แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 1214
หลังจากเจตต์ได้รับข่าวสารแล้วก็ออกเดินทางกลางดึกพร้อมกับขวัญตา รีบไปที่สถานที่ที่นรมนให้มา
ตอนที่นรมนกลับมาถึงคลับ ทางด้านบุริศร์ก็จัดการเสร็จพอดี เห็นนรมนท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดี ก็อดไม่ได้ที่จะล้อมเธอไว้ในอ้อมแขน
“ทำไมหรอ?”
“พรรษาดูผิดปกติ แล้วยังไม่ให้เจตต์มาที่นี่ เหมือนกับกำลังกลัวอะไรอยู่ แต่ประธานกรรมการบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลอย่างเขา มีอะไรต้องเกรงกลัวล่ะ? แล้วตอนนี้ร่างกายเขาก็หนักเอามากๆ ดวงตาก็มองไปเห็นแล้ว ได้ยินมาว่าเกิดจากกินยาอะไรซักอย่างมานาน ฉันจำได้ว่าเขาไม่มีโรคความดัน ร่างกายก็แข็งแรงมาก ทำไมถึงไปกินยาอะไรเข้าล่ะ?”
ตรงจุดนี้นรมนคิดไม่ออกมาตลอด
คิ้วของบุริศร์ขมวดเล็กน้อย พูดเสียงต่ำ “ไม่แน่ว่าเป็นผู้หญิงคนนั้นแอบใส่อะไรในอาหารเขา เธออย่าลืมสิ ผู้หญิงคนนั้นมีคำนำหน้าเป็นหมอ”
สำหรับแม่ของพฤกษ์คนนี้ บุริศร์ขี้เกียจแม้แต่จะพูดชื่อ
คิ้วของนรมนขมวดเข้าด้วยกันมาตั้งแต่ต้น ทำให้บุริศร์รู้สึกขัดตา
“เอาน่า ไม่ว่าพรรษาจะเป็นยังไง ที่พวกเราทำได้ก็เพียงแค่ช่วยเจตต์หยุดคนไว้ สำหรับเรื่องอื่น ไม่ต้องคิดแล้ว พวกเราออกมาท่องเที่ยวกัน ไม่ใช่เพื่อมาแก้ปัญหาเรื่องแตกหัก”
คำพูดนี้ของยนมทำให้นรมนไร้คำจะพูด
ท่องเที่ยวหรอ?
คิดว่าเธอเป็นเด็กน้อยหรอ?
พวกเขาออกมาจากเมืองชลธียังไง?
ออกมาแบบนี้กลับบอกว่าเพื่อท่องเที่ยว?
นรมนจ้องเขาเขม็ง แต่ไม่รู้ว่าลักษณะท่าทางที่หลากหลายของตน ทำให้บุริศร์อารมณ์พลุ่งพล่านทันที
“พวกเราไปดูบ้านใหม่ชั่วคราวกันไหม?”
คำพูดนี้ของบุริศร์ทำให้นรมนรู้สึกแปลกใจ
“มีอะไรแตกต่างหรอ?”
“ไปดูก็รู้เองไม่ใช่หรอ?”
บุริศร์พูดจบก็ดึงนรมนออกจากคลับ
บ้านสไตล์จีนอยู่ไม่ไกล ทั้งสองไม่ได้นั่งรถ เดินจูงมือกันไปช้าๆตามถนนแบบนี้
แสงแดดสาดส่องเงาของทั้งสองทอดยาวออกไป นรมนเหลือบไปมอง เงาของทั้งสองพัวพันอยู่ด้วยกัน มีกลิ่นอายความซาบซึ้ง
เธออดไม่ได้ที่จะโค้งมุมปาก จนกระทั่งตอนนี้ถึงได้ความรู้สึกการท่องเที่ยวจริงๆ
นรมนยื่นอีกมือหนึ่งออกไปราวกับเด็กน้อย ทำรูปหัวใจบนเงาของทั้งสอง ทันใดนั้นก็แอบดีใจเหมือนกับโจร
เธอนึกว่าบุริศร์มองไม่เห็น แต่คิดไม่ถึงว่าดวงตาเหยี่ยวคู่นั้นของบุริศร์จะเต็มไปด้วยความเอาใจและขบขัน
บุริศร์ยื่นมือออกมา ลูบมือของนรมน เรียนท่าทางของนรมนแล้วทำเงารูปหัวใจออกมา เติมเต็มเงาของนรมนทันที
นรมนชะงักทันที เงยหน้าขึ้น ก็เห็นชายหนุ่มที่เก็บอาการคนนี้มีรอยยิ้มเบาๆที่มุมปาก สายตามองตรงไปข้างหน้า
ผู้ชายคนนี้ยังคงไม่แสดงออกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ฟองสีชมพูที่เกิดขึ้นในใจกะทันหันนี่มันอะไรกัน?
ความหวานเยิ้มห้อมล้อมเธอเบาๆ
นรมนพิงไหล่ของบุริศร์ พูดอย่างอ่อนโยน “นายมีแพลนอะไรไหม?”
“เธอถามถึงอะไร?”
“กลยุทธ์ท่องเที่ยวไง”
เวลานี้ นรมนอยากที่จะท่องเที่ยวให้สนุกกับบุริศร์จริงๆ
บุริศร์พูดยิ้ม “กลับไปแล้วค่อยคุย”
ทั้งสองเดินอยู่ริมถนน ต้นเมเปิลที่นี่สวยงามมาก ส่งเสียงกรอบแกรบเมื่อลมพัดผ่าน
นรมนไม่เคยเห็นต้นเมเปิลตามริมทางมากมายขนาดนี้มาก่อน อดไม่ได้ที่จะพูดยิ้ม “ฉันได้ยินมาว่าในปีนั้นอดีตนายกรัฐมนตรีปลูกต้นเมเปิลฝรั่งเศสไว้มากมายเพื่อภรรยาเขา”
“เธอก็อยากได้? งั้นฉันให้วินเซนต์ซื้อถนนทั้งเส้นนี้ แล้วปลูกเมเปิลฝรั่งเศสให้เธอ”
ท่าทางอวดรวยของบุริศร์ทำให้นรมนไร้คำจะพูด
“นายอย่าเชียวนะ ฉันแค่พูดเฉยๆ”
นรมนรีบห้ามไว้
เธอรู้ ถ้าตนบอกว่าอยากได้ดวงดาวบนท้องฟ้า ผู้ชายคนนี้ก็จะหาวิธีเอามาให้เธอ
ผู้ชายแบบนี้ จะไม่ทำให้คนใจเต้นได้ยังไง
นรมนมองใบหน้าที่หล่อเหลาของบุริศร์หายใจ
มิน่าล่ะผู้หญิงมากมายต่อสู้แย่งชิงเพื่อจะปีนขึ้นไปบนเตียงเขา
หาสามีที่เยี่ยมยอดขนาดนี้ได้ เธอเองก็ลำบากทีเดียวเลยใช่ไหม?
นรมนพูดอยู่ในใจ แล้วก็หลุดขำออกมาทันที
“ขำอะไร?”
“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่านายขี้เหร่หน่อยก็ดี นายหล่อซะขนาดนี้ มักมีผู้หญิงสายตาสั้นเพิ่มเข้ามา ฉันเหนื่อยแย่”
นรมนพูดตำหนิ
บุริศร์ชะงักเล็กน้อย พูดขึ้นทันที “งดงามขี้เหร่มันเกี่ยวอะไรด้วย? ไร้สาระทั้งนั้น”
ดูเข้าสิ ผู้ชายคนนี้ช่างเก่งพูดจาให้คนโมโหตาย
“งั้นตอนนั้นทำไมนานไม่แต่งกับคนขี้เหร่ล่ะ?”
นรมนจ้องไปที่เขา
บุริศร์ล้อมไหล่ของนรมนไว้อย่างร้องขอและแข็งแกร่ง พูดขึ้น “มีคนสวย ทำไมต้องไปหาคนขี้เหร่ล่ะถูกไหม?”
“ทำไมพูดเข้าข้างนายหมดเลย จริงสิ ฝีมือของสุนิษาไม่เลวเลยจริงๆ นายดูฉันสิ ฉันส่องกระจกตัวเองยังรู้สึกแปลกตา”
นรมนตอนนี้ยังรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย
ตอนที่บุริศร์พูดถึงผู้หญิงคนอื่น น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย
“หล่อนเรียนรู้ได้ก็คือเรื่องนี้”
ระหว่างที่พูดคุยทั้งสองก็มาถึงหน้าประตูบ้านสไตล์จีน
นรมนคิดไม่ถึงว่าบ้านสไตล์จีนนี้จะอยู่สุดทางของต้นเมเปิล
ลานที่โดดเดี่ยว แยกตัวออกมาจากกลางเมืองที่พลุ่งพล่าน คิดว่าราคาไม่ถูกแน่นอน
บุริศร์หยิบกุญแจออกมาเปิดประตู
ทันทีที่นรมนเดินเข้าไป ราวกับเดินเข้าไปในอุโมงค์เวลา ย้อนกลับไปในอดีต
การตกแต่งบ้านในสวนหลังนี้สวยงามมาก มีศาลา ซุ้มประตู และรูปแบบสถาปัตยกรรมโบราณ
เธอตะลึงไปทั้งตัว
“นายเป็นคนตกแต่งเองหรอ?”
บุริศร์กลับพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ใช่ ลานนี้มีมานานหลายปีแล้ว เป็นคฤหาสน์ของราชวงศ์หมิงชิง หลังจากนั้นผ่านการเจรจา ข้าวของหลายอย่างถูกละทิ้งไป เหลือเพียงอาคารหน้าลาน ฉันลองที่จะเปิดสวนด้านหลังแล้ว แต่ภูมิประเทศของที่นี่ซับซ้อน เบื้องบนไม่อนุมัติ”
“นายซื้อที่นี่?”
นรมนประหลาดใจเล็กน้อย
เธอยังนึกว่าเป็นของพวกวินเซนต์
บุริศร์ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ
เขาไม่ค่อยชัดเจนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในที่ต่างๆ แต่ความจริงก็คือมีที่อยู่อาศัย
“เข้ามาดูสิ ตอนนี้เธอเป็นเหมือนคนบ้านนอกเข้าสู่พระราชวัง ไม่เหมือนสไตล์คุณนายบุริศร์ของเธอเลย
“ไปซะ!”
นรมนยิ้มพลางด่าว่า จากนั้นก็เข้ามาข้างใน
สิ่งก่อสร้างสไตล์โบราณ เฟอร์นิเจอร์ไม้แพรหลากสี ทำให้นรมนรู้สึกเหมือนได้กลิ่นดอกแพรจางๆเมื่ออยู่ในนั้น
ภายในสวนมีต้นพลัม ที่ตอนนี้กำลังแตกหน่อ กลิ่นจางๆทำให้คนรู้สึกดี ความกังวลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาก็ไหลไปอยู่หลังสมองทันที ไม่อยากนึกถึงขึ้นมาแม้แต่น้อย
บุริศร์เห็นภรรยาดมกลิ่นหอมของดอกไม้ราวกับเด็กน้อย ก็ยิ้มออกมา เหลืองมองไปที่มุมมืด มีเงาดำซ่อนตัวอยู่รอบด้าน
เขาถอดเสื้อนอกออก โยนลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็พับแขนเสื้อไปที่ห้องครัว
นรมนสังเกตลานไปรอบๆแล้วถึงพบว่าบุริศร์ไม่อยู่ เดินตามกลิ่นหอมจางๆไป ก็เห็นบุริศร์กำลังยุ่งอยู่ในครัว
แสงระเรื่อจางๆส่องลงบนร่างเขา ราวกับเคลือบด้วยทองคำ ดูเหมือนเทวดา แต่กลับมีออร่าดอกไม้ไฟเล็กน้อย
ไม่พูดไม่ได้ว่า นรมนรักบุริศร์ที่เป็นแบบนี้แทบแย่แล้ว
ว่ากันว่าผู้ชายมักอยู่ห่างครัว แต่บุริศร์กลับเต็มใจที่จะล้างมือทำซุปให้เธอ ไมตรีจิตนี้ทำให้นรมนมีความสุขมาก
ใช่แล้ว
ความสุข
เธอยังจำความใจสั่นที่น่าอัศจรรย์ได้เมื่อเธอเห็นบุริศร์เป็นครั้งแรกที่โรงเรียน
เขาในตอนนั้นเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง แต่กลับมีอ่อร่าละเว้นจากกิเลส ทำให้เธอและผู้หญิงคนอื่นต่างกระตือรือร้น
นรมนไม่คาดคิดเลยจริงๆว่าผู้ชายคนนี้จะชอบตน ตอนนี้ยิ่งได้รับความโชคดีอย่างเต็มเปี่ยม
มุมปากของเธอเผยรอยยิ้มออกมาช้าๆ โค้งขึ้นเล็กน้อย
บุริศร์สัมผัสได้ถึงสายตาของนรมนอยู่นานแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้หันไป แต่มุมปากก็โค้งขึ้นเล็กน้อย ความอบอุ่นบรรเทาความเยือกเย็นของเขา แต่กลับทำให้เขาหล่อเหลาไม่มีใครเทียบ
คนสองคนคนหนึ่งยุ่งอยู่ อีกคนยืนมองอยู่ด้านนอก ปล่อยให้เวลาไหลไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งบุริศร์ทำกับข้าวออกมาสี่อย่างซุปหนึ่งชาม ยกมาวางบนโต๊ะ ถึงพูดพลางยิ้ม “ยังมองไปพอหรอ?”
“จะมองพอได้ยังไง? สามีฉันหล่อขนาดนี้”
คำว่า “สามี”ที่นรมนเรียกทำให้บุริศร์จิตใจเบ่งบาน
“มาล้างมือกินข้าว ระหว่างทางก็ไม่ได้กินอะไร”
คำพูดของบุริศร์มีความอ่อนโยน
นรมนเดินไปล้างมือแล้วนั่งลงอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็เอ่ยถาม “พวกเด็กๆจะกลับมาเมื่อไหร่? ไม่เรียกพวกเขามากินข้าวด้วยกันหรอ?”
“เธอคิดว่าพวกเขาอยู่ที่คลับจะไม่ได้กินข้าว? ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขา”
บุริศร์พูดคำนี้อย่างไม่พอใจเล็กน้อย
นรมนรู้สึกหมดคำพูดทันที
“พวกเขาเองก็ออกมาท่องเที่ยวกับเราเหมือนกัน จะเลือกที่รักมักที่ชังแบบนี้ไม่ได้”
“คาดว่าพวกเขาทุกคนตอนนี้มีความสุขจนลืมเราไปแล้ว เธอเรียกก็ไม่กลับมาหรอก ไม่เชื่อเธอลองโทรไปหาดูสิ”
ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ นรมนก็รู้สึกไม่เชื่อแล้ว
เธอหยิบมือถือออกมาโทรไปหากานต์
“ลูกชาย กลับมากินข้าว”
“หม่ามี๊ กินกับคุณบุริศร์ไปนะครับ ทางผมกำลังยุ่ง ค่อยคุย”
พูดจบ กานต์ก็ตัดสายไปทันที ทำให้นรมนรู้สึกขัดเขินอย่างมาก
“เขายุ่งอะไร?”
“ยุ่งอยู่กับคอมพิวเตอร์ไง มีคนอยากจะแลกเปลี่ยนความรู้กับเขา”
บุริศร์พูดอย่างนิ่งเฉย
“ใครกัน?”
“จิ้งจอกเงิน”
นรมนรู้สึกมาตลอดว่าชื่อนี้ค่อนข้างคุ้นหู แต่นึกไม่ออกอยู่ช่วงหนึ่ง คงจะเป็นหัวหน้าหน่วยที่บุริศร์พูด แต่นรมนมักจะรู้สึกว่าเคยได้ยินรหัสชื่อนี้มาก่อน
เห็นนรมนขมวดคิ้วแน่น บุริศร์ก็ยื่นมือออกมาเคาะศีรษะของเธอเบาๆ
“กินข้าว”
“ยังมีลูกที่ยังไม่ได้โทรไปหา”
แล้วนรมนก็โทรไปหากิจจาด้วยความไม่เชื่อ
“หม่ามี๊ ผมมีคำถามเกี่ยวกับการแพทย์ที่อยากจะให้คนสอน หม่าม๊ากินกับแด๊ดดี้เถอะ”
พูดจบก็กดคลิกวางสายไป
นรมนโทรไปหากมลอีกครั้งด้วยความหดหู่
กมลพูดด้วยน้ำเสียงเป็นลาง “หม่ามี๊ หนูกำลังกิน ไม่ต้องสนหนูหรอก”
พูดจบก็วางสายไปเช่นกัน
นรมนรู้สึกเหมือนตนถูกพวกลูกๆไม่ชอบหน้าแล้ว
ไม่สิ
ทั้งหมดนี้เป็นแผนที่วางเอาไว้อย่างดีของบุริศร์หรือเปล่า?
เธอเหลือบมองไปที่บุริศร์อย่างไม่พอใจ ทันใดนั้นก็ถูกซี่โครงเปรี้ยวหวานที่บุริศร์คีบมาปิดปากไว้
รสหวานอมเปรี้ยวนั้นเติมเต็มต่อมรับรสในทันที ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะกินเข้าไป ส่วนเรื่องความคิดเล็กน้อยนั้นของชายหนุ่ม เธอทำเป็นไม่รับรู้ก็พอแล้ว
ในบ้านที่งดงาม นรมนดูเหมือนคนที่เดินออกมาจากภาพวาด ใบหน้าที่สงบเสงี่ยมและท่าทางกินข้าวที่เงียบสงบ ทำให้อารมณ์ที่ว้าวุ่นในใจของบุริศร์สงบลงอย่างช้าๆ