แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 801
ภาพมันซ้อนกัน!
คิ้วบุริศร์ขมวดกันเล็กน้อย
ตอนที่เขาต้องการเปิดดู นรมนก็หยิบไม้กวาดอันเล็กกลับมา
“ดูอะไรน่ะ? มันรูปเมื่อนานมาแล้วไม่ใช่เหรอ เหมือนถ่ายตอนอายุสิบแปดปี ดูดีกว่าฉันตอนนี้เยอะเลย พูดตามตรง ฉันชอบใบหน้าแต่ก่อนฉันมาก”
นรมนรู้สึกค่อนข้างเสียใจ
บุริศร์พูดเสียงทุ้ม “มีอะไรบางอย่างในรูปนี้”
“หืม? อะไร?”
นรมนจะเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่บุริศร์ห้ามเอาไว้
“คุณอย่าขยับ เอาไม้กวาดอันเล็กให้ฉัน ฉันจะทำความสะอาดเศษแก้วก่อนค่อยว่ากัน”
เห็นความไม่เป็นระเบียบบนพื้น นรมนก็ไม่ได้พูด เอาไม้กวาดอันเล็กให้บุริศร์ทันที
หลังจากบุริศร์ทำความสะอาดที่นี่เสร็จแล้วก็นั่งเตียงกับนรมน และหยิบรูปนั้นมา
ด้านหลังรูปมีเทปกาวติดกระดาษพับแผ่นหนึ่ง
“นี่มันอะไร? ทำไมฉันไม่รู้มาก่อนว่าด้านหลังรูปฉันมีสิ่งนี้?”
นรมนหยิบมา แกะมันเบาๆ พบว่านี่คือรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอใบหนึ่ง
คนที่รายงานในผลการตรวจดีเอ็นเอคือพ่อนรมนและผู้ที่ชื่อว่าวีณา ระดับความคล้ายคลึงทางญาติคือเก้าสิบเก้าจุดเก้าเปอร์เซ็นต์
นรมนตกตะลึงทันที
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าพ่อนรมนเจอลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองแล้วเหรอ?
แต่ทำไมเธอไม่เคยได้ยินพ่อนรมนและแม่นรมนพูดถึงมาก่อนเลย?
นรมนมองวันที่อีกครั้ง มันคือช่วงนี้จริงๆ
บางทีพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนอาจจะไม่ได้ไปเที่ยว แต่ไปตามหาลูกสาวแท้ๆ ของตนใช่ไหม?
แต่ตอนนั้นคิมเคยบอกว่า เพราะลูกของสองสามีภรรยาเสียชีวิตไปแล้ว เธอก็เลยยกนรมนให้พวกเขา ให้พวกเขาเลี้ยงดู หรือว่าในเรื่องนี้ยังมีความซับซ้อนอะไร?
นรมนขมวดคิ้วแน่น
บุริศร์เห็นเธออารมณ์ไม่ดี ก็รีบพูดขึ้น “บางทีอาจจะเป็นแค่ความเข้าใจผิด บางที……”
“พ่อแม่ไม่เคยปิดบังอะไรฉันเลย ครั้งนี้จู่ๆ ก็ออกไป และไม่ได้บอกอะไรฉันด้วย ตอนนี้ก็ปิดเครื่อง น่าจะไม่อยากให้ฉันติดต่อพวกเขาได้ บางทีตอนนี้ในใจพวกเขาอาจจะสะเทือนใจและสับสนวุ่นวาย จริงๆ แล้วฉันไม่ถือสาเลยที่พวกเขาจะตามหาลูกสาวแท้ๆ ตัวเองกลับมา ไม่จำเป็นต้องปิดบังฉันจริงๆ”
นรมนยิ้มขณะที่พูด แต่บุริศร์มองออกว่าอารมณ์เธอหดหู่มาก
เก็บรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอเรียบร้อยแล้ว ก็วางกลับไปในลิ้นชักตามเดิม
ทันใดนั้นนรมนก็พูดขึ้น “นี่เป็นห้องที่พวกเขาเตรียมไว้ให้ลูกสาวตัวเอง แต่โดนครอบครองมาหลายปี ตอนนี้พวกเขาเจอลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง แน่นอนว่าคงอยากเอารายงานผลการตรวจดีเอ็นเอวางไว้ในห้องนี้ ฉันไม่เคยสังเกตความต้องการของพวกเขามาตลอด ทำให้พวกเขารู้สึกลำบากใจ เดี๋ยวฉันจะเก็บของตัวเองแล้วออกไป พวกเขากลับมาจะได้ไม่ลำบากใจ”
“นรมน คุณอย่าทำแบบนี้ บางทีพ่อแม่อาจจะไม่ได้หมายความว่าแบบนี้ก็ได้ พวกเขาเลี้ยงคุณมาตั้งหลายปี จู่ๆ วันหนึ่งมารู้ว่าคุณไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขา พูดตามตรง ก็คงได้รับผลกระทบไม่น้อย ตอนนี้ถ้าพวกเขาหาลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองเจอ แน่นอนว่าต้องดีใจ แต่พวกเขาก็กลัวคุณคิดฟุ้งซ่าน ก็เลยปิดบังคุณ มันคือความรักความห่วงใยของพ่อแม่ที่มีต่อคุณนะ คุณอย่าคิดมาก บางทีพอพวกเขากลับมา อาจจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เรารู้เรื่อง ตอนนี้คุณคิดฟุ้งซ่านไปเองคนเดียวมันไม่มีประโยชน์รู้ไหม? ความรักที่พ่อแม่มีต่อคุณเราก็มองออก ถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ก็เป็นความรักที่เลี้ยงดูมายี่สิบกว่าปี มันคือการให้อย่างต่อเนื่องไม่ใช่เหรอ?”
ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ ในใจนรมนก็รู้สึกดีขึ้นบ้าง
“ฉันรู้ จู่ๆ ก็รู้สึกหดหู่เสียใจนิดหน่อย พ่อแม่ที่เคยเป็นของฉัน ตอนนี้จู่ๆ ก็ไม่ต้องการฉันแล้ว ปิดบังฉันออกไปตามหาลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง ฉันรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง”
“ยัยทึ่ม มันไม่ใช่การทอดทิ้ง แค่ไม่อยากให้คุณได้รับผลกระทบต่างหาก บางทีพวกเขาอาจจะกำลังคิดว่าจะพูดเรื่องนี้กับคุณยังไง แค่เราไม่ระวังรู้ล่วงหน้าก็เท่านั้น อย่าเสียใจเลยนะ พวกเขาเป็นพ่อแม่ของเราตลอดไป เรื่องนี้มันไม่เปลี่ยนแปลง ถึงพวกเขาจะเจอลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง นั่นก็คือคุณมีน้องสาวไม่ก็พี่สาวเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ไม่มีอะไรแตกต่างใช่ไหมล่ะ?”
นรมนพยักหน้า
“ก็จริง งั้นฉันไม่คิดมากสับสนแล้ว รอพ่อแม่ฉันกลับมาค่อยถามให้รู้เรื่อง ฉันไม่ถือสาที่พวกเขาจะตามหาลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองกลับมา ไม่ถือสาจริงๆ”
“ฉันรู้ ภรรยาฉันเป็นผู้หญิงใจดีที่สุด”
บุริศร์กอดนรมนแน่น
เขารู้ก้นบึ้งหัวใจนรมนเปราะบาง อยู่ด้วยกันกับพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน ความรู้สึกเธอลึกซึ้งกว่าความรู้สึกที่มีต่อคิม
“เอาล่ะ เรากลับกันดีกว่า อาสามน่าจะถึงแล้ว ภาพวาดการออกแบบของคุณสำคัญมาก ฉันจะเป็นกำลังใจให้รอคุณได้รับรางวัลนะ”
นรมนหัวเราะคิกคัก
“คุณทำให้ฉันมีความสุขตลอดเลย”
“พูดอะไรน่ะ คุณเป็นภรรยาของฉัน ฉันไม่ทำให้คุณมีความสุขแล้วจะไปทำให้ใครมีความสุขกันล่ะ? ไปกันเถอะ เรากลับบ้านกัน”
“โอเค”
นรมนเล่นแขนบุริศร์ออกจากห้องไป แต่ขณะที่ปิดประตูห้อง เธอมีความรู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นเจ้าของที่นี่อีกต่อไป
ส่ายหน้า สะบัดความรู้สึกนี้ออกจากศีรษะ แล้วออกจากตระกูลธนาศักดิ์ธนพร้อมกับบุริศร์
ตอนที่พวกเขายังกลับไม่ถึงตระกูลโตเล็ก ธรรศก็โทรมา
“พวกคุณอยู่ไหน? นรมนยังท้องอยู่นะ นายพาเธอไปนู่นไปนี่ได้ยังไง? บุริศร์ นายเป็นสามีเป็นหรือเปล่า? ถ้าไม่เป็นก็ไปสมัครเรียนเพื่อเรียนรู้ซะ”
ธรรศสั่งสอนบุริศร์โครมๆ ทำให้นรมนสงสารอย่างมาก
“อาสาม ไม่ใช่แบบนี้นะคะ คือฉัน……”
“เธออะไร? ท้องแล้วยังไปนู่นไปนี่! เธอรู้สภาพร่างกายตัวเองไหม? เขาไม่รู้ประสีประสา เธอก็ไม่รู้ประสีประสาตามเขาเหรอ ถ้าเธอเป็นอะไร เธอจะให้ฉันบอกพ่อแม่เธอยังไง?”
ธรรศเล่นงานคำพูดนรมนทันที
บุริศร์เห็นธรรศกังวลเกี่ยวกับภรรยาตัวเองแบบนี้ ก็หดหู่และหึงเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
“อาสาม คุณควรหาผู้หญิงมานัดบอดแต่งงานแล้วหรือเปล่า? เป็นสามีเก่งแบบนี้ ไม่มีภรรยาก็น่าเสียดายนะ! วันหลังฉันจะให้ผู้หญิงในบริษัทเราลิสต์รายชื่อเพื่อนสนิทของตัวเองมา แล้วนัดบอดให้อาสามวันละสามครั้ง ยังไงแล้วคุณก็อายุไม่น้อยแล้ว ต้องมีทายาทให้กับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไม่ใช่เหรอ?”
คำพูดนี้ของบุริศร์ทำให้มุมปากธรรศกระตุกทันที
“วันละสามครั้ง? นายเป็นพ่อสื่อรายใหญ่เหรอ?”
“คุณเข้าใจแบบนั้นก็ได้ อาสาม คุณสามสิบกว่าแล้ว จะสี่สิบแล้ว ถ้าไม่หาสาวมาแต่งงานก็จะไม่มีลูกนะ”
บุริศร์ปากเสียมากพอ พูดจนทำให้ธรรศมีสีหน้าไม่พอใจมาก
“ฉันไม่มีลูกก็ไม่ต้องให้นายช่วย นายจะเป็นห่วงทำบ้าอะไร”
“ศึกษาก่อนคลอดไง อาสาม”
บุริศร์เอ่ยปากทันที
นรมนเห็นพวกเขาสองคนต่อปากต่อคำกัน ก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ก่อนพูดขึ้น “พวกคุณตีกันเหมือนเด็กอนุบาลได้ยังไง?”
“เฮ้ พูดถึงเด็กฉันก็นึกขึ้นได้ กานต์รู้ว่าตัวเองจะเป็นพี่ชายแล้ว บอกว่าสองวันนี้จะกลับมาเยี่ยมพวกคุณ”
คำพูดธรรศทำให้นรมนและบุริศร์ชะงักไปสักพัก
“กานต์รู้แล้วเหรอ? ทำไมเขารู้?”
“ฉันบอกเขาไง!”
ธรรศแสดงสีหน้าประมาณว่าเป็นอะไร ทำให้นรมนร้อนรนใจแทบแย่ทันที
“อาสาม ทำไมคุณปากไวงี้! เรายังไม่รู้ว่ากานต์กับกมลจะยอมรับเด็กคนนี้ไหม คุณก็พูดออกไปแล้ว ถ้ากานต์ไม่ชอบจะทำยังไง?”
“มันจะซับซ้อนอย่างที่พวกคุณคิดได้ยังไง? เด็กน้อย ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ทำไม? ถ้ากานต์ไม่ชอบ พวกคุณก็จะไม่คลอดงั้นสิ?”
“ก็ไม่ใช่อย่างนั้น ก็แค่ค่อยๆ บอกเขาเรื่องนี้ ฉันกลัวเขารับไม่ได้”
เสียงนรมนทุ้มต่ำลง
ธรรศพูดทันที “ไร้เหตุผล! เด็กตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของเรา มีคนคิดซับซ้อนมากขนาดนั้นที่ไหนกัน? คิดว่าแต่งเข้าตระกูลโตเล็กแล้ว คิดมากเหมือนบุริศร์เหรอ?”
“จะพูดก็พูด ทำไมชอบโจมตีฉันเป็นการส่วนตัว? ตระกูลโตเล็กของเราจะคิดซับซ้อนได้ยังไง?”
บุริศร์พูดกับธรรศอย่างไม่พอใจทันที
“พวกทำธุรกิจไม่ค่อยมีคนดีๆ หรอก”
ธรรศพูดสรุปทันที
“อาเล็กก็ทำธุรกิจเหมือนกันนะ”
บุริศร์พูดอย่างไม่รีบร้อน
ธรรศหดหู่ทันที
“มันก็ไม่ได้เรื่อง! ถ้ามีดีล่ะก็ คงไม่เอาเรื่องที่ฉันพูดโดยบังเอิญไปบอกนายหรอก? ทำให้นายถอนโปรเจคครั้งนี้ออกไป? ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ทั้งนั้น”
คำพูดของธรรศทำให้นรมนฟังไม่ค่อยเข้าใจ
“อาสาม หมายความว่าไง?”
“ไม่มีอะไร เรื่องของธุรกิจ คุณอย่าไปสนใจเลย ไปกันเถอะ เรากลับบ้านกัน”
บุริศร์หยุดหัวข้อได้ทันเวลา จากนั้นก็พานรมนกลับบ้าน
กระเป๋าใบใหญ่ใบเล็กของธรรศก็ขนใส่รถมาหนึ่งคัน
นรมนกับบุริศร์เห็นแล้วมึนเลย
“ฉันว่านะอาสาม คุณย้ายมาทั้งห้างหรือเปล่าเนี่ย?”
บุริศร์กอดอกมองธรรศสั่งพนักงานย้ายของ ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
ธรรศก็พูดตามตรงทันที “ฉันยังไม่ได้แต่งงาน และไม่มีลูก ไม่รู้นรมนต้องการอะไรบ้าง ฉันก็ซื้อมาทุกอย่างจากร้านเด็กอ่อน ถึงตอนนั้นต้องการอะไรก็มีให้ใช้”
“ขอบคุณค่ะอาสาม”
ทันใดนั้นนรมนรู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง
คราวก่อนที่ท้องไม่มีญาติอยู่เคียงข้าง ครั้งนี้ญาติให้ความสำคัญกับตนขนาดนี้ เธอรู้สึกมีความสุขมากจริงๆ
บุริศร์กลับพูดขึ้นเรียบๆ “ลูกของฉัน ฉันซื้อเองได้ ไม่ใช่ว่าตระกูลโตเล็กเราซื้อไม่ไหว”
“มีปัญญานายก็คลอดลูกเองให้ฉันดูสิ ถ้านายคลอดออกมาได้ฉันสัญญาว่าจะไม่ซื้อให้นาย ฉันจะบอกนายให้นะ ลูกในท้องนรมนมีสายเลือดตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของเราครึ่งหนึ่ง ฉันยินดีที่จะซื้อให้เขา ต้องให้นายมายุ่งไหม?”
แม้ว่าธรรศกับบุริศร์จะส่งเสียงดังรบกวนอยู่ตลอด แต่นรมนก็รู้ว่าหัวใจที่พวกเขาชอบเธอและรักเธอนั้นเหมือนกัน
นรมนเดินเข้าไปกอดธรรศด้วยความซาบซึ้งอย่างมากทันที
“อาสาม ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ ถึงแม้พ่อแม่ฉันจะไม่ได้อยู่ข้างๆ แต่คุณกับอาเล็กก็ให้ความอบอุ่นของครอบครัวกับฉัน ฉันรักพวกคุณมากเป็นพิเศษเลยจริงๆ”
ความซาบซึ้งที่เกิดขึ้นกะทันหันของนรมนสร้างความสับสนให้กับธรรศ
“คือ อะไรน่ะ นรมน เธออย่าเป็นแบบนี้ ฉันไม่ค่อยชิน”
ธรรศสับสนจนทำอะไรไม่ค่อยถูก มองบุริศร์อย่างขอความช่วยเหลือ หวังว่าบุริศร์จะช่วยเขาแก้ปัญหาได้
บุริศร์รู้ว่านรมนในตอนนี้มีความลึกซึ้งทางอารมณ์ และรู้สึกเปราะบาง และได้รับการยอมรับจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดาในช่วงเวลานี้ ก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้
เขาไม่สนใจธรรศ ปล่อยให้เขาพูดถึงลูกแบบเมื่อครู่นี้
ขณะที่ทั้งสามคนไม่รู้จะทำอย่างไร ด้านนอกจู่ๆ ก็เกิดเสียงดัง “ปัง” ทำให้พวกเขาทั้งสามคนตกใจสะดุ้งโหยงทันที