แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1075
นรมนเห็นบุริศร์ทำหน้าตาไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงอดทำปากมุ่ยไม่ได้ “อะไรกัน?เชื่อถือคำพูดของประธานบุริศร์ไม่ได้เหรอเนี่ย?”
“เปล่านะ ผมแค่เพียง……”
“ฉันรู้ว่าคุณไม่รักฉันแล้ว ตอนนี้ฉันแก่และไร้ประโยชน์ ไม่ได้เป็นสาวน้อยอ่อนโยน และไม่ได้ชำนาญการแพทย์เหมือนอย่างรมัยอะไรนั่น ที่ยอมสละชีวิตเพื่อคุณ คุณต้องรู้สึกเสียใจที่แต่งงานกับฉันใช่ไหม?ไม่เป็นไร เพียงแค่คุณพูดมาคำเดียว ฉันรับรองว่าจะให้คุณไปหาหญิงสาวที่คุณรู้สึกดีด้วยเลยเอาไหม?”
บุริศร์รู้สึกว่านรมนยิ่งพูดตนเองยิ่งกลายเป็นคนชั่วร้าย เมื่อทำอะไรไม่ได้เขาจึงทำได้เพียงใช้ริมฝีปากบางอุดปากของนรมนเอาไว้ ในใจรู้สึกทอดถอนใจ ช่วงนี้ภรรยารู้สึกน้อยใจบ่อยมาก ส่วนตนเองเมื่อไหร่ถึงจะได้พลังกลับคืนมา?
วันไหนจะต้องถามป้องดู
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงจะทนไม่ไหวจริง ๆ
นรมนเคลิบเคลิ้มไปกับจูบของเขา คาดไม่ถึงว่าจะลืมคำถามเมื่อสักครู่ทันที
บุริศร์เห็นแววตาของเธอเลือนราง จึงถอนริมฝีปากออกมาเบา ๆ
เขาอุ้มนรมนขึ้นมา พาเธอเข้าไปในที่ตั้งกองกำลังทหาร
เป็นสามีภรรยามาหลายปีแล้ว จะทำอะไรก็ควรจะปิดประตูให้มิดชิดก่อนจริงไหม?ให้ทหารหนุ่มเหล่านั้นมองเห็น เดี๋ยวจะเกิดอารมณ์รักกันไปหมดจริงไหม?
บุริศร์รู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองคิดมีเหตุผลมาก
นรมนถูกโยนลงบนเตียงถึงจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง
เธอกล่าวอย่างน้อยใจ “ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้รักฉันแล้ว รู้ว่าฉันบาดเจ็บก็ยังโยนฉันลงมาได้ลงคอ”
บุริศร์รู้สึกจนปัญญาทันที
เขาโยนเธอลงมาอย่างมีฝีมือมาก หรือจะพูดอีกอย่าง เตียงนี้เขาให้คนเสริมผ้าห่มเพิ่มลงไปสามชั้น เธอจะเจ็บได้อย่างไร?
“บาดเจ็บเหรอ?มา ผมขอดูหน่อย”
บุริศร์ดึงแขนเสื้อขึ้นทันที นรมนกระโดดขึ้นด้วยความตกใจ
“คุณจะทำอะไรเนี่ย?”
“บาดเจ็บไม่ใช่เหรอ?สามีจะช่วยดูให้คุณ ช่วยเป่าให้คุณ ถ้ายังไม่ดีจริง ๆ ผมจะอุ้มคุณขึ้นมาสูง ๆ ตอบสนองความต้องการทางจิตใจของสาวน้อยอย่างคุณ
บุริศร์พูดแล้วก็เดินตรงมาหานรมน
นรมนตกใจอย่างสิ้นเชิง
ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย
ถูกเขาอุ้มขึ้นมาสูง ๆ ตนเองจะไม่ขายหน้าเหรอ?
เธอทำเป็นแอ๊บแบ๊วแกล้งทำเป็นอ่อนแอก็ยังได้อยู่ บุริศร์มาแบบนี้เธอรับไม่ได้
“ไม่ต้องแล้ว มิลินเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ฉันแล้ว”
“อ่อ”
บุริศร์ถึงจะหยุดเดิน มองนรมนด้วยรอยยิ้ม
“เป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้ว คุณกลัวอะไร?”
“คุณสั่งสอนฉัน”
นรมนกระโดดไปอีกฝั่งของเตียงทันที
“คุณนอนพักผ่อนให้ฉันสักหน่อยเถอะ หลังจากมาที่แอฟริกาใต้ยังไม่พักผ่อนเลยใช่ไหม?รีบ ๆ เข้าเถอะ ตอนนี้แก้ไขปัญหาไปแล้ว ทำไมยังไม่นอนอีก?ฉันยอมให้คุณนอนสามวันสามคืนเลย”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์หัวเราะออกมาเล็กน้อย
“ยังไม่ได้ ผมต้องไปดูชัยณรงค์สักหน่อย ไม่ว่าจะพูดอย่างไรรมัยก็สละชีวิตเพื่อผม ถึงแม้ชัยณรงค์จะทำผิดกฎหมาย แต่มีบางเรื่องยังต้องชี้แจง”
“ชี้แจงอะไร คุณจะไปชี้แจงกับเขาได้อย่างไร?เขาเป็นผู้ป่วยทางจิต ตนเองทำอะไรไม่ได้และไม่มีความสามารถเอาพี่สาวของเขากลับมาจากสงคราม ความรู้สึกไร้อำนาจแบบนี้บังคับให้เขาต้องหาที่ระบาย และคุณก็โชคร้ายที่สุดกลายเป็นที่ระบายของเขา คนคนนี้ค่อนข้างดื้อรั้น ตอนนี้คุณไปหาพูดอะไรเขาก็ไม่ฟังหรอก หรือจะพูดอีกอย่าง ฉันไปเองจะดีกว่า คุณหลับไปเถอะ ฉันจะไปต่อรองกับชัยณรงค์แทนคุณเอง ที่รัก ถ้าคุณยังดื้อดึงอีก ฉันจะฉีดยาให้คุณสักเข็มหนึ่ง รับรองว่าจะให้คุณหลับจนกลับประเทศเลย”
ท่าทางของนรมนในตอนนี้โคตรหล่อเลย
บุริศร์มองเธอด้วยรอยยิ้มและถามว่า “เข็มฉีดยานั้นของคุณ……”
“อ่อ ขอรมิดาเอาไว้ตอนที่มา เพื่อป้องกันตนเอง ไม่คิดว่าจะเอาไปใช้กับชัยณรงค์ ว่ากันว่ายามีความแรงมาก ไม่รู้ว่าเขาจะกลับไปนานแค่ไหน คุณรีบพักผ่อนเถอะ วางใจได้ เขาไม่หนีไม่รอดหรอก”
นรมนโบกมือทันที บุริศร์ทำท่าทางถูกเธอกด จากนั้นยื่นสองแขน ดึงนรมนเข้ามาในอ้อมกอดทันที
“นอนด้วยกัน?”
นรมนรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้จงใจยั่วยวนเธอ
เธอยิ้มตาหยี่และกล่าวว่า “ตอนนี้คุณไม่ได้เป็นผู้ชายปกติ นอนด้วยกันมันเสี่ยง คุณจะทำอะไรได้?”
ใบหน้าของบุริศร์กลัดกลุ้มทันที
“คุณภรรยา ช่วงนี้คุณมีความต้องการสูงจังเลยนะ”
“คุณรู้หรือเปล่าว่าผู้หญิงอายุสามสิบเหมือนหมาป่าอายุสี่สิบเหมือนเสือ?ไม่ว่าอย่างไรก็ตามฉันใกล้จะถึงวัยของหมาป่าแล้ว คุณยังจะไม่ยอมให้ฉันมีความต้องการทางกายภาพตามปกติอีกเหรอ?”
คำพูดของนรมนทำให้มุมปากของบุริศร์ยกขึ้นทันที
“คุณถึงได้หิวกระหายมากใช่ไหม?”
สายตาของเขาเปลี่ยนไป
“คุณภรรยา คุณต้องรู้เอาไว้นะ บางครั้งผู้ชายก็ไม่ได้ต้องการสิ่งนั้น”
นรมนตกใจแววตาชั่วร้ายของบุริศร์
เธอรีบหนีออกมาจากอ้อมกอดของบุริศร์ทันที และกล่าวเตือนว่า “คุณอย่าทำตามอำเภอใจนะ”
“คุณไม่ได้ต้องการเหรอ?”
“ไปให้ไกล ๆ เลยนะ!ฉันเป็นคนหิวโหยขนาดนี้เลยเหรอ?”
นรมนรรีบล้มล้างการยั่วยุก่อนหน้านี้ของบุริศร์
การหาทางรอดเป็นสิ่งที่ดี
เธอแทบจะจินตนาการได้ในกรณีที่บุริศร์ต้องการทรมานตนเองจริง ๆ ผลสุดท้ายเธอจะน่าสมเพชมาก
“เอาล่ะ ฉันจะออกไปดูว่ากานต์กับกิจจากลับมาหาหรือยัง คุณรีบนอนเถอะ”
ในขณะที่พูดนรมนก็วิ่งออกไปราวกับวิ่งหนี
บุริศร์มองเห็นท่าทางอยากแต่ไม่กล้าของเธอ อดหัวเราะออกมาเบา ๆ ไม่ได้
เพียงแต่บุริศร์เหนื่อยมากจริง ๆ
กิจจากับนรมนปลอดภัย นี่คือความโล่งใจที่สุดของเขา ในขณะที่เปลือกตาของเขาลืมไม่ขึ้นแล้วจริง ๆ
เขารู้ว่ายังมีเรื่องที่ยังไม่ได้จัดการ แต่ตราบใดที่มีนรมนอยู่ด้วย เขาก็รู้สึกสบายใจ
บุริศร์หลับตาลงอย่างห้ามไม่ได้
หลังจากนรมนออกไปก็ตบหน้าอกและถอนหายใจอย่างโล่งอก
เธออดคิดถึงไม่ได้ หลังจากนี้เมื่อบุริศร์ฟื้นตัวกลับมาจะคิดบัญชีย้อนหลังอย่างไร?
เธออดหนาวสั่นไม่ได้
น่ากลัวจริง ๆ
หรือจะไม่ต้องคิด อาจจะหาโอกาสทรมานในตอนที่เขายังไม่ฟื้นคืนกลับมา ถึงแม้จะโดนคิดบัญชีย้อนหลังก็ไม่เสียเปรียบจริงไม่จริง?
นรมนยิ้มอย่างปลิ้นปล้อน ก็มองเห็นกิจจาและกานต์ลงมาจากรถ
“กิจจา กานต์ พวกลูกกลับมาแล้ว”
เธอรีบเข้าไปต้อนรับ
กานต์ยิ้มมุมปากเบา ๆ เพียงแต่ดูฝืนใจเล็กน้อย
นรมนนึกถึงการกระทำที่เพิ่งจะผ่านมาไม่นานของลูกชาย จึงอดรู้สึกอดสงสารไม่ได้
“มา ลูกรัก หม่ามี้อุ้มหน่อย”
เธอย่อตัวลง ดึงกานต์เข้าสู่อ้อมแขนทันที
มุมปากของกานต์กระตุกโดยไม่รู้ตัว
เขาต้องการจะผลักหม่ามี้ออกไปจริง ๆ ใช่ไหม?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขามองเห็นสมาชิกในทีมที่มาพร้อมกับเขาสองคนกำลังมองมาทางนี้
พระเจ้า ไม่นะ หัวหน้าทีมอย่างเขายังจะเหลือหน้าอยู่ไหมเนี่ย?
กานต์หมดหนทาง แต่ต้องบอกว่า อ้อมกอดของหม่ามี้ช่างอบอุ่น และความอบอุ่นนี้ได้ขจัดความหวาดกลัวก่อนหน้านี้ไม่นานของเขาออกไปเยอะเลย
“หม่ามี้”
เสียงของกานต์ดูยากเย็นเข็ญใจ
นรมนกลับไม่ได้สังเกตเห็นความกลัดกลุ้มของลูกชาย เธอเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนและผ่อนคลาย “ลูกรัก มีอะไรที่ลูกอยากกินหรือเปล่า?หม่ามี้จะไปทำให้ลูกกิน”
“ไม่เป็นไรครับหม่ามี้ ผมยังมีเรื่องต้องจัดการ”
“ลูกเป็นแค่เด็กคนหนึ่งจะจัดการเรื่องอะไรได้?”
นรมนไม่ยอมให้กานต์จากไป
ลูกยังเล็กขนาดนี้ต้องพบเจอเรื่องแบบนั้น เธอเป็นห่วงแทบแย่
กานต์ลูกคนนี้มักจะทำหน้าตานิ่งเฉย และเก็บทุกอย่างไว้ในใจ เธอรู้สึกเป็นห่วงจริง ๆ
เห็นนรมนไม่คิดจะปล่อยตนเองไป กานต์กังวลเล็กน้อย
เขารีบโบกมือไปที่สมาชิกในทีมสองคนนั้น
โชคดีที่พวกเขายังรู้ความต้องการของกานต์ จึงรีบก้าวขึ้นมาและกล่าวว่า “คุณน้า พวกเรามีเรื่องต้องคุยกับหัวหน้าทีมครับ คอมพิวเตอร์ของพวกเราถูกคนโจมตี”
“หา? หัวหน้าทีม?”
นรมนถึงจะปล่อยตัวกานต์
“หม่ามี้ เดี๋ยวผมค่อยไปหาหม่ามี้นะครับ”
กานต์รีบกระโดดออกมาจากอ้อมแขนของนรมน และตรงไปที่บริเวณสำนักงานฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ กานต์……”
นรมนยังคิดจะเรียกกานต์ กลับได้ยินกิจจาพูดว่า “หม่ามี้ ผมเจ็บขา หม่ามี้ช่วยพยุงผมเข้าไปพักได้ไหมครับ?”
ตาโต ๆ ที่น่าสงสารของกิจจานรมนจะปฏิเสธได้อย่างไร?
รู้อยู่แล้วว่าเขาช่วยเบี่ยงเบนความสนใจให้กานต์ แต่นรมนยังคงนั่งยองลงไปอุ้มเขาขึ้นมา
กิจจาตัวเบาไปมาก
“กิจจา ลูกผอมไปนะ อยู่กับมิลินไม่ได้กินอิ่มเหรอ?”
นรมนขมวดคิ้วเบา ๆ
กิจจารีบตอบว่า “เปล่าครับ คุณครูค่อนข้างดีกับผม”
“ลูกแค่พูดแก้ตัวให้เธอละสิ”
นรมนอุ้มกิจจาบ่นกระปอดกระแปดเดินเข้าไป
หลังจากกานต์มองเห็นพวกเขาเข้าไปก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
สมาชิกในทีมสองคนนั้นมีอายุไล่เลี่ยกับกานต์ โตกว่าเล็กน้อย แต่ไม่เกินหกเจ็ดปี ปกติแล้วอยู่ในเขตทหารมักจะเห็นกานต์หน้านิ่ง คิดว่าเขาไม่กลัวฟ้ากลัวดิน คิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่สามารถปราบได้
“หัวหน้าทีมลูกรัก?”
มีคนไม่กลัวตายตะโกนขึ้นมา ดึงดูดสายตาอันแหลมคมเหมือนมีดของกานต์จับจ้อง
“นายอยากโดนเหรอ?”
“เปล่าครับ ๆ ระบบความปลอดภัยของพวกเราถูกโจมตี”
อีกฝ่ายรีบกล่าวขึ้นมา
คิ้วของกานต์ขมวดแน่น
เมื่อสักครู่เขาเพิ่งจะผ่านประสบการณ์ยิ่งสิ่งมีชีวิตครั้งแรกที่สะเทือนจิตใจ ความรู้สึกที่อัดแน่นไม่อาจระบายออกมาได้ ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะมีคนปะทะเข้ามาอย่างไม่ต้องการชีวิตอีก?
“ใคร?”
“คนที่ใช้รหัสประจำตัวว่าโรคประสาทหลอน ไม่รู้ว่าเป็นใคร พวกเราตรวจไม่เจอIPของอีกฝ่าย เขาโจมตีรวดเร็วมาก ระบบป้องกันของพวกเราถูกโจมตีถึงสามครั้ง”
หัวคิ้วของกานต์ยิ่งขมวดเข้าหากันมากขึ้น
สามครั้ง?
เขาเป็นคนวางระบบป้องกันของที่นี่ด้วยตนเอง คิดไม่ถึงว่าจะถูกโจมตีถึงสามครั้งภายในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้ สามารถเห็นได้ว่าอีกฝ่ายก็เป็นคนเก่งกาจเช่นกัน
“ฉันจัดการเอง”
กานต์เดินเข้าไปตรงหน้าคอมพิวเตอร์ นั่งลงอย่างว่องไว มือเล็ก ๆ เริ่มพิมพ์รหัสลงบนคีย์บอร์ด
หน้าจอเปลี่ยนไปทันที
ผู้คนโดยรอบกลั้นหายใจเฝ้ามองการปฏิบัติการของกานต์ แต่ละคนต่างรู้สึกชื่นชม
ได้ยินมาตลอดว่ากานต์มีทักษะทางคอมพิวเตอร์สูงมาก แต่ไม่เคยเห็นเขาแสดงให้เห็น ผู้คนมากมายคิดว่ามีคนพูดเกินจริงและต้องการประจบประแจงกานต์ ส่วนเจ้าตัวเองก็ไม่อธิบายเช่นกัน และไม่คิดปิดบัง ปล่อยให้ข่าวลือแพร่กระจายไป
วันนี้ได้เห็นกานต์ดำเนินการต่อการแฮกเกอร์ให้เห็นกับตา นิ้วมือที่คล่องแคล่วเหมือนกับโน้ตดนตรีอันเฉียบแหลม เคาะลงบนคีย์บอร์ดส่งเสียงใส มันช่างไพเราะและน่าฟัง ส่วนอีกฝ่ายพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วจากการติดตามด้วยโปรแกรมม้าโทรจันของกานต์
โรคประสาทหลอนคิดจะถอนตัวออกจากระบบ กลับค้นพบอย่างน่าเศร้า ทางหนีที่ไล่ของเธอถูกปิดตายแล้ว
คาดไม่ถึงว่าในขณะกานต์ซ่อมแซมระบบป้องกันก็วางยาพิษคอมพิวเตอร์ของเธอด้วย!
โรคประสาทหลอนรู้สึกเพียงว่าตรงหน้ามืดไปหมด คอมพิวเตอร์ไม่มีการตอบสนองใด ๆ ทั้งสิ้น
“แม่งเอ๊ย!”
เธอทุบคีย์บอร์ดอย่างโกรธจัด “ปัง” คอมพิวเตอร์ระเบิดทันที