แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1166
“คุณพูดเรื่องอะไร? พ่อฉันล่ะอยู่ที่ไหน?”
ขวัญตาคิดไม่ถึงเลยว่าในวันแต่งงานสำคัญของเธอนี้ พ่อของเธอจะหายตัวไป
ป้าเพ็ญศรีก็ร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณเจตต์ใกล้จะมาถึงแล้ว เมื่อกี้ฉันก็ค้นหาทุกที่แล้ว หายังไงก็หาคุณท่านไม่เจอ โทรศัพท์ไปก็ไม่มีใครรับเลย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วหรือเปล่า”
คำพูดของป้าเพ็ญศรีทำให้ขวัญตาลุกยืนขึ้นโดยทันที พร้อมกับหอบยกชายกระโปรงของเธอขึ้นแล้ววิ่งออกไปข้างนอกโดยไว
“เฮ้ๆ ๆ คุณหนู คุณเป็นเจ้าสาวนะ คุณจะออกไปแบบนี้ไม่ได้นะ”
ช่างแต่งหน้าตะโกนตามหลังเธอไป
แต่ขวัญตาก็ทำหูทวนลม ในหัวสมองเธอนั้นคิดถึงแต่พ่อเท่านั้น
พ่อจะไปไหนได้นะ?
วันนี้เป็นวันแต่งงานของเธอ พ่อคงไปไหนไม่ได้ไกลแน่ๆ แต่ทำไมโทรศัพท์โทรไม่ติด?
คำถามต่างๆ มากมายผุดขึ้นมาในหัวเธอเต็มไปหมด
ทันใดนั้นโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พบว่ามันขึ้นโชว์เป็นหมายเลขแปลกที่เธอไม่คุ้นเคย
ขวัญตาลังเลอยู่สักพัก แต่ก็ตัดสินใจกดรับสาย
“ฮัลโหล? นั่นใคร?”
“ถ้าอยากให้พ่อเธอปลอดภัย เธอก็ถือโอกาสฆ่านรมนในงานวันนี้ซะ”
เสียงปลายสายนั้นถูกเปลี่ยนโดยเครื่องแปลงเสียง
ณ ตอนนั้นหัวใจของขวัญตาก็พองโตขึ้นทันที
“แกเป็นใคร? วันนี้เป็นวันแต่งงานของฉัน แกปล่อยพ่อฉันกลับมาเดี๋ยวนี้!”
“แค่เธอรับปากฉันว่าวันนี้เธอจะฆ่านรมน ฉันก็จะปล่อยพ่อเธอไป”
ท่าทีของปลายสายนั้นดูยืนหยัดเด็ดขาดเป็นอย่างมาก
ขวัญตาทรุดลงเล็กน้อย
“แกกำลังพูดเรื่องอะไร? วันนี้เป็นวันแต่งงานของฉัน ฉันจะเจอเลือดไม่ได้! ยิ่งไปกว่านั้นนรมนคือลูกพี่ลูกน้องของสามีฉัน ฉันจะลงมือกับเธอได้ยังไง? ถ้าฉันทำร้ายเธอล่ะก็ การแต่งงานของฉันยังจะดำเนินต่อไปได้ยังไง?”
“เรื่องพวกนี้ฉันไม่สน จะเลือกระหว่างสามีหรือพ่อ เธอก็หาวิธีเอาเองละกัน แต่ที่แน่ๆ ยังไงฉันไม่ให้เธอแต่งงานแบบไม่มีคนส่งเข้าพิธีหรอก พ่อของเธออยู่ในห้องเก็บไวน์ใต้ดิน เธอสามารถไปรับเขาได้ แต่ทว่าฉันวางยาพิษให้เขาแล้ว ถ้าวันนี้เธอฆ่านรมนไม่ได้ พ่อของเธอก็อาจจะตาย ขวัญตา เธอคิดดีๆ คนหนึ่งคือคนที่อดทนเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ยังแบเบาะ อีกคนคือผู้หญิงที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเธอเลย เธอก็คิดชั่งน้ำหนักดูเองละกัน ว่าใครสำคัญกว่า”
เมื่อปลายสายพูดจบก็ตัดสายทันที
ขวัญตาแทบจะเสียสติไปแล้ว
“คุณหนู คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ อีกประเดี๋ยวคุณเจตต์ก็จะมาแล้ว ฉันจะไปตามคุณผู้ชายเอง”
กว่าที่ป้าเพ็ญศรีจะไล่ตามขวัญตามาทันนั้นไม่ง่ายเลย จึงไม่รอช้ารีบขวางทางหยุดเธอไว้
ขวัญตามองไปที่ป้าเพ็ญศรี พร้อมพูดเสียงต่ำ “ป้าเพ็ญศรี คุณอยู่กับที่บ้านพวกเรามากี่ปีแล้วคะ?”
คำถามนี้ทำให้ป้าเพ็ญศรีตะลึงเล็กน้อย แต่ก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “คงจะยี่สิบปีได้แล้วนะคะ”
“ยี่สิบปีแล้ว ก็นับว่าเป็นแม่ของฉันแล้วนะคะ ฉันจำได้ว่าแม่เสียไปตอนฉันสามขวบ ตอนนั้นคุณก็เป็นคนที่ดูแลฉันมาตลอด ใช่ไหมคะ?”
ขวัญตามองไปที่ป้าเพ็ญศรี ดวงตานั้นอาบไปด้วยน้ำตา
“ใช่สิคะ คุณหนู ทำไมจู่ๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้ล่ะ?”
ป้าเพ็ญศรีเห็นท่าทีขวัญตาแบบนี้แล้วก็อดที่จะไม่สบายใจไม่ได้
ขวัญตายิ้ม แต่ดวงตานั้นยังอาบไปด้วยน้ำตา
“นั่นน่ะสิ ทำไมฉันต้องพูดเรื่องนี้กับคุณด้วยนะ? บางทีงานแต่งงานวันนี้ฉันอาจจะตื่นเต้นเกินไปล่ะมั้ง ลูกสาวคนอื่นที่กำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา ก็ล้วนแต่ต้องมีแม่มาคอยดูแล แต่ฉันไม่มี โชคยังดีที่ฉันมีป้าเพ็ญศรีคอยดูแลฉันตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ขอบคุณคุณมากๆ เลยนะคะ”
ป้าเพ็ญศรีรู้สึกว่าคำพูดที่ขวัญตาพูดออกมานั้นดูแปลกๆ แต่ยังคงจับมือของขวัญตาไว้อยู่อย่างเดิมนั้นพร้อมกับพูด “เรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้คือหาคุณผู้ชายให้เจอ ถ้าหากว่าคุณเจตต์มาแล้ว ยังหาคุณผู้ชายไม่เจอจะทำยังไงดี? แขกก็มากันหมดแล้วนะคะ”
“พ่อฉันอยู่ที่ห้องเก็บไวน์ใต้ดิน คุณให้คนไปรับเขาออกมาเถอะค่ะ”
ขวัญตาพูดจบก็ยกชายกระโปรงเดินกลับไปทางห้องพัก แต่ทว่าในใจนั้นไม่มีความสุขหรือความตื่นเต้นกับการแต่งงานอีกต่อไปแล้ว
ป้าเพ็ญศรีตะลึงไปเล็กน้อย
“ห้องเก็บไวน์ใต้ดินเหรอ? คุณผู้ชายไปทำอะไรที่ห้องเก็บไวน์ใต้ดิน? คุณหนู คุณรู้ได้ยังไงว่าคุณผู้ชายอยู่ที่ห้องเก็บไวน์ใต้ดิน?”
แต่ว่าขวัญตาก็ไม่ได้ตอบคำถามเธอ
หลังจากกลับมาถึงห้องพัก ช่างแต่งหน้าก็พูดตำหนิเล็กๆ “หน้านี้ก็ยังแต่งไม่เสร็จ เจ้าบ่าวก็กำลังจะมาแล้ว เธอดูเม็ดเหงื่อบนหัวเธอนี้สิ คงต้องแต่งกันใหม่อีก จริงสิ หาคุณท่านสุรเชษฐเจอแล้วเหรอ?”
“อือ”
ขวัญตาพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก
ช่างแต่งหน้าเห็นว่าขวัญตาไม่อยากพูดอะไร เขาก็ไม่ได้ถามอะไรแล้วตั้งใจแต่งหน้าให้เธอต่อไป
เพื่อนเจ้าสาวของขวัญตาก็คือลูกพี่ลูกน้องของครอบครัวเธอเอง
หลังจากขบวนขันหมากของเจตต์เริ่มเข้ามาทักทาย ก็ถูกฝั่งเพื่อนเจ้าสาวกั้นไว้อยู่นอกประตู ทั้งสองฝั่งของบ่าวสาวก็พูดคุยร้องเพลงโต้ตอบกันอย่างคึกคักอยู่ข้างล่างนั้น
เดิมทีแล้วนี่เป็นช่วงเวลาที่ขวัญตาตั้งตารอที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์ดีใจเลยสักนิด
ตระกูลปวนะฤทธิ์นั้นดูแลจัดการบ้านอย่างเข้มงวดมาตลอด แต่อาจเป็นเพราะงานแต่งงานของตนเองจึงทำให้ช่วงนี้คนไปมาเข้าๆ ออกๆ เยอะมาก อีกฝั่งคงฉวยโอกาสนี้แฝงตัวเข้ามาวางยาคุณพ่อ
เธอกังวลอยู่ตลอดว่าคนของกล้าณรงค์นั้นจะลงมือกับนรมนอย่างเปิดเผย แต่นึกไม่ถึงว่าวันนี้มีดที่ต้องปักลงบนตัวของนรมน กลับกลายเป็นเธอที่ต้องเป็นคนลงมือทำมันซะเอง
ในหัวสมองของขวัญตาเต็มไปด้วยภาพที่คุณท่านสุรเชษฐนั้นเลี้ยงดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กจนโต
ธุรกิจของเขานั้นใหญ่มาก และเขามักจะออกทะเลอยู่บ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่เป็นวันเกิดของเธอหรือทุกครั้งที่คิดถึงเขา คุณท่านสุรเชษฐก็จะรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วยตัวเองตลอด
ขวัญตารู้ ว่าคุณพ่อนั้นพยายามทุ่มเทดูแลทะนุถนอมเธอมากขนาดไหน
ถ้าวันนี้สลับกัน กลายเป็นเธอที่โดนวางยาและพ่อโดนข่มขู่ พ่อเธอจะต้องช่วยเธออย่างไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย
แต่เธอล่ะ?
เธอคิดอะไรอยู่?
เธอยังคงคิดถึงนรมน
คิดว่าถ้าหากทำร้ายนรมนแล้ว เจตต์จะเป็นยังไง การแต่งงานของพวกเขาจะยังคงดำเนินต่อไปหรือไม่
ดูแล้วเธอช่างเป็นลูกที่อกตัญญูจริงๆ
ขวัญตาฝืนยิ้มอย่างขมขื่น
ทางด้านเจตต์ที่อยู่ใต้อาคารตอนที่พูดกับฝั่งเพื่อนเจ้าสาวว่าจะรักเธอตลอดไปชีวิตนั้น ขวัญตาก็รู้สึกว่ามันฟังดูประชดประชันจนขนาดที่ว่าเธอไม่กล้าที่จะฟังซะด้วยซ้ำ
เจตต์ใจดีกับเธอมากขนาดนี้ เธอทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อที่จะได้รักกับเขา จนท้ายที่สุดก็ทำให้เขายอมรับเธอและเต็มใจยอมที่จะเดินเข้าห้องโถงร่วมพิธีแต่งงานกับเธอแล้ว แต่ทว่าเวลานี้เธอกลับจะเป็นคนทำลายพิธีแต่งงานด้วยมือของเธอเองงั้นเหรอ?
ขวัญตาไม่อยากทำ แต่เธอจะทำยังไงดีล่ะ?
วันนี้เจตต์เตรียมซองแดงมาเยอะมาก หากทางเพื่อนเจ้าสาวไม่ยอมให้ผ่านทาง เขาก็ยัดซองแดงให้พวกเธอเลย ไม่นานนักหลังจากได้รับซองแดง มือไม้ของเพื่อนเจ้าสาวก็อ่อนลงทันที จำยอมที่จะต้องเปิดประตูให้เจตต์เข้ามาข้างใน
เจตต์อดใจรอไม่ไหวรีบเข้าไปในห้องเจ้าสาวของขวัญตาทันที
“ภรรยา ฉันมารับเธอแล้ว”
วันนี้เจตต์ดูเปี่ยมไปด้วยความสุขและเบิกบานใจ สายตานั้นเต็มไปด้วยความเบิกบานและตื่นเต้น
ขวัญตาดูออกว่าเขานั้นดีใจจริงๆ
ถ้าไม่มีเรื่องอื่นๆ บางทีเธอก็คงจะเป็นเจ้าสาวที่มีความสุขมากๆ คนหนึ่งเลยก็ว่าได้
แต่ตอนนี้…
หัวใจของขวัญตาค่อยๆ จมดิ่งลงทีละนิด
“เป็นอะไรไป สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย? เมื่อคืนพักผ่อนไม่เพียงพอหรือเปล่า? ไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวพิธีแต่งงานเสร็จ พวกเราก็จะได้กลับไปพักผ่อนกันแล้ว”
เจตต์คิดว่าที่ขวัญตาสีหน้าไม่ค่อยดีนั้นเป็นเพราะว่าเธอเตรียมงานแต่งงานจนเหนื่อย และอดไม่ได้ที่จะพูดปลอบโยนเธอเล็กน้อย
แต่ยิ่งเขาทำแบบนี้ ขวัญตายิ่งเป็นทุกข์
เธอจะไปเอามีดแทงเขาเข้าที่หัวใจได้ยังไงกันนะ?
ในเมื่อนรมนคือญาติพี่น้องที่เขาดูแลเอาใจใส่ที่สุด
ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เปียกชุ่มขึ้นมาจนทำให้เจตต์ตกใจ
“เป็นอะไรไป? ทำไมถึงยังร้องไห้ล่ะ?”
“ตื่นเต้นน่ะ”
ขวัญตาคิดจะรีบใช้มือปัดเช็ดน้ำตาให้แห้ง แต่ก็โดนช่างแต่งหน้าหยุดไว้ก่อน
“คุณหนูของฉัน ไม่ต้องขยับแล้ว เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง”
ตอนที่ช่างแต่งหน้ากำลังแต่งหน้าให้เธอนั้น ก็ใช้น้ำเสียงพูดกระซิบที่ได้ยินกันแค่เพียงสองคน “ทางที่ดีเธออย่าเล่นตุกติกจะดีกว่านะ ถ้าเธอพูดอะไรกับเจตต์แม้แต่คำเดียว พ่อของเธอไม่มีวันได้กลับมาแน่”
ดวงตาของขวัญตาเบิกโพลง
คือเธองั้นเหรอ?
ทำไมเธอคิดไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วช่างแต่งหน้าคนนี้เป็นคนของกล้าณรงค์
ช่างแต่งหน้าคนนี้แม้ที่จริงจะไม่ได้สนิทกับเธอมากนัก แต่ในครึ่งปีมานี้ก็เป็นคนที่คอยแต่งหน้าออกแบบสไตล์ให้เธอแล้วเพื่อนสนิทรอบตัวเธอมาตลอด ทุกคนก็พูดถึงเธอในทางที่ดีกันทั้งนั้น เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจที่จะให้เธอคนนี้มาเป็นช่างแต่งหน้าประจำตัวให้เธอ แต่ทำไมนะ เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเธอคนนี้คือคนของกล้าณรงค์
“คือเธอ? เธอคือคนที่ทำพ่อฉัน…”
“โอ๊ะโอ คุณหนู คุณหลับตาหน่อย ฉันเกลี่ยอายแชโดว์ไม่ได้เลย”
ทันใดนั้นช่างแต่งหน้าก็พูดเสียงดังขึ้นมา หลังพูดจบสายตานั้นก็มองขวางด้วยความดุร้าย พร้อมพูดเสียงต่ำ “ทางที่ดีเธอทำตามที่ฉันบอกดีกว่านะ ถ้าไม่เช่นนั้นเธออาจจะไม่ได้เจอพ่อของเธออีกตลอดไป”
“แก!”
ขวัญตาโกรธจนอยากจะบีบคอเธอให้ตายคาที่ไปเลย แต่น่าเสียดายที่ทำไม่ได้
พ่อของเธอโดนวางยาอะไรเธอยังไม่รู้ ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้วเธอก็ไม่รู้ ถ้าหากว่ายั่วยุเธอตรงหน้านี้ไปล่ะก็ พ่อของเธออาจจะเกิดเรื่องอันตรายขึ้นได้
พอคิดได้ดังนี้ ขวัญตาก็กุมมือตัวเองไว้แน่นจนเล็บจิกลงเข้าเนื้อโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเจตต์เห็นว่าช่างแต่งหน้ากำลังแต่งหน้าให้เธออยู่ ก็อดที่จะยิ้มชมไม่ได้ “ภรรยาฉันช่างสวยจริงๆ ”
“โอ๊ะโอ ดูความปากหวานของเจ้าบ่าวคนนี้สิ ช่างรู้จักเยินยอภรรยาซะจริงๆ ”
เพื่อนเจ้าสาวรีบพูดทันที แล้วรอบๆ ก็ระเบิดเสียงหัวยิ้มหัวเราะขึ้นมา
เจตต์ก็พูดอย่างไม่สนใจว่า “รักและเอ็นดูภรรยาของฉันจะเป็นอะไรไป? บ้านไหนบ้างจะไม่รักไม่ทะนุถนอมภรรยาล่ะ? ตอนนี้ผู้ชายมีเยอะผู้หญิงมีน้อย สามารถที่จะหาภรรยามาแต่งได้ก็ต้องรีบคว้าโชคไว้ ถ้าไม่รักไม่เอ็นดู แล้วเกิดมีใครมาขโมยไปได้จะทำยังไงล่ะ? ฉันจะไปร้องไห้ที่ไหนได้”
ประโยคนี้ยิ่งทำให้ผู้คนรอบข้างหัวเราะคึกคักดังขึ้นไปอีก
แต่ขวัญตากลับฝืนหน้ายิ้มอยู่เช่นนั้น ทั้งที่ในใจไม่มีอารมณ์ขันเลยสักนิด
เมื่อเจตต์ปรายตามองมาเห็นภาพนั้นเข้า ในใจนั้นก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย
วันนี้ท่าทีของขวัญตาดูแตกต่างออกไปจากเดิม
ตกลงว่าเธอเป็นอะไรกันแน่?
เมื่อกำลังคิดอยู่นั้น ป้าเพ็ญศรีก็กลับมาพอดีพร้อมกับหันมาโบกมือให้ขวัญตาจากหน้าประตูนั้น บอกเป็นสัญญาณว่าคุณท่านสุรเชษฐไม่เป็นอะไรแล้ว เพียงแค่หน้ามืดเป็นลมไปเท่านั้นและตอนนี้ฟื้นแล้ว ท่าทางเริ่มดูมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาแล้วด้วย
ส่วนคนอื่นๆ นั้น ตอนนี้กำลังคุยกันจอแจ ขวัญตาจึงไม่สะดวกที่จะถามอะไรได้ชัดเจนในตอนนี้
เธอพยักหน้า มองไปที่ช่างแต่งหน้าอีกครั้ง พร้อมกับพูดกับเจตต์ทันที “รีบหารองเท้าเถอะ หลังจากนั้นจะได้เริ่มพิธีแต่งงานแล้วกลับบ้านกัน”
เมื่อพูดออกไป รอบๆ ก็เงียบลงฉับพลัน
แล้วเพื่อนเจ้าสาวก็พูดขึ้นมาอย่างอึดอัด “ดูแล้วเจ้าสาวคงจะรีบร้อนอยากไปกับเจ้าบ่าวจะแย่แล้ว พวกเราอย่ามัวแต่เล่นอยู่เลย รีบไปทำพิธีให้เสร็จกันเถอะ”
ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่รีบลุกลนช่วยกันหารองเท้าให้เจตต์
เวลานี้ ช่างแต่งหน้าไม่สามารถอยู่ข้างๆ กับขวัญตาได้แล้ว เพราะโดนคนอื่นๆ เบียดเข้าให้อยู่ติดไปอีกมุม
เจตต์เริ่มหารองเท้าคู่ใหม่ของขวัญตา ขวัญตาส่งสายตาไปให้เจตต์ พร้อมหันไปมองทางข้างใต้ชุดแต่งงานของตนเอง
เจตต์เป็นคนฉลาด ก็รู้ได้ทันทีว่าภรรยาตนเองนั้นกำลังส่งสัญญาณบอกเป็นนัยให้ตนรู้ จึงทำร่าเริงตรงมาหาที่ข้างๆ ขวัญตา พร้อมยิ้ม “ให้ฉันดูหน่อยสิว่ารองเท้าซ่อนอยู่ที่ตรงนี้หรือเปล่านะ”
ตอนที่พูด มือของเขาก็ยื่นเข้าไปที่ใต้ชายกระโปรงของขวัญตา คนรอบข้างก็เริ่มยิ้มหัวเราะออกมากันอีกครั้ง
“นี่มันรีบเกินไปหรือเปล่า?”
“เจ้าบ่าวระวังหน่อยสิ อยู่นี่ยังมีคนโสดอยู่นะ”
คนโสดในขบวนขันหมากที่ตามเจตต์มานั้นก็โห่ร้องตะโกนขึ้นมาฉับพลัน
ขวัญตาถือโอกาสนี้ กระซิบเบาๆ “ยกเลิกพิธีแต่งงาน! ด่วน!”