แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 733
บทที่ 733ช่วงนี้หล่อนเคลื่อนไหวบ้างมั้ย
“ว่าไงนะ”
บุริศร์ราวกับไม่ได้ยิน ถามขึ้นอีกครั้ง
นายตำรวจเข้าใจอารมณ์เขาดี พูดเสียงค่อย“พวกเราได้ส่งเขารักษาฉุกเฉินในโรงพยาบาลแล้ว แต่เขากลืนยาฆ่าตัวตาย”
“ยาเหรอ เขาได้ยามาจากไหน”
“ไม่ทราบเหมือนกัน ต่อมาถึงได้พบยาในแขนเสื้อ สบายใจเถอะครับ เราจะพยายาม”
หลังจากบุริศร์ถามที่อยู่ของอุดม จึงรีบไปที่โรงพยาบาล เสียดายที่ช้าไปก้าวหนึ่ง อุดมฆ่าตัวตายเสียแล้ว
เมื่อเห็นศพซีดขาวของอุดม บุริศร์จึงยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ไม่พูดอะไรสักคำ สีหน้าถมึงทึงน่ากลัว
อุดมตายแล้ว คนที่รู้เรื่องราวในปีนั้นไม่อยู่แล้ว เขาจะหาพี่ชายเจอได้จากที่ไหนกัน
บุริศร์เองก็ไม่รู้ว่าจะต้องหาพี่ชายไปทำไม
บางทีการหาเจอ เขาอาจบอกตัวเองได้ว่า เขากับตรินท์เป็นลูกของพ่อ เป็นลูกของตระกูลโตเล็ก
ข้อสงสัยแบบนี้ คงไม่มีใครตอบให้ได้แล้วล่ะ
บุริศร์ทุกข์ใจเหลือเกิน
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล เขาจึงออกเงินฝังศพอุดม แล้วไปนั่งในผับแห่งหนึ่ง สั่งเหล้าแก้วหนึ่ง
มีหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินขึ้นมา
“พ่อรูปหล่อ สักแก้วมั้ยจ๊ะ”
“ไสหัวไป!”
บุริศร์พูดเสียงเย็น
“แหม พ่อรูปหล่อ อย่าใจร้ายแบบนี้สิ”
สาวสวยคิดจะเดินขึ้นหน้าต่อ สำหรับหล่อนแล้ว บุริศร์คือปลาตัวใหญ่เลยทีเดียว เขาแต่งตัวได้ดี ถ้าได้ลูกค้าคนนี้ ไม่รู้ว่าจะได้ทิปอีกเท่าไหร่
ในขณะที่สาวสวยกำลังวาดฝันที่จะเข้าใกล้บุริศร์ ก็โดนบุริศร์จับโยนออกมา
เสียงดังกึกก้องจนผู้คนให้ความสนใจ สาวสวยรู้สึกเสียหน้า จึงทรุดนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น
“แกเป็นผู้ชายหรือเปล่าวะ ทำไมลงมือกับผู้หญิง”
เมื่อเห็นหญิงสาวคร่ำครวญ บุริศร์ไม่แม้แต่จะสนใจ หันหน้าไปดื่มเหล้าต่อ
มีผู้สอดรู้สอดเห็นบางคน แคปรูปนี้แล้วโพสต์ลงเน็ต แล้วแชร์กระหน่ำ
ไม่นาน นรมนก็เห็นภาพๆนี้
แสงไฟในบาร์ค่อนข้างสลัว แต่นรมนก็จำบุริศร์ได้ในแวบแรก
บุริศร์อารมณ์เสียมาก ท่วงท่าการดื่มเหล้าของเขาดูแล้วน่าหลงใหลเหลือเกิน นรมนถามถึงตำแหน่งของบาร์เหล้า แล้วรีบเร่งไป
ในตอนที่มาถึงบาร์เหล้า นรมนรู้สึกหูอื้อไปด้วยเสียงดนตรี
เธอแหวกว่ายออกจากฝูงคน หาบุริศร์จนพบ
“ขอคอกเทลหนึ่งแก้ว ขอบคุณค่ะ”
นรมนสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ แล้วนั่งลงข้างบุริศร์
ทุกคนต่างรอดูภาพนรมนถูกบุริศร์จับโยนออกไป
เมื่อบุริศร์ได้ยินเสียงนรมนจึงชะงัก จากนั้นจึงหยิบแก้วเหล้าคอกเทลที่มาเสริฟขึ้นดื่ม
“กลับบ้าน”
เขาดึงมือนรมนออกไปจากบาร์
นรมนสะบัดมือเขา
“อารมณ์ไม่ดีดื่มหน่อยก็ได้ ดื่มแล้วก็หลับให้สบาย พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่ดี”
นรมนยิ้มอ่อน
จู่ๆบุริศร์เองก็ไม่รู้ควรจะพูดอะไรกับนรมน
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาหรอกนะ ผมแค่……”
“ฉันไม่โทษคุณหรอก ทุกคนต่างก็มีเรื่องกดดัน และต้องการปลดปล่อยอารมณ์ทั้งนั้น ฉันพูดจริงนะ ดื่มเมาตรงนี้ กลับไปหลับสักตื่น พรุ่งนี้ตื่นมา ก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ฉันก็จะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น และก็ไม่สนว่าคุณจะเป็นลูกใคร ฉันรู้แต่ว่าคุณเป็นสามีของฉัน เป็นพ่อของลูกฉัน ก็พอแล้ว”
พอได้ยินนรมนพูด บุริศร์จึงรู้สึกอุ่นใจขึ้น
“ขับรถมาเหรอ”
“ค่ะ”
“คนเดียว?”
“เดี๋ยวป้องมารบพวกเราค่ะ”
นรมนรู้ดีว่าบุริศร์ไม่ไว้ใจให้ตนมาคนเดียว จึงบอกป้องไว้เรียบร้อย
ได้ยินนรมนพูดดังนี้ บุริศร์จึงได้เบาใจ
“โทษทีนะ รอบนี้ให้ผมดื่มให้พอ ผมรับประกันว่าต่อไปไม่อีกแล้ว”
“ตกลง”
ความเห็นอกเห็นใจของนรมนทำให้บุริศร์ผ่อนคลายได้ไม่น้อย
เขากลับไปนั่งที่บาร์ แล้วนั่งดื่มอยู่ข้างๆนรมน
คนอื่นๆมองเขาด้วยสายตาประหลาด หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าบุริศร์ไม่ไล่นรมนโยนออกไป ถึงได้ต่างคนต่างไปทำธุระตนเอง
มีความเข้าใจจากนรมน บุริศร์ถึงได้ดื่มได้อย่างสบายอารมณ์
ว่ากันว่าคนที่อารมณ์ไม่ดีดื่มเหล้า พอดื่มก็จะเมา คำกล่าวนี้ไม่ผิดนัก
บุริศร์ดื่มไม่ทันไรก็เมาล้มตึง
นรมนเห็นท่าทางของเขาแบบนี้ รู้สึกปวดใจ โทรศัพท์เรียกป้องมา จากนั้นก็ให้พาบุริศร์ไปโฮมสเตย์ โสธรเห็นบุริศร์ดื่มเสียเมามายขนาดนี้ ก็ไม่รู้จะบอกใครอย่างไร จึงได้แต่ลอบถอนหายใจ
นรมนพูดเสียงค่อย“นี่คือโทรศัพท์ของฉัน ต่อไปมีอะไรโทรหาฉันนะคะ วันนี้ขอโทษด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ คุณนายบุริศร์ ขอบคุณที่ให้โอกาสผมนะครับ ผมจะรักษาให้ดี ผมเชื่อว่าประธานบุริศร์จะต้องบริหารในค่ายได้อย่างดีแน่นอน อีกไม่กี่วันผมจะพากระดูกพ่อแม่กลับมา”
“เรื่องนี้ปรึกษาพี่สาวคุณหรือยังคะ”
นรมนนึกถึงนิตาจึงถามออกมา
โสธรพูดอย่างลำบากใจ“พี่สาวหัวดื้อมากครับ เรื่องนี้ผมไม่ปรึกษาเธอแล้วดีกว่า เธอไม่เห็นด้วยหรอกครับ แต่พ่อแม่ผมอยู่ข้างนอกมาหลายปี จะให้อยู่ข้างนอกต่อไปคงไม่เหมาะ ผมเป็นลูกชายพวกเขา เรื่องนี้ผมจัดการเอง หวังว่าคุณนายบุริศร์จะช่วยพูดกับพี่สาวผม”
“เอาสิคะ”
นรมนรู้ว่านี่เป็นเรื่องในครอบครัวของเขา ตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวไม่ได้
โสธรบอกลานรมนกับป้อง แล้วจากไปเพียงลำพัง
กานต์รู้สึกเสียไม่ได้
“ต่อไปผมยังเล่นกับพี่โสธรได้มั้ย”
“ว่าไงจ๊ะ ชอบพี่มากเลยหรือพี่โสธร?”
นรมนลูบหัวกานต์ มักจะรู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่เหมือนกับเด็กในวัยเดียวกัน
กานต์พยักหน้าพูด“ครับ พี่พี่โสธรรู้เรื่องหมอเยอะแยะเลย สองวันนี้สอนวิธีปฐมพยาบาลให้ผมเยอะแยะเลย ได้ผลด้วยนะ พี่พี่โสธรพูดว่า คนในค่ายของเขารู้เรื่องหมอ”
คำพูดนี้ทำให้นรมนรู้สึกขบขัน
“ตอนนี้ค่ายของพวกเขาเหลือแต่คุณอาโสธรกับคุณน้านิตา”
“งั้นคุณน้ากานต์ก็ต้องเป็นหมอจีนน่ะสิ คุณอาโสธรเคยบอกเอาไว้ พวกเขาถูกพ่อแม่อบรมแต่เด็ก ผมว่าพวกเขาโชคดีมากเลย!พอป่วยก็ไม่ต้องหาหมอ ประหยัดดี”
ได้ยินกานต์พูดแบบนี้ นรมนอดบีบจมูกน้อยๆเขาไม่ได้“เจ้าตัวน้อยโลภ”
“จริงนี่นา ผมต้องเรียนรู้แบบนี้ ต่อไปผมก็เป็นหมอประจำบ้าน ใช่มั้ยครับ”
การรีบหันไปขอความเห็นป้อง
ป้องยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
“เอาล่ะ บุริศร์หลับไปแล้ว ก็อย่ากังวลอะไรให้มากเลย เขามีเรื่องในใจเยอะ หลับสักตื่นคงดีขึ้น ได้ข่าวว่าอุดมฆ่าตัวตาย เขาคงเครียดเพราะเรื่องนี้ คุณก็รู้ บุริศร์ให้ความสำคัญกับชาติกำเนิดแค่ไหน”
คำพูดของป้องทำให้นรมนชะงัก
“อุดมตายแล้วเหรอ”
“อืม”
ป้องพยักหน้า
“มิน่าล่ะ เอาล่ะ รู้แล้วนะ ขอบคุณมากป้อง”
“ไม่เป็นไร ผมไปวิจัยสรรพคุณของหญ้าดาวสีฟ้า”
ป้องพูดจบ จึงเดินจากไป
“ผมไปด้วย”
กานต์ดูเหมือนจะให้ความสนใจเรื่องทางการแพทย์มาก เดินตามต้อยๆๆ
นรมนเดินกลับห้อง เห็นบุริศร์หลับสนิท จึงเดินออกมา
จู่ๆเธอเหมือนนึกอะไรได้
กานต์บอกว่าคนในค่ายได้เรื่องเทคนิคทางการแพทย์กันทั้งนั้น นิตาเองก็เป็นคนในค่าย เพราะฉะนั้นหล่อนก็น่าจะรู้เรื่องเทคนิคการแพทย์
ถ้ารู้ ตอนที่ธาวิณีส่งคนมาเก็บหล่อน หล่อนจะหลบหนีไปได้หรือไม่
แต่ว่าหล่อนไม่เพียงแต่ไม่ แต่ยังโดนทำร้ายบาดเจ็บไปถึงมดลูก
นรมนมุ่นคิ้ว
เธอไม่อยากจะสงสัยนิตาหรอกนะ แต่ว่าตอนนี้เธอคิดไม่ตก ทำให้เธอทุกข์ใจมาก
นรมนครุ่นคิด แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเจตต์
ในตอนที่เจตต์รับโทรศัพท์ นิตากำลังปอกแอปเปิล พอเห็นนรมนโทรมา จึงชะงัก
“ใครกัน”
นิตาโพล่งถาม
เจตต์รีบตัดสายทิ้งยิ้มแล้วพูด“ไม่มีอะไร ผู้ช่วยที่บริษัท ที่บริษัทคงเกิดเรื่องน่ะ ผมออกไปโทรก่อนนะ”
“กลัวว่าฉันจะแอบฟังความลับบริษัทเหรอ”
นิตาหยอกเย้า
เจตต์รีบพูด“ไม่มีอะไร แค่กลัวคุณเบื่อ คุณกินแอปเปิลไปก่อน เดี๋ยวผมกลับมา”
พูดจบ เจตต์จึงลุกขึ้น
นิตามองตามเขาออกจากห้องผู้ป่วย รอยยิ้มบนใบหน้าเจื่อนลง
เจตต์หยิบมือถือเดินออกไป เมื่อยืนยันแล้วว่านิตาไม่ได้ตามออกมา ถึงได้ไปตอบข้อความนรมน
“เป็นอะไร เกิดไรขึ้น”
“รับสายสิ”
นรมนส่งข้อความเสร็จจึงโทรมา
เจตต์ไม่รู้ว่านรมนพูดได้แล้ว พอรับสายจึงพูดขึ้น“ไม่ใช่ มีอะไรส่งข้อความมาก็พอ คุณโทรมาผมก็ไม่ได้ยินอยู่ดี”
“หูคุณหนวกหรือไง ถึงไม่ได้ยิน”
นรมนพูดออกไป เจตต์ตกตะลึง
“คุณพูดได้แล้วเหรอ”
“ทำไม ฉันพูดได้แล้วตกใจมากเหรอ หรือว่าดีใจ”
คำพูดของนรมนทำให้เจตต์ได้สติ จึงยิ้มแล้วพูด“พูดตลกอะไรแบบนั้น เห็นผมเป็นคนช่างตอกย้ำหรือไง ผมต้องดีใจอยู่แล้วสิ!ใครกัน เก่งขนาดนี้ รักษาหลอดเสียงของคุณได้!ผมต้องตกรางวัลอย่างงามเลย”
“งั้นคุณต้องซื้อเงินกงเต๊กมากหน่อยแล้ว เพราะเธอคนนั้นไม่อยู่แล้ว”
พอได้ยินนรมนพูดดังนั้น เจตต์จึงตกตะลึง
“ใครกัน”
“ป้าโอ”
คำพูดของนรมนทำให้เจตต์ตกใจอีกครั้ง
“ป้าโอช่วยคุณไว้เหรอ ผมฟังไม่ผิดนะ เธอไม่กลัวคุณก็นับว่าไม่เลวแล้ว เกิดมีน้ำใจอีก เป็นมายังไงเนี่ย”
“เธอตายแล้วจริงๆ อาการป่วยของบุริศร์ก็เธออีกแหละที่รักษา ที่พวกเรามายูนนานรอบนี้ เพราะต้องการมาส่งศพเธอล่ะ เจตต์คะ ฉันค้นพบเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรพูดดีไหม”
นรมนพูดอ้อมค้อม แต่เจตต์ฟังไม่ออก
“ว่าไง เกี่ยวกับผมเหรอ”
“นับว่าใช่ เกี่ยวกับนิตา ช่วงนี้เธอมีอะไรแปลกๆไปมั้ย”
นรมนหย่อนคำถาม
เจตต์ได้ยินเธอถามดังนั้น จึงขมวดคิ้วมองไปทางห้องผู้ป่วยนิตา กลับเห็นนิตาไม่รู้เดินออกมาตอนไหน พริบตาก็มาอยู่ข้างเขา