แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 803
“บุริศร์ คุณจะไปทำไม?”
นรมนออกไปหาอย่างกังวล แต่บุริศร์พากานต์ขึ้นรถไปแล้ว
เมื่อธรรศได้ยินก็ออกมา เห็นนรมนตะโกนอย่างกังวล ก็รีบเดินเข้ามาจับเธอไว้
“เกิดอะไรขึ้น? นี่เธอจะไปทำไม? บุริศร์ล่ะ?”
“ไม่รู้ พากานต์ออกไปแล้ว และไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร?”
นรมนค่อนข้างกังวลใจ
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ธรรศประคองนรมนเข้าไปในบ้าน
นรมนส่ายหน้าพูดขึ้น “ฉันก็ไม่รู้ กานต์ซื้อแผ่นหยกหนึ่งที่ริมถนนมาให้ฉัน บอกว่าให้เป็นของขวัญฉัน พอบุริศร์เห็นแผ่นหยกนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไป ต้องการให้กานต์พาเขาไปหาคนที่ขายแผ่นหยกนั้น ไม่รู้ว่าซื้อของปลอมมาหรือเปล่า ถึงจะเป็นของปลอม แต่ถ้าลูกชายซื้อให้ ฉันก็ชอบทั้งนั้น”
“คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แบบนั้น บุริศร์เป็นคนสุขุมมาก คงไม่ได้ไปหาเขาเพราะของปลอมอันเดียวหรอก ถึงขนาดทิ้งเธอที่ท้องอยู่ แผ่นหยกนั้นน่าจะมีความหมายพิเศษอะไรกับเขา”
คำพูดธรรศทำให้นรมนชะงักทันที
“ความหมายพิเศษ? ฉันไม่เคยได้ยินเขาพูดเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ”
“รอเขากลับมาค่อยถามแล้วกัน เธอก็ไม่ต้องกังวล กานต์กับบุริศร์จะไม่เป็นอะไร ฝีมือคนอย่างบุริศร์ของพวกเธอ มีไม่กี่คนที่เป็นคู่ต่อสู้เขา ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
ธรรศปลอบใจนรมน
แต่อย่างไรนรมนก็ไม่มีความมีความสุข
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
ไม่นานนัก กิจจาและกมลก็กลับมา เมื่อเห็นธรรศอยู่ที่นี่ก็ดีใจเป็นพิเศษ
กิจจามาข้างๆ นรมน เทน้ำแก้วหนึ่งให้นรมน
“หม่ามี้ วันนี้ดูคุณอารมณ์ไม่ค่อยดี ใครทำให้คุณโกรธเหรอ?”
“ไม่มีจ้ะ หม่ามี้แค่เป็นห่วงแด๊ดดี้ของลูก เขาไปรับกานต์มา เดี๋ยวพี่น้องสองคนจะได้เล่นด้วยกันแล้ว”
เมื่อกิจจาได้ยินนรมนพูดว่ากานต์จะกลับมา ก็ดีใจอย่างมาก
กมลที่อยู่ไม่ไกลก็ได้ยินเช่นกัน
“หม่ามี้ พี่ชายจะกลับมาเหรอคะ?”
“ใช่จ้ะ”
“ว้าว! สุดยอดมากเลย!”
กมลกระโดดขึ้นมาอย่างมีความสุข
ท่าทางกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขของเด็กทั้งสองก็กระจายความกังวลของนรมน เธอพิงโซฟา ดื่มน้ำร้อนหนึ่งอึก อารมณ์ก็สงบลงบ้าง
ผ่านไปไม่นานนัก บุริศร์ก็พากานต์กลับมา แต่สีหน้าไม่ค่อยดี
กานต์ก็เบ้ปาก เห็นนรมนก็พูดอย่างโกรธเคือง “หม่ามี้ คุณดูแลบุริศร์ของพวกคุณหน่อยนะ ไม่เข้าท่าเกินไปแล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้น?”
นรมนเหลือบมองบุริศร์ เห็นบุริศร์ไม่คิดจะพูดอะไร ก็หันศีรษะไปหากานต์
กานต์พูดอย่างดุเดือด “คุณบุริศร์อยากให้ผมพาเขาไปหาพ่อค้าคนนั้น คนนั้นเขาไม่อยู่ เขาก็พาผมไปทั่วถนน ก็หาไม่เจอ ผมบอกกลับเถอะ เขาก็เอาแผ่นหยกไป ไม่ว่ายังไงก็ไม่ให้ผม นั่นเป็นของขวัญที่ผมให้แม่นะ!”
“เอาล่ะ ของขวัญที่ให้หม่ามี้ หม่ามี้ชอบมาก ให้แด๊ดดี้เก็บไว้สักสองสามวันได้ไหม? ลูกดูสิ ลูกซื้อของขวัญให้หม่ามี้ แต่ไม่ได้ซื้อให้แด๊ดดี้ แน่นอนว่าแด๊ดดี้ต้องอิจฉาใช่ไหมล่ะ?”
นรมนปลอบกานต์
กานต์ถึงได้อารมณ์สงบลงแล้วพูดขึ้น “คุณท้องเด็กน้อย คุณบุริศร์ไม่ได้ท้อง ทำไมผมต้องให้ของขวัญเขาล่ะ?”
“ใกล้ถึงวันเกิดแด๊ดดี้ลูกแล้วนี่หน่า”
คำพูดนรมนทำให้กานต์ตกตะลึงทันที
“งั้นเหรอ? วันเกิดคุณบุริศร์เหรอ?”
“ใช่แล้ว อีกไม่ถึงหนึ่งเดือน ดังนั้นลูกต้องคิดดีๆ ว่าจะให้ของขวัญอะไรแด๊ดดี้?”
“โอเค ครั้งนี้ผมจะยกโทษให้เขา”
กานต์พูดเหมือนผู้ใหญ่ที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
กิจจาและกมลได้ยินกานต์กลับมาแล้ว ก็รีบวิ่งออกมาจากหลังสวน
“พี่ชาย!”
“เฮีย!”
กมลและกิจจาล้อมกานต์อยู่ตรงกลางทันที
“พี่ชาย พี่ทำเกินไปแล้ว ไปตั้งนานไม่โทรหาเราเลย!”
“ใช่ พี่ไปทำอะไร? ไม่ติดต่อพวกเราตั้งนาน?”
คำถามของกิจจาและกมลทำให้กานต์รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
นรมนเห็นเด็กสามคนกำลังเล่นกันอย่างสุขใจ ก็เหลือบมองไปที่ห้องนอนอย่างอดไม่ได้
บุริศร์ตั้งแต่กลับมาก็เข้าไปในห้องนอน ตอนนี้ยังไม่ออกมา เธอไม่รู้ว่าแผ่นหยกนั้นมันเป็นตัวแทนหมายถึงอะไร แต่เธอรู้ว่าบุริศร์ต้องรู้สึกแย่มากแน่นอน
“กานต์ กิจจา กมล พวกลูกเล่นกันอยู่ที่นี่ก่อนนะ หม่ามี้ขอขึ้นไปนอนสักพักโอเคไหม?”
คำพูดนรมนเพิ่งพูดจบ กิจจาก็ถามอย่างกังวล “หม่ามี้ คุณป่วยเหรอ?”
กานต์ยิ้มขณะพูดขึ้น “หม่ามี้ไม่ได้ป่วย หม่ามี้แค่ท้องเด็กน้อย เรากำลังจะมีน้องชายน้องสาวแล้ว”
กมลตกตะลึงอย่างอดไม่ได้
“พี่ชาย พี่พูดเรื่องจริงหรือเปล่า?”
“เรื่องจริงสิ กมล ดังนั้นเธอห้ามทำให้หม่ามี้โกรธแล้วนะรู้ไหม?”
กานต์พูดเหมือนเด็กที่มีพฤติกรรมราวกับผู้ใหญ่ทันที
กมลมองท้องนรมน ก็รีบเดินเข้าไปลูบ
“หม่ามี้ น้องชายน้องสาวตัวน้อยอยู่ไหนเหรอคะ? ทำไมหนูไม่เห็น?”
“กมลซื่อบื้อ อยู่ในท้องหม่ามี้เธอต้องไม่เห็นอยู่แล้ว เราต้องรออีกหลายเดือนกว่าจะเห็นเขานะ”
ขณะที่กานต์พูดเรื่องพวกนี้ ก็ทำให้นรมนรู้สึกละอายใจอย่างมาก เดิมทีเป็นเรื่องที่บุริศร์ควรทำ ให้ลูกชายตัวเองพูดออกไปได้อย่างไร?
กมลไม่รู้ความกระอักกระอ่วนใจของนรมน ลูบทางนู้นทางนี้อย่างสงสัย
“น่าทึ่งมากเลยอ่า!”
กิจจาก็สงสัยเล็กน้อยเช่นกัน
“หม่ามี้ ผมสัมผัสหน่อยได้ไหม?”
“ได้สิ!”
นรมนจับมือกิจจามาวางท้องน้อยตัวเอง
“กิจจาชอบน้องชายหรือน้องสาว?”
“ชอบทั้งหมดครับ”
กิจจายิ้มอย่างเขินอายมาก แต่มองออกว่าเด็กคนนี้มีความสุขมากจริงๆ
เดิมทีนรมนกลัวว่าเด็กๆ จะขับไล่เด็กน้อยคนนี้ ไม่คิดว่าพวกเขาจะมีความสุขและชอบกันแบบนี้ เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอัตโนมัติ
“เอาล่ะ พวกลูกสามคนเล่นกันไปสักพักนะ หม่ามี้กลับห้องก่อน โอเคไหม?”
“โอเคครับ/ค่ะ!”
เด็กทั้งสามกล่าวพร้อมเพรียงกัน
นรมนรู้สึกมีความสุขมาก
เธอลูบศีรษะเหล่าเด็กๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปที่ห้องนอน
เมื่อเปิดห้องนอน บุริศร์นั่งบนเตียง ในมือถือแผ่นหยกนั้นที่กานต์ซื้อมา สีหน้าค่อนข้างหมองคล้ำเล็กน้อย
นรมนแง้มประตูห้องเบาๆ จากนั้นก็มานั่งข้างๆ บุริศร์
“เกิดอะไรขึ้น? แผ่นหยกอันนี้มีความหมายพิเศษอะไรสำหรับคุณเหรอ?”
นรมนวางมือไว้ในฝ่ามือบุริศร์
บุริศร์ถึงได้พบว่ามีใครเข้ามาในห้องนอน มองนรมนแล้วมองแผ่นหยกอีกครั้ง หยิบกล่องหนึ่งมาจากลิ้นชัก หลังจากเปิดออก ด้านในก็มีแผ่นหยกที่เหมือนกับในมือบุริศร์ทุกประการ
นรมนตกตะลึงทันที
“นี่มัน……”
“มันเป็นของที่พ่อฉันให้ฉันตอนฉันเพิ่งเกิด ตอนนั้นเพราะเป็นแฝด พ่อก็เลยซื้อเป็นคู่ ชิ้นนี้ของฉัน และในมือฉันตอนนี้คือของตรินท์ คุณดูสิ บนนี้ยังมีชื่อตรินท์อยู่เลย”
บุริศร์ชี้มุมหนึ่งด้านหลังแผ่นหยกให้นรมนดู
นรมนถึงได้เห็นชัดๆ บนแผ่นหยกผ่านกระบวนการพิเศษ สลักชื่อตรินท์ไว้จริงๆ
“นี่มันเรื่องอะไร? แผ่นหยกของตรินท์ทำไมอยู่ในมือคนอื่น?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจ ฉันก็งงเหมือนกัน ตอนแรกที่ตรินท์เสียชีวิต ฉันก็ไม่เห็นแผ่นหยกชิ้นนี้ ฉันคิดว่ามันอาจจะหายไป หล่นไป หรืออาจจะฝังอยู่กับเขา แต่ไม่คิดว่าผ่านมาตั้งหลายปี แผ่นหยกชิ้นนี้จะอยู่ในมือพ่อค้าข้างถนน และกานต์ดันเป็นคนซื้อกลับมา คุณว่านี่มันเป็นสิ่งที่สวรรค์กำหนดไหม? หรือว่าเป็นหนึ่งในแผนสมรู้ร่วมคิด?”
คำถามบุริศร์ทำให้นรมนตอบไม่ได้
“บางทีอาจจะแค่บังเอิญก็ได้”
“บางทีล่ะมั้ง แต่ฉันเชื่อว่าความบังเอิญทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ”
บุริศร์เอาแผ่นหยกสองอันวางไว้ด้วยกัน รวมกันเป็นวงกลมอย่างน่าประทับใจ
เดิมทีมันเป็นคู่ ตอนนี้ได้กลับมาอยู่ในมือบุริศร์อีกครั้ง แต่เขากลับไม่รู้สึกมีความสุขใดๆ เลย ในทางตรงกันข้ามกลับรู้สึกกังวลและไม่สบายใจอย่างรุนแรง
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะตามติดคุณยี่สิบสี่ชั่วโมง”
คำพูดบุริศร์ทำให้นรมนรู้สึกว่าเขาค่อนข้างหวาดกลัวเกินไป แต่เพื่อให้บุริศร์สบายใจ เธอก็พยักหน้า
“โอเค คุณก็ไม่ต้องคิดมากนะ บางทีมันอาจจะบังเอิญจริงๆ ก็ได้ ถึงจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันก็คงไม่มีอะไร ไม่ว่าจะมาวิธีไหนเราก็สามารถรับมือได้ เชื่อฉันนะ แค่หัวใจเราอยู่ด้วยกัน ความยากลำบากอะไรก็จะผ่านไปได้ แผนการสมรู้ร่วมคิดอะไรก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ”
บุริศร์มองท่าทางสงบของนรมน ก็พยักหน้าอย่างอดไม่ได้
เขาจับมือนรมนแน่น พูดขึ้นเสียงทุ้ม “ฉันอยากปรึกษาคุณเรื่องหนึ่ง”
“คุณว่ามา”
บุริศร์ลังเลสักพัก แล้วพูดขึ้นเสียงทุ้ม “กานต์เป็นที่โปรดปรานของคนในเขตทหาร อาสามอยากให้เขาเติบโตพัฒนาที่กองทหาร ได้ฝึกและเรียนรู้อย่างมิดชิดในโรงเรียนเขตทหารในฐานะของลูกหลานครอบครัวทหาร คุณมีความเห็นยังไง?”
เรื่องนี้กานต์เคยพูดกับตนแล้ว แน่นอนว่านรมนเห็นด้วย
“ความสนใจของลูกฉันสนับสนุนอยู่ตลอด กานต์เคยบอกฉันแล้วว่าเขาอยากอยู่ที่นั่น ฉันก็ไม่ได้ห้าม ยังไงเส้นทางของเด็กๆ ต้องเดินด้วยตัวเองในอนาคต บางทีลูกชายเราอาจจะเกิดมาเพื่อเป็นทหารก็ได้”
“อืม ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ระหว่างกลับมา ฉันก็คิดเยอะมาก ฉันอยากส่งกิจจากับกมลเข้าไปเหมือนกัน”
คำพูดบุริศร์ทำให้นรมนตกตะลึง
แต่เธอก็เข้าใจมันอย่างรวดเร็ว
เหล่าเด็กๆ ตอนนี้ยังเล็กมาก ถ้ามีคนต้องการทำอะไรพวกเขาจริงๆ สภาพร่างกายนรมนในตอนนี้ ไม่มีทางรับประกันความปลอดภัยของพวกเขาได้เลย
บางครั้ง นรมนรู้สึกว่ามีอันตรายและความยากลำบากมากมายรอบๆ ตน ทำให้เธอค่อนข้างเหนื่อย ถึงขนาดคิดเหมือนกันว่าถ้าตอนแรกไม่ได้เลือกแต่งงานกับบุริศร์ จะเดือดร้อนและไม่สบายใจมากมายแบบนี้หรือไม่?
แต่เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้น เธอก็ล้มเลิกทันที
อย่าบอกว่าไม่มีคำว่าถ้า ถึงจะมี ถึงจะให้โอกาสเธอเลือกอีกครั้ง เดาว่าเธอก็คงกระโดดเข้าไปโดยไม่ลังเล
เพราะความรักมันทำให้หัวใจเต้นโครมๆ ชั่วขณะหนึ่ง แต่ทำให้อยากใช้ชีวิตร่วมกันจากใจจริงไปตลอดชีวิต
นรมนเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว มองไปที่บุริศร์อย่างรู้สึกผิดและเสียใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็ยิ้ม
เธอจับมือบุริศร์แน่นแล้วพูดว่า “ทำตามที่คุณบอกนั่นแหละ เด็กๆ ถึงจะปลอดภัยมากที่สุด ฉันไม่คัดค้าน”
“ขอบคุณนะ นรมน ขอบคุณ!”
บุริศร์กอดนรมน ไม่รู้ว่าควรแสดงความรู้สึกตัวเองอย่างไร และในเวลานี้ จู่ๆ โทรศัพท์เขาก็ดึงขึ้นม