แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 865
บทที่ 865 บุริศร์อยู่กับฉันตลอด
นรมนยังคงซักถาม พฤกษ์ก็ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ เวลานี้เอง ทันใดนั้นบุริศร์ก็พูดขึ้น
“เรื่องของตระกูลเจริญไชยเกี่ยวกับตระกูลโตเล็กมั้ย”
เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น นรมนก็อึ้งไป
พฤกษ์ยืนเซ่อ
เสียงร้องไห้ของคมทิพย์หยุดลง
สายตาของปัญญ์มองบุริศร์
บุริศร์มองพวกเขา พูดช้าๆ “พูดมาตั้งเยอะแยะ ให้นรมนหย่ากับผม ให้พฤกษ์ไปจากผม ไม่อยากจะพูดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลโตเล็กหรือไง แต่ที่ผมไม่รู้ก็คือ ตอนนี้ผมเป็นประมุขตระกูลโตเล็ก เพราะอะไรกันแน่ สาเหตุอะไรทำให้พวกคุณคิดว่าผมเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดของตระกูลเจริญไชย”
นรมนรู้สึกตัวก่อนเป็นคนแรก
เธอมองคมทิพย์กับปัญญ์ ส่ายหน้าพูด “ไม่มีทาง บุริศร์ไม่มีทางทำอะไรกับตระกูลเจริญไชย ฉันเอาตัวเป็นประกันได้”
คมทิพย์ไม่ได้หันหน้ามา แต่นรมนเห็นไหล่ของคมทิพย์สั่นไหว
ปัญญ์มองบุริศร์ ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่พูดเย็นชา “พวกพี่กลับไปเถอะ”
“ปัญญ์ เธอจะไม่บอกพี่ใช่มั้ย พี่คือพี่สาวนรมนของเธอนะ เธอเคยพูดไม่ใช่หรือ อยากให้พี่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเธอ”
นรมนเห็นคมทิพย์กับปัญญ์เป็นอย่างนี้ ก็อดร้อนใจไม่ได้
ปัญญ์มองนรมน หยดน้ำคลอตา
“พี่นรมนครับ ผมเห็นพี่เป็นพี่สาวจริงๆ เพื่อพี่ ยอมเสียขาสองข้างก็ไม่ร่ำร้องอะไรทั้งนั้น แต่ในเมื่อพี่ไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของผม ผมขอร้องล่ะ อย่าทำร้ายจิตใจพี่ผมอีกเลยได้มั้ย พวกเรารับรู้ความหวังดีของพี่แล้ว พวกพี่กลับไปเถอะ”
คำพูดของปัญญ์ทำให้นรมนแทบยืนไม่อยู่
คมทิพย์เคยมีปัญหากับบุริศร์เรื่องนี้ใครก็รู้ เพื่อนรมน คมทิพย์กล้ามีเรื่องกับบุริศร์ แต่ไม่เหมือนตอนนี้ที่ทำให้ นรมนหวาดกลัว
เหมือนกับว่าเธอจะต้องเสียคมทิพย์ไปจริงๆ
ดวงตาของบุริศร์แดงก่ำ
“ผมต้องการคำตอบ”
“คำตอบจะต้องมีคนให้พี่แน่ บางทีอาจจะเร็วๆ นี้ก็ได้”
คำพูดของปัญญ์ทำให้บุริศร์ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง
เวลานี้เอง ก็มีเสียงมือถือดังขึ้นที่ทำให้ทุกคนชะงัก
บุริศร์มองมือถือในมือ เป็นกานต์นั่นเองที่โทรเข้ามา
เขาสูดลมหายใจลึก เก็บซ่อนอารมณ์โกรธไว้ ใช้น้ำเสียงปกติถาม “กานต์ มีอะไรหรือ”
“คุณบุริศร์ คุณกับหม่ามี้รีบกลับมาเร็ว ที่บ้านมีคนมา บอกว่าเป็นพ่อของคุณ”
“ใครนะ”
บุริศร์คิดว่าหูของเขามีปัญหา
พ่อของเขาหรือ
พ่อของเขาตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ
หรือว่าเขาปีนขึ้นมาจากสุสาน
คำถามของบุริศร์ทำให้กานต์เซ็ง
เขาพูดช้าๆ ชัดๆ “พ่อของคุณ! ที่บ้านมีแต่คนของเขา คุณจะกลับมามั้ย”
คำถามนี้ทำให้บุริศร์รีบตอบกลับไป
“ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
บุริศร์วางสาย ทุกคนต่างมองเขาเป็นตาเดียว
เขามองนรมน ถามเธอ “ที่บ้านมีเรื่อง กานต์กับกมลก็อยู่ที่บ้าน ผมต้องรีบกลับไปดู”
“แต่เรื่องของคมทิพย์…”
นรมนพูดยังไม่ทันจบ บุริศร์ก็ตัดบท “ป้องกำลังมาที่นี่ ใกล้จะถึงแล้ว พวกเขาต้องการความช่วยเหลือมั้ย ก็ให้พวกเขาตัดสินใจเองเถอะ”
พูดจบ บุริศร์ก็ก้าวเท้าออกไป
เขาถูกทำให้คมทิพย์โมโหหนักมาก
นรมนกับพฤกษ์สบตากัน เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันที
แต่คมทิพย์กลับพูดจาเย็นชา “ถ้าพวกเธอบังคับฉัน ฉันจะตายให้ดูตรงนี้ ไม่เชื่อก็ลองดูสิ”
เธอหันไป มือคว้าได้เศษแก้วที่ไม่รู้คลำเจอมาจากตรงไหน กดลงที่ลำคอของตัวเองแรงๆ ถึงกับมีเลือดซึม นรมน กับพฤกษ์ตกใจจนหน้าถอดสี
“อย่าทำบ้าๆ นะ!”
“คมทิพย์ วางแก้วลงก่อน”
คมทิพย์มองเห็นความกังวลของนรมนกับพฤกษ์ เธอมองนรมน พูดสะอึกสะอื้น “ฉันก็เสียดายความรู้สึกระหว่างเรา ฉันเคยบอกว่าชาตินี้จะไม่ทิ้งเธอ ฉันจะรับเธอเป็นพี่สาว แต่ตอนนี้ฉันรักษาสัญญาไม่ได้ เธอรักบุริศร์ ฉันรู้ดี เธอรักเขาสุดหัวใจ ให้เธอหย่ากับเขา จะตอบตกลงได้ยังไง ถือว่าฉันทำผิดต่อเธอละกัน นับแต่วันนี้ ฉันจะเป็นหรือตายเธอก็อย่ามายุ่ง”
“ใช่ตระกูลโตเล็กจริงๆ หรือ ตระกูลโตเล็กทำร้ายตระกูลเจริญไชยงั้นหรือ จะเป็นไปได้ไง บุริศร์อยู่กับฉันตลอด! เขาไม่มีทางทำอะไรเธอกับตระกูลเจริญไชย! คมทิพย์ ต้องมีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันแน่!”
นรมนนึกไม่ถึงว่าจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้
คมทิพย์ส่ายหน้า “ไม่เข้าใจผิดแน่ ฉันเห็นกับตาคนของตระกูลโตเล็กพาแม่ของฉันไป ปิดกิจการพวกเรา ถึงกับลงมือกับฉันและน้องชาย ถ้าไม่ใช่ปัญญ์รักษาขาอยู่ข้างนอก ไม่แน่ตระกูลเจริญไชยก็คงถูกกำจัดหมดแล้ว นรมน ฉันอยู่กับเธอนานขนาดนี้ อยู่กับตระกูลโตเล็กนานขนาดนี้ ฉันจะจำตราของตระกูลโตเล็กผิดได้ยังไง ฉันกับตระกูลโตเล็กมีความแค้นต่อกัน เธอหย่ากับเขาไม่ได้ อย่างนั้นเราก็ขาดกัน”
ร่างนรมนซวนเซ รู้สึกเหลือเชื่อ “ฉันไม่เชื่อ ไม่มีคำสั่งของบุริศร์ ตระกูลโตเล็กไม่มีทางทำอะไรตระกูลเจริญไชย”
“แล้วแต่เธอจะเชื่อไม่เชื่อ ถึงอย่างไรแม่ฉันก็ตายแล้ว พ่อก็ใกล้จะตายเหมือนกัน ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับน้องชาย พวกเราสองคนยังต้องหนีเอาชีวิตรอด ไม่ว่าป้อง หรือใครก็ตาม พวกเราไม่ต้องการทั้งนั้น คนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโตเล็ก พวกเราไม่ต้องการความช่วยเหลือทั้งนั้น”
คำพูดของคมทิพย์ทำให้นรมนแทบล้มทั้งยืน
“แม่คมทิพย์ ตายแล้วจริงๆ หรือ”
“ใช่แล้ว ถูกคนของตระกูลโตเล็กทำร้ายจนตาย”
คมทิพย์ยิ้มเย็นชา
มือของปัญญ์กำแน่น
นรมนไม่รู้ตอนนี้ตัวเองรู้สึกอย่างไร รู้แต่เพียงว่าทั้งหมดนี้เป็นไปในทิศทางล้างแค้น
ใครใช้อำนาจของตระกูลโตเล็กกันแน่
ทำไมต้องทำร้ายตระกูลเจริญไชย
ตอนนี้ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ถ้านรมนอยากให้คมทิพย์ให้อภัยตระกูลโตเล็ก หรือกลับไปตระกูลโตเล็กกับเธอ ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
ดวงตาของพฤกษ์วูบไหว ทันใดนั้นก็คุกเข่าลงตรงหน้านรมน
“พฤกษ์ คุณทำอะไร”
“คุณนาย ตระกูลโตเล็กมีบุญคุณกับผม ประธานบุริศร์ก็เหมือนพี่น้อง พูดตามเหตุผลผมไม่ควรไปจากประธาน ไม่ควรทรยศเขา แต่ตอนนี้คมทิพย์ต้องดูแลปัญญ์ เธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวจะทำยังไง ยังไม่ต้องพูดถึงตระกูลโตเล็กลงมือกับตระกูลเจริญไชยหรือเปล่า ข้างนอกมีแต่คนต้องการชีวิตพวกเขา ผมจะปล่อยให้พวกเขาไปไม่ได้ คมทิพย์เป็นผู้หญิงของผม ชาตินี้ แฟนของเธอยังไม่ตาย จะปล่อยให้ผู้หญิงคนเดียวแบกรับภาระหนักอึ้งคนเดียวได้อย่างไร ผมรู้ว่าไปตอนนี้ก็เท่ากับลืมบุญคุณ ขอให้คุณช่วยพูดกับประธานบุริศร์ด้วย ชาตินี้ผมติดค้างความไว้วางใจของเขาแล้ว!”
พฤกษ์พูดจบ ก็คำนับนรมนสามครั้ง
คมทิพย์กัดริมฝีปากล่าง แต่ก็ยังร้องไห้ออกมา
พฤกษ์ลุกขึ้นประคองคมทิพย์และอุ้มปัญญ์ พูดเสียงเบาแต่หนักแน่น “วางใจเถอะ มีผมอยู่ จะไม่มีใครทำอันตรายอะไรพวกคุณได้ นอกจากผมตายเท่านั้น”
คมทิพย์ซบอกพฤกษ์ร้องไห้โฮ
ในใจของนรมนทุกข์ตรม แต่ไม่อาจทำได้แบบพฤกษ์ ตัดขาดความสัมพันธ์กับบุริศร์
เธอเชื่อในตัวบุริศร์ ย่อมเชื่อว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องเข้าใจผิด
“คมทิพย์ ฉันรู้ดีตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ฉันจะทำให้เธอรู้ เรื่องนี้บุริศร์ไม่ได้ทำ ไม่ใช่ตระกูลโตเล็กทำ!”
คมทิพย์เงียบงัน
เสียงรถพยาบาลดังขึ้น แน่นอนว่าป้องมาถึงแล้ว
นรมนมองคมทิพย์กับปัญญ์ เธอรู้ดีคมทิพย์ดื้อดึง แต่เพื่อขาของปัญญ์ บางทีเธอ…
“คมทิพย์ ความแค้นของสองตระกูลไม่ว่าจะเข้าใจผิดหรือไม่ เธอให้ปัญญ์รักษาขาก่อนเถอะ ขาของเขา…”
“ไม่ต้อง ฉันบอกแล้วไง พวกเราไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรทั้งนั้นจากตระกูลโตเล็ก”
“ป้องเป็นหมอ ไม่ใช่คนของตระกูลโตเล็กนะ”
นรมนร้อนใจมาก
คมทิพย์กลับพูดสวน “ป้องเป็นเหมือนพี่น้องของบุริศร์”
นรมนแทบจะเป็นบ้า
“เธออย่าดื้อแบบนี้ได้มั้ย คิดดูให้ดีเพื่อขาของปัญญ์”
“ถึงยังไงผมก็ไม่ต้องการหมอป้อง”
ปัญญ์พูดบ้าง
ทุกคนต่างเป็นอย่างนี้ นรมนแทบจะเป็นบ้าแล้ว
บุริศร์เจอกับป้องที่ข้างนอก
ป้องมองหน้าบุริศร์ กระซิบ “นายรีบกลับไปเถอะ ตระกูลโตเล็กของนายเกิดเรื่องแล้ว”
“นายก็รู้หรือ”
บุริศร์นึกถึงที่กานต์โทรหาตัวเอง
พ่อของเขางั้นหรือ
จะเป็นไปได้ไง!
อีกอย่างป้องรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
ป้องมองบุริศร์ ถอนหายใจพูด “ตอนนี้ทั้งเมืองชลธีก็คงรู้หมดแล้ว ตระกูลโตเล็กเกิดเรื่องแล้ว ตำแหน่งประมุขอาจจะต้องเปลี่ยนมือแล้ว บุริศร์ นาย…”
“ตำแหน่งประมุขหรือ”
บุริศร์เป็นทายาทคนเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูลโตเล็ก ทั้งตระกูลโตเล็กย่อมอยู่ในมือเขา แต่เมื่อกี้คมทิพย์ก็บอกว่าตระกูลโตเล็กทำลายตระกูลเจริญไชย ตอนนี้ป้องก็บอกว่าประมุขตระกูลโตเล็กจะต้องผลัดเปลี่ยน หรือว่าที่กานต์พูดจะเป็นเรื่องจริง
มีคนอ้างตัวเป็นพ่อของเขากลับมาตระกูลโตเล็กหรือ
บุริศร์ขมวดคิ้วแน่น
“นรมน ผมกลับไปก่อน คุณอยู่ที่นี่ เดี๋ยวผมจะกลับบ้านกับป้อง”
บุริศร์ไม่กล้าให้นรมนกลับไปพร้อมกับตัวเอง ถ้าเกิดตระกูลโตเล็กมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงจริงๆ นรมนกลับไปพร้อมกับเขาไม่ต่างจากเดินเข้าไปติดกับ
ตอนนี้เด็กๆ อาจจะถูกขังอยู่ข้างใน เขาจะไม่ยอมให้นรมนเข้าไปอีกคน
นรมนไม่รู้ป้องคุยอะไรกับกับบุริศร์ที่ข้างนอก แต่ได้ยินคำพูดของบุริศร์แล้ว เธอก็อึ้งไป
“ป้องมาแล้วหรือ รีบเข้ามาเร็ว!”
สิ้นเสียงนรมน ก็ได้ยินคมทิพย์พูด “นรมน ถ้าเธออยากบีบให้ฉันตาย ฉันจะพูดให้ชัด ฉันจะทำให้เธอดีใจ ในเมื่อชีวิตฉันเธอเป็นคนช่วยแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าเธออยากได้ก็เอาไป แต่ต่อให้ฉันตายแล้ว คนของตระกูลเจริญไชยก็จะไม่ให้ป้องรักษา”
ดวงตาคมทิพย์แข็งกร้าว ทำให้นรมนรู้สึกอึดอัดแทบไม่ไหว
“เธอ…”
ป้องที่อยู่ข้างนอกได้ยินแล้ว พูดยิ้มๆ “ในเมื่อไม่ต้องการ พี่สะใภ้ งั้นก็ช่างเถอะ ผมกลับก่อนล่ะ”
พูดเสร็จ ป้องก็สั่งรถพยาบาลกลับ
นรมนร้อนใจแทบตาย แต่กลับเห็นคมทิพย์ถอนหายใจโล่งอก
บุริศร์กลับไปแล้ว นรมนกับพฤกษ์อยู่ต่อ พฤกษ์แสดงเจตนาชัดเจน จะดูแลคมทิพย์ตลอดไป แต่นรมนจะพูดกับคมทิพย์ได้อย่างไร
คมทิพย์เห็นข้างนอกไม่มีใครแล้ว ค่อยกระซิบเล่า “นรมน เธออย่าตำหนิฉัน ฉันเห็นกับตาบุริศร์พาคนเข้าไปในบ้านฉัน ฆ่าแม่ของฉัน”
“เป็นไปไม่ได้! บุริศร์อยู่กับฉันตลอด!”
การตอบโต้ของนรมนในสายตาของคมทิพย์ไม่มีพลังอะไรเลย
ปัญญ์ชะงักนิดหนึ่ง พูดขึ้นบ้าง
“พี่นรมน ผมก็เห็น ถ้าหากบอกว่าเขาอยู่กับพี่ตลอด อย่างนั้นก็คงเป็นน้องชายฝาแฝดของบุริศร์ยังมีชีวิตอยู่”
คำพูดนี้ทำให้นรมนสะอึก