แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1154
ในขณะที่นรมนกำลังมองดูภาพนิ่งที่อยู่ในวิดีโอ จากนั้นก็ซูมให้ขยายใหญ่ขึ้น ใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นของนาวินก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธออย่างชัดเจน
นาวิน? !
หัวใจของนรมนรู้สึกคับแค้นใจเล็กน้อย
ทำไมเขาถึงต้องทำแบบนี้?
หรือว่าทำเพื่อธิดา?
คิ้วของนรมนขมวดเข้าหากันอย่างแน่นขนัด
เธอใช้นิ้วกดไปที่เดสก์ท็อปโดยไม่รู้ตัว ผ่านไปสักพักหนึ่ง ความคิดของเธอก็ล่องลอยไปให้ไกลแสนไกลเล็กน้อย…..
ไม่ถูกต้อง!
เป็นไปไม่ได้ที่นาวินจะหักหลังบุริศร์ และก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต้องการเอาชีวิตของเธอ!
เช่นนั้นแล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ?
นาวินเติบโตมาพร้อมกับบุริศร์ เขาจึงรู้จักทักษะคอมพิวเตอร์ของบุริศร์เป็นธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกานต์อีกคนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะทำเรื่องนี้จริงๆ มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำผิดพลาดในระดับที่ต่ำมากขนาดนี้ ไม่นึกเลยว่าเขาจะลบวิดีโอ!
ถ้านาวินเป็นคนทำจริงๆ เขาสามารถปิดวิดีโอกล้องวงจรปิดได้ หรือหามุมอับของกล้องวงจรปิดสักมุมเพื่อทำเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ทำ!
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่านาวินก็ถูกคนใช้เป็นเครื่องมือแล้วน่ะสิ!
คนคนนี้ไม่คุ้นเคยกับมุมอับของกล้องวงจรปิดที่อยู่ในบ้านตระกุลโตเล็กเลย ดังนั้นจึงทำผิดพลาดในระดับที่ต่ำมากขนาดนี้
เช่นนั้นแล้วคนคนนี้เป็นใครกันล่ะ?
คนที่ไม่คุ้นเคยกับบ้านตระกุลโตเล็กไม่ใช่คนรับใช้ของตระกุลโตเล็กอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามคนรับใช้เหล่านี้ก็อยู่ที่นี่มานานไม่เคยเปลี่ยนเลย
นรมนตกอยู่ในความครุ่นคิดไปเสียแล้ว
ถ้าไม่ใช่คนรับใช้ของตระกุลโตเล็ก เช่นนั้นก็น่าจะเป็นคนข้างนอก แต่หลายวันมานี้คนที่มาบ้านตระกูลโตเล็กล้วนแล้วแต่เป็นคนคุ้นเคยกันทั้งนั้น นอกจากขวัญตากับเจตต์แล้วก็มีพวกคุณอาจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดา แต่คนเหล่านี้ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นคนที่ไม่สามารถฆ่าเธอกับบุริศร์ได้เลย
นรมนคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจโทรหานาวิน
หลังจากที่ต่อสายได้แล้ว ทันใดนั้นนรมนก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป
“พี่สะใภ้ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
นาวินเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน
น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งมาก ฟังอย่างไรก็ไม่เหมือนน้ำเสียงของคนที่เคยทำเรื่องไม่ดีมาเลย
นรมนกระแอมหนึ่งครั้ง แล้วถามว่า “เมื่อวานตอนบ่ายคุณไปที่โรงรถทำไมเหรอคะ?”
“รถมีปัญหานิดหน่อยครับ ผมไปลองดูว่าหลังจากที่เครื่องยนต์เย็นลงแล้วมันจะดีขึ้นหรือเปล่า ดังนั้นก็เลยไปที่โรงรถน่ะครับ ทำไมเหรอครับ?” คำตอบนาวินทำให้นรมนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“รถเสียหรือคะ?”
“ก็ไม่ถือว่าเสียนะครับ ก็แค่เสียงของเครื่องยนต์มันฟังดูแปลกๆ น่ะครับ ผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าอุณหภูมิมันสูงเกินไป ดังนั้นผมเลยไม่ได้ส่งไปที่ร้าน4S แล้วก็คิดว่ารอดูหลังจากที่มันเย็นลงก่อนว่ามันจะเป็นยังไง ถ้าผมซ่อมเองไม่ได้ก็ค่อยส่งไปซ่อมที่ร้าน4S คิดไม่ถึงเลยว่ารถประเภทนี้พอส่งไปซ่อมที่ร้าน 4S แล้วค่าซ่อมไม่ถูกเลย ยิ่งไปกว่านั้นพอใกล้จะปีใหม่แล้ว จะซ่อมรถก็ต้องเข้าคิวอีก ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่เลยครับ”
คำพูดของนาวินทำให้นรมนสามารถจับประเด็นสำคัญได้
“อุณหภูมิเครื่องยนต์สูงเกินไปอย่างนั้นเหรอ? คุณไปไหนมา? เข้าไปในภูเขาเหรอ?”
นาวินชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ผมไปเยี่ยมธิดามาครับ”
นรมนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่แปลกใจมากนัก
ความรู้สึกที่นาวินมีให้กับธิดานั้นลึกซึ้งมาก ไม่ว่าธิดาจะปฏิบัติต่อนาวินอย่างไร นาวินก็ยังวางธิดาเอาไว้ในจุดสุดยอดของหัวใจเสมอ
ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งที่ธิดาทำมันมากเกินไป บางทีนาวินอาจจะยังทำเรื่องต่างๆ เพื่อธิดาก็เป็นได้
“ได้เจอเธอแล้วหรือยัง?”
“ไม่ครับ ทางนู้นเขาไม่ให้เยี่ยมครับ”
อารมณ์ของนาวินค่อนข้างลดต่ำลงมา
นรมนรู้ว่า ในท้องของธิดายังตั้งครรภ์ลูกของนาวินอยู่ เขาจึงไม่เป็นห่วงไม่ได้
“เดี๋ยวฉันจะให้บุริศร์จะเอาเงินไปให้เพื่อไกล่เกลี่ยสักนิดหน่อย และพยายามให้พวกคุณได้เจอหน้ากัน”
นรมนกำลังพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
ทันใดนั้นนาวินก็สะอึกสะอื้นขึ้นมาเล็กน้อย
“พี่สะใภ้ ธิดาปฏิบัติต่อพวกคุณอย่างนี้ พวกคุณยังดีต่อเธอและผมขนาดนี้ คุณทำให้ฉันรู้สึกละอายใจเล็กน้อยแล้ว”
“ละอายใจอะไรกัน? ทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน แม้ว่าธิดาจะทำผิดมาแล้ว แต่เธอก็ได้รับโทษแล้ว ความผิดหรือจะสู้ภรรยาและลูกใช่ไหมล่ะ?”
คำพูดของนรมนทำให้นาวินรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
“พี่สะใภ้ ขอบคุณพวกคุณมากครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันก็มีเรื่องอยากจะถามคุณเหมือนกัน”
นรมนพูดตรงๆ ออกมาว่า “วันนี้รถที่ฉันกับบุริศร์ขับออกไปเกิดระเบิดขึ้นแล้ว บนรถมีระเบิดเวลา เราตรวจสอบกล้องวงจรปิดดูแล้ว วิดีโอของกล้องวงจรปิดถูกตัดออกไปส่วนหนึ่ง แต่กานต์กู้กลับคืนมาให้ฉันแล้ว ในวิดีโอมีแค่คุฯคนเดียวที่เคยเข้าไปในโรงรถ” นาวินตกตะลึงเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงอะไรได้ จึงรีบพูดออกมาว่า “พี่สะใภ้ ไม่ใช่ผมนะ ผมจะไม่ทำเรื่องที่ทำร้ายคนอื่นโดยที่ตนเองไม่ได้รับประโยชน์อะไรหรอก คุณและพี่ชายมอบหุ้นในบริษัทให้ผม แม้ว่าผมจะไม่ทำอะไรเลย มีการแบ่งหุ้นหลายสิบล้านหรือหลายร้อยล้านหุ้นทุกปี ทำไมผมต้องระเบิดพวกคุณให้ตัวเองคิดไม่ตกขนาดนั้นด้วย? พวกคุณตายไปแล้ว ผมอาจจะบริหารบริษัทได้ไม่ดี ถึงเวลานั้นผมกับลูกของผมคงไม่มีอันจะกินกันแล้วใช่ไหมล่ะ?”
“ฉันเชื่อคุณค่ะ”
น้ำเสียงของนาวินรีบร้อนมาก ทำให้นรมนสามารถฟังความจริงและความเท็จออกไปโดยปริยาย
คำพูดของเธอทำให้จิตใจที่กังวลของนาวินสงบนิ่งลงเล็กน้อย
“พี่สะใภ้ ผมไม่เคยพาใครกลับมาเลยนะ ผมแค่เกรงว่าเครื่องยนต์มันจะไม่ดี จากนั้นผมก็เลยไปร้านซ่อมรถเล็กๆ ร้านหนึ่งที่อยู่แถวนี้แล้วซื้อเครื่องมือวัดกลับมา ผมรับรองเลยว่าไม่ได้นำสิ่งอื่นเข้ามาในโรงรถอย่างแน่นอน”
นาวินเป็นคนที่เคยลำบากมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าเขาจะถูกตระกูลโตเล็กรับเลี้ยงดู แต่ก็ถูกฝึกฝนให้เป็นบอดี้การ์ดด้วย รายรับของทุกเดือนล้วนได้รับมาในจำนวนที่แน่นอน และแน่นอนว่าเขาจะไม่เป็นเหมือนบุริศร์ ถ้ารถมีปัญหาเขาก็จะโยนมันให้ร้าน 4S โดยตรง เขาจะดูก่อนว่าปัญหาคืออะไร แล้วตัวเองจะซ่อมได้หรือไม่ ถ้าหากว่าตัวเองสามารถซ่อมได้ก็จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้โดยปริยาย
แม้ว่าตอนนี้บุริศร์จะโอนหุ้นให้นาวินแล้วก็ตาม นิสัยมัธยัสถ์ของเขาที่มีมานานหลายปีก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายในเวลาอันสั้น ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยสักนิดที่นาวินจะทำแบบนี้เมื่อเขาพบว่ารถมีปัญหา
“ร้านซ่อมรถเล็กๆ ที่อยู่แถวๆ นี้อย่างนั้นเหรอ? อยู่ตรงไหนเหรอ?”
“ก็แค่ตรงไปตามถนนใหญ่แล้วเลี้ยวซ้ายครับ”
คำพูดของนาวินทำให้นรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทำไมเธอถึงจำไม่ได้ว่ามีร้านซ่อมรถเล็กๆ ร้านหนึ่งอยู่ที่นั่นด้วย?
“จำที่ตั้งได้ไหม?”
“แน่นอนครับ”
“เดี๋ยวฉันส่งโลเคชั่นไปให้คุณ คุณมารับฉันด้วยนะ เราจะไปดูกันหน่อย”
พอนรมนพูดจบเธอก็วางสายลงไป หลังจากนั้นก็ส่งตำแหน่งที่ตั้งของตัวเองไปให้นาวินในวีแชท
บุริศร์กับกานต์ต่างก็งานยุ่งอยู่ตลอดเวลา ในระหว่างนั้นบุริศร์ก็ส่งข้อความกลับมา นรมนให้เขาจดจ่อกับการดูแลทางนั้นก็พอแล้ว ส่วนที่บ้านไม่เป็นไร
ตอนที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกไปจากห้อง เธอก็บังเอิญพบกับเจตต์และขวัญตาเข้าพอดี
“นี่เธอจะไปไหน?”
เจตต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เรื่องระเบิดนี้ดังสะเทือนเลื่อนลั่นขนาดนั้น พวกเขาไม่สนใจก็คงไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ามีคนต้องการเอาชีวิตของนรมนหรือไม่ก็บุริศร์ ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ผู้หญิงคนนี้ยังอยากจะวิ่งออกไปข้างนอกอยู่อีก
สมองมีปัญหาแล้วหรือยังไง?
แม้ว่าเจตต์จะไม่พูดอย่างชัดเจน แต่การแสดงออกในดวงตาและท่าทางของเขาก็มีความหมายเช่นนี้
นรมนจึงยิ้มแห้งๆ ด้วยความไม่สบายใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฉันจะออกไปทำธุระนิดหน่อยน่ะ”
“ธุระอะไรก็ไม่อนุญาตให้ออกไป ถ้าจะออกไปต้องรอให้บุริศร์กลับมาก่อนค่อยว่ากัน”
ตอนนี้เจตต์ได้เป็นหัวหน้าเผด็จการในศาลาเก้าเซียนที่คอยปิดประตูให้ผู้คนที่จะออกไปข้างนอกโดยตรงไปแล้ว
“อย่านะ ฉันเรียกให้นาวินมารับฉันแล้ว ฉันมีธุระจริงๆ ”
นรมนพริบตาให้ขวัญตาไม่หยุด หวังว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้จะสามารถช่วยพูดอะไรดีๆ ให้ตัวเองได้บ้าง ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตามขวัญตาก็พูดออกมาตรงๆ ว่า “ไม่ว่าเธอจะกระพริบตายังไงก็ตาม ฉันก็ไม่ช่วยเธอหรอก ที่เจตต์พูดถูกต้องแล้ว ตอนนี้สถานการณ์ข้างนอกยังไม่ชัดเจน เธอจะออกไปไมได้”
“พวกเธอสองคนเป็นภรรยาร้องสามีรับกันจริงๆ ขวัญตา ทำไมเธอถึงได้ตามเจตต์ขนาดนี้ ไม่กลัวเขาลอยขึ้นไปบนสวรรค์เหรอ?”
นรมนขู่คำรามเบาๆ ด้วยความกลัดกลุ้มใจ
เจตต์ไม่รีบไม่ร้อนอะไร จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “บุริศร์ก็ตามเธอไปทุกที่ ฉันก็ไม่เห็นว่าเธอจะขึ้นสวรรค์เหมือนกัน แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ก็ใกล้จะได้ขึ้นสวรรค์แล้วแหล่ะ”
“เจตต์ นายจะสนใจทำไม? ฉันมีธุระที่ต้องออะไรทำจริงๆ ”
นรมนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะถูกเจตต์แค้นเคืองเอาเสียแล้ว
ช่างไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ
“จะมีธุระหรือไม่มีธุระผมก็ไม่สน ยังไงซะเธอก็ออกไปไม่ได้ ถ้าเธอไม่ฟัง เธอก็อย่าถือสาที่ฉันให้พี่โตษินมาตีเธอให้สลบและให้เธอได้พักผ่อนสักหน่อยก็แล้วกัน”
“นายกล้าเหรอ!”
“เธอจะลองดูไหมล่ะ!”
นรมนกับเจตต์จ้องหน้ากันอยู่สองคน ท่าทางเหมือนไก่ชน ไม่มีใครยอมใคร
คุณท่านตนุวรได้ยินเสียงพวกเขาสองคนทะเลาะกันจึงเดินออกมา
“เกิดอะไรขึ้นอ่ะ? นี่ก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว พวกเธอสองคนหยุดทะเลาะกันสักหน่อยไม่ได้รึไง?”
“คุณตา เขาไม่ให้หนูออกไปค่ะ”
นรมนวิ่งไปและเขย่าแขนของคุณท่านตนุวร แล้วทำสีหน้าน้อยใจ
คุณท่านตนุวรมองไปที่นรมน แล้วพูดด้วนเสียงทุ้มต่ำว่า “ตาก็ไม่ให้หนู้ออกไปเหมือนกัน”
“คุณตา ทำไมคุณตาทำแบบนี้ล่ะคะ? ตอนนี้หนูจะไปหาหลักฐานนะคะ หรือว่าจะรอให้อีกฝ่ายคอยมาขัดแข้งขัดขาเราให้สะดุดลงไปอยู่ในความมืดอย่างนั้นหรือคะ? อีกเดี๋ยวก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว หรือว่าพวกคุณไม่อยากฉลองปีใหม่อย่างปลอดภัยล่ะคะ? ยิ่งไปกว่านั้นญาติผู้พี่ของหนูก็ใกล้จะแต่งงานแล้ว ในระหว่างนี้จะปล่อยให้มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นแม้แต่น้อยไม่ได้นะคะ”
นรมนกำลังพูด
แต่เจตต์กลับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เรื่องของฉันเธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เธอดูแลตัวเองให้ดีดีก็พอแล้ว ยังไงซะวันนี้ไม่ว่าเธอจะพูดยังไงก็ตาม เธอก็ออกไปจากประตูบานนี้ไม่ได้ ทำไมบุริศร์ถึงส่งเธอมาที่นี่น่ะเหรอ? เป็นเพราะว่ามาตรการการรักษาความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดมาก คนทั่วไปจะไม่สามารถแทรกซึมเข้ามาได้ ถ้าเธอออกไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ฉันจะอธิบายกับบุริศร์ว่ายังไง? และจะอธิบายกับกานต์ว่ายังไง?”
คำพูดนี้ทำให้นรมนฟังแล้วอึดอัดใจจริงๆ
“นายดีกับบุริศร์ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ในเวลาปกติเราสองคนก็ทะเลาะกันได้ แต่ในการจัดการปัญหาของเธอกับพวกเด็กๆ ความคิดเรานั้นตรงกัน ดังนั้นอย่าพูดให้เปลืองน้ำลายเสียเปล่าๆ เลย ถึงแม้ว่าคุณตาจะให้เธอออกไปได้ ฉันก็ไม่เห็นด้วย”
ท่าทางของเจตต์เด็ดเดี่ยวแน่วแน่เป็นอย่างมาก
นรมนไม่เคยเห็นเจตต์เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ขนาดนี้มาก่อน แต่เธอก็รู้จักนิสัยของเจตต์ดี การตัดสินใจที่จะทำดีของผู้หญิงคนนี้ต่อให้เอาวัวสิบตัวมาฉุดก็กลับมาไม่ได้หรอก
จะทำอย่างไรดี?
เธอเห็นเบาะแสอยู่ตรงหน้าแต่กลับไม่สามารถออกไปตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานได้ นรมนรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังเกายิกๆ เหมือนกรงเล็บลูกแมว ซึ่งกำลังรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
“คุณตาขา…….”
เธอทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับคุณท่านตนุวรเท่านั้น
เจตต์เหลือบมองไปที่คุณท่านตนุวร แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “คุณตา ผมจำได้ว่าคุณตาเคยถามผมว่าจะจัดงานแต่งงานยังไงให้ราบรื่นสมดั่งใจใช่ไหมครับ?”
“หลานคิดออกแล้วเหรอ?”
“แน่นอนครับ ผมขอเพียงแค่นรมนไม่ออกไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียวก่อนวันแต่งานก็จะราบรื่นสมดั่งใจแล้วครับ ถ้าไม่อย่างนั้น ผมก็จะไม่จัดงานแต่งงานในครั้งนี้แล้ว”
ในเวลานั้นเองนรมนก็โมโหเดือดดาลขึ้นมา
“เจตต์นายจะบ้าไปแล้วเหรอ? แม้ว่านายจะไม่จัดงานแต่งงานแล้ว ขวัญตาจะไม่จัดได้เหรอ? แล้วตระกูลปวนะฤทธิ์จะยอมเหรอ?”
“ฉันได้ทั้งนั้นอ่ะ เจตต์ว่ายังไงฉันก็ทำอย่างนั้น”
คำพูดของขวัญตาได้ตั้งใจทุบให้นรมนวิงเวียนศีรษะโดยตรง
“ขวัญตา เธอไม่สามารถมีจุดยืนได้หรือ”
“ไม่ได้ ฉันมีสามีก็พอแล้ว ยังจะต้องการจุดยืนอะไรอีก? ยิ่งไปกว่านั้นสามีของฉันก็ไม่ได้พูดอะไรผิด”
สองสามีภรรยาคู่นี้ตั้งใจทำให้นรมนอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
และในเวลานั้นเอง ก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นมา นรมนจึงรู้เลยว่านาวินมาแล้ว
แต่ทว่าให้ตายยังไงคุณท่านคนนี้กับเจตต์ก็ไม่ให้เธอออกไป แล้วเธอจะทำอย่างไรดีล่ะ?
นรมนใกล้จะร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ แล้ว