แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1057
“คุณจะทำอะไร?”
นรมนมองบุริศร์ด้วยสายตาแวววาว
ทันใดนั้นบุริศร์ก็คิดขึ้นได้ว่านรมนอาจจะเข้าใจผิด เขาจึงรีบพูดขึ้นด้วยความเขินอาย“ไม่ต้องกวนแล้ว พูดเรื่องที่ต้องการจะพูดมา”
“เรื่องอะไร?”
ในตอนนี้นรมนถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมาเพื่อจุดประสงค์อะไร
“เออ ใช่ เรื่องบริษัทของฉัน”
นรมนพูดขึ้นมาด้วยความร้อนใจทันที
“พริมาไม่ใช่คนของคุณเหรอ? ความสามารถในการทำงานก็น่าจะใช้ได้ ทำไมตอนนี้ถึงปิดเงียบไม่ยอมทำอะไรเลย? หรือว่ามีเรื่องอะไรที่ปิดบังไว้ใช่ไหม?”
นรมนดูไม่ตงิดใจในเรื่องความสามารถของพริมาเลยสักนิด ตอนนี้สิ่งที่น่ากังวลคือคนที่จงใจเล่นงานบุริศร์ ถ้าหากเป็นแบบนั้น นรมนไม่มีทางรับปาก
บุริศร์เห็นท่าทางเธอดูร้อนใจ ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้“ก็แค่เกิดปัญหานิดหน่อย แต่ว่าเธอวางใจได้ ฉันจัดการได้ กินข้าวเช้ามาหรือยัง?”
“นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะมีอารมณ์มาห่วงข้าวเช้าอีกเหรอ?”
นรมนรู้สึกว่าสองของบุริศร์น่าจะมีปัญหา
บุริศร์รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรไปหาเลขาทันที
“ไปที่ร้านอาหารแล้วสั่งข้าวมาให้คุณนายชุดหนึ่ง”
หลังจากวางสาย บุริศร์ถึงได้ยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น“ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ร่างกายของเธอสำคัญที่สุด ไม่กินข้าวเช้ามันไม่ดีต่อกระเพาะ”
“ตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว อีกอย่างเรื่องบริษัทของฉัน……..”
“มีฉันอยู่ เธอควรจะกินข้าว”
บุริศร์จงใจพูดตัดนรมนไม่ให้พูดต่อ
สำหรับการไล่ตามทั้งชีวิตของนรมนก็คือบุริศร์ แต่กลับไม่นึกว่าผู้ชายคนนี้จะมอบความสบายใจให้เธอ
ความร้อนใจของเธอจึงค่อยๆ หายไป
ไม่นานเลขาก็เอาอาหารเข้ามา
ที่จริงนรมนไม่ได้รู้สึกหิวเลย แต่ว่าในเมื่ออยู่ภายใต้สายตาของบุริศร์ เธอจึงจำเป็นต้องกินเข้าไป
เธอพูดไปกินไป“เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
“กินเสร็จค่อยพูด”
บุริศร์พูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง
เจอเข้ากับสามีที่เข้าใจตัวเองแบบนี้ นรมนยังจะพูดอะไรได้อีก?
เธอจึงทำได้แค่กินข้าวเช้าให้หมด บุริศร์จึงส่งนมร้อนมาให้แก้วหนึ่ง เธอขมวดคิ้วมอง แต่ก็ยังดื่มเข้าไปอยู่ดี
พอเห็นว่านรมนกินข้าวเช้าแล้ว บุริศร์ถึงได้พูดขึ้นด้วยเสียงโทนต่ำ“ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรมาก ก็แค่การแข่งขันระหว่างคนในสายเดียวกัน”
“อย่ามาหลอกฉัน ถ้าหากเป็นการแข่งขันในสายเดียวกัน ไม่มีทางที่พริมาจะจัดการไม่ได้ ฉันไม่เชื่อว่าคุณจะเลือกคนไม่มีความสามารถให้ฉัน”
นรมนเป็นคนไม่สับสนเลยสักนิด
บุริศร์หัวเราะออกมาทันที“เธอก็แค่ยกให้ฉันเป็นคนจัดการไม่ได้เหรอ?”
“บริษัทของฉันทำไมต้องยกให้คุณจัดการ? คุณบุริศร์ ฉันคือประธานนรมน ก็ต้องเป็นคนเดียวที่เผชิญหน้า คุณจะเลี้ยงฉันเป็นเด็กจนแก่เลยเหรอ?”
“แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ขอแค่เธอยินยอม”
“ฉันไม่ยินยอม”
นรมนปฏิเสธออกมาทันที
เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้เธอรู้ดี เป็นผู้หญิงไม่ควรจะพึ่งเอาแต่พึ่งผู้ชายฝ่ายเดียว เป็นคนก็ต้องมีช่วงที่เหนื่อยเป็น ถ้าหากว่าบุริศร์เกิดเหนื่อยขึ้นมา แล้วศัตรูใช้โอกาสนั้นโจมตีจะทำยังไง?
พวกเขายังมีลูกอีกตั้งสามคน
พอคิดถึงจุดนี้ นรมนก็ต้องบังคับตัวเองให้ยืนหยัดไว้
สิ่งที่นางต้องการไม่ใช่การหลบอยู่หลังบุริศร์ แต่เป็นการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมกับเขาทั้งชีวิต
บุริศร์เห็นท่าทางแน่วแน่ของนรมนแบบนั้น ถึงได้ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “นรมน บางครั้งเธอก็ออกงานไม่สะดวก”
“ยังมีอะไรที่ฉันไม่สะดวกงั้นเหรอ? เรื่องการเลี้ยงดูพ่อแม่ฉันก็จัดการเองทุกอย่าง ยังมีอะไรที่ฉันไม่สามารถรับได้อีกเหรอ? ตกลงว่าเป็นใคร?”
“ชาวี”
ตอนที่บุริศร์พูดชื่อคนนี้ออกมา นรมนทำหน้าอึ้งไปชั่วขณะ แถมในสมองครึ่งซีกก็ยังนึกไม่ออกว่าคนนี้เป็นใคร
พอเห็นท่าทางเธอแบบนั้น บุริศร์ก็หัวเราะออกมาทันที
“พ่อของตุลยา ชายคนรักของแม่เธอที่อยู่ต่างประเทศคนนั้น”
พอพูดออกมาแบบนี้นรมนก็พอจะนึกออกแล้ว
เธอขมวดคิ้วครุ่นคิด
“หมายความว่ายังไง? เขาช่วยลูกสาวตัวเองแก้แค้นเหรอ?นี่มันก็ผ่านมานานแค่ไหนแล้ว ถึงได้นึกอยากจะขอความเป็นธรรมให้กับตุลยา? ”
สิ่งที่นรมนนึกออกก็คือความแค้นของตัวเองกับตุลยาสมัยก่อน
บุริศร์กลับส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่ น่าจะเป็นเพราะเรื่องที่แม่เธอเสีย เขาคงจะคิดว่าเป็นเธอที่ทำร้ายแม่จนต้องตาย ที่จริงก็เหมือนการเปลี่ยนเรื่องอะไรแบบนั้น พอคิมตายไป เขาก็เพียงต้องการหาคนที่จะเกลียดให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็อยู่ต่อไปไม่ได้ ก็เหมือนเป็นการปรับทุกข์ตัวเองเพื่อความรักที่มีมาหลายปี”
“ที่จริงก็เพราะเกิดจากการที่ตัวเองรักแต่ไม่ได้ครอบครอง จึงมาลงกับคนอื่น ช่างเป็นคนอ่อนต่อโลกจริงๆ”
นรมนรู้สึกไม่ค่อยชอบถูกชาวี
ครั้งก่อนเรื่องของอิงฟ้า ชาวีก็เป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง พวกเขายังไม่ทันได้เล่นงานชาวีเลย เพียงแค่จัดการกับน้องชายของชาวีเท่านั้น แต่ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะหันกลับมาแว้งกัดตัวเองเร็วขนาดนี้
พอรู้ว่าอีกฝั่งเป็นใคร นรมนก็ดูจะสบายใจขึ้นมาก
“ณัจยาเป็นคนของชาวีเหรอ?”
“ไม่ใช่ ณัจยาเป็นเพียงศิลปินคนหนึ่ง แต่ก็ถือว่าเป็นคนโชคไม่ดี ที่ต้องมาเจอกับพ่อแม่ที่โลภมากแบบนี้ และยังมีน้องชายที่ไม่ได้เรื่องอีก
ครอบครัวของพวกเขาเหมือนกับปลิงเลย อีกนิดเดียวก็จะสูบเลือดณัจยาหมดตัวแล้ว เรื่องนี้คนในวงการน่าจะพอรู้กันอยู่ เพียงแค่เธอเปิดบริษัทใหม่ ยังเชื่อใจใครไม่ได้ ตอนที่เซ็นสัญญายังไม่ได้ตรวจสอบให้ดี ในส่วนนี้พริมาเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ ดังนั้นครั้งนี้ชาวีถึงได้ซื้อใจพ่อของณัจยาได้ และยังบอกพวกเขาว่า ณัจยาได้รับบทบาทนางเองด้วย ทำเงินได้มากมาย ดังนั้นถึงได้เกิดเรื่องนี้ขึ้น”
บุริศร์เล่าเรื่องทั้งหมด
นรมนเองก็ขมวดคิ้วคิดตาม
“ฉันได้บอกให้พริมาออกไปหาหลักฐานแล้ว และพริมาเองก็บอกว่า ได้หลักฐานมาแล้ว พวกเราสามารถเปิดการแถลงข่าวกับนักข่าวและเปิดโปงณัจยาจนถึงที่สุดได้แน่นอน”
“หลักฐานได้ถูกการแถลงข่าวของนักข่าวทำลายแล้ว ดังนั้นคำพูดของพริมาไม่มีประโยชน์แล้ว อีกอย่างพ่อของณัจยาเองก็เป็นคนอันธพาล ตอนนี้เขาคุมทุกอย่างเอาไว้แล้ว”
บุริศร์ถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้น “ทางพริมาฉันจะส่งคนไปจัดการเอง เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่งแล้ว”
“ไม่ได้ ฉันต้องยุ่ง และต้องยุ่งให้ถึงที่สุดด้วย!”
แววตาของนรมนสว่างทันที
“ชาวีคนนี้ก็จริงๆ เลย ตัวเองอยู่ต่างประเทศดีๆ แท้ๆ ทำไมถึงอยากมาก่อกวนฉัน? แม่ของฉันก็ไม่อยู่แล้ว หรือเขาคิดว่าฉันจะเห็นแก่หน้าแม่แล้วปล่อยเขาไปง่ายๆ อย่างงั้นเหรอ? เขาคิดว่าตัวเองเก่งงั้นเหรอ?”
นรมนไม่รู้จะพูดอะไรกับคนอย่างชาวีแล้ว
“เธอคิดจะทำอะไร?”
บุริศร์ดูออก ว่าตอนนี้ภรรยาตัวเองเป็นเหมือนเครื่องทรมานที่ต้องการจะจัดการคนพวกนั้นแล้ว
ก็ดีเหมือนกัน นรมนที่ดูมีพลังบ้าคลั่งแบบนี้ก็ทำให้คนมองรู้สึกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่อย่างดี
นรมนหันไปมองบุริศร์ อยู่ดีๆ ก็หัวเราะแล้วยืนขึ้น พร้อมกับเดินมาด้านหน้าเขา แล้วยื่นมือไปโอบคอเขาไว้
กลิ่นหอมของเธอทะลักเข้ามาหาบุริศร์ จนเขารู้สึกหดหู่
“มีอะไรก็พูดออกมา อย่ามาทรมานฉันเลยได้ไหม?”
นรมนหัวเราะออกมาอย่างคนเจ้าเล่ห์
“ฉันนั่งบนโซฟามันเย็น แต่นั่งบนตักคุณอุณหภูมิมันพอดี”
เธอพูดออกมาขนาดนี้แล้ว บุริศร์จะพูดอะไรได้อีก
เขามองเธอด้วยสายตาที่น่าสงสาร
นรมนรู้สึกว่าบุริศร์ในตอนนี้น่ารักมาก
เธอบีบที่หน้าเขา พร้อมกับยิ้มแล้วพูดขึ้น“ช่วยฉันสักเรื่องนะขอร้อง”
“คุณภรรยาเชิญสั่งมาได้เลย เรื่องช่วยนั้นฉันมิบังอาจ แต่ฉันควรจะทำ”
บุริศร์ทำแบบนี้เพื่อให้นรมนรู้สึกดีขึ้นบ้าง
“ตอนนี้ปากเก่งจริงๆ”
“นี่เป็นการร้องขอชีวิต”
บุริศร์หันไปมองกางเกงตัวเองอย่างหดหู่ เพราะบางจุดนั้นนูนขึ้นแล้ว ก็อดที่จะไม่ใช้ไม่ได้แล้ว
สวรรค์!
นี่ทำไมต้องรอด้วย!
นรมนทำเหมือนไม่เห็นอะไร พร้อมกับยิ้มแล้วพูดขึ้น “ช่วยฉันเช็กทีว่าตอนนี้ตุลยาอยู่ที่นั่นทำอะไร?”
“คุณจะทำอะไร?”
บุริศร์รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที
ตอนนั้นที่ตุลยาตามระรานเขาอย่างบ้าคลั่งจนเขาจดจำขึ้นใจ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่เขาไม่อยากเจอตลอดชีวิต ถ้าหากไม่ใช่เพราะไมค์ เขาก็คงจัดการหล่อนให้หายไปจากโลกนี้แล้ว
นรมนเห็นปฏิกิริยาเขาแบบนั้น ในใจก็ยิ่งรู้สึกพอใจมาก
“ก็แค่เช็กดูเฉยๆ ว่าตอนนี้หล่อนทำอะไร ฉันอยากให้หล่อนมาที่เมืองชลธี”
“เธอหยุดคิดเถอะ”
บุริศร์อุ้มนรมนไว้ทันที หลังจากนั้นก็พาเธอไปนั่งที่โซฟา
เขารเดินไปมาในห้องด้วยความไม่พอใจและพูดขึ้น“เธอคงรักษาแผลหายแล้วลืมความเจ็บปวดไปแล้วใช่ไหม? ตุลยายังไม่ยอมละทิ้งความรู้สึกที่มีต่อฉันนะ เธอแน่ใจว่าต้องการให้หล่อนมาที่เมืองชลธีเหรอ?”
“ฉันแน่ใจสิ”
นรมนยิ้มออกมาอย่างสบายใจ
บุริศร์มองดูนรมนครู่หนึ่ง ก็รู้ว่าเธอไม่ได้พูดล้อเล่นเลย ในตอนนี้เขาถึงขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นอย่างจริงจัง “เจ้าคิดจะควบคุมโอรสสวรรค์บัญชาการเจ้าผู้ครองแคว้นงั้นเหรอ?”
“ชาวีไม่ถือว่าเป็น'เจ้าผู้ครองแคว้น‘ แต่ว่าตุลยาเป็นลูกน้องเขา ในเมื่อเขาต้องการทำให้ฉันอยู่แบบไม่สบาย ฉันเองก็คงไม่ยอมให้เขาใช้แผนเลวๆ แบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ไปพูดกับไมค์ บอกให้เขาพาตุลยามาเที่ยวที่เมืองชลธี และแน่นอนว่าพอมาถึงแล้วฉันจะให้ไปที่ไหนนั้น ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง”
เหมือนกับว่านรมนมีแผนการในหัวแล้ว เลยทำให้บุริศร์รู้สึกเบาใจลงหน่อย
“ยังไงไมค์ก็เป็นพี่น้องของฉัน ถ้าหากว่าไม่สุดจริงๆ ก็อย่าไปทำอะไรเขาเลย”
“ฉันรู้ ก็แค่ตุลยาเอง ไม่ได้อยู่ในสายตาฉันด้วยซ้ำ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ชอบฆ่าคน ขอแค่หล่อนทำตัวน่ารัก ฉันก็จะทำให้เหมือนว่าหล่อนเป็นน้องสาวตัวเองเลย”
นรมนพูดขนาดนี้แล้ว ถ้าหากบุริศร์ยังไม่ตอบตกลงก็ดูจะใจร้ายเกินไปแล้ว
เขาโทรไปหาชัยยศทันที
“ไปเช็คดูว่าตอนนี้ตุลยาอยู่ที่ไหน?”
ผ่านไปไม่นานนัก ชัยยศก็ส่งข้อมูลมาให้
“ตอนนี้ตุลยาอยู่ที่ประเทศ M มีไมค์เป็นคนดูแล”
ตอนที่บุริศร์โทรหาไมค์ นรมนก็ลุกออกไปจากห้องทำงาน
ไมค์กับบุริศร์เป็นพี่น้องกัน ไม่ว่าตุลยาจะเป็นยังไง เรื่องนี้นรมนเองก็ไม่อยากจะเข้าไปทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขา
เธอมองไปที่พนักงานในบริษัทที่กำลังยุ่งกับการทำงาน ก็อดจะเบื่อหน่ายไม่ได้ แล้วก็เดินมาที่ฝ่ายออกแบบโดยไม่รู้ตัว
“นักออกแบบแคทเธอรีเหรอ? คุณมาแล้วเหรอ? พอดีเลย พวกเรากำลังงงกับการออกแบบใบนี้อยู่ คุณดูให้หน่อยว่าสามารถให้คำแนะนำอะไรเราได้บ้าง?”
ฝ่ายออกแบบเอาแต่เรียกนรมนว่า แคทเธอรี
นรมนเองก็ชอบชื่อนี้ เธอไม่ใช่คุณนายบุริศร์ เป็นเพียงแคทเธอรี
เรื่องเก่าๆ ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาให้คิดถึงอีกแล้ว
“พวกคุณไม่กลัวว่าฉันจะเอาความลับบริษัทไปขายเหรอ?”
นรมนพูดล้อเล่นกับพวกเขา
นักออกแบบโค้ชหัวเราะแล้วพูดขึ้น“ขนาดประธานบุริศร์ยังไม่กลัว เราจะไปกลัวอะไร?”
ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกันทันที
แม้ว่านรมนจะไม่ได้มานานแล้ว แต่ว่ากลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ไปจากที่นี่เลยสักนิด
เธอนั่งลงบนเก้าอีกของนักออกแบบ แล้วหยิบกระดาษใบนั้นมา ก็พลันขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กระดาษใบนี้ดูน่าสนใจดี!