แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 793
“คุณน้า ทำไมไม่รับโทรศัพท์คะ”
นรมนถามโดยไม่รู้ตัว
“โทรมาขายของน่ะ หนูก็รู้ เบอร์ขยะอย่างนี้เยอะจะตาย ไม่ต้องไปรับหรอก ตอนนี้ป้ารู้สึกเหนื่อย อยากจะพักผ่อนแล้ว ป้าไม่เชิญหนูให้เข้ามาoyj’ot”
เทย่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่แววตาที่ขับไล่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
แม้ว่านรมนยังคงมีข้อสงสัยอยู่ในใจ แต่เทย่าไม่ต้องการพูด เธอก็ไม่ถาม
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูกลับก่อน คุณน้ามีเรื่องอะไร โทรหาหนูได้ตลอดนะคะ”
“จ๊ะ”
นรมนหมุนตัวกลับไป
เธอเพิ่งขึ้นรถ เทย่าก็เข้าไปในบ้านและปิดประตู
ความรู้สึกนี้มันจะพูดยังไง?
มันไม่สบายใจ
แม้ว่าเธอจะเหนื่อย แต่ก็ไม่มีแม้แต่ประตูกั้นระหว่างหลานชายน้าและป้าตัวเอง?
นรมนส่ายหัว เธอรู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป เกิดเรื่องมากมายเพียงนี้ นับว่ามันคงกระทบเทย่าเสียเยอะ บางทีเธอคงอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ
คิดอย่างนี้แล้ว เธอก็ขับรถตรงไปที่โรงพยาบาล
เธอพบบุริศร์ที่หน้าทางเข้าโรงพยาบาล
“บุริศร์ ขึ้นรถ ฉันจะพาคุณกลับบ้าน!”
นรมนแลบลิ้นให้บุริศร์อย่างซนๆ
บุริศร์ตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มและเข้าไปในรถ
“ไม่ใช่ว่าไปส่งคุณน้าหรือ? ผมคิดว่าคุณจะอยู่ที่นั่นสักพัก”
บุริศร์คาดเข็มขัดนิรภัย ลิ้มรสกับการที่ได้เป็นผู้โดยสารอย่างมีความสุข
นรมนถอนหายใจและพูดว่า “ฉันอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณน้านะ แต่เธอไม่อยากให้ฉันอยู่ ไล่ตลอดเลย ฉันยังไม่ไปเธอก็ปิดประตูใส่แล้ว บางทีเธอคงเหนื่อย มีคนโทรมาหาแต่เธอไม่รับสาย แถมปิดเครื่อง แต่เรื่องที่เกิดกับเธอวันนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก เรื่องมันถมเข้าด้วยกัน แถมก็รู้สถานการณ์ร่างกายของตัวเอง ฉันคิดว่าคนปกติก็คงรับมันไม่ไหวหรอก”
“ร่างกายเป็นอะไร”
ได้ยินนรมนพูดอย่างนั่น บุริศร์เลยถาม
“ถูกคนวางยาพิษ พิษเรื้อรังน่ะ สะสมไว้นานมาก โพนี่บอกว่าแย่มาก อาจจะรักษาให้หายขาดไม่ได้ นอกจากนี้ยังอาจเหลือความเสี่ยงที่จะเกิดผลสืบเนื่อง”
นรมนบอกบุริศร์ในเรื่องที่เธอรู้อีกรอบ
บุริศร์ครุ่นคิด ก่อนจะพูด “โอเค เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว สิ่งที่เราทำได้ก็ทำไปแล้ว คุณไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น เหนื่อยมาเป็นเวลานาน ตอนนี้ธัญญาถูกประหารชีวิตแล้ว มินทร์ก็ถูกคุมขัง คุณควรพักผ่อนสักหน่อยไหม?”
“อืม แล้วเจตต์กับโสธรละคะ… …”
“ผมจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว เจตต์เคารพความปรารถนาสุดท้ายของนิตา ให้โสธรเข้าทำงานที่บริษัทของเรา แต่ถ้าหากโสธรมีเรื่อง คาดว่าเจตต์ไม่สนคงไม่ได้ พวกเขากำลังจะไปฝังนิตา ผมก็เลยกลับมา”
บุริศร์จัดการคอเสื้อของนรมนให้เรียบร้อย ก่อนจะยิ้ม “พวกเราซื้ออาหารแล้วกลับบ้านไปทำอาหารกันไหม? นานแล้วที่ไม่ได้เข้าครัวทำอาหารให้คุณทาน”
“ว่างหรือคะ? ที่บริษัทงานไม่ยุ่งหรือ? เรื่องของธัญญาคงกระทบพฤกษ์หนักมาก คาดว่างานช่วงนี้ทางฝั่งนู้นคงหนักน่าดู แถมวันนี้สถานการณ์ของพฤกษ์ก็ไม่ค่อยดี ฉันกังวล… …”
“พอได้แล้ว คุณนายโตเล็ก คุณกังวลนี่ กังวลนั่น แล้วสามารถมากังวลเรื่องผมได้ไหม? งานตลอดไปก็ทำไม่หมด หลายปีแล้วที่พฤกษ์ไม่ได้หยุกพักผ่อนประจำปี ตอนนี้ก็ถือว่าให้เขาหยุดพักไป คุณวางใจนะ เขาจะผ่านมันไปด้วยดี อีกอย่าง เขายังมีคมทิพย์นี่? ไม่ต้องให้คุณเป็นห่วง วันนี้พวกเราจะไม่คิดอะไร ไม่สนอะไร ราวกับว่ามีแค่เราสองบนโลกใบนี้ ดีไหม?”
นรมนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางไม่พอใจของบุริศร์
“ถ้าฉันจะบอกกับคุณว่า ฉันคิดถึงพวกเด็กๆแล้ว จะทำอย่างไร”
“นี่คุณตั้งใจไหมนี่?”
บุริศร์ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น แต่ใบหน้ากลับแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
นรมนยิ้ม “ไม่จริงๆ ค่ะ ฉันคิดถึงกานต์กับกมลจริงๆ รับพวกเขากลับมา ดีไหม?”
“คุณพูดว่าโอเคก็โอเค ผมอึดอัดใจแล้ว ผมอยากอยู่กันสองคนนี่มันยากขนาดนั้นเลยหรือ?”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“ผ่านมาหลายปีแล้ว คุณยังไม่เบื่อโลกของสองเราอีกหรือคะ?”
“อยู่กับคุณ ชั่วชีวิตผมก็ไม่เบื่อ”
“เบาหน่อย ปากหวานใช่ไหม?”
นรมนผลักเขาออกไป จากนั้นยิ้ม ก่อนจะสตาร์ทรถขับไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ใกล้เคียง
สามารถพูดถึงเรื่องนี้ได้โดยวาดเครื่องหมายหยุดได้ นรมนรู้สึกว่าผ่อนคลายไปได้สองสามวัน แถมตัวเองยังต้องเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบใหญ่อีกละ ได้ตั้งสมาธิพอดี
เมื่อทั้งสองไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต พวกเขาเดินเล่นไปรอบๆ เหมือนคู่รักทั่วไป แต่ท่าทางสวีทหวานแหว๋วของพวกเขาอดไม่ได้ที่จะให้ทุกคนมอง
นรมนก็ไม่สนใจ เล่นกับแขนของบุริศร์ให้เลือกหยิบอาหารที่ตัวเองต้องการ
“กมลชอบกินไก่ต้มโค้ก ซื้อปีกไก่”
“กมลกำลังจะกลายเป็นหมูแล้ว คุณอย่าให้ลูกกินเนื้อ ไม่กลัวลูกขายไม่ออกหรือ?”
บุริศร์รู้ดีว่าทำไมนรมนถึงตามใจกมล มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการชดเชยสิ่งที่กมลไม่ได้มาในสี่ปีนี้ แต่บุริศร์ยังคงรู้สึกว่า นรมนตามใจมากเกินไปในส่วนของอาหารของเด็กๆ
นรมนนิ่งไปครู่ เธอมองบุริศร์ ทำเสียงน้อยใจก่อนถาม “คุณเลี้ยงลูกไม่ไหวหรือ?”
“ไม่ใช่ว่าผมเลี้ยงไม่ไหวนะ ถ้าหากเธอไม่อยากแต่งงาน ผมเลี้ยงเธอไปตลอดชีวิตก็ไม่ใช่ปัญหา เธอเป็นเจ้าตัวน้อยของผม ผมหมายความว่ายิ่งดื่มมากกินมากมันจะทำให้สุขภาพเธอไม่ดี นรมน ผมรู้ว่าคุณทุกข์ใจกับกมล ผมก็ด้วย แต่พวกเราต้องมีหลักการสิ จากวันนี้ไป ต้องให้เธอกินผักกับเนื้อให้เท่าๆกัน โอเคไหม?”
บุริศร์เจรจากับนรมน
นรมนพยักหน้า
“แต่ฉันไม่คิดว่าลูกสาวของเราจะกินผัก”
“ลองเถอะ ลองเพิ่มผักให้เธอดู”
เมื่อเห็นว่านรมนบรรลุข้อตกลงกับตัวเองแล้ว บุริศร์จึงหยิบบรอกโคลีและผักอื่น ๆ ใส่ในตะกร้าผลไม้
หลังจากเลือกสิ่งที่ต้องการได้แล้วจึงไปจ่ายเงิน
เมื่อนรมนกับบุริศร์มาถึงบ้านทวีทรัพย์ธาดาแล้ว ก็ได้ยินเสียงเฮฮาหัวเราะของกมลและกิจจาดังมาจากในบ้าน
สีหน้าของนรมนก็อ่อนโยนทันใด
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเล่นในบ้านทวีทรัพย์ธาดาสนุกกันเลย”
“ดูไม่ออกจริงๆ คุณท่านทั้งสองของบ้านจะสามารถดูแลเด็กๆได้”
“พูดอะไรอย่างนั่น? นั่นคืออาเล็กและอาสามของฉันนะคะ และเป็นของคุณด้วย เคารพกันหน่อยสิ”
“ใช่ อาสามและอาเล็กที่อายุมากกว่าผมหน่อย”
“มากกว่าหนึ่งปีก็เป็นอาของคุณ ใครใช้ให้คุณมาแต่งกับฉัน? ถ้าอย่างนั้นคุณเลือกใหม่อีกครั้งสิคะ”
นรมนแสดงอาการต่อรองผ่านสีหน้า
บุริศร์หยุดทะเลาะโดยทันที
“ภรรยา ผมผิดเอง”
ไม่ว่าเมื่อไหร่ การขอโทษก่อนก็ไม่เลว นี่เป็นประสบการณ์ของบุริศร์ที่ให้แก่พนักงานที่มาขอคำชี้แนะ
นรมนจู่ๆก็หัวเราะขึ้นมา
“ตอนนี้คุณยิ่งดูยิ่งกลัวเมียนะ ไม่กลัวคนข้างนอกหัวเราะหรือคะ”
“กลัวอะไร? ผู้ชายที่กลัวเมียต่างก็มีครอบครัวที่มีความสุข สมบูรณ์พร้อม ทำไมผมจะไม่ขอถึงสิ่งนี้ละ”
นรมนรู้สึกว่าบุริศร์ยิ่งอยู่ยิ่งช่างพูดมากขึ้น แถมทุกคำที่พูดก็อดที่จะทำให้เธอยิ้มขึ้นมาไม่ได้
“หุบปากไปเลย”
“ได้ครับ นายท่านเมีย”
ท่าทางตลกขบขันของบุริศร์ทำให้นรมนหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“พอแล้ว บุริศร์ เป็นคนประเภทนี้ไม่เหมาะกับคุณ”
“คุณมีความสุขก็โอเค รู้ไหม? ทุกวันที่ผมอยากจะเห็นมากที่สุดก็คือรอยยิ้มของคุณ สิ่งอื่นไม่ได้มีความหมายกับผมมากนัก”
สีหน้าของนรมนแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“เอาล่ะ เอาล่ะ รู้แล้วว่าคุณรักฉันที่สุด ไม่ต้องพูดแล้ว อีกเดี๋ยวฉันยังต้องเจอพวกเด็กๆนะ คุณพูดอย่างนี้ฉันหัวเราะจนเจ็บหน้าอกไปหมด”
“ตลกมากไหม?”
สีหน้าของบุริศร์ไม่มีดูไม่มีความรู้สึกผิดเลย
นรมนรู้สึกว่า ช่วงเวลาสั้นๆ นี้หอมเย็นอบอุ่น มีความสุขอะไรได้ขนาดนี้
“ไป เข้าไปเถอะ กว่าจะเข้าก็เย็นพอดี อาสามกำลังจะทำอาหารแล้ว”
นรมนลากบุริศร์เข้าไปในบ้าน
เมื่อธรรศและธรณีเห็นบุริศร์และนรมนเข้ามาพร้อมกันก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไปนิด
“พวกเธอกินข้าวที่บ้านหรือ?”
“ไม่ไม่ไม่ อาสาม พวกเรามาพาเด็กๆ กลับบ้านค่ะ”
คำพูดของนรมน ทำให้ธรรศนิ่งไป
“กลับบ้าน? บ้านหนูหรือ?”
ใบหน้าบุริศร์พลันเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที
“อาสาม นี่เป็นบ้านเก่าของเธอก่อนแต่ง แต่ไม่ใช่บ้านเธอ ผมจะพาภรรรยากับลูกๆ กลับบ้านตระกูลโตเล็ก นรมนกลับมานานแล้ว รบกวนอาสามและอาเล็กแล้ว เปลี่ยนวันกินข้าวด้วยกัน ผมเป็นเจ้ามือเอง”
ธรรศได้ยินบุริศร์พูดเช่นนี้ เขาพูดเสียงเย็น “ใครจะหวงข้าวของนาย? อีกอย่าง พวกเราทวีทรัพย์ธาดาไม่มีเงิน? บ้านก่อนแต่งแล้วมันอย่างไร? บ้านก่อนแต่งเป็นบ้านของนรมนตลอดไป! เธอเพิ่งกลับมาอยู่ได้ไม่กี่วัน? ในช่วงเวลาหนึ่ง นายพาเธอไปอยู่สองบ้าน ฉันยังไม่พูดเลย”
บุริศร์ยิ่งฟังยิ่งโกรธ ความรู้สึกนี้เหมือนมีคนมาแย่งภรรยากับตัวเองเลยไม่ใช่หรือ?
“ไม่ใช่ครับ อาสาม นรมนตอนนี้แต่งงานแล้ว พวกเราจะอยู่แต่บ้านของเธอก่อนแต่งมันไม่ดี”
“มีอะไรไม่ดี? ลูกเขยที่มาอยู่บ้านฝ่ายหญิงอยู่ทุกวันหรือ?”
เมื่อนรมนได้ยินธรรศพูดอย่างนี้ เธอเลยรีบเปิดปากพูด
“อาสามคะ คืออย่างนี้ กมลกับกานต์ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ไม่สามารถหยุดอยู่ในบ้านไปได้ตลอดใช่ไหมคะ? พวกเขาต้องเข้าเรียน ไม่อย่างนั้นจะเข้าเรียนไม่ทัน ความหมายของหนูและบุริศร์ก็คือเราจะพาเด็กๆกลับไปมันจะได้จัดการอะไรได้เรียบร้อยกว่า”
“อยู่นี่ส่งพวกเขาไปโรงเรียนก็ไม่มีอะไรไม่ดีนี่ แถมพวกเด็กๆก็ชอบอาด้วย หนูไม่อยากเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบแล้วหรือ? พวกเด็กๆกลับไปจะรบกวนหนูเอานะ หนูอยู่ในบ้านก็ดีแล้ว บุริศร์ถ้าอยากมาก็มาอยู่สองสามวัน พวกเราก็ต้อนรับ”
ได้ยินคำพูดของธรรศ บุริศร์ก็รู้สึกรังเกียจอยู่ลึกๆ
“อาสาม อย่างนี้ไม่โอเคไหม?”
“มีอะไรไม่ดีกัน? ฉันไม่รังเกียจที่นายไม่ทำงานทำการหรอกนะ”
ธรรศมองบนใส่บุริศร์
บุริศร์อยากจะร้องก็ร้องไม่ออก
เหตุใดอาสามและอาเล็กจึงมาพรากเวลาที่จะได้อยู่ร่วมกันกับภรรยาและลูกๆ ของเขา?
ธรณีเห็นท่าทางถูกบีบให้ยอมของบุริศร์ จึงหัวเราะแล้วพูด “พี่สาม พี่อย่าเก็บนรมนและเด็กๆไว้ที่นี่เลย ดูไม่ออกหรือ? ผู้หญิงที่ไม่ชอบอยู่บ้านคนนี้ เห็นได้ชัดว่าร้อนรนใจ ยอมรับเถอะ พวกเราจะให้นรมนอยู่ในบ้านตลอดไปไม่ได้ ถึงอย่างไรเธอก็แต่งเข้าตระกูลโตเล็กไปแล้ว”
หน้าของนรมนแดงขึ้นมา
บุริศร์กลับยิ้มให้อาเล็ก “อาเล็ก อารู้แจ้งจริงๆครับ”
“รู้แจ้งหรือ? ถ้ารู้แจ้ง พิจารณาธรณีทรัพย์ธาดาของเราเข้าร่วมโครงการพัฒนาภาคใต้สิ”
ธรณีน้ำขึ้นต้องรีบตัก พยายามชักจูงบุริศร์