แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 913
“พ่อ แม่”
เมื่อนรมนได้ยินเสียงของพ่อแม่บุญธรรม เธอก็อึ้งไป
เธอมองเบอร์โทรบนหน้าจออีกครั้ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นเบอร์ของพวกเขา ยังไม่ทันได้โล่งใจก็ได้ยินเสียงสะอื้นของแม่นรมน “นรมน ลูกต้องช่วยเนตรานะ ขอร้องล่ะช่วยเนตราด้วย”
“แม่อย่าเพิ่งร้องไห้ มีอะไรเกิดขึ้นคะ เกิดอะไรขึ้นกับเนตราคะ”
นรมนคาดว่าเนตราน่าจะเรียนเปียโนแล้วไปขัดแย้งกับใคร ขอแค่อยู่ในเมืองชลธี เธอก็สามารถช่วยได้
แม่นรมนได้ยินนรมนถามเช่นนั้น จู่ๆ เธอก็ร้องไห้หนักขึ้น
“นรมน มีคนที่ชื่อว่าเชษฐ์มาที่บ้านแล้วจับตัวเนตราไป เขาบอกว่าต้องให้เธอไปแลกตัวเนตรามา ไม่งั้นเขาจะฆ่า นรมน คนที่ชื่อเชษฐ์คือลุงรองของตระกูลโตเล็กที่บ้านเธอใช่ไหม เธอเป็นลูกสะใภ้ของบ้านนั้น เขาไม่ทำร้ายเธอแน่นอน ขอร้องล่ะ เธอช่วยเอาตัวเนตรากลับมาได้ไหม แม่มีลูกสาวแค่คนเดียว แม่ขาดลูกสาวไปตั้งหลายปี นี่ก็เพิ่งจะหาเธอกลับมาได้ แม่จะขาดลูกสาวไปไม่ได้!”
นรมนได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไปทันที
“แม่รู้ไหมว่าหนูโดนคนแทงจนบาดเจ็บ”
คำถามของนรมนทำให้แม่นรมนร้องไห้หนักเข้าไปอีก เธอพูดอย่างกระอักกระอ่วน “เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
เมื่อได้ยินเสียงของแม่นรมน นรมนรู้สึกปวดร้าว
ข่าวที่เธอโดนแทงถูกเผยแพร่ออกไปตั้งนานแล้ว ทุกคนต่างพากันมา แต่ทว่าพ่อแม่บุญธรรมของเธอกลับไม่พูดอะไรสักคำ ที่โทรมาตอนนี้ก็เพราะเนตรา
อย่าเพิ่งพูดถึงว่าทำไมเชษฐ์ถึงจับตัวเนตรา แต่ทำไมหลังจากที่พวกเขารู้ว่าเธอถูกแทง แล้วยังจะให้เธอไปเอาตัวเนตรากลับมาอีก
อย่าบอกนะว่าลูกแท้ๆ มันเหมือนกันอย่างนั้นเหรอ
แต่เธอก็เป็นลูกบุญธรรมที่พวกเขาเลี้ยงดูมายี่สิบกว่าปี อย่าบอกนะความรักและเอ็นดูที่มีให้เธอก่อนหน้านี้เป็นเพียงเรื่องโกหก
นรมนเจ็บปวดไปทั้งใจ
แต่ถึงกระนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “หนูบาดเจ็บสาหัส ลุกไม่ขึ้นแล้ว คุณจะให้หนูไปช่วยเนตราในสภาพนี้จริงๆ เหรอ อีกอย่างหนูจะบอกให้นะ ถึงเชษฐ์จะเป็นคนของตระกูลโตเล็ก แต่เขาไม่ลงรอยกับบุริศร์ จนอยากจะฆ่าหนูด้วย ถ้าหนูไปเขาอาจจะฆ่าหนูเพื่อระบายความโกรธ คุณจะให้หนูไปแลกตัวเนตรามาจริงๆ เหรอ”
แม่นรมนได้ยินเช่นนั้นก็ร้องไห้อย่างปวดใจ
“งั้นจะทำยังไงล่ะ เนตราจะทำยังไง ทำไมชีวิตของฉันถึงทุกข์ขนาดนี้ ลูกสาวที่ฉันรักที่สุด”
แม่นรมนร้องแทบเป็นแทบตาย ถึงแม้เธอจะไม่ได้บังคับนรมนไปแลกตัวเนตรามา แต่ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดก็เหมือนกับมีดคมๆ เล่มหนึ่งที่แทงเข้ามาในใจของนรมน
“แม่ เขายังพูดอะไรอีกไหม”
“เขาพูดแค่นี้ นรมน พ่อแท้ๆ ของเธอมีอำนาจมาก เธอให้พ่อของเธอช่วยได้ไหม ช่วยเนตราออกมาได้ไหม ทั้งชีวิตนี้แม่ไม่เคยขอร้องอะไรเธอเลย ถือว่าแม่ขอร้องเถอะนะ”
คำพูดของแม่นรมนแทบจะทำให้นรมนหายใจไม่ออก
ความสัมพันธ์ของเธอกับแม่เดินมาถึงจุดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
“ได้ หนูจะพยายาม”
นรมนวางสายและพบว่าหางตาของเธอมีน้ำตา
เธอเสียใจมากจริงๆ
ถ้าบุริศร์อยู่ก็ดีสิ
ตอนนี้เธอต้องการอ้อมอกของบุริศร์เป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับติดต่อบุริศร์ไม่ได้
นรมนยังคงไม่ยอมแพ้และกดโทรออกไปอีกครั้ง ก็ยังคงไม่สามารถติดต่อได้
ไม่สามารถติดต่อได้
อยู่บนเครื่องบินอย่างนั้นเหรอ
หรือว่าอยู่ระหว่างทางกลับมา
นรมนคิดไม่ถึงว่าการคิดถึงใครคนหนึ่งจะเป็นทุกข์ขนาดนี้
เธอไม่สามารถนอนหลับได้อีก
เธอเอนตัวพิงเตียงและขดตัวกอดมือถือ เหมือนลูกแมวที่ได้รับบาดเจ็บและไม่มีใครมองเห็น
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ นรมนไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่นานแค่ไหน ในที่สุดเธอก็ตั้งสติได้
เธอไม่ชอบเนตรามาก แต่ผู้หญิงคนนั้นคือชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างของพ่อแม่บุญธรรม
ในเมื่อแม่นรมนขอร้องเธอ ถึงแม้เธอจะเจ็บปวดใจ แต่เธอทนดูพ่อแม่บุญธรรมทุกข์ใจไม่ได้ เธอกดโทรหาธรณี
“ลุงคะ เชษฐ์เอาตัวเนตราไป ลุงพอจะสืบได้ไหมคะ”
“เนตราเหรอ ได้ ฉันจะช่วยเธอสืบดู นรมนตอนนี้ร่างกายของเธอค่อนข้างบอบบาง อย่าผลีผลามออกมา เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง”
“ขอบคุณค่ะลุง”
เพราะคำพูดของธรณี ทำให้จิตใจที่เยือกเย็นของนรมนรู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
นรมนเพิ่งวางสายได้ไม่นาน เสียงมือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เธอเหลือบดู เป็นเบอร์ของบุริศร์
นรมนรีบกดรับสายทันที
“บุริศร์คุณอยู่ไหน”
“เพิ่งถึงสนามบินเมืองชลธี ตอนที่คุณโทรมาผมอยู่บนเครื่องบิน ก่อนหน้านี้มือถืออาจจะแบตหมด นรมน ช่วงนี้คุณห้ามออกมาสักระยะ ผมจะไปเขตทหารกับสถานีตำรวจ”
บุริศร์บอกที่ที่จะไปกับนรมน
เมื่อได้ยินว่าเขาปลอดภัย เธอก็วางใจ เมื่อเห็นว่าเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำจึงรีบพูดว่า “คุณไปจัดการเรื่องของคุณเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน”
“จะไม่สนใจคุณได้ยังไงกัน ตอนนี้คุณอยู่ที่ลานใหญ่เขตทหารไหม เชษฐ์หนีไปแล้ว ผมรู้เรื่องนี้แล้ว ฐานการวิจัยของเขาถูกผมทำลายไปแล้ว ตอนนี้เชษฐ์เป็นเพียงสุนัขที่กำลังคลั่ง ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร คุณห้ามออกไปไหน เข้าใจไหม”
เสียงของบุริศร์หนักแน่นมาก ดูออกว่าเขากลัวว่านรมนจะออกไปแล้วโดนเชษฐ์บังคับให้ทำอะไร
นรมนไม่กล้าบอกเขาว่าเชษฐ์จับตัวเนตรา และคุณแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนจะให้เธอไปแลกตัวเนตรากลับมา เธอเพียงพูดอย่างอ่อนโยนว่า “โอเค ฉันจะทำตามที่คุณพูด”
“รอผมกลับไปนะ”
เมื่อบุริศร์วางสายลงก็พาคนไปที่เขตทหาร
นรมนมองเบอร์บนหน้าจอ จิตใจของเธอสับสนไปหมด
ไม่ว่าจะคำพูดของ เนตราจากนิสัยของเชษฐ์ เนตราต้องตายแน่นอน
เธอหงุดหงิดจนทึ้งผมตัวเอง จู่ๆ ก็นึกถึงกานต์ขึ้นมา หรือว่าตอนนี้มีเพียงลูกชายเท่านั้นที่จะช่วยเธอได้
นรมนคิดเช่นนั้นก็เปิดคอมพิวเตอร์และติดต่อหากานต์
“กานต์ หม่ามี้ต้องการความช่วยเหลือจากลูก”
“ใช่เรื่องของเนตราไหมครับ”
กานต์รีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว
นรมนอึ้งไป แต่ก็ตอบกลับไป
“หม่ามี้ เนตราไม่เป็นอะไรหรอก แม่ไม่ต้องสนใจเธอหรอก”
“หมายความว่ายังไง”
นรมนแปลกใจเล็กน้อย
กานต์ส่งข้อมูลฉบับหนึ่งมา
“แม่อ่านข้อมูลฉบับนี้ให้ละเอียด เมื่อกี้ตอนที่ปู่รองให้ผมหาเบาะแสของเชษฐ์ ผมก็เข้าใจความหมายของคุณยาย หม่ามี้ คุณยายทำแบบนี้ หม่ามี้เสียใจมากใช่ไหม อย่าไปสนใจเลยครับ เรื่องนี้ให้ปู่รองจัดการก็พอแล้วครับ ตอนนี้หม่ามี้ต้องพักผ่อน ผมได้ยินว่าพ่อกลับมาแล้วและกำลังมาที่เขตทหาร อาจจะมีเรื่องสำคัญ หม่ามี้รอให้พ่อกลับไปก็พอแล้ว แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น ถ้าทำไม่ได้จริงๆ หม่ามี้ก็ปิดเครื่องไปเลย ทำแบบนี้โลกก็จะสงบสุขแล้ว” กานต์พูดมาตั้งเยอะแยะ นรมนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าลูกชายของตัวเองจะเก่งมากกว่าเธอเสียอีก
“โอเค”
นรมนรับข้อมูลที่กานต์ส่งมา จากนั้นเธอจึงเปิดอ่าน จู่ๆ เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ถูกที่ เนตราเป็นเด็กกำพร้า แต่เธอกลับรับเงินช่วยเหลือจาก เชษฐ์ และที่เธอกลับมาครั้งนี้ก็เป็นคำสั่งของเชษฐ์
เพราะฉะนั้นเนตราเป็นคนของเชษฐ์อย่างนั้นเหรอ
นรมนวางมือถือลง ในใจของเธอรู้สึกหนักหน่วง
เพื่อข้อมูลพวกนั้น เชษฐ์ ทำทุกสิ่งทุกอย่าง โดยไม่ปล่อยให้ใครเข้าไปแทรกแซงเลยแม้แต่คนเดียว
เรื่องนี้พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนรู้หรือเปล่า
นรมนก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
เธออยากถามพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน แต่สุดท้ายเธอก็เก็บมันเอาไว้
ไม่ว่าพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนจะรู้หรือไม่ เพื่อลูกของตัวเองและต้องการผลักเธอออกไป บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าเรื่องนี้ไม่อาจจะปฏิเสธว่าไม่ดีทั้งหมดได้ ยังมีดีอยู่บ้าง แต่นรมนรับไม่ค่อยได้
เธอปิดเครื่องมือถือ
ตอนนี้เธอต้องการความสงบ
ตอนที่คิมเคาะประตูและเดินเข้ามา นรมนยืนเท้าเปล่าอยู่ที่หน้าต่างและมองออกไปข้างนอก เหมือนกับว่าเธอกำลังเหม่อลอย
คิมรีบหยิบเสื้อนอกคลุมไว้บนไหล่ของนรมน
“ทำไมไม่สวมรองเท้าล่ะ ตอนนี้เธอกำลังท้อง ห้ามเป็นหวัดเด็ดขาด”
นรมนเพิ่งจะรู้ว่ามีคนเข้ามาในห้อง
เธอรีบไปสวมรองเท้าสลิปเปอร์ จากนั้นจึงยิ้มและให้คิมนั่งลง
“แม่ว่าหนูเป็นคนเลือดเย็นไหม”
“พูดอะไรน่ะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่คิมได้ยินนรมนพูดแบบนี้
นรมนเล่าเรื่องของพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนให้คิมฟัง
คิมโมโหอย่างเห็นได้ชัด
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันรู้ว่าพวกเขาเลี้ยงดูเธอมาและมีบุญคุณกับเธอ แต่ก็ไม่ควรส่งเธอออกไปตายแบบนี้! ไม่ได้ ฉันต้องไปคุยกับพวกเขาหน่อย”
คิมโมโหเป็นอย่างมาก เธอกำลังจะลุกขึ้นแต่ถูกนรมนรั้งไว้
“แม่ อย่าไปเลยค่ะ ไปแล้วก็มีแต่จะโมโหกลับมาเปล่าๆ สู้หลีกเลี่ยงมันดีกว่า กานต์ส่งข้อมูลมาให้หนู บอกว่าเนตราเป็นคนของเชษฐ์ เพราะฉะนั้นเชษฐ์จะไม่ทำอะไรเธอแน่นอน บุริศร์ก็กลับมาแล้ว หนูเชื่อว่าถ้าสองพ่อลูกร่วมมือกัน จะหาเชษฐ์เจอในไม่ช้า เมื่อถึงตอนนั้นเนตราก็จะกลับไปที่บ้านเอง กานต์บอกให้หนูปิดเครื่อง ไม่ต้องไปสนใจเรื่องพวกนั้น หนูจึงตัดสินใจทำแบบนั้น”
นรมนพูดพลางชูมือถือที่ปิดเครื่องขึ้นมาและยิ้มอย่างเหนื่อยใจ
แต่คิมมองออกว่าภายใต้รอยยิ้มของนรมนแฝงไปด้วยความปวดใจและทุกข์ทรมาน
“ขอโทษนะ เป็นความผิดของแม่เอง ถ้าในตอนนั้นไม่ใช่เพราะแม่ ลูกคงไม่ต้องเผชิญเรื่องที่ลำบากใจแบบนี้”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้เรามีความสุขดีไม่ใช่เหรอคะ ถ้าแม่ลืมมันไม่ได้ แม่ก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้วรอหลานคลอดออกมาและช่วยหนูเลี้ยงลูก”
นรมนพูดอย่างมีความสุข ทำให้คิมอยากให้ถึงตอนนั้นเร็วๆ
“แม่จะทำให้ดีที่สุด”
“อื้ม”
นรมนกอดคิม เธอสัมผัสถึงความอบอุ่นของแม่ “แม่ หนูเหนื่อยแล้ว อยากนอนสักพัก ไม่ว่าใครก็ห้ามมารบกวนหนู โอเคไหม”
“โอเค แม่จะอยู่เป็นเพื่อนลูกที่นี่”
คิมนั่งอยู่ข้างเตียงมองนรมนที่นอนอยู่บนเตียง ไม่นานก็มีเสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังขึ้นมา
เธอมองท่าทางอ่อนล้าของนรมน จู่ๆ ก็คิดว่าตัวเองควรจะทำอะไรเพื่อลูกสาวบ้าง
นรมนโตขนาดนี้แล้ว เธอไม่เคยทำอะไรให้ลูกสาวเลย ตอนนี้เธอใกล้จะตายแล้ว ถ้ายังไม่ทำอะไรอีก ก็อาจจะไม่ทันแล้วไม่ใช่เหรอ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น คิมจึงลุกขึ้นและหยิบโทรศัพท์