แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 862
บทที่ 862 พวกเราหนีไม่พ้น
คมทิพย์ออกจากห้องแล้ว ปัญญ์ยังคงลังเล
ที่จริงคมทิพย์ไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ว่าปัญญ์อยากให้เธอออกไป เพียงแต่ไม่อยากให้ปัญญ์เสียใจก็เท่านั้น
ตอนนี้ได้ยินเสียงปัญญ์หามือถือออกมา ในที่สุดก็ถอนหายใจออกไป แต่ในมือถือซิมการ์ดมือถือของปัญญ์
ปัญญ์นิ่งคิด คิดจะโทรหานรมนถึงรู้ว่าซิมการ์ดหายไปแล้ว
เขาตะลึงครู่หนึ่ง ไม่รู้คมทิพย์ถอดซิมการ์ดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาอดยิ้มขื่นออกมาไม่ได้
ตอนนี้มีมือถือจะมีประโยชน์อะไร
คมทิพย์ไม่เคยให้เขาสั่งอาหาร กลัวว่าจะเกิดปัญหา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำเอง นานเท่าไหร่แล้ว คมทิพย์ผ่ายผอมลงมาก
ปัญญ์รู้ว่าตัวเองทำให้พี่สาวลำบาก แต่ตอนนี้แม้แต่สิทธิ์จะตายยังไม่มี ถ้าหากเขาตายขึ้นมาจริงๆ บางทีคมทิพย์คงจะอยู่ต่อไปไม่ได้แน่”
เขามีชีวิตอยู่เพื่อคมทิพย์
ปัญญ์ถอนหายใจเอนหลัง ทุบขาสองข้างแรงๆ แต่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
ชยนต์!
เขาจำชื่อนี้ไม่มีวันลืม จะต้องมีสักวันหนึ่งที่จะทำให้มันต้องชดใช้
คมทิพย์ออกจากห้อง มองเห็นทุกที่มีแต่คนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดากับตระกูลโตเล็กกำลังตามหา เธอรู้ดีพวกนั้นตามหาตัวเอง
ดูท่าคงจะอยู่เมืองชลธีต่อไม่ได้แล้วจริงๆ เธอกับปัญญ์ต้องรีบไปจากเมืองชลธีให้เร็วที่สุด ไม่ใช่แค่เพื่อนรมน แต่เพื่อปัญญ์ด้วย ไม่ว่าอย่างไร เธอไม่มีทางปล่อยให้ปัญญ์เผชิญปัญหาและอันตรายแน่นอน
คมทิพย์หลบทุกคน ทันใดนั้นก็เห็นรถทหารมุ่งหน้าไปทางบ้านเก่าของตระกูลโตเล็ก
เธอคลับคล้ายคลับคลาจะเห็นกานต์กับกิจจา
ดวงตาของคมทิพย์รื้นน้ำตา
เด็กๆ พวกนี้ ทั้งชีวิตนี้เธอคงไม่มีโอกาสเจอพวกเขาอีก
คมทิพย์กลัวว่าตัวเองจะทนไม่ไหว รีบเดินหนีไป
กานต์ก้มหน้าเล่นมือถือ ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้น มองออกไปข้างนอก
กมลตกใจเพราะท่าทางของกานต์
“พี่ เป็นอะไร มองอะไรคะ”
ขณะที่พูด เธอก็มองออกไปข้างนอก
กานต์ขมวดคิ้ว ท่าทางคล้ายกับบุริศร์มาก
“เมื่อกี้รู้สึกเหมือนมีสายตามองพวกเรา”
“จะเป็นไปได้ไง พวกเราอยู่ในรถทหาร ใครจะกล้ามองพวกเรา”
กมลฝึกในค่ายทหารหลายวันมานี้ ร่างกายดูบึกบึนขึ้นไม่น้อย
กานต์ไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าเล่นมือถือต่อ แต่รู้สึกแวบๆ ว่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
กิจจามองเขา แปลกใจ
“ไม่ได้ตาฝาดนะ”
“บางทีอาจจะตาฝาด หลายวันนี้เหนื่อยมาก พอถึงบ้านแล้ว อาบน้ำนอนเต็มที่ซะหน่อย”
คำพูดของกานต์ทำให้กิจจาพยักหน้า แต่ยังคงแปลกใจมองออกไปข้างนอก ไม่เห็นมีใคร
ตอนที่ทุกคนเข้าไปในบ้านเก่าตระกูลโตเล็ก บุริศร์กับนรมนรออยู่ข้างนอกแล้ว
นรมนร่างกายไม่แข็งแรง บุริศร์ไม่อยากให้เธอออกมา แต่ทำไม่ได้ นรมนยืนยันจะออกมา เขาจึงทำได้แต่ตามใจเธอ แต่กางร่มให้ตลอด ระมัดระวังเป็นพิเศษ
ตอนที่ธรรศเห็นพวกเขา ก็ยิ้มแย้ม “ทำไมออกมารับพวกเราล่ะ ฉันคิดว่าบุริศร์จะไปรับพวกเขาซะอีก ว่าไง ยังต้องให้ฉันมาส่ง หน้าใหญ่จังนะ”
บุริศร์พูดเรียบๆ “มีเรื่องต้องทำน่ะครับ”
“เรื่องอะไรสำคัญกว่าลูกตัวเองล่ะ จริงสิ ฉันเห็นคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดากับตระกูลโตเล็กอยู่ข้างนอกเต็มไปหมด เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
บุริศร์เปิดประตู
กมลกระโดดลงมาคนแรก
“แด๊ดดี้ หนูคิดถึงที่สุดเลยค่ะ”
เธอกระโดดใส่ตัวบุริศร์ สองมือโอบรอบคอ จุ๊บแก้มสองข้าง
เพราะเสียงอ่อนเสียงหวานของลูกสาว ทำให้บุริศร์ยิ้มกว้าง
“แด๊ดดี้ก็คิดถึงหนู เข้าบ้านเร็ว อย่าตากฝน”
บุริศร์ปล่อยกมลลง
กมลมาหานรมน มองท้องนรมนระมัดระวัง พูดขึ้น “หม่ามี้ ทำไมท้องไม่เปลี่ยนแปลงเลย น้องสาวไม่โตขึ้นหรือคะ”
นรมนแม้ว่าจะอารมณ์ไม่ดี เมื่อเห็นลูกๆ กลับมา จิตใจผ่อนคลายไม่น้อย
“น้องสาวโตช้า มานี่เร็ว หม่ามี้จูงมือหนูเข้าบ้าน”
“รอพี่ๆ ด้วยค่ะ”
กมลยืนรอข้างๆ นรมน
ตอนที่กานต์กับกิจจาลงจากรถ กิจจาตื่นเต้นดีใจที่เห็นนรมนกับบุริศร์ หน้าเปื้อนยิ้ม “แด๊ดดี้ หม่ามี้ กลับมาแล้ว”
“มาเร็ว!”
นรมนให้เขามาหา
กานต์ลงมาจากรถท่าทางเท่ ในมือยังคงเล่นเกม ทำให้บุริศร์หงุดหงิด
“ทักทายไม่เป็นหรือไง”
“คุณบุริศร์ ผมกลับมาแล้ว”
พูดเสร็จ เขาก็เดินผ่านบุริศร์ไปหานรมน เห็นนรมนยิ้มตาหยีมองตัวเอง ก็ค่อยเก็บมือถือ
“หม่ามี้ ผมกลับมาแล้วครับ”
นรมนเห็นเด็กๆ สามคนคล้ำไป แต่ดูแล้วแข็งแรง ก็ยิ้มแย้ม “เข้าบ้านกันเร็ว เพราะมีธุระด่วน หม่ามี้กับแด๊ดดี้เลยยังไม่ได้ทำกับข้าว เดี๋ยวเด็กๆ ไปอาบน้ำรอก่อน หม่ามี้จะไปทำกับข้าว”
“เธอไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวอาทำดีกว่า”
ธรรศเสนอตัวอย่างกล้าหาญ
บุริศร์เหลือบมองเขา พูดเบาๆ “คุณไม่ต้องกลับไปดูหรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ไม่ต้องหรอก ที่บ้านมีธรณีอยู่ ไม่มีอะไรวุ่นวายหรอก ต่อให้มีเรื่องจริงๆ เขาจะต้องจัดการได้ กินข้าวสิถึงสำคัญ”
ธรรศตามเด็กๆ เข้าบ้าน
นรมนเจอกับเรื่องวุ่นวาย รู้สึกเหนื่อยล้า แต่เมื่อเห็นเด็กๆ ก็รู้สึกมีความสุข ไม่อยากจะรีบขึ้นไปชั้นบน
กานต์เป็นคนแรกที่เห็นนรมนเหนื่อยล้า เขาหาหมอนให้นรมนพิง กระซิบ “หม่ามี้ เหนื่อยแล้วก็ไปพักผ่อนเถอะ พวกเราไปอาบน้ำก่อนก็จะออกมา วางใจเถอะครับ พวกเราไม่หนีไปไหนหรอก”
“เด็กบ้า ยังจะคิดหนีไปไหนอีก”
นรมนบีบจมูกกานต์เบาๆ ถึงได้เห็นว่าลูกชายโตแล้ว
“ใกล้จะปีใหม่แล้ว ลูกอยากได้ของขวัญอะไรจ๊ะ”
นรมนปัดผมหน้าผากของกานต์
กานต์แม้ว่าจะเขิน แต่ก็ไม่ได้ห้าม คนที่จะจับผมเขาได้ก็คงมีแต่นรมนเท่านั้น
“ผมอยากได้หนังสือแฮค”
คำพูดของกานต์ทำให้นรมนอึ้งไป
“หนังสือแฮคคือหนังสืออะไรจ๊ะ”
“หนังสือแฮคเกอร์อัลไลแอนซ์ พ่อแม่ซื้อไม่ได้หรอก เดี๋ยวผมมีช่องทางหามาได้ หม่ามี้ไม่ต้องห่วงผม ถามกมลกับกิจจาเถอะครับอยากได้อะไร”
กานต์พูดขึ้นสบายๆ
นรมนรู้ว่าลูกชายเก่งคอมพิวเตอร์ แต่แฮคเกอร์อัลไลแอนซ์คือเรื่องบ้าอะไรนี่
บุริศร์เข้ามาพอดี ได้ยินที่กานต์พูด รีบอธิบาย “แฮคเกอร์อัลไลแอนซ์คือพันธมิตรแฮคเกอร์ที่เก่งมากที่สุดในโลก ฝีมือดีมาก พวกเขารับงาน ราคาสูงมาก จัดเป็นงานสีเทา”
นรมนได้ยินเช่นนั้นก็เป็นห่วง
“ลูกชายคุณอยากจะไปยุ่งวงการสีเทาหรือคะ”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้”
บุริศร์ไม่ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก แฮคเกอร์อัลไลแอนซ์ไม่ดูคุณสมบัติแต่ดูความสามารถ ความสามารถของกานต์คิดจะเข้าร่วมแฮคเกอร์อัลไลแอนซ์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่ว่าเขาอยากจะร่วมไหม
นรมนยังคิดจะพูดอะไร ก็ได้ยินกมลพูดขึ้น หม่ามี้ พี่เก่งมากค่ะ ตอนอยู่ที่ค่ายทหารพี่ช่วยคุณอาสามคลี่คลายคดี ดูเหมือนจะใช้คอมพิวเตอร์แฮคอะไรนี่แหละค่ะ ทุกคนก็ซูฮกพี่ชายทั้งนี้ แฟนพี่ชายก็เยอะมากค่ะ”
บุริศร์กับนรมนต่างอึ้ง
กานต์ช่วยธรรศคลี่คลายคดีหรือ
ธรรศได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มขึ้น “อ้อ ใช่แล้ว คดีเรณุกาคราวที่แล้ว เรณุกาถูกจับเร็วมาก พวกเรากำหนดตำแหน่งคนที่เกี่ยวข้องกับเธอได้รวดเร็วก็เป็นฝีมือของกานต์ เด็กนี่ฝีมือคอมพิวเตอร์เจ๋งมาก ลูกชายอัจฉริยะขนาดนี้พวกเธอคิดจะมองข้ามหรือ”
“คุณหมายความว่าไง”
บุริศร์นั่งลงที่โซฟา มองธรรศท่าทางไม่รีบร้อน
ธรรศลูบจมูก ยังไม่ทันพูดอะไร กมลก็พูดขึ้นก่อน
“หม่ามี้ แด๊ดดี้ รู้มั๊ยคะ ไม่ใช่แค่พี่ชายหนูเก่งมาก พี่กิจจาก็ยิ่งเก่ง เขาช่วยทหารตั้งหลายคน ทุกคนเรียกเขาหมอเทพด้วยนะคะ”
“ว่าไงนะ”
นรมนตะลึง
บุริศร์อึ้งไปเช่นกัน มองกิจจาเหลือเชื่อ
กิจจาเกาหัวเขิน “ผมแค่เรียนที่อาจารย์สอนเท่านั้น ไม่มีอะไรครับ”
“เรียนกับมิลินหรือจ๊ะ”
“ครับ”
กิจจาพยักหน้า
นรมนกลับรู้สึกมึน
“มิลินสอนลูกตอนไหนจ๊ะ”
“ทุกคืนหนึ่งทุ่ม อาจารย์จะสอนออนไลน์ให้ผม แถมผมยังจำจุดฝังเข็มและเส้นลมปราณพิเศษ 8 เส้นของร่างกายได้หมดแล้ว อาจารย์ยังสอนฝังเข็มด้วย ตอนนี้ผมยังเรียนไม่หมดครับ”
กิจจาพูดตามหลักการแต่ทำให้บุริศร์กับนรมนต่างตกตะลึง
พวกเขาตามหาตัวตั้งนานมากแต่ก็หามิลินไม่เจอ นึกไม่ถึงมิลินทุกคืนจะยังสอนการแพทย์ให้กิจจา พวกเขาคาดไม่ถึงจริงๆ
“เป็นอะไรไปครับ แด๊ดดี้ หม่ามี้ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
กิจจาอึ้งนิดหนึ่ง รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้พูดอะไรผิด
นรมนกับบุริศร์รีบตั้งสติ ส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ตอนนี้มิลินสอนอะไรลูกอีกจ๊ะ”
“อึม อาจารย์บอกว่าหลังปีใหม่ให้ผมไปสอบ สอบเรียนหมอ”
คำพูดนี้ของกิจจาเหมือนโยนระเบิดใส่บ้านเก่าตระกูลโตเล็ก
ธรรศยิ้ม “ลูกชายสองคนของพวกเธอ ถูกผู้นำเขตทหารพอใจแล้ว ครั้งนี้ฉันกลับมา ก็อยากจะถามพวกเธอ อยากให้พวกเขาอยู่ที่ค่ายทหารมั้ย ถ้าเห็นด้วย พวกเขาก็จะกลายเป็นคนเก่งที่ค่ายทหารฝึกฝนเต็มรูปแบบ ต่อไปจะเข้าเรียนที่ค่ายทหาร ก้าวหน้าขึ้นไป ปลายทางอยู่ตรงไหนพวกเธอก็รู้อยู่แล้ว”
นรมนยังงงงวย รีบมองบุริศร์
บุริศร์รีบอธิบาย “ปลายทางก็คืออยู่ในค่ายทหาร ถ้าเป็นคนเก่งด้านเทคโนโลยีของค่ายทหาร ทั้งชีวิตต้องทำเพื่อประโยคของค่ายทหาร ถ้าเซ็นสัญญา ถึงเกณฑ์ก็ปลดประจำการ เหมือนผมไง”
นรมนขมวดคิ้วแน่น
เธอไม่อยากให้เด็กๆ ไปจากตัวเอง แต่นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเด็กๆ เธอรู้ดีกว่าใคร ความฝันของกานต์คืออะไร
เรื่องนี้เดี๋ยวเราค่อยคุยกันทีหลังเถอะค่ะ ดูว่าเด็กๆ ต้องการยังไง ฉันไม่มีความเห็น เคารพการตัดสินใจของเด็กๆ”
นรมนแม้จะพูดอย่างนี้ แต่ดวงตาแดงก่ำ
บุริศร์รู้ว่าเธอไม่อยากให้เด็กๆ ไป ตบบ่าเธอเบาๆ อยากจะปลอบใจเธอ แต่ทันใดนั้นได้ยินเสียงโทรศัพท์ของ นรมนดังขึ้น
ทั้งสองคนอึ้ง รีบหยิบมือถือออกมา เบอร์ที่ไม่ได้บันทึกทำให้ลมหายใจของนรมนถี่ขึ้น