แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1189
ความโศกเศร้าของนงลักษณ์แน่นอนว่าคนอื่นต้องดูไม่เข้าใจอยู่แล้ว
ทางด้านนรมน มองเห็นนภดลออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้ว และก็ได้ยินหมอบอกว่าอาการของเขาไม่ได้หนักมาก ถึงได้โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง
ในตอนที่นภดลโดนเข็นออกมานั้น ก็มองซ้ายมองขวาทีหนึ่ง แล้วพอมองไม่เห็นคุณนายตระกูลจันทรวงศ์แล้วก็โล่งใจได้เปลาะหนึ่ง
นรมนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย
“ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วเหรอ? คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ทำกับนายมาตั้งหลายปีขนาดนี้ ฉันนึกว่านายมีความสุขกับมันซะอีก”
ถึงแม้ว่าจะสงสารนภดล แต่ว่าพอนึกถึงการอดทนอยู่อย่างนั้นของนภดลแล้วนรมนก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเลย
นภดลยิ้มขมขื่นขึ้นแล้วพูดว่า “ก็ผมมัวแต่คิดถึงคำสั่งเสียของฉัตรยา ก็เลยไม่อยากจะทะเลาะกับเธอไปใหญ่โต?”
“คนบางคนนายยิ่งไม่อยากจะเอาเรื่องกับเธอ เธอก็ยิ่งได้คืบจะเอาศอก ถ้าหากว่าตั้งแต่แรกนายก็แสดงเจตนารมณ์ของนายออกมา หลายปีมานี้ก็คงจะไม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างนี้หรอก เอาล่ะ เรื่องของนายฉันก็จะไม่พูดแล้ว เห็นนายตอนนี้ก็ได้ทำการตัดสินใจออกมาแล้ว แน่นอนว่าฉันก็จะไม่ยุ่งกับนายแล้ว ตอนนี้คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ก็โดนควบคุมตัวไว้แล้ว นายกะว่าจะให้เธออยู่ข้างในเลยไหม?”
นรมนมีความสงสัยอยู่บ้าง
ดูจากภายนอกแล้วนภดลเป็นเย็นชา แต่ที่จริงแล้วเป็นผู้ชายที่ใจอ่อนมาก หลายปีมานี้คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ทำไม่ดีกับเขา แต่ว่าฉัตรยาดีกับเขา นรมนกลัวมากเลยว่านภดลแค่จะทำให้เธอตกใจหน่อยเท่านั้น
คนอย่างคุณนายตระกูลจันทรวงศ์นั้นไม่มีทางเป็นคนที่แค่หลอกให้ตกใจหน่อยก็จะยอมแพ้ไปอย่างนั้นหรอก เธออาจจะเดินบนเส้นทางดื้อด้านนั้นยิ่งเดินยิ่งไกลก็ได้ จนสุดท้ายไม่แน่อาจจะทำให้ตัวเองดื้อด้านจนตายด้วยซ้ำ
นภดลเงียบขรึมไปครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “อืม ให้เธออยู่ในนั้นไปเถอะครับ ข้างในนั้นปลอดภัยกว่า และอาจจะทำให้เธอมองสถานการณ์อะไรชัดเจนขึ้นก็ได้”
“นายไม่กลัวว่าคนอื่นจะด่านายว่าเป็นคนเนรคุณคนเหรอ?”
“ตามสบายเถอะ เป็นคนเนรคุณคนหรือเปล่าในใจผมชัดเจนดี”
พอเห็นนภดลตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้ว นรมนถึงได้รู้สึกพอใจขึ้นมาบ้าง
เธอจ้องมองนภดล แล้วก็หันไปจ้องมองบุริศร์ จากนั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เรื่องนี้นายไม่ต้องยุ่งแล้ว มอบให้ฉันกับบุริศร์ไปจัดการก็พอ ช่วงระยะนี้หน้าที่หลักของนายก็คืออยู่เป็นเพื่อนปาณีไป แล้วก็รักษาร่างกายของตัวเองให้หายดีด้วย ฉันให้เวลานายสิบวัน หลังจากสิบวันแล้วก็ไปประเทศFกับฉันและบุริศร์”
“ได้ครับ”
ตอนนี้นภดลไม่มีความสงสัยอะไรเลย
หลังจากที่ออกมาโรงพยาบาลมาแล้ว นรมนกับบุริศร์ก็ขึ้นรถ
บุริศร์ถามเสียงต่ำขึ้นว่า “ทำไมต้องรอสิบวันให้หลังถึงจะไป? ผมนึกว่าคุณจะไปทันทีเลยซะอีก”
“ไม่ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาทำให้ชีวิตของเรายุ่งเหยิงเพราะว่าคนอื่น แล้วอีกอย่าง พวกเราไปหรือไม่ไป ความวุ่นวายในประเทศFก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ กล้าณรงค์ก็ยังคงต้องการชีวิตของเราอยู่ดี การต่อสู้กันของราเชนกับทศพลก็ไม่มีทางที่จะจบลงภายในสิบวันนี้ เพราะฉะนั้นไปช้าหรือไปเร็วสำหรับเราแล้วนั้นไม่มีอะไรแตกต่างกัน คนที่ร้อนใจก็เป็นคนอื่นเท่านั้น”
พอคำพูดนี้ของนรมนพูดออกมา บุริศร์ก็รู้แล้วว่าเธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว หนักแน่นแล้ว
ที่จริง ตอนนี้พวกเขาจะไปหรือไม่ไปจุดจบมันก็เหมือนกัน มันก็แค่เรื่องเป็นฝ่ายกระทำหรือเป็นฝ่ายถูกกระทำเท่านั้น ถ้าหากที่นงลักษณ์พูดมาเป็นความจริง ตอนนี้พวกกล้าณรงค์กับทศพลและราเชนยังเอาตัวเองไม่รอดเลย ไม่มีทางที่จะมีเวลาว่างมาหาเรื่องพวกเขา งั้นทำไมพวกเขาจะต้องรีบไปหาเรื่องใส่ตัวด้วย?
ถ้ามีเวลานี้ พวกเขาเอาไปทำเรื่องที่ตัวเองอยากจะทำไม่ดีกว่าเหรอ
“คุณมีแผนการอะไร?”
“ถ้าชัยยศหาเบาะแสของมิลินเจอแล้ว ก็ให้แอบส่งคนไปช่วยมิลินออกมา สำหรับเรื่องอื่นเอาไว้สิบวันให้หลังแล้วค่อยว่ากันเถอะ ตอนนี้พวกเราพาลูก ๆ ออกไปเที่ยวเล่นกันดีกว่า”
นรมนรู้สึกว่าเวลาที่ตัวเองมีให้กับลูก ๆ นั้นน้อยเกินไปแล้ว เธอไม่รู้ว่ารอให้ตัวเองมีเวลาว่างขึ้นมาแล้วลูก ๆ จะยังต้องการตัวเองอีกไหม ในตอนนี้ที่ลูก ๆ ยังต้องการพ่อแม่อยู่นั้น เธอหวังว่าตัวเองจะสามารถหาเวลาว่างออกมาอยู่กับพวกเขาให้ได้มากที่สุด
บุริศร์ได้ยินนรมนพูดแบบนี้ ก็ต้องดีใจอยู่แล้ว
“ได้ มีที่ที่อยากไปไหม?”
“ไม่มีค่ะ”
นรมนรู้สึกขำขึ้นมาบ้างแล้ว
เธอเพียงแต่แค่อยู่ ๆ ก็คิดขึ้นมาแบบนี้ แต่ว่าจะไปไหนนั้นยังไม่ได้คิดเลยจริง ๆ ทางนี้อากาศค่อนข้างหนาว ถ้าหากว่าจะออกเที่ยวเล่นกันจริง ๆ ละก็ น่าจะไปที่ที่อากาศอบอุ่นหน่อยละมั้ง
เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงยูนนานขึ้นมา
แต่เพราะว่าเรื่องของหมู่บ้านดารายน นรมนก็ตัดสินใจว่าไม่ไปที่นั่นดีกว่า
บุริศร์เอามือของเธอมาวางไว้บนฝ่ามือของตัวเอง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เดี๋ยวกลับบ้านไปถามพวกเด็ก ๆ ดู ว่าพวกเขาอยากจะไปไหนกัน”
“พวกเราไปรับกมลออกมาดีไหมคะ?”
นรมนรู้ว่า ที่กมลอยู่ที่บ้านคริชณะก็เพื่อจะเล่นเป็นเพื่อนดนัย แต่ว่าถ้าพวกเขาออกไปเที่ยวแล้วทิ้งกมลไว้ มันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
บุริศร์ถอนหายใจทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นคำหนึ่งว่า “เดี๋ยวพวกเราไปถามดู”
“ได้ค่ะ”
รถเปลี่ยนทิศทางเพราะว่าความคิดกะทันหันของนรมน
รอจนพวกเขามาถึงบ้านคริชณะอีกครั้งนั้น ยามรักษาการณ์ของที่นี่ยังคงเข้มงวดมากเช่นเดิม
นรมนคิดถึงเรื่องที่งามสุดาฝากให้เธอไปตรวจเช็กเมื่อคราวที่แล้ว ถึงแม้ว่าทางอาณาจักรรัตติกาลจะไม่มีข่าวคราวอะไรเลย แต่นรมนรู้ว่างามสุดาไม่ได้เป็นผู้หญิงที่อ่อนแอขนาดนั้น
ครั้งนี้มีเรื่องแปลกอยู่บ้าง ที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้เลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่ามีความเกี่ยวข้องกับธรรศหรือเปล่า
ทั้งนรมนและบุริศร์ต่างก็คิดไปแบบนี้ จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านตระกูลทวาทสิน
งามสุดายังคงรดน้ำดอกไม้บ้าง อ่านหนังสือบ้าง มีชีวิตที่เรียบง่ายสวยงาม
ตอนที่เห็นนรมนและบุริศร์มานั้น เธอยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “โยว่ วันตรุษจีนแบบนี้มาอวยพรตรุษจีนให้ฉันเหรอ?”
“ใช่ค่ะ พี่สะใภ้สุขสันต์วันตรุษจีน”
นรมนรีบยิ้มแล้วก็เดินเข้าไป
บุริศร์เองก็พูดพี่สะใภ้สุขสันต์วันตรุษจีนขึ้นมาประโยคหนึ่งเหมือนกัน จากนั้นก็ไปดูพวกเด็ก ๆ ที่ด้านหลังแล้ว
งามสุดาจูงมือนรมนมานั่งลง แล้วยิ้มและถามขึ้นว่า “ข้างนอกหนาวใช่ไหม?”
“ยังพอไหว แต่ในบ้านคุณนี่ช่างอบอุ่นจริง ๆ”
“ก็ใช่น่ะซิ ฉันเปิดเครื่องปรับอากาศไว้นี่”
งามสุดายิ้มแล้วก็ให้คนไปชงชามาให้นรมน
ในตอนที่ห้องรับแขกเหลือแค่พวกเธอสองคนนั้น นรมนก็พูดเสียงเบาขึ้นว่า “พี่สะใภ้ ที่คุณให้ฉัน…….”
“ที่ฉันให้เธอไปช่วยซื้อเสื้อโค้ตมา คิดว่าน่าจะใส่ไม่ได้แล้ว เธอดูซิตอนนี้ฉันก็ออกไปไหนไม่ได้ หรือไม่เธอเก็บไว้ใส่เองเถอะ”
ตอนแรกนรมนอยากจะพูดว่าเรื่องที่คุณให้ฉันไปสืบยังไม่ได้ข่าวคราวเลย แต่กลับโดนงามสุดาพูดเปลี่ยนเรื่องไปกะทันหัน หนำซ้ำยังพูดเรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อยเลยด้วย จึงทำให้นรมนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที
เธอมองตามสายตาของงามสุดาไป งามสุดาจ้องมองดูโต๊ะแล้วยิ้มอ่อน ๆ ถึงแม้จะไม่พูดอะไร แต่นรมนก็เข้าใจแล้ว
ในบ้านมีเครื่องดักฟัง
อารมณ์ของนรมนไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย
ใครทำแบบนี้กันนะ?
อาสามเหรอ?
ตอนนี้อาสามมารับตำแหน่งของคริชณะแทนอยู่ จะช่วยเบื้องบนต่อการและเฝ้าสังเกตการบ้านคริชณะอยู่หรือเปล่า?
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจของนรมนก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
“อาสามของฉันเคยมาเหรอคะ?”
นรมนรู้ว่าตัวเองไม่ควรจะมาพูดเรื่องแบบนี้ในตอนนี้ แต่ว่าเธอทนไม่ไหวจริง ๆ
งามสุดาอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เคยมา ตอนวันตรุษจีนได้มาอวยพรตรุษจีนให้ฉัน หัวหน้าธรรศนี่ก็จริง ๆ เลย ตอนนี้สถานการณ์อย่างนี้ เขามาอวยพรตรุษจีนให้ฉันมันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นะ”
พอได้ยินงามสุดาพูดอย่างนี้ กลับเป็นนรมนก็ที่อึ้งไปครู่หนึ่ง
ดูท่าเธอจะเข้าใจอาสามผิดไปเหรอ?
เรื่องทางนี้ทำให้นรมนรู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง
“ฉันอยากจะพากมลกลับไปไม่กี่วัน แต่ว่ายังจะต้องดูความต้องการของยัยเด็กนี่ด้วย ถ้าหากเธอไม่อยากกลับพวกเราก็จะไม่บังคับ”
แต่งามสุดากลับไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “เธอไม่ควรที่จะโดนขังอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พากลมกลับไปเถอะ เทศกาลตรุษจีนแบบนี้ กลับไปพร้อมหน้าพร้อมตาที่บ้านก็ดี”
นรมนมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด และมีเรื่องมากมายอยากจะพูด แต่ว่าตอนนี้ต่อหน้างามสุดา ต่อหน้าระบบเครื่องดักฟังที่อยู่ในบ้านนี้ เธอกลับไม่พูดออกมาสักคำเลย
นี่มันช่างอัดอั้นจริง ๆ เลย
ช่วงเวลาแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะสิ้นสุดสักที
นรมนพูดกับตัวเองอยู่เงียบ ๆ ครั้งนี้ออกไปแล้วจะต้องให้ทางด้านอาณาจักรรัตติกาลเร่งมือหน่อยแล้ว ไม่งั้นละก็เธอกลัวว่าตัวเองคงจะอัดอั้นตายแน่
แล้วทั้งสองคนก็พูดคุยเรื่องของลูกผู้หญิงไปอีกนิดหน่อย
ในตอนที่บุริศร์พากมลกลับมานั้น พวกดนัยและเวธนีก็ตามอยู่ข้างหลัง สามารถดูออกได้ว่า เจ้าตัวเล็กทั้งสามคนนี้เล่นด้วยกันได้ไม่เลวเลย
พอเห็นนรมน ดนัยและเวธนีก็กล่าวทักทายอย่างมีมารยาทขึ้น
“หม่ามี้ คุณป้างามสุดาให้อั่งเปาหนูด้วย หม่ามี้ดูซิ เงินเยอะมากเลย”
กมลเอาอั่งเปามาซุกเข้ามาในอกของนรมนอย่างดีใจ
ไม่ได้อุ้มลูกสาวของตัวเองมานานแล้ว นรมนรู้สึกคิดถึงเธอเป็นอย่างมาก
เอากมลอุ้มขึ้นมาไว้บนตักตัวเอง แล้วก็ยื่นมือออกไปแตะจมูกเธออย่างรักใคร่ทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เธอนี่มันยัยเด็กไม่มีจิตใจ เธอยังจำได้อีกเหรอว่าฉันเป็นหม่ามี้ของเธอ?”
“จำได้ซิคะ หม่ามี้ดีที่สุดเลยค่ะ กมลรักหม่ามี้ที่สุดเลยค่ะ”
กมลยิ้มจนคิ้วโก้งโค้งขึ้น มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างกอดคอนรมนไว้แน่นอย่างออดอ้อน
น้ำเสียงที่อ่อนหวานนั่นทำให้คนทั้งหมดดีใจจนยิ้มขึ้นมาทันที
“คุณอานรมน คุณอาบุริศร์ สุขสันต์วันตรุษจีนครับ”
ดนัยและเวธนีรีบพูดอวยพรตรุษจีนขึ้น ท่าทีไม่ได้ดูผิดหวังมากเท่าไหร่ อารมณ์ดูไม่ได้แตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่
นรมนไม่รู้ว่างามสุดาอธิบายให้เด็กสองคนนี้เข้าใจได้ยังไง แต่ว่าเป็นความจริง ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ พวกเด็ก ๆ ไม่โดนกระทบกระเทือนถือได้ว่าเป็นผลที่ดีที่สุดแล้ว
“ดี ดี ดีจ้ะ อานรมนมากะทันหัน ก็เลยไม่ได้เตรียมอั่งเปาไว้ เอาแบบนี้ละกัน เดี๋ยวอาจะส่งอั่งเปาไปทางWeChatให้พวกหนูดีไหม?”
“ไม่ต้องหรอก”
งามสุดารีบห้ามปรามไว้
นรมนกลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “แบบนี้จะได้ยังไง? อย่างน้อยก็ต้องให้เป็นเงินปีใหม่ให้พวกเด็ก ๆ ซิ”
พูดแล้วนรมนก็ไม่ใจอะไร แล้วก็โอนเงินให้เด็ก ๆ ทั้งสองคนไปเลย ให้คนละหนึ่งพันหกร้อย ให้มีความหมายว่าขอให้ทุกอย่างราบรื่น
ดนัยและเวธนีขอบคุณนรมนอย่างมีดีอกดีใจ
ตอนแรกนึกว่ากมลจะเป็นเหมือนอย่างคราวก่อนที่ไม่ยอมกลับไปกับพวกเขา แถมนรมนยังทำใจไว้ว่าจะต้องผิดหวังแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่ากมลจะถามอย่างดีใจขึ้นว่า “หม่ามี้ แด๊ดดี้บอกว่าพวกเราจะออกไปเที่ยวเล่น หม่ามี้กะว่าจะพาพวกเราไปไหนเหรอคะ?”
นรมนอึ้งไปครู่หนึ่งทันที
“หนูจะกลับกับพวกเราเหรอ?”
“ใช่ค่ะ หรือว่าหม่ามี้ไม่ชอบหนูแล้วเหรอคะ?”
กมลทำเบ้ปากขึ้น ดวงตาโตคู่นั้นกะพริบถี่ขึ้น ดูท่าน้ำตากำลังจะไหลลงมาแล้ว ทำให้นรมนตกใจแทบแย่
“อย่างร้องซิ ลูกรัก หม่ามี้จะไม่ชอบหนูได้ยังไงกันจ๊ะ? หม่ามี้ก็แค่ดีใจเท่านั้น หรือว่าเรากลับบ้านกันตอนนี้เลยไหม? ไปดูซิว่าพวกพี่ ๆ อยากจะไปที่ไหนกัน?”
“ดีค่ะ”
กมลยิ้มแฉ่งขึ้นมาทันทีเลย
พอเห็นว่าลูกสาวจะตามตัวเองกลับไปด้วย นรมนและบุริศร์ก็ไม่กะว่าจะอยู่วุ่นวายที่นี่ต่ออีก ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ จะอยู่นานไปไม่ได้ เพราะว่าจะไม่เป็นผลดีต่อพวกคริชณะและงามสุดา
บุริศร์พูดเสียงเบาขึ้นว่า “พี่สะใภ้ พวกเรากลับก่อนนะครับ มีเรื่องอะไรก็โทรหาพวกเราได้ตลอดเลยนะครับ”
“ได้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องมาแล้วนะ ในเมื่อตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษอยู่ สามารถไม่หาเรื่องติดตัวได้ถือว่าดีที่สุด”
คำพูดของงามสุดาพูดจนนรมนรู้สึกจมูกจี๊ด ๆ ขึ้นมาบ้าง
บุริศร์พาภรรยาและกมลเดินออกไปจากบ้านตระกูลทวาทสิน
ดนัยและเวธนีเองก็ไม่ได้ร้องไห้ งามสุดาส่งคนก็แค่ส่งอยู่ในบ้านเท่านั้น
อารมณ์ของนรมนยังคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลังจากที่บุริศร์ขับรถออกมาแล้ว ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พวกคุณคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย ข้างหลังมีรถตามพวกเราอยู่ ผมจำเป็นที่จะต้องสลัดหางทิ้ง”
พอได้ยินแบบนี้ นรมนก็รีบหันหลังกลับไปดู ก็เห็นรถเก๋งคันหนึ่งที่ไม่มีทะเบียนรถกำลังตามติดพวกเขาเป็นเงาอยู่