แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 796
“คุณนายโตเล็กครับ ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้าน ไข้สูงก็คงตัวแล้ว แต่ครั้งนี้ถือเป็นโชคดี คราวหลังคุณต้องใส่ใจกับสภาพร่างกายของคุณหนูโตเล็ก ทางที่ดีที่สุดคืออย่าให้มีไข้ขึ้นสูง”
เมื่อเห็นสีหน้าที่กังวลของนรมน ยังไม่รอให้เธอถามเขาก็รีบพูดขึ้นมาทันที
เมื่อได้ยินว่ากมลไม่เป็นไรแล้ว ขาของนรมนอ่อนแรงลง เกือบจะลง ในตอนนี้แขนที่แข็งแกร่งคู่หนึ่งได้จับเอวของเธอจากด้านหลังเอาไว้
“คุณหมอ พวกเราต้องระวังอะไรบ้างครับ?”
บุริศร์รีบพูด
หมอรีบตอบ “ช่วงนี้ต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมอาหารโดยเน้นอาหารอ่อนๆ เป็นหลัก ร่างกายของเด็กเกินมาตรฐานที่กำหนด นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี ต้องใส่ใจกับโภชนาการที่สมดุล จัดเนื้อสัตว์และผักให้เหมาะสม จากตอนนี้ การฟื้นตัวหลังการผ่าตัดดีมากไม่ต้องกังวล แค่รักษาต่อไปเรื่อยๆครับ เด็กอายุยังน้อย เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายจะดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องกังวล”
“ขอบคุณครับ”
บุริศร์ยิ้มและพูด
“ไม่ต้องกังวล อีกเดี๋ยวก็ย้ายไปห้องคนป่วยธรรมดาแล้ว วันนี้ระวังหน่อย อย่าให้ไข้ขึ้นอีกก็ไม่มีปัญหาแล้วครับ”
“โอเคครับ”
หลังจากคุณหมอออกไป กมลก็ถูกเข็นออกมา
ทั้งร่างของนรมนไร้เรี่ยวแรง บุริศร์จัดการประคองเธอนั่งลง
“กมลไม่เป็นอะไร ไม่ต้องคิดมาก วันนี้ผมจะอยู่กับกมลเอง คุณกับกิจจากลับไปพักผ่อนที่บ้านเสีย ถ้าในบ้านกลัวทะเลาะ ก็ไปอยู่กับอาเล็กก็ได้”
นรมนอยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปจริงๆ แต่เธอก็อ่อนล้าเหลือเกิน แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“บริษัทคุณก็ยุ่ง ฉันอยู่ต่อดีกว่าค่ะ”
เธอดึงดันที่จะลุกขึ้น แต่ถูกบุริศร์ห้ามไว้
“นี่คุณเป็นเสียอย่างนี้ กลับไปพักที่บ้านเถอะ สองวันนี้คุณเหนื่อยไปแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก บริษัทห่างจากที่นี่ไม่เท่าไหร่ ผมดูแลกมลได้ ถึงตอนนั่นเมื่อกมลดีขึ้น คุณจะแย่ลง เชื่อฟังนะ กลับไปพักที่บ้าน”
บุริศร์จัดคอเสื้อของ และพูดกับกิจจาที่อยู่ด้านข้าง “กิจจา แด๊ดดี้จะให้หน้าที่ลูกหนึ่งอย่าง ดูแลหม่ามี๊ให้ดี ได้ไหม?”
“โอเค ผมสัญญาว่าจะทำให้ได้!”
กิจจาลากมือของนรมน
นรมนมองไปที่กมลที่ถูกเข็นตัวออกไป สีหน้าเธอดีขึ้นมาก เธอลูบผมกมล เมื่อพบว่าไข้ลดแล้วก็พลันโล่งใจ
“โอเค ฉันจะกลับไปพักผ่อนค่ะ มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันนะ ช่วงนี้ไม่รู้ทำไม มักจะปวดหัว บางทีอาจจะเกี่ยวกับไม่กี่วันนี้ที่ฉันออกแบบภาพจนไม่ได้หลับนอนดี”
นรมนลูบขมับของเธออย่างเหนื่อยล้า
บุริศร์รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“ทำไมคุณไม่ไปตรวจเสียหน่อยละ ดูว่าเป็นอะไร คุณเป็นแบบนี้แล้วผมกังวลนะ”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้พักผ่อนดีๆด้วย แล้วมาเป็นเรื่องคุณน้าอีก ก็เลยเหนื่อย”
นรมนพูดพลางหาวพลาง
กมลถูกเข็นเข้าไปในวอร์ดทั่วไป บุริศร์ทำทุกอย่างได้อย่างคุ้นเคย
นรมนรู้สึกโล่งใจที่เห็นเขาเช่นนี้
บุริศร์ขอให้ โฬมไปส่งนรมนและ กิจจากลับ
หลังจากกลับมาที่บ้านโตเล็กแล้ว นรมนให้ธิดาคอยดูแลกิจจา และตัวเองกลับไปล้มตัวลงนอนที่ห้องนอน
ด้วยเหตุผลกมลยังอยู่ในโรงพยาบาล เธอควรกังวลจนนอนไม่หลับ แต่ทว่านรมนก็หลับไปทันทีที่หัวแตะหมอน แถมหลับลึกมาก
กิจจารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขาเปิดประตูและเดินเข้าไปดูนรมน แต่นรมนไม่รู้สึกตัวเลย
เมื่อเห็นว่านรมนท่าทางเหนื่อยมาก ธิดาจึงกระซิบ “คุณชายกิจจา คุณนายเหนื่อยจริงๆ เราให้เธอหลับพักผ่อนก่อนดีไหมคะ”
“โอเค”
กิจจาพยักหน้าและเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง
นรมนนอนหลับจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อดวงอาทิตย์สาดแสงมาทางหน้าต่าง นรมนก็หาวพลางยันตัวขึ้น เธอคิดว่าเป็นเวลาบ่ายโมง
เธอรู้สึกหิวเล็กน้อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเวลา 7:30 นาที
7:30 นาที ตอนเย็น?
นรมนรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ไม่ใช่นี่!
ทุ่มหนึ่งมันมืดแล้วนี่
นรมนรีบมองดูท้องฟ้า ก่อนจะตกตะลึง
พระเจ้าช่วย!
เธอหลับไปนานขนาดนี้ได้ยังไง?
นรมนรู้สึกว่าเวลาของโทรศัพท์มือถือเธอมั่ว
เธอรีบยกผ้านวมออกจากเตียง เดินตรงออกไปข้างนอกและเห็นว่าธิดาและนาวินลุกขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ของพวกตนแล้ว
“คุณนาย ตื่นแล้วหรือคะ? หิวไหมคะ? ให้ดิฉันเตรียมอาหารเช้าให้ทานไหม? คุณหลับบ่ายจรดกลางคืน ถ้าหากการหายใจของคุณนายไม่สม่ำเสมอ ดิฉันคงหมอโพนี่มาดูคุณนายเสียหน่อยค่ะ”
คำพูดของธิดาทำให้นรมนตะลึง
“ฉันนอนทั้งวันทั้งคืน? ไม่ลืมตา?”
“ไม่นี่คะ ดังนั้นฉันเลยกังวล แต่คุณนายก็ดูโอเคไม่เป็นอะไร ดิฉันเลยไม่รบกวน ประธานบุริศร์โทรกลับมาแล้ว บอกว่าคุณกมลไม่เป็นอะไร ไม่นานก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ”
ธิดากลับไปทำงานอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
นรมนยังคงมึนงง
เธอนอนอย่างนี้ได้ยังไง?
หรือเธอจะเหนื่อยมากกัน?
แต่ร่างกายเธอก็ไม่มีส่วนไหนที่ไม่เคยชิน และไม่มีส่วนไหนที่ไม่สบาย
นรมนยิ้ม คิดว่าตัวเองสามารถทำลายสถิติได้
เธอถามอย่างรวดเร็วว่า “กิจจาละ?”
“โอ้ คุณชายกิจจาถูกคุณท่านธรรศเรียกไปค่ะ บอกว่าส่งเขาไปโรงเรียน น่าจะเป็นโรงเรียนที่คุณท่านธรรศติดต่อไว้แล้ว วันนี้ไปส่งเขาเรียนหนังสือ ทานข้าวเช้าแล้วเรียบร้อย คุณไม่ต้องกังวลค่ะ”
นรมนรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินธิดากล่าวเช่นนั้น
เธอกลับไปที่ห้องและจัดการตัวเอง แต่เธอยังคงรู้สึกร่างกายอ่อนแรง
ไม่ใช่ว่าเป็นโรคอะไรจริงเหรอ?
นรมนคิดฟุ้งซ่าน แต่เธอคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ถ้าป่วยจริง ก็คงมีเจ็บปวดอะไรบ้าง
อาจถึงเวลาที่ต้องหาเวลาไปตรวจสุขภาพ
นรมนคิดอย่างนี้ เธอจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วค่อยลงไปข้างล่าง
ธิดาได้เตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว
นรมนหิวมาก
เธอวางแผนที่จะรอกมลและบุริศร์มากินข้าวด้วยกัน แต่ท้องของเธอร้องขออาหารไม่หยุด แถมความหิวมันทรมานเกินไป เธอเลยกินก่อนไปบางส่วน
ธิดาอดไม่ได้ที่จะตะลึงเมื่อเห็นว่านรมนกินได้
“คุณนายคะ เวลาบ่ายถึงกลางคืนที่ไม่ได้กินอะไร กระทั่งหิวจนทานได้อย่างนี้?”
“อืม หิวมาก หิวจนจะแย่”
นรมนพูดพลางทานอาหารไปด้วย
ธิดารีบเติมโจ๊กในชามให้เธออย่างรวดเร็ว
หลังจากนรมนกินเสร็จหมดชามแล้วก็เรอ ก่อนจะพบว่าตัวเองกินมากเกินไป
“คุณนาย ให้ดิฉันไปเอายาช่วยย่อยมาให้ไหมคะ?”
ธิดาถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้อง ฉันไม่ได้รู้สึกแน่นขนาดนั่น”
หลังจากที่นรมนพูดจบตัวเธอเองก็ตะลึง
ขีดจำกัดกระเพาะตัวเอง ตัวเองรู้ดีที่สุด กินได้ขนาดนี้เธอรู้สึกกลัวมาก แต่เธอก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไร
“บุริศร์กับกมลบอกไว้ไหมว่าเมื่อไหร่จะกลับมา”
“น่าจะเร็วๆนี้นะคะ”
เมื่อได้ยินธิดาพูดอย่างรี้ นรมนก็ลุกขึ้น แต่กลับรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
เธอจับเก้าอี้เพื่อทรงตัว หลังจากนั่นจึงสั่นหัว
ธิดาเป็นห่วงมาก
“ไม่เป็นไร อาจจะเป็นเพราะน้ำตาลในเลือดต่ำ ฉันจะไปตรวจที่โรงพยาบาลทีหลัง ไม่ต้องกังวล”
นรมนยิ้มให้ธิดา จากนั้นก็ลุกขึ้นและออกไปข้างนอก
เธออยากไปต้อนรับกมลกลับบ้าน
เมื่อเห็นว่านรมนไม่เป็นไร ธิดาก็รู้สึกโล่งใจ
นรมนยืนอยู่ที่ประตูและ ไม่นานนัก บุริศร์ก็กลับมาพร้อมกมล
เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นนรมนยืนอยู่ที่ประตู
“ทำไมมายืนข้างนอก?”
“ออกมาต้อนรับคุณกลับบ้านไง”
นรมนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
กมลเหยียดแขนไปทางนรมนอย่างอาลัยอาวรณ์
“หม่ามี๊ กอดกอด”
“เด็กดีของแม่ มา หม่ามี๊จะกอด”
นรมนอุ้มกมลไว้ในอ้อมแขน เธอรู้สึกว่าลูกสาวของเธอหนักอีกครั้ง
“กมล เราควรลดน้ำหนัก เด็กผู้หญิงอ้วนเกินไปจะไม่สวยนะ”
คำพูดของนรมนทำให้ปากเล็กๆ ของกมลมุ่ย
“หม่ามี๊ รังเกียจหนูหรือคะ?”
“ไม่ใช่นะ!”
“หม่ามี๊ก็แค่เกลียดหนู! หึ!”
ศีรษะเล็กๆ ของหันไปอีกทาง เป็นนัยว่าเธอโกรธแล้ว และโกรธมาก
นรมนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นกมลเป็นแบบนี้
“กมล หม่ามี๊บอกว่าหนูหน้าตาน่ารักมาก”
“หนูรู้นะ น่ารักคือความหมายของคนน่าสงสารที่ไม่มีคนรัก”
คำพูดของกมล ทำให้นรมนประหลาดใจ
“ใครพูดอย่างนั่นกันคะ? ไม่ใช่ความหมายนี้นะคะ”
“หมายความแบบนี้แหละค่ะ หนูรู้ หม่ามี๊ไม่ชอบหนู หนูเสียใจมาก”
กมลโอบรอบคอของนรมนด้วยมือทั้งสอง ปากเล็กๆขมุบขมิบพูดว่า “หนูอยากกอด อยากจูบ อยากเล่นสูงๆ!”
นรมนถูกความน่ารักสดใสของลูกสาวตกเสียแล้ว
“นี่หม่ามี๊ยังไม่อุ้มหนูหรือ? เล่นยกสูงๆแม่ไม่แรงแล้ว หม่ามี๊กลัวทำหนูตก อย่างนี้ดีแล้ว หม่ามี๊จะจุ๊บๆหนูนะลูก”
พูดจบ นรมนจึงจูบไปที่ใบหน้าของกมล
กมลพอใจมาก จับใบหน้าของนรมนก่อนจะจุ๊บๆลงไป
“หนูชอบหม่ามี๊ รักหม่ามี๊ รีกหม่ามี๊มากมาก!”
“หม่ามี๊ก็รักหนู ดังนั้นคราวหลังอย่าไปสถานที่อันตรายอีก โอเคไหม? หม่ามี๊จะเป็นห่วง”
เมื่อฟังนรมนพูดถึงเรื่องนี้ กมลก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“หนูจะไม่ไปเล่นที่สระน้ำอีกค่ะ”
“เด็กดี!”
บุริศร์เห็นเหงื่อที่ซึมไหลออกมาจากหน้าผากของนรมน เขารับกมลที่อยู่ในอ้อมอกของนรมนมาอุ้มแทน
“เช็ดเหงื่อเถอะ รีบเข้าไปข้างใน อาการป่วยของคุณช่วงนี้ก็ไม่ได้ดีนัก”
“ฉันนอนพอแล้วนา นอนตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงเช้าวันนี้เลย ทำไมคุณไม่ปลุกฉันละ?”
นรมนมองไปที่บุริศร์อย่างเคืองๆ
บุริศร์ยิ้มและกล่าวว่า “คุณเหนื่อยเกินไป ต้องพักผ่อน จะให้เรียกคุณทำไมเล่า? สำหรับคุณแล้วการประกวดออกแบบรอบเบื้องต้นนั้นง่ายมาก ไม่เกินครึ่งวันหรอก คุณต้องพักผ่อนให้มาก อย่าทำงานดึกอีกในภายหลัง ผมปวดใจตาม”
“รู้น่า คุณนี่เยิ่นเย้อเสียจริง”
นรมนมองไปที่บุริศร์อย่างเอาใจ จากนั่นหันไปยิ้มให้กมล
ทั้งสามคนเดินเข้ามาภายในบ้าน นรมนยังคงหาว เลยทำให้บุริศร์กังวลเล็กน้อย
“นรมน ผมว่าให้โพนี่มาดูคุณหน่อยเถอะ”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ จริงๆนะ แค่รู้สึกว่าเหนื่อยบ้าง อย่ากระต่ายตื่นตูมไปค่ะ โอเคไหม? ไม่กี่วันมานี่พักผ่อนไม่ดี รอให้ฉันพักผ่อนให้เพียงพอก่อนก็ไม่เป็นงี้แล้ว”
นรมนอธิบาย ส่งผลไม้ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าให้กมล เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆก็รู้สึกหน้ามืด ทั่งร่างล้มลงไป