แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 769
บทที่ 769 คุณมาเป็นแบบให้ฉันดีไหม
เจตต์ตื่นเต้นมากที่เทย่าฟื้นคืนสติมา ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจนรมนและบุริศร์
เขาดึงแขนของเทย่าให้เข้าไปในรถ แต่กลับเห็นเทย่าหยุด
“นรมน พรุ่งนี้หนูมีเวลาไหม? ไปนั่งเล่นที่บ้านสิ น้าจะทำอาหารให้ทาน เป็นการขอบคุณหนู”
เทย่าปฏิบัติต่อนรมนอย่างอ่อนโยน
เจตต์เพิ่งนึกถึงสิ่งที่บุริศร์พูดขึ้นมาได้ ที่แท้ความหมายมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
เขามองไปยังท่าทางเหมือนอยากกินเขาของบุริศร์ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ใช่ แม่ของฉันทำอาหารอร่อย ฉันไม่ได้กินมายี่สิบกว่าปีแล้ว นรมน มาเถอะ”
“ฉัน… …”
“นรมนไม่มีเวลา พรุ่งนี้พวกเรามีธุระ ขอโทษนะครับ ไว้วันหลังเถอะ”
บุริศร์ชิงพูดก่อนที่นรมนจะพูด
นรมนชะงักไปชั่วคราวแล้วยิ้ม “ใช่ค่ะคุณน้า พรุ่งนี้หนูมีเรื่องต้องทำจริงๆ”
“อย่างนี่นี้เอง โอเค ถ้าอย่างนั้นวันหลังน้าจะเชิญหนูนะ ปฏิเสธอีกไม่ได้แล้วนะ”
เทย่ายิ้มก่อนจะดึงเจตต์ออกไป
ในที่สุดบุริศร์ก็โล่งใจที่เห็นพวกเขาจากไป
“ลูกเป็นอย่างไรแม่ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เจตต์นี้เพิ่งจะเลิกพัวพันคุณเองนะ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นแม่ของเขาแทนแล้ว? นรมน คราวหลังห่างสองแม่ลูกนี่หน่อยเถอะ ผมกลัวเมียผมจะหายไปถ้าไม่จับตาดูเอาไว้”
เมื่อได้ยินคำพูดของบุริศร์ นรมนก็หัวเราะขึ้นมา
“คงไม่หรอกน่า? บางทีน้าเทย่าก็แค่คงอยากขอบคุณฉันโดยเฉพาะนะแหละ?”
“ทำไมผมถึงจะไม่เชื่อละ? ไป เข้าบ้าน! ไม่ใช่ว่าคุณอยู่บ้านทวีทรัพย์ธาดาหรือ? ทำไมหนีออกมา?”
บุริศร์ยิ่งพูดยิ่งโกรธ
นรมนรีบพูด “ไม่รู้จะทำอย่างไรนี่ นิตาให้ฉันไปหา ให้ฉันทำไง? จะให้กลัวหัวหดเป็นเต่าหรือ?”
“จะหัวหดเป็นเต่าก็ไม่มีใครโทษคุณหรอกนะ”
“บุริศร์คะ พวกเราเป็นหนี้เจตต์”
คำนี้ของนรมนทำให้บุริศร์เงียบปากได้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเป็นหนี้เจตต์แล้วละก็ เขาหันหน้าให้พวกเขานานแล้ว จะยอมให้นรมนเสี่ยงอย่างนี้หรือ?
นรมนรู้ว่าในใจของบุริศร์ตอนนี้คลายปมไปแล้ว
นรมนยิ้มก่อนจะลากแขนของเขา “จะบอกคุณเรื่องหนึ่ง?”
“อย่าให้ตกใจอีก”
“ไม่แล้ว”
นรมนหัวเราะฮาฮาและพูด “ฉันเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบยานยนต์ใหญ่ของโลก จะแข่งในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้”
“เรื่องตอนไหนเนี่ย?”
บุริศร์แปลกใจเล็กน้อย
สำหรับเขา เรื่องที่ไม่ชอบใจทั้งในและนอกบ้านมีผลต่ออารมณ์เขา ถ้าหากเป็นไปได้ เขาอยากซ่อนนรมนไว้ในที่ห่างไกลจากเรื่องราวเหล่านี้ ไม่ให้ห่างจากมือเขาตลอดชีวิต
ตอนนี้ได้ยินว่านรมนเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบ สิ่งนี้ทำให้บุริศร์สบายใจไม่น้อยเลยทีเดียว
นรมนยิ้ม เธอพูด “วันนี้ตอนบ่าย อาเล็กมาเตือนฉัน ฉันก็รู้สึกว่าต้องการรางวัล ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีหน้าไปอยู่ต่อหน้าเด็กๆ ? แด๊ดดี้ของพวกเขามีความสามารถขนาดนี้ มันเหมือนฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ผมสามารถให้คุณอยู่เฉยๆได้”
“ฉันรู้ แต่ฉันไม่อยากพึ่งพาอาศัยชีวิตคุณนี่ ฉันอยากมีชีวิตที่ฉันสร้างมันขึ้นมาเอง”
นรมนมีความมั่นใจเช่นนี้ กระฉับกระเฉงเช่นนี้ บุริศร์อดไม่ได้ที่จะถูกเธอดึงดูด
บุริศร์คิดว่า เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น นรมนจะเป็นดวงดาวที่สว่างไสวดวงหนึ่ง
บางทีเขาไม่ควรเห็นแก่ตัว ไม่ควรเก็บซ่อนนรมนเอาไว้ชื่นชมในบ้านคนเดียว
เธอควรมีชีวิตที่เปล่งประกายเจิดจ้า ได้รับเสียงปรบมือและดอกไม้จากผู้คน
เธอควรเดินในทางของตัวเอง
“ดีเลย ดังนั้นหนึ่งเดือนนี้คุณควรตั้งใจเรียนใช่ไหม?”
“ถูกต้อง ฉันก็อยากออกแบบเช่นกัน ไม่ว่าในกรณีใดฉันไม่ต้องการถูกเปรียบเทียบในรอบแรกของการแข่งขัน คุณเป็นกำลังใจให้ฉันด้วย ตอนนี้ฉันไม่สามารถช่วยงานของตระกูลโตเล็กได้ แทนที่จะกังวลกับคุณ ฉันก็ไปยุ่งกับเรื่องของตัวเองคุณไม่โทษฉันใช่ไหม ”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์เอามือไปลูบจมูกของเธอ
“พูดอะไรโง่ๆ ผมหวังว่าคุณจะมีเรื่องอะไรให้ทำนะ เรื่องสะสางตระกูลโตเล็กคงไม่จบเร็วขนาดนั้น ช่วงนี้ผมคงจะยุ่ง ไม่มีเวลาอยู่กับคุณ ผมกลัวว่าคุณจะเบื่อ ตอนนี้โอเคแล้ว คุณมีเรื่องของคุณให้ทำ ผมก็สามารถไปสะสางตระกูลโตเล็กได้อย่างสุดความสามารถ มีอะไรไม่เข้าใจ หรือคิดไม่ออก คุณสามารถถามผมได้เสมอ ผมช่วยคุณได้นะ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนดีใจ
“โอเค ถึงตอนนั้นแล้วประธานบุริศร์คงไม่มีเวลา”
“ไม่หรอก”
นรมนและบุริศร์คุยเล่นกันอยู่พักหนึ่ง นรมนถึงเพิ่งจะคิดขึ้นมาได้ว่าบุริศร์ได้ทานข้าวหรือยัง
“คุณทานข้าวมาหรือยัง?”
“ยังเลย คุณละ?”
“เหมือนกันคะ ไปกินอะไรด้วยกันเถอะ”
นรมนเป็นผู้แนะนำ ลืมไปแล้วว่าขอให้ธรรศเหลืออาหารเอาไว้ให้
“โอเค อยากจะไปกินที่ไหนละ?”
บุริศร์ตอนนี้ ถ้านรมนขอให้เขาขึ้นไปยังท้องฟ้าเพื่อคว้าดวงจันทร์มา คาดว่าก็คงตอบตกลง
“แล้วแต่เลย กับคุณ กินที่ไหนก็อร่อย”
“ผมอยากฟังจังเลยว่าใครกำลังเอาใจผมอยู่”
บุริศร์กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ใช่ค่ะ ฉันกำลังเอาใจคุณอยู่ ฉันเลี้ยงข้าว โอเคไหม?”
นรมนก็ไม่ได้เปิดเผยเขา เธอจูงมือเขาไปที่ร้านอาหารริมถนน
ที่นี่เป็นร้านอาหารยอดนิยม ไม่มีการเล่นเปียโนเดี่ยว และไม่มีบรรยากาศรับประทานอาหารที่เงียบสงบ แต่นรมนและบุริศร์กลับมีความสุขมาก
ทั้งสองหาที่นั่งริมหน้าต่างเพื่อนั่งลง
บริกรยื่นเมนูมาให้
“คุณผู้หญิง คุณผู้ชาย เชิญสั่งอาหารครับ”
“โอเคค่ะ พวกเราขอดูก่อน แล้วจะเรียกนะคะ”
นรมนกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงส่งเมนูให้บุริศร์
“คุณสั่งเถอะ ฉันเลี้ยง ”
บุริศร์มองไปยังนรมน ยิ้มและพูดว่า “เลี้ยงจริงเหรอ?”
“ก็บอกไงว่าจะเลี้ยง กลัวอะไรคะ? สั่งเถอะ”
นรมนทำท่าทาง มีกะตัง เธอรอให้บุริศร์สั่งอาหาร แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าบุริศร์จะสั่งราดหน้าเพียงชามเดียว
“เสร็จแล้ว”
“อืม เสร็จแล้ว”
บุริศร์ส่งเมนูให้นรมน
“ดูสิ ว่าคุณอยากทานอะไร”
นรมนมองไปทางบุริศร์ และถามอย่างสงสัย “ทำไมคุณทานแค่ราดหน้า?”
“ผมกลัวคุณจ่ายไม่ไหว”
“ตางั่ง ไม่ใช่ฉันเลี้ยงไม่ไหวนะ รีบสั่งอย่างอื่นเลย”
นรมนพูดพลางจะสั่งอาหารใหม่อีกรอบ แต่กลับโดนบุริศร์ห้ามไว้
“คุณพูดแล้วนี่ อยู่กับคุณทานอะไรก็มีความสุข ราดหน้าชามเดียวก็พอแล้ว ทานเสร็จผมจะพาคุณไปเดินเล่นหน่อย จากนั้นจะไปส่งคุณที่บ้านทวีทรัพย์ธาดา แล้วผมค่อยกลับบริษัท”
“ดึกขนาดนี้แล้วยังจะกลับไปอีกเหรอ? งานเยอะไหมคะ? คุณระวังหน่อย ท้องไส้คุณไม่ค่อยดีนะ”
นรมนรู้สึกเป็นทุกข์ทันที
บุริศร์จับมือของเธอและพูดว่า “ผมรู้ ผมระวังอยู่นะ มีคุณและลูกๆอยู่ ผมบอกตัวเองตลอดเวลา ว่าต้องดูแลร่างกายให้ดี อย่างไรเสียก็เพื่อเป็นร่มเงาให้พวกคุณ สบายใจเถอะ ผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับพฤกษ์ กลับไปบริษัทสะดวกกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ”
เมื่อนรมนได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ เธอก็โล่งใจ จากนั้นตัวเองก็สั่งราดหน้ามาชามหนึ่ง กินกับบุริศร์อย่างมีความสุข
อาหารราคายี่สิบหยวน แต่สองคนกินกันอย่างมีความสุขมาก
หลังจากทานเสร็จแล้ว บุริศร์จอดรถไว้ข้างๆ แล้วเดินไปตามทางโดยจับมือนรมนไปด้วย
ตรงที่ไกลๆ มีใครบางคนกำลังเล่นกีตาร์และร้องเพลงอยู่ใต้สะพาน เป็นเสียงที่มีเสน่ห์มาก
นรมนยิ้มและพูดว่า “จำได้ไหมคะ? เมื่อก่อนตอนที่อยู่โรงเรียน คุณร้องเพลงได้เพราะมาก”
“จริงไหม? คุณไปได้ยินผมร้องเพลงมาตอนไหน? ผมดูภายนอกแล้วดูไม่ร้องเพลง”
บุริศร์รู้สึกสงสัยเล็กน้อย
นรมนยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ในงานเลี้ยงต้อนรับเด็กใหม่ค่ะ มีครั้งเดียวเท่านั้นที่คุณมาร่วมร้องเพลง”
คำย้ำเตือนของนรมนทำให้บุริศร์หรี่ตาของเขาลงเล็กน้อย จากนั้นราวกับว่าเขากำลังคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยิ้มและพูดว่า “นี่คุณให้ความสนใจผมมาแต่เนิ่นๆแล้วหรือ?”
“ใช่สิคะ มีเพลงหนึ่งของคุณเป็นเพลงที่โรแมนติก มันครองใจฉันไปเลย”
นรมนคิดถึงความหลังด้วยสีหน้าหวาดหยดย้อย
บุริศร์มองไปที่เธอ จากนั้นแล้วจึงจูงมือเธอไปยังเชิงสะพาน ก่อนจะยื่นธนบัตรให้คนๆ นั้นและกระซิบ “พี่ชาย ผมขอยืมกีตาร์ร้องเพลงให้ภรรยาผมฟังหน่อยนะครับ”
“ได้สิ”
ชายหนุ่มคนนั้นก็สบายๆ ก่อนส่งกีตาร์ให้บุริศร์
บุริศร์ปรับจูนเสียงด้วยท่าทางหล่อเหลา จากนั้นมองไปที่นรมนและพูดอย่างอ่อนโยน “ภรรยา เรื่องที่โรแมนติกตลอดชีวิตนี้ของผมคือการแก่ไปพร้อมกับคุณ เพลงนี้ผมขอมอบให้คุณ”
นรมนรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาทันใด
เหลือเพียงบุริศร์ในสายตาของเธอ
ภายใต้แสงสลัว บุริศร์ดีดกีตาร์ มาพร้อมกับเสียงที่ดึงดูดราวกับดึงนรมนเข้าไปภายในโลกที่มีเพียงพวกเขาแค่สองคน
พวกเขาดูรักใคร่กลมเกลียวและอ่อนโยน ทุกสิ่งรอบตัวดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
จนกระทั่งบุริศร์ร้องเพลงท่อนสุดท้ายเสร็จ นรมนก็ยังคงจมอยู่กับมันและไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองได้
“สามี คุณหล่อมาก!”
นรมนอดไม่ได้ที่จะชมเชย
ทันใดนั้นริมฝีปากของบุริศร์ก็ยกขึ้น
“คุณก็สวยมากเช่นกัน”
บุริศร์คืนกีตาร์ให้ชายหนุ่ม จากนั้นจึงจับมือของนรมน แล้วเดินไปช้าๆ
“ตอนนั้นเคยคิดบ้างไหม ถ้าหากตลอดชีวิตนี้สามารถจับมือเดินกับผู้ชายคนนี้ได้ จะเป็นเรื่องที่ดีไหมนะ?”
“อืม!”
นรมนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
บุริศร์รักทุกอย่างที่นรมนเป็นอยู่ ณ ขณะนี้
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยเงาของเขา ราวกับโลกทั้งใบมีแค่เขา
“นรมน ผมรักคุณ”
บุริศร์ที่จู่ๆก็สารภาพออกมา ทำให้นรมนรับมือไม่ทัน
ใบหน้าของเธอแดงก่ำทันที
รอบตัวมีเสียงเป่าปาก และยังมีเสียงอิจฉาอื้ออึง
เพียงแค่นั้นนรมนรู้ว่าทั้งสองอยู่ในตลาดที่พลุกพล่าน รายล้อมไปด้วยผู้คน
เธอคว้ามือของบุริศร์อย่างกะทันหันและวิ่งออกไป
“รีบไปเถอะ อายคนจะตายแล้ว แต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว อย่ามาทำอะไรหวานๆแบบนี้โอเคไหม?”
นรมนวิ่งพลางพูดไปด้วย แต่มุมปากของเธอยกขึ้นยิ้มสวยงาม
เรื่องที่เธอปากไม่ตรงกับใจ บุริศร์ไม่ได้ยกเอามาพูด เขายิ้มและวิ่งออกไปพร้อมกับนรมน และไปเห็นรูปวาดข้างทาง
นรมนหยุดและดู
บุริศร์รีบถาม “คุณอยากวาดรูปเหมือนสักรูปไหม? อยากวาดสักรูปไหม? ไม่เป็นไร ผมมีเวลาอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
นรมนไม่สามารถต้านทานคำบอกรักตามอารมณ์ของบุริศร์ได้
“นี่คุณลืมไปแล้วเหรอว่าฉันทำอะไรได้? ให้เธอวาดรูปเหมือนให้ฉัน? ฉันเองก็ทำได้ ฉันกำลังคิดว่า จะวาดรูปให้คุณได้เมื่อไหร่ คุณมาเป็นแบบให้ฉันดีไหม?”
นรมนไม่แน่ใจเท่าไหร่
เป็นแบบให้ใช้เวลาค่อนข้างนาน บุริศร์ก็ยุ่งขนาดนั้น แถมเขาไม่ใช่คนที่มีความอดทนเป็นพิเศษ เขาจะตอบรับไหม?