แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 945
“ธิดา!”
นรมนหวาดกลัว คิดจะวิ่งเข้าไปข้างใน แต่กลับถูกบุริศร์ขวางเอาไว้
“คุณรออยู่ข้างนอกนี่ ผมจะเข้าไปดู”
บุริศร์เอ่ยจบแล้วก็ส่งเธอให้กับชัยยศ ตัวเองก็วิ่งเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
นรมนมองเงาหลังเขาอย่างเป็นกังวล
“ชัยยศ คุณก็ตามไปดูสักหน่อยเถอะ เสียงดังขนาดนี้ ด้านในก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร คุณน้าแพรวาและธิดาล้วนเป็นผู้หญิง ทั้งยังตั้งครรภ์อยู่ นาวินก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว บุริศร์เพียงคนเดียวไม่ไหวแน่”
คำพูดของนรมนทำให้ชัยยศชะงักไปเล็กน้อย
“แต่ประธานบุริศร์บอกว่าให้ผมดูแลคุณ”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ฉันอยู่ข้างนอกนี่จะมีเรื่องอะไรได้ ฉันจะโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจก่อน คุณก็รีบไปเถอะ”
นรมนดันตัวชัยยศครั้งหนึ่ง ส่วนตัวเองก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นนรมนว่าอย่างนั้น ชัยยศก็วิ่งเข้าไปช่วยอย่างรวดเร็ว
นรมนที่โทรศัพท์เสร็จแล้ว ยังไม่ทันจะหมุนตัวก็เห็นเงาร่างคนคนหนึ่งวิ่งมาทางตัวเอง เป็นเพราะฝุ่นควัน เธอจึงเห็นเพียงแค่ว่าคนที่กำลังมาทางนี้นั้นคุ้นตา แต่กลับมองไม่เห็นใบหน้าที่ชัดเจน
“ใคร?”
ฝ่ายตรงข้ามสาดผงใส่นรมน
กลิ่นหอมหวานปกคลุมเข้ามา ภาพเบื้องหน้านรมนดำมืด และหมดสติไปทันที
รอจนเธอฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
“ฟื้นแล้วหรือ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่”
บุริศร์มองเธอด้วยความร้อนใจ ทั้งร่างดูแล้วอ่อนแรงอยู่บ้าง
นรมนส่ายหน้า เอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมหรือคะ”
“คุณหมดสติอยู่ข้างทาง โชคดีที่ผมออกมาได้ทันเวลา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ คุณหมอบอกว่าคุณมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ ไม่ได้กินข้าวเต็มที่หรือ ตอนนี้ร่างกายคุณบอบบาง คนคนหนึ่งกินแต่ใช้สองคน อย่ามัวแต่ห่วงเรื่องรูปร่างจนไม่กินข้าวรู้ไหม”
บุริศร์ไม่ได้ตำหนิ เพียงแต่สงสารเล็กน้อย
สมองของนรมนยังคงไม่แจ่มใส จนถึงขั้นปวดเล็กน้อย
“ไม่ใช่ค่ะ คุณพูดว่าฉันล้มหมดสติอยู่ข้างทางหรือคะ”
“อืม”
“ฉันถูกคนวางยาค่ะ”
นรมนลูบศีรษะตัวเอง บุริศร์มีสีหน้าขรึมลงในทันที
“คุณพูดว่าอะไรนะ”
“ฉันจำได้อย่างชัดเจนว่า ฉันเห็นเงาร่างคนคนหนึ่งวิ่งออกมาจากตัวบ้าน มองเห็นหน้าไม่ชัด แต่รู้สึกว่าคนคนนี้คุ้นตามาก ฉันถามไปประโยคหนึ่ง ฝ่ายตรงข้ามก็สาดผงยาใส่ฉัน กลิ่นหอมหวานมาก หลังจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้แล้ว”
นรมนพยายามเอ่ยอย่างละเอียด แต่ความรู้สึกปวดหัวยังคงไม่จางหายไป
บุริศร์โทรศัพท์หาชัยยศอย่างรวดเร็ว
“ไปเอาคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดมา ตรวจดูว่าก่อนที่คุณผู้หญิงจะเป็นลมหมดสติได้พบกับใคร”
ทางด้านชัยยศก็ส่งข้อมูลมาอย่างรวดเร็วว่า กล้องวงจรปิดถูกคนตัดออกไปแล้ว
สีหน้าบุริศร์ไม่น่ามองยิ่งกว่าเดิม
เป็นใครกัน?
ใครที่อาจหาญเช่นนี้?
ถึงกลับกล้าลงมือกับนรมนภายใต้สายตาเขา?
“พวกเราให้คุณหมอตรวจอีกสักหน่อย เมื่อครู่นึกว่าคุณหมดสติไปเพราะน้ำตาลในเลือดต่ำ ตอนนี้ดูท่าจะไม่ใช่จริงๆ ภัยพิบัติที่แอบแฝงอยู่ขนาดนี้ พวกเราต้องตรวจให้ชัดเจน”
ได้ยินบุริศร์พูดเช่นนี้แล้ว นรมนก็พยักหน้า อดทนต่อความไม่สบายตัวไปตรวจร่างกายทั้งร่าง
ระหว่างรอผลตรวจ เธอถามบุริศร์ว่า “ธิดากับคุณน้าเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่าคะ”
“ไม่”
“ทำไมถึงได้ระเบิดขึ้นมากะทันหันล่ะคะ”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์ถอนหายใจออกมา พลางเอ่ยว่า “คุณน้าใช้ไมโครเวฟทำอาหารไม่เป็น วางของผิดตำแหน่งจึงทำให้ระเบิดออกมา โชคดีที่ตอนนั้นเธอไม่อยู่ในห้องครัว ธิดาก็เดินเล่นอยู่ที่สวนดอกไม้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงไม่อาจจะคิดได้ ผมก็ไม่อาจพูดอะไรกับเธอได้ หลายวันนี้ทุกคนก็ย้ายไปอยู่คฤหาสน์ข้างชายทะเลก่อนเถอะ ทางด้านนี้ต้องซ่อมแซมสักหน่อย”
ได้ยินบุริศร์เอ่ยอย่างนี้แล้ว นรมนก็ตะลึงค้าง อย่างไรเธอก็คิดไม่ถึงว่าจะได้ผลลัพธ์อย่างนี้
“ไม่ทำให้ใครบาดเจ็บก็ดีแล้ว ฉันนึกว่าใครจะเห็นพวกเราขวางหูขวางตา ถึงได้กระทำเรื่องราวที่น่ากลัวออกมา”
นรมนยิ้มเยาะออกมา
สีหน้าบุริศร์กลับแข็งค้าง
“ไม่แน่ว่าเป็นไปได้”
“หือ?”
นรมนรู้สึกว่าบุริศร์แตกตื่นไปกับภาพจินตนาการของตัวเองบ้างแล้ว
บุริศร์กลับเอ่ยเสียงเบาว่า “แม้ว่าพลังทำลายล้างของไมโครเวฟจะมีมาก แต่ก็คงไม่สามารถระเบิดห้องครัวและห้องรับแขกทั้งหมดได้หรอก? อีกทั้งในตอนที่คุณกับผมเพิ่งจะกลับมา ก็มีเงาร่างคนคนหนึ่งวูบผ่านไปจริงๆ คนคนนั้นคือใครกัน ทำไมถึงได้ออกมาจากบ้านของพวกเรา ผมถามคุณน้ากับธิดาแล้ว พวกเขาบอกว่าวันนี้ทั้งวันไม่มีใครมาที่บ้าน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นเงาร่างคนที่พวกเราเห็นคือใครกัน?”
นรมนตะลึงไปเล็กน้อย แต่ก็ถามต่อทันทีว่า “คุณสงสัยว่ามีคนจงใจสร้างเรื่องเท็จโดยการทำให้ไมโครเวฟระเบิดหรือคะ”
“ถูกต้อง!”
“เหตุผลล่ะ? เป้าหมายล่ะคะ?”
บุริศร์ครุ่นคิด พลางเอ่ยว่า “บางทีอาจจะต้องการระเบิดผมให้ตาย หรือไม่ก็ระเบิดให้คุณน้าตาย”
“คุณน้า?”
นรมนหัวใจเต้นระรัว
คนในบ้านตระกูลโตเล็กล้วนรู้ว่า นรมนเข้าครัวน้อยมาก บุริศร์กลับชื่นชอบที่จะเตรียมอาหารเล็กๆน้อยๆให้กับนรมนทุกวันในตอนเช้าตรู่ และช่วงเวลาที่เหลือ ตอนนี้ล้วนเป็นแพรวาที่ใช้เวลาอยู่ในครัวมากกว่า
เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว ฝ่ายตรงข้ามไม่พุ่งเป้ามาที่บุริศร์ก็ต้องพุ่งเป้าไปที่แพรวา
คำพูดของบุริศร์ มีคนน่าสงสัยมากเกินไป ถึงอย่างไรบุริศร์ก็เป็นถึงมหาเศรษฐีในเมืองชลธี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของธุรกิจหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเชษฐ์ล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ถ้าหากว่าฝ่ายตรงข้ามพุ่งเป้ามาที่แพรวา นรมนก็นึกไม่ออกว่านอกจากคนของเชษฐ์แล้วจะยังมีใครได้อีก
สมองของเธอมีเงาร่างของคนคนหนึ่งพาดผ่าน เพียงแต่เร็วจนต้องสั่นศีรษะ
คนคนนั้นคงจะไม่มีความกล้าขนาดนั้นหรอกมั้ง?
บุริศร์เห็นนรมนครุ่นคิดแล้ว ก็ถามอย่างอดไม่ได้ว่า “ตกใจกลัวหรือ หรือว่าคิดเรื่องอะไรอยู่”
“เปล่าค่ะ ฉันกำลังคิดว่ามีใครที่หาญกล้ากระทำเรื่องแบบนี้”
“พวกเดนตายล่ะมั้ง ไม่ก็อาจจะเป็นคนของเชษฐ์ อยากจะระบายความโกรธเพื่อเชษฐ์ก็เป็นไปได้ รอตำรวจตรวจสอบเถอะ คุณก็อย่าสนใจเลย บำรุงรักษาร่างกายให้ดีเถอะ รอผลออกมาแล้วค่อยว่ากันอีกที”
เห็นท่าทางเป็นกังวลของบุริศร์แล้ว นรมนก็กลืนคำพูดกลับลงไป
“ค่ะ”
ช่วงเวลาที่ทั้งสองคนรอผลตรวจนั้นทรมานอยู่บ้าง บุริศร์ให้คนนำอาหารมาส่งให้กับนรมน ตอนนี้นรมนก็หิวแล้วจริงๆ จึงกินอย่างมูมมาม ผลการตรวจออกมาแล้ว
“ประธานบุริศร์ คุณนายบุริศร์ ผลการตรวจออกมาแล้วครับ คุณนายบุริศร์สูดเอาผงยาสลบเข้าไปเล็กน้อย ไม่มีผลกระทบต่อร่างกายมากนัก”
ได้ยินคุณหมอพูดเช่นนี้แล้ว บุริศร์ก็มีสีหน้าไม่น่ามองขึ้นมาเล็กน้อย
โชคดีที่ฝ่ายตรงข้ามเพียงแค่สาดยาสลบใส่นรมนเล็กน้อย ถ้าหากว่าเป็นยาพิษล่ะ? เขาจะทำอย่างไร?
นรมนกำมือบุริศร์แน่น เอ่ยขึ้นว่า “อย่าเครียดไปเลยค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้วไม่ใช่หรือคะ? สวรรค์ปกป้องฉันอยู่นะ”
“หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้ทำอะไรเองคนเดียว”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนกลุ้มเล็กน้อย เบะปาก แต่ก็คิดได้ว่าบุริศร์ทำเพื่อตัวเอง จึงไม่ได้พูดอะไรอีก
นรมนกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย พักผ่อนได้ครู่หนึ่ง พวกธิดากับแพรวา ก็มา
“พี่สะใภ้ พี่ไม่เป็นอะไรนะ?”
ธิดาเห็นนรมนมีสีหน้าขาวซีดก็รีบเอ่ยถาม
“ไม่เป็นอะไร แค่น้ำตาลในเลือดต่ำเลยหมดสติไป”
สำหรับเรื่องที่ตัวเองถูกคนวางยาสลบ นรมนตัดสินใจไม่พูด ธิดาก็อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ระยะต้น แพรวายิ่งต้องระวัง อย่าทำให้พวกเธอเป็นห่วงจะดีกว่า
“น้ำตาลในเลือดต่ำได้อย่างไรกัน? ไม่ค่อยได้กินอะไรใช่หรือไม่ พี่สะใภ้ แบบนี้ไม่ได้นะ พี่ดูฉันตอนนี้สิ กินได้นอนได้”
ธิดาจับมือนรมนขึ้นมา พบว่ามือของนรมนเย็นเล็กน้อย
“พี่สะใภ้ พี่หนาวไหมคะ”
“ไม่หนาว มือเย็นมาตั้งแต่เกิด ไม่มีอะไรหรอก”
นรมนยิ้มเรียบๆ
บุริศร์เห็นพวกเขาเป็นแบบนี้แล้ว ก็เอ่ยเสียงเบาว่า “ช่วยนี้ย้ายไปพักที่คฤหาสน์ริมชายหาดของผมก่อน ทางด้านนี้คาดว่าต้องซ่อมแซม เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ไม่ต้องเอาไป เดี๋ยวผมจะให้คนซื้อให้พวกคุณบางส่วน”
“ไม่ต้องค่ะพี่ หนูมีเสื้อผ้าใส่”
ธิดาไม่คุ้นเคยกับความเป็นห่วงของบุริศร์เท่าไร
นรมนเห็นแล้วก็เอ่ยยิ้มๆ “เธอก็ให้พี่เธอยุ่งสักหน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้สึกละอายใจเพราะการระเบิดในครั้งนี้”
“จะได้อย่างไรกัน การระเบิดในครั้งนี้ล้วนโทษน้า เป็นน้าเองที่ไม่รู้ว่าไม่สามารถใช้ของพวกนั้นอุ่นร้อนในไมโครเวฟได้ ล้วนโทษน้า”
แพรวาตำหนิตัวเองหนักมาก
โชคดีที่ธิดาและนรมนล้วนไม่อยู่ ถ้าหากว่าทำให้พวกเธอบาดเจ็บ เธอใช้ความตายมาไถ่โทษก็เรียกอะไรกลับคืนมาไม่ได้แล้ว
นรมนเห็นแพรวามีท่าทางโศกเศร้าเช่นนี้แล้ว ก็รีบเอ่ยว่า “คุณน้า คุณน้าก็ไม่ได้ตั้งใจ แบบนี้ก็ดี ฉันไม่พอใจการตกแต่งที่คฤหาสน์มานานแล้ว แต่กลับไม่มีข้ออ้างในการซ่อมแซมใหม่ แบบนี้ก็ดีเลย ถือว่าได้สมปรารถนาแล้ว”
แพรวาจะฟังไม่ออกได้อย่างไรว่านรมนกำลังปลอบใจตัวเองอยู่
เธอมองนรมนด้วยความตื้นตันใจ พูดอะไรไม่ออกสักคำเดียว
บุริศร์เห็นความอ่อนเพลียในแววตาของนรมนก็รีบเอ่ยว่า “พอแล้วล่ะธิดา เธอก็พาคุณน้าไปก่อนเถอะ ข้าวของพวกเธอในคฤหาสน์ยังอยู่ จัดการสักหน่อยก็สามารถให้คนเข้าอาศัยได้แล้ว นรมนเหนื่อยแล้ว ให้เธอได้พักสักหน่อย คืนวันนี้พวกเราจะอยู่ที่โรงพยาบาล รอดูว่าอาการในวันพรุ่งนี้ของนรมนดีขึ้นแล้วค่อยออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน”
“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปก่อนนะคะ พี่สะใภ้ พี่ก็พักผ่อนดีๆนะ อยากจะกินอะไรก็บอกกับฉัน ฉันจะทำให้พี่”
คำพูดของธิดาทำให้นรมนพยักหน้ายิ้มๆ
“ตอนนี้ฉันอยากนอน”
เธอปวดหัวมาก
เห็นนรมนเอ่ยเช่นนี้ แพรวากับธิดาก็รีบจากไปทันที
หลังจากบุริศร์กลับมาจากส่งพวกเขา ก็เห็นนรมนหลับไปแล้ว
เขายังคงไม่วางใจอยู่บ้าง จึงไปสอบถามกับคุณหมออีกครั้ง เกี่ยวกับอาการของเธอ คุณหมอบอกว่าเป็นปฏิกิริยาตอบสนองปกติหลังจากถูกยา บวกกับนรมนที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ การอ่อนเพลียเป็นเรื่องแน่นอน
บุริศร์อยู่เป็นเพื่อนนรมนโดยไม่ได้นอนทั้งคืน
นรมนก็นอนหลับสนิทดี
ตอนที่เธอลืมตาขึ้นมาเห็นเส้นเลือดฝอยในนัยน์ตา รวมไปถึงหนวดเคราเขียวครื้มของบุริศร์แล้ว ก็ตื้นตันใจเป็นอย่างมาก
“คุณไม่ได้นอนทั้งคืนเลยหรือคะ”
“ไม่เป็นไร เห็นคุณหลับสนิทแล้วผมก็วางใจ เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ยังปวดหัวอยู่ไหม”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ คุณรีบไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ”
นรมนเร่งให้บุริศร์ไปพักผ่อน บุริศร์บอกว่าไม่รีบ รอคุณหมอตรวจนรมนเรียบร้อยแล้ว ยืนยันแล้วว่าเธอไม่เป็นอะไร บุริศร์ถึงได้โล่งใจ
ทั้งสองคนกลับบ้าน ภายใต้การขอร้องของนรมน บุริศร์ก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องนอนแล้ว
เขาให้นรมนอยู่เป็นเพื่อนตัวเอง ไม่นานนักก็หลับไป
นรมนเห็นท่าทางอ่อนเพลียของเขาแล้ว ก็ห่มผ้าห่มให้เขาอย่างเบามือ ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูของชัยยศลอยเข้ามา
“คุณผู้หญิงครับ ผมมาพบคุณเพราะมีเรื่องด่วน”
“รอสักครู่”
นรมนมองบุริศร์ พบว่าเขาหลับสนิทมาก ถึงได้ลุกขึ้นยืนและค่อยๆย่องออกไป
“มีเรื่องอะไรหรือ”
นรมนถามเขาเสียงเบา
ชัยยศมองเธอ รู้สึกลังเลเล็กน้อย