แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1146
“แล้วยังไง?”
บุริศร์รักที่นรมนเป็นแบบนี้มาก แต่ยังไม่เข้าใจว่านรมนต้องการพูดอะไร
นรมนไม่ค่อยเห็นบุริศร์มีท่าทางแบบนี้ เธอเอื้อมมือไปโอบรอบลำคอของเขาอย่างอดไม่ได้ กระซิบว่า “ฉันอยากร่วมมือกับคุณ คุณบอกว่าไม่วางใจที่กล้าณรงค์จะลงมือกับฉัน ฉันเองก็ไม่วางใจคุณกับกานต์ ใครจะรู้ว่ากล้าณรงค์ตั้งใจปล่อยข่าวลือหรือเปล่า บอกว่าจะลงมือกับฉัน บางทีเป้าหมายอาจเป็นพวกคุณ อาจเป็นการหลอกล่อก็ได้?เขาเป็นคนร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ขนาดนั้น คิดว่าสามารถทำเรื่องแบบนั้นได้ พรุ่งนี้ย้ายไปอยู่กับคุณตากับฉัน ทุกคนอยู่ด้วยกัน แข็งแกร่งกว่าที่เข้าจะโจมตีทีละคนจริงไหม?”
“แต่ช่วงนี้ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของกานต์”
นี่เป็นสิ่งที่บุริศร์กังวลใจ
กานต์มีอนาคตสดใส ถ้าเรื่องนี้เปิดเผยออกไป กานต์ก็จบ อย่างน้อยที่สุดก็หมดโอกาสในอาชีพทหาร
นรมนกล่าวเสียงเบา “ไม่เป็นไรหรอก แค่บอกว่ากานต์ต้องเข้าร่วมการฝึกพิเศษ ทุกวันวันละชั่วโมงกว่าก็พอ ไม่มีใครสงสัยหรอก”
“แต่ว่า……”
นรมนรู้ว่าบุริศร์กังวลเรื่องอะไร เธอกล่าวว่า “อันที่จริงไม่ต้องรบกวนป้องก็ได้”
“หมายความว่าอะไร?”
บุริศร์งง
นรมนสูดหายใจเข้าลึก “ครอบครัวของเรามีคุณหมอที่พร้อมให้การรักษากานต์ได้”
“ใครเหรอ?”
“กิจจา”
นรมนพูดออกมา บุริศร์ตกใจทันที
“นรมน นี่คุณล้อเล่นหรือเปล่า? กิจจาเพิ่งจะกี่ขวบ? และโรคหลายบุคลิกนี้ต้องใช้การสะกดจิตนะ”
“ฉันรู้ ฉันโทรไปหามิลินแล้ว เธอบอกฉันว่า การสะกดจิตของกานต์นั้นยอดเยี่ยมมาก หลังจากรามิลโดนเปิดโปงว่าปลอมตัวเป็นตรินท์ มิลินบอกว่ากิจจาเริ่มวิจัยโรคหลายบุคลิกกับการสะกดจิต แต่เพราะเขาไม่ได้อยู่กับพวกเราตลอด พวกเราจึงรู้เรื่องของกิจจาน้อยมาก อย่างเรื่องที่ฉันถูกพิษ ใครจะคิดว่าคนช่วยฉันจะเป็นกิจจา?ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยังเด็ก แต่พวกเราไม่สามารถดูถูกเขาได้ เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก”
บุริศร์ทอดถอนใจกับคำพูดของนรมนทันที
“ถ้าหากว่า……”
“ไม่มีถ้าหาก คุณก็รู้ความผูกพันของกิจจากับกานต์ โดยเฉพาะหลังจากย้ายไป กิจจาพักอยู่กับกานต์ ถึงจะทำการรักษาอะไรก็สะดวกจริงไหม?โพนี่ใกล้จะคลอด เดิมทีป้องก็ยุ่งอยู่แล้ว ฉันคิดว่ากิจจาไว้ใจได้มากกว่า”
นรมนพูดอย่างจริงจังสุด ๆ
บุริศร์ลังเลใจ
“โธ่เอ๊ย คุณสามี คุณไม่ต้องคิดแล้ว ฉันเป็นแม่แท้ ๆ ของกานต์นะ ฉันจะทำร้ายกานต์ได้เหรอ?”
“ก็จริง”
ในที่สุดบุริศร์ก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของนรมน แต่เขายังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด ทำให้นรมนแปลกใจ
“คุณยังไม่อะไรไม่เข้าใจอีกไหม?”
“สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือ ไม่คิดว่าบุคลิกที่สองของกานต์จะส่งหนังผู้ใหญ่ให้ผมได้ นี่มันเรื่องอะไรกัน?ตามหลักแล้วถึงแม้จะแยกบุคลิกที่สองออกมา ก็ควรจะเป็นบุคลิกภาพที่มีอายุเดียวกันไม่ใช่เหรอ?ไม่น่าจะแยกเป็นบุคลิกภาพของผู้ใหญ่?”
บุริศร์กลุ้มใจมาก
นรมนกลับนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“คุณยังจำตอนที่กานต์แฮกมือถือของเจตต์ได้ไหม?”
“ทำไมเหรอ?”
บุริศร์งง ไม่ได้คิดถึงอะไร
นรมนกระแอมไออย่างลังเล “คือว่า ตอนนั้นที่กานต์แฮกมือถือของเจตต์ ในมือถือมีหนังผู้ใหญ่เหล่านั้นอยู่ ตอนนั้นกานต์จะบันทึกเอาไว้หรือเปล่า?หรือจะบอกว่าหลังจากลบทิ้งเขาสามารถกู้คืนได้?”
บุริศร์สีหน้าเปลี่ยนทันที
“คุณหมายความว่าเจตต์ทำให้ลูกชายพวกเราเสียคน?”
“พูดแบบนั้นไม่ได้หรอก ในบรรดาคนที่เคยถูกกานต์แฮก เจตต์เป็นคนที่ค่อนข้างไว้ใจได้ หรือจะพูดว่าในใจของกานต์ใช้ลักษณะของเจตต์เป็นที่ระบาย เนื่องจากบุคลิกภาพหลักของกานต์นิ่งเกินไป รู้จักคิดเกินไป ความจริงควรจะอึดอัดใจมาก แต่กานต์กลับไม่เป็นแบบนั้น เขาชิว ๆ สบาย ๆ ร่าเริง เหมือนไม่สนใจเรื่องอะไร บางทีกานต์ที่กดดันมากเกินไปก็ต้องการระบายเหมือนกับเจตต์ ดังนั้นจึงทำเรื่องเหล่านี้ตามวิถีของเจตต์”
นรมนก็แค่คาดเดา แต่ไม่มีใครรู้จักลูกดีกว่าแม่ นรมนคิดว่าตนเองน่าจะพอเดาถูก
ดังนั้นไม่ใช่เรื่องดีเสมอไปที่ตอนลูกเป็นเด็กจะแก่แดดและรู้จักคิดมากไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัจฉริยะที่มีไอคิวสูงเช่นนี้
บุริศร์ฟังนรมนอธิบาย รู้สึกว่าพอมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ในใจกลับโกรธเคืองเจตต์
ไอ้ห่านี้
ทำลูกเขาเสียคน!
แค้นนี้ต้องชำระ
บุริศร์กระซิบในใจ จากนั้นถามว่า “ตอนนี้ทำไงดี?กานต์ยังอยู่กับป้อง พวกเราจะไปรับเขากลับมาไหม?”
“เอาสิ คุณรอฉันก่อนนะ ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
นรมนรีบลุกขึ้น
เธอคือแม่ของกานต์ ตอนนี้ในสถานการณ์แบบนี้ไม่มีทางให้บุริศร์ไปรับเขาคนเดียว
บุริศร์คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ จึงรอนรมนเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างอดทน
ป้าหวานและคนอื่น ๆ กลับมากันแล้ว
บุริศร์ให้พวกเขาเบิกค่าของปีใหม่ แจ้งพวกเขาว่าคืนนี้เริ่มหยุดปีใหม่ได้เลย ในขณะเดียวกันก็ให้โบนัสปลายปีแก่พวกเขาด้วย
แต่ละคนมองบุริศร์แจกซองแดงหนาเป็นพิเศษด้วยความตื่นเต้นดีใจ พูดอวยพรมากมายให้แก่บุริศร์สองสามีภรรยา จากนั้นต่างคนต่างกลับห้องไปเก็บของ
บุริศร์กับนรมนสวมเสื้อโค้ตเรียบร้อย ขับรถมาที่บ้านของป้อง
เนื่องจากโพนี่กำลังท้องจึงง่วงนอนเล็กน้อย กำลังหลับอยู่
นรมนก็ไม่ได้รบกวนเธอ เข้าไปในบ้านเงียบ ๆ
กานต์เพิ่งตื่นขึ้นมาจากการสะกดจิตได้ไม่นาน รู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่มีเรี่ยวแรง ใบหน้าขาวซีด
นรมนมองเห็นเขาแล้วสงสาร
“ลูก ลูกรู้สึกยังไงบ้าง?”
กานต์ไม่คิดว่านรมนจะมา จึงอดแปลกใจไม่ได้ จากนั้นยิ้มอย่างอ่อนแรง “ หม่ามี้ ผมไม่เป็นไรครับ”
ปวีรายื่นแก้วน้ำให้เขาอย่างเป็นห่วง
กานต์ยิ้มขอบคุณ จากนั้นดื่มน้ำเย็นหมดแก้ว
เขาเป็นมิตรกับปวีรามาก นรมนเห็นแล้วดีใจ
เพราะกานต์ไอคิวสูงเกินไป และไม่ค่อยมีเพื่อน ตอนนี้สามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีกับปวีราได้แบบนี้ นรมนเห็นแล้วมีความสุข
“หม่ามี้รู้ว่าลูกไม่เป็นอะไร ลูกแค่หาโอกาสอยู่กับปวีราใช่ไหม?”
นรมนล้อเล่นอย่างไม่คิดอะไร
กานต์ตอบอย่างทำตัวไม่ถูก “ผมแค่อยากมาหาเยี่ยมปวีรา”
ปวีรายิ้มอ่อนโยน มีความคล้ายกับโพนี่
ดูเหมือนเธอได้รับอิทธิพลจากป้องสองสามีภรรยานี้ไม่น้อย
นรมนพูดกับปวีรา “ปวีราจ้ะ ขอบคุณที่ช่วยดูแลกานต์ มีเวลาพวกเราไปเที่ยวกันนะ”
“ค่ะ”
ปวีราพยักหน้า
กานต์ดึงมือของเธอ “หลังปีใหม่ ฉันจะมาสวัสดีปีใหม่เธอนะ”
“อืม”
ปวีราประทับใจมาก
เห็นตอนนี้ลูกชายมีท่าทางปกติ นรมนจินตนาการได้ยากจริง ๆ ว่าหลังจากแยกบุคลิกภาพกานต์มีท่าทางอย่างไร
เธอสะกดความรู้สึกของตนเอง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตั้งแต่วันพรุ่งนี้พวกเราจะย้ายไปอยู่บ้านคุณตาทวดตกลงไหม?”
“ครับ”
กานต์ตอบอย่างชัดเจน
นรมนเห็นเขาหน้าซีด จึงยิ่งสงสารอย่างห้ามไม่ได้
“เด็กดี ข้างนอกหิมะตก พวกเรารีบกลับไปเก็บของดีกว่า แด๊ดดี้ของลูกให้คนรับใช้ทุกคนหยุดปีใหม่กันแล้ว พรุ่งนี้พวกเราต้องย้ายไปที่นั่นเอง”
“ไม่เป็นไรครับ หม่ามี้ มีผมอยู่ด้วย”
กานต์เป็นเหมือนสุภาพบุรุษตัวน้อย
เขายิ่งเป็นแบบนี้ นรมนยิ่งสงสาร
“จ้ะ หม่ามี้รู้ว่ามีลูกอยู่ด้วย แต่บางครั้งลูกก็ต้องทำตัวเป็นเด็กหน่อย ลูกต้องรู้ว่า หม่ามี้ก็ต้องการพื้นที่และเวทีแสดงบทบาท ไม่ว่าอย่างไรลูกคงจะไม่ทำให้หม่ามี้รู้สึกว่าตนเองไร้ค่าใช่ไหม?”
นรมนพูดเหมือนงอน
กานต์ทำตัวไม่ถูกทันที
“หม่ามี้ หม่ามี้หาคนงอนด้วยผิดคนแล้วหรือเปล่า? คุณบุริศร์ล่ะ?”
มุมปากของนรมนกระตุก
เห็นได้ชัดว่าเธอเอาใจใส่เขาหรือไม่จริง?
“แด๊ดดี้ของลูกไปหาอาป้อง พอดีมีเรื่องคุยกัน ตั้งแต่พรุ่งนี้ลูกไม่ต้องมาที่นี่แล้ว ดังนั้นแด๊ดดี้จึงต้องถามว่าการให้การรักษาทางสุขภาพจิตของลูกเป็นอย่างไรบ้าง”
ปวีราแปลกใจกับคำพูดของนรมนทันที แต่กลับเก็บอาการไว้อย่างรวดเร็ว รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
กานต์สังเกตได้ทันทีว่าอารมณ์ของปวีราเปลี่ยนไป จึงรีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ปวีรา ถึงแม้ผมจะมาที่นี่ไม่ได้ พวกเราก็วิดีโอคอลกันได้ทุกวัน”
“จริงนะ?”
ปวีราถามด้วยภาษามือ
“แน่นอน คำไหนคำนั้น”
กานต์ยิ้มยื่นนิ้วก้อยออกไป
ปวีราเห็นเขาทำเช่นนี้ จึงยิ้มและรีบยื่นนิ้วก้อยของตนเองออกมาด้วย
ทั้งสองเกี่ยวก้อยกัน
จู่ ๆ นรมนก็อิจฉาความเป็นเพื่อนของสองคนนี้ เธออดนึกถึงคมทิพย์ไม่ได้
ช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นเยอะเกินไป จนเธอไม่ได้สนใจเรื่องของคมทิพย์เลย และพฤกษ์ก็ไปเมือง B เพื่อดูแลคมทิพย์ ไม่รู้ป่านนี้คู่นั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง
นรมนคิดว่ากานต์อาจมีเรื่องคุยกับปวีรา จึงยิ้มและลุกขึ้น “หม่ามี้ออกไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะ กานต์มีอะไรจะคุยกับปวีราก็รีบคุย”
“ได้เลย ขอบคุณครับหม่ามี้”
กานต์ยิ้มเล็กน้อย ท่าทางเชื่อฟังนั้นเหมือนกับคนเป็นโรคหลายบุคลิกตรงไหน?
นรมนถอนหายใจออกไปจากห้อง
เธอหยิบมือถือออกมาเปิดWeibo สิ่งแรกที่เห็นคืออัลบัมของคมทิพย์ติดอยู่ในการค้นหายอดนิยม ดูเหมือนจะมีแต่คำชม
ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งการค้นหายอดนิยมสูงมากนัก แต่ก็ค่อนข้างดี
นรมนกดโทรหาคมทิพย์
ทางฝั่งคมทิพย์คงจะยุ่งอยู่ มือถือดังอยู่นานไม่มีคนรับสาย
นรมนผิดหวังทันที
ตอนนี้ทุกคนต่างพยายามต่อสู้เพื่อความฝันของตนเอง ดูเหมือนมีเพียงเธอที่สบายขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งตอนนี้ใช้ชีวิตเป็นคุณนายเต็มเวลา
แบบนี้ไม่ดี
นรมนส่ายหน้าหัวเราะเยาะตนเอง สาบานว่าหลังจากกลับไปจะต้องลุกขึ้นได้แล้ว ไม่สามารถดื่มด่ำอยู่ในความอ่อนโยนและอ่อนหวานของบุริศร์ได้ทุกวัน
เธอต้องเป็นผู้หญิงแกร่ง