แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1137
“มีอะไรเหรอคะ?”
นรมนรู้สึกถึงร่างกายของบุริศร์แข็งทื่อขึ้น รวมทั้งรังสีอำมหิตที่เข้มข้น
“ไม่มีอะไร”
สายตาของบุริศร์ตอนที่มองมาที่นรมนนั้นอ่อนโยนลงเป็นอย่างมาก
เขาใช้จังหวะที่อุ้มนรมนขึ้นมา ได้ส่งสัญญาณมือทีหนึ่งกลางอากาศทีหนึ่ง จากนั้นก็เห็นเจตต์และขวัญตาเดินมา
ทั้งสองคนสีหน้าแดงระเรื่อ แค่ดูก็คือความขัดแย้งภายในได้คลี่คลายลงแล้ว
นรมนเห็นขวัญตามีท่าทางใบหน้าที่แดงระเรื่อ ยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “คลี่คลายได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
“คุณเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง เวลาพูดอย่าพูดตรงขนาดนี้ได้ไหม? ไปเถอะ!”
ถึงแม้ว่าขวัญตาจะเขินอายอยู่บ้าง แต่ยังคงแข็งกร้าวอยู่ แล้วก็จูงมือนรมนไว้แล้วเดินไปข้างหน้าเลย
บุริศร์ถอยหลังไปหลายก้าว แล้วพูดกับเจตต์ขึ้นว่า “เมื่อกี้มีคนถ่ายรูปพวกเรา ผมคิดว่าเลิกเดินกันเถอะ จะตรุษจีนแล้ว คุณเองก็ใกล้จะแต่งงานแล้ว ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็ไม่ดีทั้งนั้น ในเมื่อพรุ่งนี้ก็จะต้องย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้ว เรื่องอะไรก็สามารถแก้ไขอย่างปรึกษาหารือกันได้ หรือว่าวันนี้ก็ถึงแค่นี้ละกัน”
หัวคิ้วของเจตต์ค่อย ๆ ขมวดขึ้นเล็กน้อย
“นักข่าวเหรอ?”
“ไม่แน่ใจ ผมได้ให้คนไปควบคุมตัวไว้แล้ว”
บุริศร์พูดขึ้นเสียงเรียบ
เจตต์มองเห็นข้างหน้าทั้งหัวเราะที่พูดเล่นกัน ก็รู้แล้วว่าพวกนรมนจะต้องไม่รู้เรื่องแน่
เขาพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “อีกเดี๋ยวต่างคนต่างพาเมียตัวเองกลับบ้าน มีเรื่องอะไรติดต่อผมได้ทุกเมื่อ ผมรู้ว่าตัวเองเทียบคุณไม่ได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังพอมีแรงอยู่บ้างไม่ใช่เหรอ?”
“อืม ตรงไหนที่ใช้งานนายได้จะไม่รีรอแน่นอน ก่อนที่พวกเราจะมานั้น ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาได้ส่งของขวัญปีใหม่มา แล้วมีพวกสัตว์ป่าที่โดนฆ่าสด ๆ เลือดไหลอาบเต็มไปหมดส่งมา ตอนนี้อาเล็กบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนส่งมา ในนี้จะต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน คนที่มาส่งของขวัญระหว่างทางที่กลับไปก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น ตอนนี้ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย ข่าวก็ขาดตอนไปตั้งแต่ตรงนี้ ถ้าหากว่าคุณมีเวลาละก็ หรือไม่ก็ลองไปสืบเรื่องนี้ดูหน่อยซิ”
บุริศร์เอาเรื่องนี้ผลักไปให้เจตต์เลย
เจตต์เองก็ไม่ได้บอกปัด แล้วก็พยักหน้าตกลงเลย
หลังจากที่ทั้งสองคนพูดคุยกันจบแล้วก็แยกย้ายเลย
ในดวงตาของนรมนเริ่มมีแววเหนื่อยล้าขึ้นมาบ้างแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะหาวขึ้นมาทีหนึ่ง
ขวัญตามองเห็นทันที
“คุณเหนื่อยแล้วเหรอ? หรือว่าเราเลิกเดินกันเถอะ ฉันก็ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้ว ข้าวของที่จะใช้ในงานแต่งก็เตรียมได้พอประมาณแล้ว พ่อฉันมีลูกสาวอย่างฉันแค่คนเดียว ก็แน่นอนว่าได้เตรียมสินสอดไว้ให้ฉันนานแล้ว แล้วสำหรับของอย่างอื่น เจตต์เองก็เตรียมไว้แล้ว”
นรมนพูดขึ้นอย่างเกรงใจเล็กน้อยว่า “ขอโทษด้วยนะ ร่างกายของฉันตอนนี้นี่ไม่ไหวเลยจริง ๆ”
“อย่างพูดอย่างนี้ซิ คุณเพิ่งเจอความลำบากใหญ่หลวงขนาดนั้นมา ร่างกายก็ต้องการการพักฟื้นอยู่แล้ว รอให้พรุ่งนี้ พวกเรามาพักอยู่ด้วยกันแล้ว ฉันจะทำของอร่อยให้คุณทานทุกวันเลย รับรองว่าจะต้องดูแลฟื้นฟูร่างกายคุณให้ดีกลับมาได้แน่นอน”
คำพูดของขวัญตาทำให้นรมนเบิกบานใจเป็นอย่างมาก
“จริงเหรอ? งั้นก็ตกลงตามนี้เลย อาหารสามมื้อทุกวันของฉันต้องฝากไว้ที่คุณแล้ว”
“ไม่มีปัญหา”
หญิงสาวทั้งสองคนหัวเราะไปด้วยกัน เหมือนอย่างกับว่ารู้จักกันมานานหลายปีแล้ว
ในตอนที่บุริศร์มาถึงข้างกายนรมนนั้น นรมนกำลังหมุนตัวมาพอดี พอเห็นบุริศร์ก็หัวเราะและพูดขึ้นว่า “ที่รัก ฉันเหนื่อยแล้ว”
“อยากกลับแล้วเหรอ?”
แววตาของบุริศร์อ่อนโยนเป็นอย่างมาก
“อืม คุณให้ฉันขี่หลังเถอะ”
นรมนออดอ้อนขึ้นอย่างหาได้ยาก
“ได้”
บุริศร์ย่อตัวนั่งลงมา แล้วแบกนรมนขึ้นหลังอย่างรักใคร่แล้วก็เดินออกไปข้างนอก
พอขวัญตาเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ ก็พูดกับเจตต์ขึ้นว่า “พวกเขาสองคนรักกันดีจังเลยนะคะ”
“ไม่ต้องอิจฉาพวกเขาหรอก ต่อไปผมก็จะดีกับคุณเหมือนกัน”
เจตต์พูดแล้วก็จูงมือของขวัญตาขึ้นมา
ขวัญตาจ้องมองผู้ชายคนข้างกายคนนี้ที่กลายมาเป็นสามีของตัวเอง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากหัวเราะขึ้นมา
ในที่สุดเธอก็ได้แต่งงานกับเจตต์ตามที่ปรารถนาแล้ว วันเวลาในภายหน้าจะไม่ทอดทิ้งความเมตตาอย่างมากที่สวรรค์ให้มานี้แน่
บุริศร์แบกนรมนไว้บนหลังแล้วเดินไปบนถนนถนนห้วยยาง บนท้องฟ้ามีเกล็ดหิมะล่องลอยอยู่เล็กน้อย
นรมนเกาะอยู่บนไหล่ของเขา แล้วถามเสียงต่ำขึ้นว่า “เมื่อกี้คุณเห็นอะไรคะ?”
“ไม่มีอะไร”
บุริศร์ไม่อยากจะให้นรมนมาเปลืองแรงใจไปกับสิ่งนี้
นรมนกลับพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “อย่ามาหลอกฉัน ฉันเห็นดวงตาของคุณแฝงไว้ด้วยแววอำมหิต น่ากลัวมากเลย”
“ทำให้คุณตกใจเหรอ?”
“ก็มีนิดหน่อยมั้งคะ เหมือนกับว่าฉันจะไม่เห็นคุณมีท่าทางโหดเหี้ยมอำมหิตมานานแล้ว ตอนนี้ยังแทบจะลืมไม่แล้วด้วยว่า คุณเคยเป็นคนที่เด็ดขาดแบบนั้นมาก่อน”
ในน้ำเสียงของนรมนแฝงไว้ด้วยความพร่ำบ่นเสี้ยวหนึ่ง
บุริศร์หัวเราะขึ้นมาทันที
“ตอนนี้ผมก็ยังเด็ดขาดอยู่”
“แต่ว่าไม่มีกับฉันแล้วนี่คะ”
นรมนพูดไปอย่างภาคภูมิใจ
บุริศร์พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “อืม นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าผมยังเด็ดขาดกับคุณอยู่ งั้นผมยังจะเข้าไปนอนในห้องได้เหรอ?”
“ไม่ได้แน่นอน”
นรมนพูดจบก็หัวเราะขึ้นมาทันที
เมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านั้นเธอไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าจะมีความก้าวหน้าและชีวิตแต่งงานแบบนี้กับบุริศร์ แต่วันนี้ความสุขที่หามาได้ยากแบบนี้ทำให้เธอยิ่งรู้จักทะนุถนอม
“บุริศร์ ถ้าหากว่ามีเรื่องอะไรจริง ๆ ละก็ อย่าปิดบังฉันเด็ดขาดนะคะ? ฉันยินดีที่จะเป็นคนที่รู้เรื่อง ยังดีกว่าที่จะเป็นผีที่โง่เขลาอีกคะ”
คำพูดของนรมนทำให้ร่างกายของบุริศร์นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังคงพูดขึ้นว่า “ได้”
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก แต่ว่ากลับดูรักใคร่กันเกินกว่าปกติ
นรมนเกาะอยู่บนไหล่ของเขา แล้วรู้สึกว่าในเวลาแบบนี้บุริศร์ดูหล่อที่สุดเลย
ถนนห้วยยางนั้นยาวมาก แต่ว่าสำหรับพวกเขาแล้วกลับสั้นมาก
นรมนเกาะไปเกาะมาก็นอนหลับไปแล้ว
บุริศร์ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอบนหัวไหล่ ในใจก็มีความปวดใจเสี้ยวหนึ่งพาดผ่าน จากนั้นก็เร่งฝีเท้าขึ้นมา
ตอนที่มาถึงหน้ารถนั้น บุริศร์ก็เปิดประตูรถออก แล้วก็เปิดเครื่องปรับอากาศในรถ แล้วค่อยวางตัวนรมนให้นั่งลงไปบนที่นั่งข้างคนขับอย่างระมัดระวัง แล้วก็คาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอจนเรียบร้อยด้วย
หลังจากที่ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว บุริศร์ถึงได้ขึ้นรถ แล้วสตาร์ทรถขึ้น
ตอนที่กลับมาถึงบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กนั้น ป้าหวานก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยสีหน้าเป็นกังวล ทำให้บุริศร์อดไม่ได้ที่จะจอดรถลง
“ป้าหวาน มีอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
พอป้าหวานเห็นบุริศร์ แล้วก็จ้องมองนรมนที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณผู้ชาย หมาที่อยู่ข้างหลังของบ้านเราตายไปแล้วค่ะ”
“หมาอะไรนะ?”
บุริศร์มึนงงไปเล็กน้อย
ป้าหวานรีบพูดอธิบายขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้มีหมาจรจัดสองตัวมาวนเวียนอยู่แถวนี้ คุณหนูกมลเห็นเข้าก็ชอบมาก ก็เลยให้พวกเราเลี้ยงมันไว้ทางประตูหลัง แล้วก็ทำรังชั่วคราวไว้ให้อันหนึ่ง อาหารที่กินเหลือทุกวันก็เอาไปให้พวกมันกิน แล้วก็เลี้ยงมาเป็นอย่างดี แล้ววันนี้ของขวัญปีใหม่ที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาส่งมาให้ พอคุณนายค้นเจอของป่า พอเห็นแล้วก็สะอิดสะเอียนก็เลยให้ฉันเอาไปทิ้งใช่ไหมคะ? แล้วฉันรู้สึกว่าโยนทิ้งไปก็น่าเสียดาย ก็เลยไก่ป่าโยนให้หมาสองตัวนั้นกินไปตัวหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าพวกมันกินหมดไปไม่นาน ก็มีฟองขาว ๆ ออกจากปาก แล้วก็ตายไปเลยค่ะ”
หัวคิ้วของบุริศร์ขมวดเข้าหากันขึ้นมาทันที
สัตว์ป่ามีพิษ!
การรับรู้แบบนี้ทำให้เขาตกใจจนมีเหงื่อเย็นซึมออกมาทั้งตัว
ยังดีที่นรมนบอกให้โยนทิ้งไป ไม่งั้นละก็ตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ก็ไม่มีใครรู้เลย
พอคิดถึงภาพแบบนั้น บุริศร์ก็รู้สึกสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย
ตกลงเป็นใครนะ ที่ต้องการชีวิตของพวกเขา?
เทย่าได้ตายไปแล้ว หรือว่าจะเป็นกล้าณรงค์เหรอ?
กล้าณรงค์พึ่งพาองค์ชายสามของประเทศFอยู่ หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับองค์ชายสามเหรอ?
หัวสมองของบุริศร์หมุนวนอย่างรวดเร็ว
เขาจ้องมองนรมนที่กำลังนอนหลับสนิททีหนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ป้าหวาน หาที่สักแห่งจัดการกับหมาสองตัวนั้นซะ ส่วนสัตว์ป่าที่เหลือโทรศัพท์ให้รมิดามาเก็บตัวอย่างไปตรวจดูสักหน่อย แล้วของอย่างอื่นที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาส่งมาก็ตรวจเช็กดูสักหน่อย ดูซิว่ามีปัญหาหรือเปล่า ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็เก็บเข้าคลังไป”
“ได้ค่ะ”
พอได้ยินบุริศร์สั่งการมาอย่างชัดเจนแล้ว ป้าโอก็รีบหมุนตัวไปจัดการเลย
หัวคิ้วของบุริศร์ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง
เมื่อไหร่ถึงจะได้ฉลองเทศกาลตรุษจีนอย่างสงบสุขสักที
บุริศร์พร่ำบ่นอยู่ในใจ แล้วก็เห็นลูกน้องจับตัวคนคนหนึ่งเดินมาทางนี้
เขากลัวว่านรมนพักผ่อนอยู่ข้างนอกจะไม่สบายนัก และอาจจะเป็นหวัดได้ แล้วเขาก็ขับรถเข้าไปในโรงจอดรถ แล้วช้อนตัวนรมนอุ้มขึ้นมาแล้วเดินเข้าไป
นรมนกลับมาถึงเตียงในห้องนอนก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา
บุริศร์ปรับอุณหภูมิในห้องให้พอเหมาะจนเสร็จเรียบร้อย แล้วถึงได้หมุนตัวลงไปชั้นล่าง
ลูกน้องควบคุมตัวผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
ที่คอของชายหนุ่มยังมีกล้องถ่ายรูปคล้องอยู่
บุริศร์จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชาทีหนึ่ง แล้วถามเสียงเรียบขึ้นว่า “เป็นนักข่าวเหรอ?”
“มีบัตรนักข่าว แต่ว่าเช็กตัวบุคคลไม่เจอครับ มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะเป็นนักข่าวเถื่อน เป็นพวกที่แอบอ้างชื่อนักข่าวเขียนเรื่องคนอื่นไปมั่ว ๆ ครับ”
ลูกน้องรายงานไปอย่างมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
ตอนที่คนคนนั้นเห็นบุริศร์ก็อึ้งไปหมดทั้งตัวเลย จากนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า “ประธานบุริศร์ ผมไม่มีความตั้งใจอย่างอื่น ก็แค่เห็นว่าพวกคุณสองสามีภรรยารักกันเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นก็เลยถ่ายรูปใบหนึ่งแล้วจะเอาไปโพสต์ลงโซเชียลเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นจริง ๆ”
“คุณคิดว่าที่คุณพูดมาผมจะเชื่อเหรอ?”
บุริศร์จ้องมองเขาแล้วเปิดปากพูดเสียงเรียบ
สีหน้าของชายหนุ่มมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ประธานบุริศร์ ผมไม่มีเจตนาอื่นจริง ๆ”
“พูดมา ใครส่งคุณมา?”
น้ำเสียงของบุริศร์เย็นลงหลายองศา
แต่ชายหนุ่มยังคงยืนกรานว่าอยากจะถ่ายรูปไปโพสต์ลงWeiboและติ๊กต๊อก เพื่อเพิ่มยอดคนติดตามตัวเองเท่านั้น
พอบุริศร์เห็นว่าถามไม่ได้ความอะไรแล้ว ก็พูดกับลูกน้องข้างกายว่า “ควรจะทำยังไงนายดูตามความเหมาะสมเถอะ ฉันแค่อยากจะได้ผลสรุป”
“ได้ครับ ประธานบุริศร์”
อีกฝ่ายพูดแล้วก็จะลากชายหนุ่มออกไปเลย แต่กลับโดนบุริศร์เรียกไว้ซะก่อน
“เอากล้องถ่ายรูปเก็บไว้”
คำพูดนี้ของบุริศร์กลับทำให้ชายหนุ่มอยากจะทุบกล้องให้พังราวกับบ้าคลั่ง แต่กลับโดนลูกน้องหูตาว่องไวแย่งไปซะก่อน
ชายหนุ่มตกใจจนรีบร้องขึ้น “ประธานบุริศร์ คุณช่วยเคารพหน้าที่การงานของผมสักหน่อยได้ไหม?”
“เคารพเหรอ? ตอนที่คุณถ่ายรูปผมเคยเคารพผมแล้วหรือยัง? คุณละเมิดสิทธิ์ในการแอบถ่ายรูปของผมและภรรยาไปคุณรู้ไหม? ผมไม่ฟ้องคุณก็ดีเท่าไหร่แล้ว คุณยังกล้าพูดคำว่าเคารพกับผม? เอาตัวออกไป!”
บุริศร์ปล่อยพลังออกมาเต็มที่ จู่ ๆ ก็เป็นเหมือนกับเป็นน้ำแข็งทำให้อุณหภูมิทั้งห้องลดลงมาถึงจุดเย็นยะเยือก
ชายหนุ่มยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่กลับโดนลูกน้องใช้กำลังลากออกไปแล้ว
บุริศร์หึเสียงเย็นทีหนึ่ง จากนั้นก็เปิดกล้องถ่ายรูปออก
ในกล้องถ่ายรูปล้วนเป็นรูปของเขาและนรมน รูปเมื่อนานมาแล้ว รูปเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ และยังมีรูปปัจจุบัน เยอะแยะเต็มไปหมด
บางรูปบุริศร์ก็พอจำได้ แต่มีบางรูปกลับนึกไม่ออก
เขาดูไปทีละรูปทีละรูป ในดวงตามืดหม่นอ่านไม่ชัด ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
แล้วอยู่ ๆ รูปถ่ายรูปหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจของบุริศร์ไว้ ทำให้สีหน้าของเขาเคร่งขรึมลงมา
ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!
ในดวงตาของบุริศร์มีความเข้าใจพาดผ่านเสี้ยวหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา
คนบางคน เสแสร้งมาทั้งชีวิต แต่สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นตะกร้าสานตักน้ำรั่วไหลออกหมดอีก
บุริศร์แอบดีใจอยู่ในอก แล้วก็ลวดคัดลอกรูปถ่ายเอาไว้ แล้วเอามาเก็บไว้ในโทรศัพท์ของตัวเอง