เขากับขวัญตาเพิ่งรู้จักกันไม่นานเอง เขาก็จดทะเบียนสมรสกันแล้ว คุณบอกซิว่าเรารู้จักกันนานแค่ไหนแล้ว ยังไงก็น่าจะลงเอยออกดอกออกผลได้แล้ว”
“ฝันไปเหอะ ยังไม่ได้ขอแต่งงานเลยจะให้ฉันแต่งกับคุณซะแล้ว ฉันไม่ใช่ขวัญตาสักหน่อย คุณรอไปก่อนแล้วกันนะ”
คมทิพย์ผลักเขาออกไป กระหยิ่มยิ้มย่องถือกระเป๋าเดินออกไป
“ผมไปส่งคุณ”
พฤกษ์รีบใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้วตามออกไป
บุริศร์ไม่รู้สถานการณ์ทางฝั่งนี้ของพฤกษ์ จึงโยนก้นบุหรี่ในมือทิ้งไป จากนั้นก็ขับรถไปซื้อเค้กกลับมาให้นรมน
หลังจากที่นรมนตื่นขึ้นจากการนอนงีบกลางวัน ก็ได้กลิ่นโชยของอาหาร
“ทำอะไรอ่ะ ทำไมหอมอย่างนี้”
เธอลงจากตึกก็เห็นบุริศร์กำลังดูหนังสือพิมพ์การเงิน จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
บุริศร์ยิ้มแล้วพับหนังสือพิมพ์ลง จากนั้นกล่าวขึ้น “ทำซุปเป็ดให้คุณน่ะ แต่ว่าต้องตั้งระดับความร้อนของไฟไว้ ทานตอนค่ำเหมาะสมกว่า”
“ซุปเป็ดเหรอ คุณไปซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเหรอ”
“ไปซื้อที่ตลาด”
บุริศร์ยิ้มเบาๆ นรมนชิดเข้าไปใกล้ ยื่นมือไปคล้องคอของเขาไว้ แล้วนั่งลงบนตักของเขาอย่างออดอ้อนออเซาะ จากนั้นพูดเจ๊าะแจ๊ะขึ้น “คุณดีกับฉันเช่นนี้ คุณบอกซิว่าจะให้ฉันตอบแทนคุณอย่างไร”
“อย่าก่อกวนสิ”
บุริศร์ดึงมือของเธอลง แต่กลับใจไม่แข็งพอที่จะดันเธอให้ลุกขึ้น
นรมนพูดจึงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “ยังไง เดี๋ยวนี้ไม่สามารถแตะเนื้อต้องตัวได้แล้วเหรอ ไม่ยอมให้ฉันนั่งบนตักคุณแล้วเหรอ”
“พูดอะไรกัน อะไรคือไม่สามารถแตะเนื้อต้องตัวได้ พูดจาเป็นหรือเปล่า นรมน คุณรอผมก่อนนะ รอให้ผมผ่านช่วงนี้ไปก่อนแล้วคอยดูว่าผมจะจัดการกับคุณอย่างไร”
“เชอะ”
นรมนปรายมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
บุริศร์จึงหงุดหงิด
นี่ถือว่าเป็นเสือที่ตกลงที่ราบแล้วถูกสุนัขรังแกหรือเปล่า
“คุณรอดูผมแล้วกันนะ!”
“เหอะๆ”
หางตานรมนชำเลืองมอง ทันใดนั้นก็เห็นกล่องเค้กเข้า
“ซื้อให้ลูกสาวคุณเหรอ”
“ซื้อให้คุณ รีบทานสิ เดี๋ยวกมลกลับมาคุณอยากทานก็ไม่ได้ทานหรอก”
บุริศร์ยื่นมือไปหยิบเค้กให้กับนรมน
เมื่อมองดูบรรจุภัณฑ์บนกล่อง นรมนก็รู้สึกประหลาดใจแล้วพูดขึ้น“คุณตั้งใจขับรถไปซื้อเค้กสองชิ้นนี้กลับมาเหรอ”
“ก็ไม่ถึงกับตั้งใจหรอก คุณชอบทานเค้กเกาลัดนี้ไม่ใช่เหรอ”
บุริศร์ยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ว่านรมนกลับรู้สึกว่าได้ผล
อะไรเรียกว่าผู้ชาย
นี่ต่างหากที่เรียกว่าผู้ชาย
ถ้าบุริศร์รู้ว่าเค้กสองชิ้นนี้จะซื้อนรมนได้ ไม่รู้ว่าจิตใจจะคิดอย่างไร
นรมนหยิบเค้กขึ้นมาดู เป็นเค้กที่ตัวเองชอบทานจริงๆ เธอจึงไม่เกรงใจ ทานหมดในไม่กี่คำ ไม่มีความเป็นกุลสตรีสักนิดเดียว
บุริศร์มองเขาด้วยความรักเอ็นดู จากนั้นก็ยื่นน้ำอุ่นไปให้กับเธอ
“ทานอย่างรีบร้อนทำไมกัน ไม่มีใครแย่งทานสักหน่อย”
“นี่ก็กลัวว่าลูกสาวของคุณกลับมาไง เด็กเห็นแก่กินคนนั้นถ้าเห็นแล้วต้องทานแบบไม่เหลือแน่ๆ”
นรมนพลางพูดพลางทาน จนเกิดการสำลักขึ้น บุริศร์จึงรีบยื่นน้ำอุ่นไปให้
เธอดื่มน้ำเข้าไปหลายอึก จนลื่นคอ
“ค่อยๆทานสิ อีกนานกว่ากมลจะกลับมา”
บุริศร์ตบหลังของเธอด้วยความเป็นห่วง
นรมนรีบพูดขึ้น“คุณเบาๆหน่อย แผลของฉันยังไม่หายดีนะ”
“ก็เบาอยู่”
บุริศร์รีบขึ้น
ขณะที่นรมนยังอยากจะพูดอะไรนั้น คมทิพย์ได้โทรศัพท์เข้ามา
“นรมน ฉันกลับไปที่เมืองBแล้ว ทางนี้ต้องการรีบเร่งในการอัดเสียง ฉันได้ยินมาว่านักแสดงในบริษัทของคุณมีข่าวอื้อฉาว ตอนนี้ข่าวสงบลงหรือยัง”
นรมนถอนหายใจแล้วพูด “ยังเลย ทางพริมาน่าจะใกล้รวบรวมหลักฐานครบแล้วล่ะ ถึงเวลานั้นค่อยเชิญนักข่าวจัดงานแถลงชี้แจงขึ้นก็น่าจะดี”
“เธอยังนั่งเฉยอยู่ได้ ตอนนี้ระบบอินเตอร์กำลังจะล่มแล้ว มีแต่การดุด่าว่านักแสดงคนนั้น บอกว่าเธอนั้นจิตใจเหี้ยมโหด เธอรีบจัดการให้เร็วที่สุดเถอะ ไม่อย่างนั้นปล่อยไว้เดี๋ยวจะจัดการยากนะ ใช่แล้วเรื่องนี้มีคนชักใยอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า ถ้าไม่เช่นนั้นจะบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไร เพิ่งจะมาถึงบริษัทของพวกเราก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
คมทิพย์รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ
นรมนพูดอย่างเฉยเมย“ไม่ว่าจะเป็นฝีมือใคร ฉันตอนนี้หากทหารมาก็จะใช้ขุนพลต้าน น้ำมาก็จะใช้ดินต้าน ไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้หมด ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
“เธอนี่ช่างคิดปลงได้จริงๆ”
“ไม่ปลงแล้วจะทำอะไรได้ จะให้ตีตนไปก่อนไข้เหรอ อีกอย่างการเปิดบริษัทย่อมต้องเคืองใจคนกลุ่มหนึ่งอยู่แล้ว ฉันเองก็ไม่สามารถที่จะป้องกันได้ทุกวัน อย่างนั้นสู้คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆดีกว่า”
การเป็นแม่พระของนรมนทำให้คมทิพย์หมดคำจะพูด
“โอเค เธอชนะแล้ว แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องรับไปทำธุระก่อน มีธุระติดต่อก็ติดต่อมานะ”
“โอเค”
เมื่อวางสายโทรศัพท์ลง นรมนยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจ กลับพบว่าบุริศร์กำลังจ้องเขม็งตัวเองอยู่
“ทำไม หน้าของฉันมีเค้กติดอยู่เหรอ”
“บริษัทคุณเกิดเรื่องทำไมไม่บอกผม”
บุริศร์คิ้วขมวดขึ้น
ถูกภรรยามองข้ามเช่นนี้ดีจริงหรือ ทำไมเขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนไม่มีตัวตน
นรมนพูดอย่างเฉยเมยขึ้น“เรื่องเล็กน้อย พริมาจัดการเองไปแล้ว ไม่ถึงขันต้องรบกวนคุณ”
“เมียจ๋าทำไมผมรู้สึกว่าคุณไม่ต้องการผม”
บุริศร์รวบแขนขึ้น แล้วดึงนรมนเข้าอยู่ในอ้อมกอด
นรมนยิ้มขึ้นฉับพลัน
“ไม่ขนาดนั้น ถ้าหากว่าฉันจัดการไม่ได้ก็ย่อมต้องการคุณอยู่แล้ว นี่ฉันก็กลัวว่าคุณเหนื่อยไง”
“บริการเพื่อภรรยาไม่เหนื่อยอยู่แล้ว”
คำอวยของบุริศร์ยิ่งอยู่ยิ่งไหลลื่น
นรมนอารมณ์ดีมาก
“พอได้แล้ว ไม่ต้องมาเจ๊าะแจ๊ะแล้ว ฉันจะไปอาบน้ำ”
“ได้ อาบน้ำเสร็จผมจะพาคุณไปชมการแสดงร้องเพลง”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนชะงักไปชั่วครู่
“หือ ชมการแสดงเหรอ”
“ใช่ รีบไปเหอะ”
บุริศร์อุบไว้ไม่พูดต่อ
นรมนขี้เกียจที่จะถามต่อ เพราะไม่ว่าอย่างไรอีกสักพักก็รู้
เธอขึ้นตึกไปอาบน้ำ ก็ไม่รู้ว่าเกิดจากการทานเค้กหรือว่าอย่างไร รู้สึกว่าในใจข้างในนั้นหวานมากๆ ความรู้สึกนี้ช่างดีจริงๆ
เมื่อเปลี่ยนชุดเสื้อผ้าที่เหมาะสมแล้ว นรมนก็ลงมาจากตึก เมื่อเห็นบุริศร์ที่แต่งตัวเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปคล้องแขนของเขา
“ฉันแต่งแบบนี้โอเคไหม”
บุริศร์มองนรมนที่สวยใสในตอนนี้ จึงพูดอย่างพอใจ “สุดยอดไปเลย”
“อย่างนั้นก็ไปกันเถิด”
นรมนขึ้นรถไปกับบุริศร์
ทั้งคู่มุ่งตรงไปที่โรงพยาบาล
ถึงแม้ว่านรมนจะแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย
พวกเขาเข้าไปในโรงพยาบาลได้ไม่นาน นรมนก็เห็นพ่อแม่นรมนที่วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน ข้างหลังตามด้วยผู้คุมขัง
“เกิดอะไรขึ้น”
นรมนกระตุกแขนเสื้อของบุริศร์แล้วถามขึ้นเบาๆ
บุริศร์ยิ้มแล้วพูด“เนตราไตวายฉับพลันไม่ใช่เหรอ ผมให้คนส่งข่าวไปบอกพ่อแม่นรมน คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาเร็วขนาดนี้ แต่เกรงว่าอีกสักครู่คงจะผิดหวังซะแล้ว”
ทันใดนั้นนรมนก็เข้าใจความหมายของบุริศร์ทันที
“แน่ใจจริงๆเหรอว่าเนตราไม่ใช่ลูกแท้ๆของพวกเขาสองคน ผลตรวจดีเอ็นเอนี้ทำขึ้นมาเหรอ”
“ทำหรือไม่ เดี๋ยวก็รู้ เนตราไตวายฉับพลัน ตอนนี้ต้องการเปลี่ยนถ่ายไตอย่างเร่งด่วน ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ตามปฏิกิริยาความรู้สึกที่พ่อแม่นรมนมีต่อเนตรา ต่อให้ต้องใช้ชีวิตเข้าแลกเห็นทีพวกเขาสองคนก็คงจะยินยอม ตอนนี้พ่อแม่นรมนจะเป็นพ่อแม่บังเกิดเกล้าของเนตราหรือไม่ อีกสักครู่เรื่องทุกอย่างจะถูกเปิดโปงอย่างกระจ่าง”
บุริศร์พูดเบาๆ ความเย็นเยือกแวบผ่านเข้ามาในดวงตา
นรมนไม่ได้ช่วยพ่อแม่อ้อนวอนขอร้องแต่อย่างใดๆ
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน นรมนจะต้องเป็นห่วงว่าพวกเขาจะรับไม่ได้กับข่าวนี้ แต่ว่าความรู้สึกของคนเรากลัวอย่างเดียวคือจะถูกถลุงใช้ไปจนหมด
ความรู้สึกของนรมนที่มีต่อพ่อแม่นั้นถูกพวกเขาถลุงใช้ไปจนไม่เหลือตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นพวกเขาก็เหมือนกับคนแปลกหน้าก็ไม่ปาน
ไม่นานพยาบาลก็เดินออกจากห้องผ่าตัด
“ครอบครัวของเนตราอยู่ไหมคะ”
“พวกเราเป็นพ่อแม่ของเธอ”
แม่นรมนอยู่ในนั้นคงมีชีวิตที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เห็นแล้วชราลงไปเยอะ
พ่อนรมนก็ดูไม่สง่าราศี แววตาดูขุ่นมัว แต่ทั้งคู่ก็ก้าวมาข้างหน้าเมื่อได้ยินพยาบาลเรียกหาครอบครัวของเนตรา หว่างคิ้วออกอาการกังวล
พยาบาลพูดเสียงเบาๆ“พวกท่านเป็นอะไรกับคนไข้คะ”
“พวกเราเป็นพ่อแม่”
“อย่างนั้นก็รีบเลยค่ะ พวกท่านใครคือกรุ๊ปเลือดRHคะ รีบไปถ่ายเลือดด่วนเลยค่ะ คนไข้ตอนนี้เลือดออกภายใน
อาการน่าเป็นห่วงค่ะ”
นางพยาบาลพูดจบก็จะจากไป แต่ถูกพ่อนรมนรั้งไว้
“เดี๋ยวก่อน คุณบอกว่าเนตรามีกรุ๊ปเลือดอะไรนะ”
“กรุ๊ปเลือดRHค่ะ! กรุ๊ปเลือดนี้ค่อนข้างหายาก ในตู้เก็บเลือดก็มีไม่เยอะ ในเมื่อพวกท่านเป็นพ่อแม่ของคนไข้ ก็ย่อมมีใครคนใดคนหนึ่งที่มีเลือดกรุ๊ปนี้ ตอนนี้คนไข้อาการวิกฤติมาก รีบไปถ่ายเลือดเถอะค่ะ”
คำพูดของนางพยาบาลทำให้พ่อแม่นรมนตกใจชะงัก
“เป็นไปไม่ได้ ! ผมเลือดกรุ๊ปB ภรรยาผมเลือดกรุ๊ปA เนตราจะเป็นกรุ๊ปเลือดRHได้อย่างไร”
น้ำเสียงของงามพลดังแหลมขึ้นทันใด ทำให้คนฟังรู้สึกแสบหู
แม่นรมนถามนางพยาบาลด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ“ผิดพลาดอะไรหรือเปล่า กรุ๊ปเลือดเนตราของเราไม่น่าจะใช่กรุ๊ปเลือดRHนะ”
“จะผิดพลาดได้อย่างไร พวกเราเป็นหมอ จะต้องมีความรับผิดชอบต่อคนไข้! ถ้าหากว่าเลือดไม่ตรงกัน เป็นไปได้อย่างเดียวคือคนไข้ไม่ใช่ลูกแท้ๆของพวกท่าน ไม่ว่าจะอย่างไร ตอนนี้เธอต้องการเลือดอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยชีวิต พวกท่านรีบหาวิธีเถิด ถ้าสั่งจากที่อื่นอาจต้องใช้เวลา เกรงว่าจะไม่ทัน”
นางพยาบาลพูดเสร็จก็ดึงมืองามพลออก และเข้าไปที่ห้องผ่าตัดอีกครั้ง
พ่อแม่นรมนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับถูกฟ้าผ่า ในหัวสมองสะท้อนดังในสิ่งที่พยาบาลพูดเมื่อสักครู่
เธอบอกว่า”กรุ๊ปเลือดไม่เหมือนกันเป็นไปได้อย่างเดียวคือคนไข้ไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของพวกคุณ”
ไม่ใช่ลูกแท้ๆ
เป็นไปได้อย่างไร