แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 738
บทที่ 738 พวกเขาบริสุทธิ์แน่นอน
“หาคนที่ร่วมบริหารกับพ่อแม่ในตอนนั้นก็แสดงความบริสุทธิ์ของพ่อแม่ได้แล้วใช่ไหม”
นิตาคว้ามือเจตต์ไว้แน่น
ในช่วงนี้ เธอราวกับเด็กที่ขาดความช่วยเหลือ เธอราวกับฝากมอบความหวังทั้งหมดไว้บนตัวเจตต์
เมื่อเห็นนิตาเป็นแบบนี้ เจตต์ก็อดใจอ่อนขึ้นมาไม่ได้
“คุณรู้ไหมล่ะว่าคนที่รับผิดชอบร่วมกับพ่อแม่คุณตอนนั้นคือใคร”
“ไม่รู้ แต่คุณอาชาญอาจจะรู้ ค่ำๆตอนพวกเราไปจะลองถามดูก็ได้”
“ตกลง”
เจตต์อดกลั้นความซับซ้อนในใจ เมื่อเห็นสีหน้าดีใจของนิตา ก็อดคิดไม่ได้ ผู้หญิงแบบนี้จะแสดง ละครหรือ
หรืออาจจะเป็นแค่ความบังเอิญ
แต่ข้ออ้างแบบนี้ฟังไม่ขึ้น
เจตต์แอบลอบถอนหายใจพูดขึ้นว่า“ผมออกไปสูบบุหรี่ก่อน”
“สูบบุหรี่เยอะไม่ดี อย่าสูบบ่อยเลย”
คำพูดของนิตาทำให้เจตต์ชะงัก จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูด“ว่าไง ไม่ทันไรก็จะคุมผมซะแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่ ฉันหวังดีกับคุณ”
นิตาสีหน้าแดงก่ำ
เธอค้นพบว่าความรู้สึกที่มีต่อเจตต์ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
เจตต์ไม่ได้จับผิดอะไรเธอต่อ หากแต่เดินออกไป
เขาพิงอยู่หน้าต่าง จุดบุหรี่ขึ้น แต่ไม่ได้สูบ ปล่อยให้ขี้บุหรี่ค่อยๆละลาย แล้วปลิวว่อนลงบนพื้น
เจตต์เหมือนความคิดไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ดูใจลอย
ตอนที่นิตาออกมา สิ่งที่เห็นก็คือภาพนี้
เธอมักจะรู้สึกว่าช่วงนี้เจตต์แปลกๆไป ราวกับว่ามีเรื่องในใจ แต่เธอก็ไม่กล้าถาม
หวังว่าคงจะเป็นเรื่องเจ้าพ่อมรกตชาญนะ
นิตาแอบสาบานเงียบๆ ว่าจะต้องปิดการขายนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงรู้สึกผิดที่เจตต์ช่วยเหลือตน เองไว้มากมาย
คิดมาถึงตรงนี้ นิตาจึงกลับไปห้องผู้ป่วย
เจตต์ตกตะลึงอยู่ด้านนอก รู้สึกว่าได้เวลาจวนตัวแล้ว ถึงได้เข้าไปในห้องผู้ป่วย และก็ได้เห็นว่านิตา แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
เขาอดตกตะลึงไม่ได้
“ไม่เคยเห็นคุณสวมกระโปรงเลย สวยดีนะ”
คำพูดของเจตต์ทำให้นิตาเขินอาย
“ฉันมักจะรู้สึกว่าปกติสวมกระโปรงไม่ค่อยสะดวก ก็เลยไม่สวม วันนี้ต้องไปพบคุณอาชาญ ฉันก็เลยว่าสวมกระโปรงดีกว่า เป็นยังไง ดูดีมั้ย”
พูดพลาง เธอหมุนอยู่กับที่
“ดูดี”
เจตต์ยิ้มเรียบ
นิตาเดินไปหยุดข้างๆ“คุณสบายใจเถอะ ฉันจะให้คุณอาชาญทำธุรกิจกับคุณ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ช่วงนี้มักเห็นคุณใจลอยเหลือเกิน”
“ตกลง”
ทั้งคู่รีบออกจากโรงพยาบาล ไปที่บ้านของชาญ
เจตต์เห็นบ้านของชาญหรูหราโอ่อ่า แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ หากแต่นิตานั้นตกตะลึง
“คุณอาชาญมีเงินขนาดนี้เลย”
“คุณไม่รู้หรือ ตลาดมรกตน่ะกำไรสูงนะ คฤหาสน์แค่นี้นับประสาอะไร”
เจตต์พูดสบายอารมณ์ แต่นิตาตกอกตกใจ
เธอพูดเสียงค่อย“ฉันใส่โป๋ไปเหรอ”
“เปล่า คุณอาชาญคงไม่ถือหรอกมั้ง”
เจตต์มองดูเสื้อผ้าบนตัวนิตา อาจจะเป็นชุดแพงที่สุดที่นิตามีก็ได้ แต่เจตต์ไม่รู้สึกอะไร มาเยี่ยมผู้หลักผู้ใหญ่ ใส่อะไรจริงๆไม่สำคัญ สำคัญที่น้ำใจต่างหาก
“ฉันจะทำให้คุณขายหน้ามั้ย”
จู่ๆนิตาถอยหด
เจตต์ยิ้มโอบเธอเข้าตัว พูดขึ้น“ผมไม่รังเกียจก็พอแล้วนี่นา ใครจะมองยังไงช่างปะไร”
“ค่ะ”
นิตาก้มหน้าอย่างเขินอาย
ทั้งคู่มาถึงหน้าประตู มีพ่อบ้านคอยรายงาน พอได้ยินว่านิตามาหา ชาญจึงออกมาต้อนรับ
เจตต์มองก้าวเดินของชาญ มุ่นคิ้วเล็กน้อย
เขาเคยเป็นทหาร มองออกว่าชาญทำอะไรมาก่อน
เขาเป็นทหารเกษียณ
“คุณอาชาญ สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันนาน”
นิตาทักทายชาญอย่างผ่าเผย
ชาญยิ้มให้แล้วพูดว่า“นิตาโตเป็นสาวแล้ว ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่ เห็นหนูคงจะดีใจ มาๆๆๆ เข้ามาก่อน”
พูดพลาง ชาญดึงนิตาเข้าไปในบ้าน
นิตารีบมาอยู่ข้างเจตต์ ยิ้มพูด“คุณอาชาญ หนูขอแนะนำนะคะ นี่คือเจตต์แฟนหนูค่ะ”
ชาญกวาดตามองหนึ่งรอบ ยิ้มเรียบพูดขึ้น“ตัวเองแต่งตัวได้ไม่เลว แต่ให้แฟนใส่ได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าหนุ่ม หน้าตาของผู้ชายน่ะ ไม่ใช่แค่ว่าตัวเองจะแต่งตัวได้ดีเท่าไหร่นะ”
นิตาฟังชาญพูดดังนี้ จึงรีบพูดขึ้น“คุณอาชาญ ไม่ใช่นะคะ เจตต์ซื้อให้หนูแล้ว แต่หนูไม่เอาเอง หนูชอบใส่แบบนี้ หรือว่าใส่แบบนี้แล้วคุณอาชาญจะไม่พบหนูหรือคะ”
“หนูเอ๊ย นิตา ใจดีเกินไป เหมือนแม่ไม่มีผิด มา เข้ามาเถอะ”
ชาญส่ายหน้า หมุนตัวกลับไป ไม่ได้มีไมตรีกับเจตต์เท่าใดนัก
เจตต์ก็ไม่ได้ใส่ใจ เดินตามนิตาเข้าไปในบ้าน
สาวใช้กุลีกุจอยกของว่างมาเสริฟ มีแต่ของชอบนิตาทั้งนั้น
“ขอบคุณค่ะคุณอาชาญ。”
“เกรงใจอะไรเล่า ความสัมพันธ์พ่อแม่หนูกับลุงหนูก็ใช่ว่าไม่รู้ เสียดายแค่พวกเขาบุญน้อย ลุงให้หนูมาหาลุงนานแล้ว หนูก็ดื้อ ไม่มาหาสักที วันนี้กว่าจะมาได้ ลุงก็ต้องดีกับหนูหน่อย”
ชาญมีไมตรีกับนิตามาก
เจตต์นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไร ก็ดูพวกเขาแสดงไมตรีกัน
เขาตั้งใจดูการตกแต่งบ้านของชาญ ดูหรูหราไม่เบา
นิตาเห็นเจตต์ไม่พูดไม่จา จีงรีบพูด“คุณอาชาญ หนูจะคุยธุรกิจกับคุณลุง ดูสิคะเนี่ย……”
“วันนี้มารำลึกความหลังกัน ไม่ต้องคุยธุรกิจหรอก นิตา ลุงไม่เห็นหนูหลายปี อย่าพอเจอก็คุยธุรกิจสิห่างเหินเหลือเกินนะ จริงสิ น้องชายสบายดีมั้ย”
คำพูดของชาญทำให้เจตต์เข้าใจ เขาไม่ได้อยากคุยธุรกิจด้วยสักหน่อย
เขายิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร ในใจไม่ค่อยสบอารมณ์
ตัวเองบอกเป็นคนดังของเมืองชลธี แม้ว่าธุรกิจมรกตจะเป็นครั้งแรก แต่อำนาจของชาญแข็งขนาดนี้ กับท่าทีที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ทำให้เขาไม่สบอารมณ์
บนตัวเขา ไม่มีบารมีทหารแม้แต่น้อย
นิตาเห็นถามถึงโสธร จึงรีบพูด:“น้องชายอยู่ค่ะ เรียนมหาวิทยาลัยค่ะ ยังมีอีกปีก็จบแล้วค่ะ”
“งั้นรึ เรียนอะไรล่ะ”
“บริหารธุรกิจค่ะ”
ได้ยินนิตาพูดแบบนี้ ชาญจึงประหลาดใจ
“บริหารธุรกิจงั้นรึ ลุงคิดว่าจะไปเรียนทหารเสียอีก ตอนเด็กๆเขาชอบนักเป็นทหาร”
“คุณอาชาญ คนต้องกินข้าวนะคะ อีกอย่างเรื่องคุณพ่อก็ทำให้น้องชายถอดใจ ก็เลย……”
นิตาพูดมาถึงตรงนี้ก็ลำบากใจ
เจตต์พูดขัดขึ้นมา
“คุณชาญ ความสัมพันธ์ของคุณกับพ่อแม่นิตาดีขนาดนี้ คุณพอทราบบ้างไหมครับว่าคนที่อยู่ในเหตุ การณ์ตอนนั้นมีใครบ้าง”
ชาญชะงัก
“คุณจะถามไปทำไม”
“ตอนนี้พ่อแม่นิตายังไม่ได้เข้าสุสาน ยังฝังอยู่ในหลุมฝังศพ ผมจึงอยากตรวจสอบเรื่องในปีนั้น จะได้หาความเป็นธรรมให้คุณพ่อคุณแม่ครับ ขอแค่ตรวจสอบชัดเจน น้องชายของเธอ ก็จะได้เรียนทหารอย่างไม่มีปัญหา”
เจตต์เพิ่งพูดจบ ชาญก็จ้องตาเขม็ง
“เกี่ยวกับคุณเหรอ”
“ครับ”
“คุณเป็นใคร”
คำพูดของชาญทำให้เจตต์ขำ ที่จริงเขาก็หัวเราะออกมาจริงๆแหละ
“คุณชาญ คุณประหลาดมาก นิตาก็เพิ่งพูด ผมเป็นแฟนของเธอ”
จู่ๆนิตาก็รู้สึกว่าบรรยากาศชายสองคนไม่ปกติเสียแล้ว จึงรีบร้อนพูด“คุณอาชาญ เจตต์ก็เป็นทหารเกษียณ เขาไม่ได้มีความหมายเป็นอื่นนะคะ ก็แค่อยากช่วยหนูแบ่งเบา”
“เกษียณเหรอ กองไหน”
“คุณชาญ ถามไกลไปมั้ยครับ บอกเลขกองแล้วจะเป็นอย่างไรครับ จะไปตรวจสอบหรือครับ”
คำพูดเจตต์ทำให้ชาญมุ่นคิ้วเล็กน้อย
มีเลขด้วยเหรอ
งั้นก็ไม่ใช่กองธรรมดาสิ
สีหน้าเขาหนักอึ้งขึ้น
“การบริหารในปีนั้นเป็นความลับ ยังมีใครอีกลุงจำไม่ได้แล้ว แต่หลังจากเลื่อนตำแหน่ง จนบัดนี้ก็ยังไม่ถูกลดขั้น แต่ว่า ลุงเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์”
เจตต์ชะงักแล้วยิ้ม“พวกเขาบริสุทธิ์แน่นอน ไม่งั้นไม่กี่ปีมานี้นิตากับน้องชายคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้คุณชาญ หมายความว่าไม่รู้ว่าเป็นใครใช่ไหมครับ”
“ไม่รู้จริงๆ ”
“งั้นต้องขอบคุณคุณชาญแล้วครับ นิตา ไปเถอะ”
พอเจตต์พูดจบจึงลุกขึ้นยืน มองไปทางนิตา ด้วยสีหน้าว่าจะไปจริงๆ
นิตาร้อนใจ
“เจตต์คะ คุณมาเรื่องตลาดมรกตไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคุณ……”
“สำหรับผมเงินหามากหาน้อยก็เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงของตัวเลข คุณสบายใจเถอะ ผมรับประกันจะทำให้คุณมีความสุข ไม่ต้องมาทุกข์เพราะเงิน ส่วนเรื่องธุรกิจมรกตนั่นน่ะ คุณชาญไม่ได้อยากคุยด้วยสักหน่อย ผมทำอย่างอื่นก็ได้เหมือนกัน ไปเถอะ”
เจตต์พูดได้อย่างชัดเจน และตรงไปตรงมา ทำให้ชาญไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“พ่อหนุ่ม ลุงไม่ได้บอกนี่ว่าจะไม่ให้โอกาส แค่บอกว่าวันนี้ไม่คุยธุรกิจ”
“คุณชาญ ผมก็เป็นมืออาชีพในวงการการค้ามาหลายปี คุณพูดแบบนี้กับผม มีความหมายเหรอ”
แม้ว่าใบหน้าเจตต์จะเปื้อนยิ้ม แต่ว่าก็จ้องเขม็งมาที่ชาญ
ชาญรู้สึกว่าเจตต์รับมือไม่ง่ายเลย
“ลุงว่าพ่อหนุ่มเข้าใจผิดแล้ว นิตาไม่เคยขอร้องอะไรเลย เมื่อเธอเอ่ยปากขอ ลุงจะไม่ไว้หน้าได้ไง แบบนี้แล้วกัน วันมะรืน พวกเรานัดเวลากันคุย”
“ครับ”
เจตต์ไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่พยักหน้าให้นิตา เห็นได้ชัด เขาจะไป
นิตาก็คิดไม่ถึงว่าการพบหน้ากันครั้งนี้จะกลายเป็นแบบนี้ หล่อนมองชาญอย่างลำบากใจแล้วพูด ขึ้น“คุณอาชาญ ขอโทษนะคะ งั้นวันนี้พวกเราไปแล้ว วันหลังพวกเราค่อยคุยนะคะ”
“ตกลง”
ชาญยังคงยิ้ม แต่เจตต์รู้ดี ตอนนี้ในใจชาญคงกำลังด่าตนเองเป็นแน่
แต่เกี่ยวอะไรกับเขาเล่า
เจตต์พานิตาออกจากบ้านชาญ สีหน้าของชาญบูดเบี้ยวมาก
เจตต์ไม่เพียงแต่จะไม่ไว้หน้าเขา ยิ่งไปกว่านั้นเจตต์ถามถึงเรื่องพ่อแม่นิตา
เจตต์มีความเป็นมาอย่างไรกัน
ชาญไม่มั่นใจ จึงรีบโทรไปให้ตรวจสอบประวัติเจตต์