แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 952
ผ่านเรื่องราวต่างๆกับบุริศร์มามากมาย ตอนนี้เห็นเรื่องแบบนี้นรมนก็รู้สึกชินชาแล้ว
“นายคงจะจัดการได้ใช่ไหม?”
เธอมองไปที่บุริศร์ หาวไปหนึ่งที่ด้วยความเหนื่อยล้า
ปกติในเวลานี้นรมนจะนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงนานแล้ว ตอนนี้กลับตื่นจนดึกขนาดนี้ แววตาของบุริศร์เผยความปวดใจ
“จัดการได้ ถ้าเธอง่วงแล้วนอนก่อนเลย เสร็จแล้วฉันจะเรียกเธอ”
“โอเค”
นรมนบอกว่านอนก็จะนอน ไม่ได้เห็นคนเหล่านี้อยู่ในสายตาเลย
บุริศร์ถอดเสื้อคลุมของตนออกแล้วคลุมไว้บนไหล่ของนรมน ให้เธอไม่ต้องเป็นหวัด
หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จแล้ว ใบหน้าของบุริศร์ถึงนิ่งลง แววตามีความเยือกเย็น
เขาเหยียบคันเร่งทันที พุ่งตรงไปที่รถที่อยู่ตรงข้าม
หรือว่าพวกเขาคิดไม่ถึงว่าบุริศร์ที่มีนรมนอยู่ด้วยจะพุ่งเข้ามาแบบนี้ ชะงักไปช่วงหนึ่ง สายตามองบุริศร์ที่ไม่มีความคิดที่จะหยุดลงเลย ในที่สุดอีกฝ่ายก็กลัว ถอยหลังด้วยความเร็วที่สุด
ใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้ บุริศร์ขับรถพุ่งออกไปโดยตรง
ความเร็วรถของบุริศร์ไม่หยุดลงเลย หลังจากอีกฝ่ายเปิดทางให้แล้วไม่เพียงแต่ไม่ลดความเร็ว แต่ความเพิ่มความเร็วพุ่งออกไป
รถที่อยู่ด้านหลังตามอยู่ตลอด แต่ก็เพียงแค่ตามอยู่สองแยกถนน หลังจากเข้าถนนใหญ่ก็หายไปมองไม่เห็นแล้ว
แววตาของบุริศร์มีความเรียบนิ่ง จำแยกถนนไว้ จากนั้นก็ขับรถไปทางโรงแรม
กลับมาถึงหน้าประตูโรงแรมแล้ว นรมนก็ยังคงหลับสนิทอยู่
ใบหน้าที่เยือกเย็นของบุริศร์เผยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
เขาลงจากรถเบาๆ จากนั้นก็อุ้มนรมนไว้ในอ้อมแขน เข้าไปในห้องพักของโรงแรมทันที
นรมนหาท่าที่สบายนอนอยู่ในอ้อมแขนของบุริศร์ต่อ กระทั่งทุบปากล่างสองครั้ง ราวกับว่าฝันถึงอะไรที่น่ากินอยู่
ดวงตาของบุริศร์อ่อนโยนยิ่งขึ้น
เขาห่มผ้าให้นรมน นึกถึงที่ชยนต์พูดเรื่องขาของปัญญ์ คิดว่าพรุ่งนี้นรมนจะต้องยังคงเจ็บปวดเพราะเรื่องนี้แน่ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วไปที่ห้องของปัญญ์
ผู้ดูแลเห็นบุริศร์มา ก็อยากจะพูดอะไรนิดหน่อย แต่ถูกบุริศร์ห้ามไว้
เขาเห็นปัญญ์กำลังก้มหน้าแปลเอกสาร สัมผัสไม่ได้เลยแม้แต่น้อยว่าเขามาแล้ว
“ยุ่งอยู่หรอ?”
“อือ”
ปัญญ์พูดตอบไปโดยไม่รู้ตัว หลังจากหยุดชะงักไปสามวินาทีก็เงยหน้าทันที ก็เห็นบุริศร์ยืนอยู่ในห้องของตน อดไม่ได้ที่จะงงงันเล็กน้อย
“ประธานบุริศร์? มีเรื่องอะไรครับ?”
“เอกสารนี้รีบใช้ด่วนหรอ?”
บุริศร์เป็นธรรมดาที่จะรู้เอกสารของบริษัทตน เขาจำได้ว่าพวกนี้ไม่ได้รีบใช้เป็นพิเศษ
ปัญญ์พูดอย่างจริงจังมาก “ไม่ค่อยด่วนครับ แต่ว่าผมรับเงินเดือนมาก็ต้องทำเรื่องให้ดี นี่เป็นงานของผม”
สำหรับการทำอาหารของปัญญ์ บุริศร์ชื่นชมมาก
“ทัศนคติแบบนี้ของนาย อนาคตของตระกูลเจริญไชยมีนับไม่ถ้วน”
ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ ปัญญ์ก็ยิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อย “ประธานบุริศร์คุณพูดเล่นแล้ว ผมแบบนี้ตระกูลเจริญไชยจะมีอนาคตอะไร?”
“พิการแต่มีความทะเยอทะยานถึงจะสำคัญที่สุด อีกอย่างนายก็ไม่ดูเหมือนจะเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต เมื่อกี้ฉันกับนรมนจับชยนต์ได้ที่งานเลี้ยงของคุณชายอรรณพ ได้รู้เรื่องบางอย่างจากปากเขา ทำไมถึงไม่พูดกับนรมน?”
ในตอนที่บุริศร์พูดชื่อของชยนต์ออกมา ปัญญ์ก็กระพริบตาสองครั้ง
“พูดอะไร?”
“มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังคิดจะปิดบังนรมนอีกหรอ? เธอรู้หมดแล้ว รวมถึงเรื่องของพี่สาวนายด้วย”
ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ แววตาของปัญญ์ในที่สุดก็จมดิ่งลง ขอบตาแดงเล็กน้อย
“พี่สาวผมไม่ให้พูด”
บุริศร์รู้มาตลอดว่าคมทิพย์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนรมน เพื่อนรมนแล้วไม่ว่าอะไรก็ทำได้ นี่ก็เป็นเหตุผลที่แม้ว่าบุริศร์จะไม่ค่อยชอบคมทิพย์ แต่ก็ยังคงสนับสนุนที่นรมนจะคบหากับเธอ
ต่อให้ตอนนั้นคมทิพย์จะเข้าใจเขาผิดเพราะเชษฐ์ แล้วทำเรื่องแบบนั้นลงไป แม้ว่าเขาจะโมโห แต่ก็ไม่ได้ไปแก้แค้นอะไรคมทิพย์ วันนี้รู้ว่าเธอกระทั่งสูญเสียคุณสมบัติที่จะได้เป็นแม่เพื่อนรมน ในใจบุริศร์ไม่รู้ว่าเป็นรสชาติแบบไหน
“พี่นายไม่ให้พูดนายก็ไม่พูดแล้ว? นายยินยอมที่จะเห็นพี่สาวนายชั่วชีวิตนี้เป็นแม่คนไม่ได้จริงๆ?”
ดวงตาของปัญญ์มีน้ำเอ่อขึ้นมา
“ผมไม่อยาก หลังจากกลับมาแล้วพวกเราก็ไปหาคนมาดู แต่ล้วนแต่บอกว่าพี่สาวผมตอนนี้หนาวสั่นเกินไป ไม่มีหนทางแล้ว พี่สาวผมบอกว่าเธอไม่ใส่ใจ แต่ว่าในฐานะผู้หญิงจะไม่ใส่ใจได้ยังไง? แต่เธอไม่ให้ผมพูด กลัวว่าพี่นรมนจะรับไม่ได้ เธอบอกว่าพอพี่นรมนรู้เรื่องนี้แล้ว จะตามหาชยนต์เพื่อแก้แค้นอย่างสุดกำลัง แต่ว่าตอนที่อยู่ชายแดน พวกเราก็ตระหนักได้ ว่ามีคนอยู่เบื้องหลังชยนต์ เกี่ยวกับว่าคนนั้นคือใครพวกเราตรวจสอบไม่ได้ แต่ก็เข้าใจว่าเป็นการมีอยู่ที่พี่นรมนทนไม่ได้ พี่สาวผมบอกว่าในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ถือว่าต่อให้พี่นรมนรู้ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ยังต้องดูแลความปลอดภัยของพี่นรมน ถ้าอย่างนั้นก็เก็บเรื่องนี้ไว้ดีกว่า”
ปัญญ์พูดมาถึงตอนท้ายก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ น้ำตาไหลริมลงมา
เด็กผู้ชายคนนี้ ขาของตนโดนหักไปยังไม่ร้องไห้ รู้ว่าตนอาจต้องเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตก็ไม่ร้องไห้ ตอนนี้พูดถึงคมทิพย์กลับสะอึกสะอื้น
“ประธานบุริศร์ บางครั้งผมก็เกลียดตัวเองจริงๆที่ไร้ประโยชน์ ทั้งๆที่ผมเป็นผู้ชาย แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องให้พี่สาวผมโอบอุ้มไว้แทนผม ตั้งแต่เล็กผมก็ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหนือกว่า แต่พี่สาวผมหายไปตั้งแต่เล็ก ไม่ได้ใช้ชีวิตที่ดี ตอนนี้ถูกตระกูลเจริญไชยรับกลับมาแล้ว กลับต้องแบกรับความหนักหนาทั้งหมดของตระกูลเจริญไชยไว้ ผมเกลียดตัวเองจริงๆที่ไม่มีความสามารถ ผม……”
“ฉันจะให้ความสามารถกับนาย นายจะยินยอมไหม?”
จู่ๆบุริศร์ก็ขัดคำพูดของปัญญ์
ปัญญ์เงยหน้ามองไปที่บุริศร์ มีความไม่เข้าใจ
บุริศร์พูดเสียงต่ำ “พรุ่งนี้คุณหมอรมิดามารักษาอาการให้นาย ถ้าเขาลงมือแล้ว โดยปกตินายจะไม่เป็นอะไร อัตราการฟื้นฟูร่างกายมีมาก ถ้านายอยากที่จะทำอะไรให้พี่สาวนายจริงๆ งั้นก็รอหลังจากขานายหายดีแล้ว ฉันจะส่งนายไปฝึกประสบการณ์ที่บริษัทสาขาต่างประเทศ ฉันให้เวลานายสองปีฝึกประสบการณ์จนเป็นประธานของบริษัทสาขาแยกนั่นให้ได้ เพียงแค่นายทำได้ ไม่ว่าจะเป็นพี่สาวหรือพ่อนาย ต่างก็ไม่ต้องแบกรับทั้งหมดนี่ นายจะยินยอมรับการจัดเตรียมของฉันไหม?”
ปัญญ์ชะงักไปทั้งตัว
“คุณจะไม่จงใจผ่อนปรนให้ผม?”
“ไม่ อนาคตหลังจากนี้อาศัยความสามารถที่แท้จริงของนาย ปัญญ์ ฉันไม่เตือนนายไม่ได้ ทางนั้นยุ่งเหยิงมาก จะเกิดอันตรายถึงชีวิตตอนไหนก็ได้ แต่ที่นั่นก็เป็นที่ที่จะทำให้นายเติบโตได้มากที่สุดในเวลาอันสั้น”
ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ ดวงตาของปัญญ์ก็ประกายขึ้นทันที
“ผมยินดี ขอแค่ประธานบุริศร์ไม่จงใจผ่อนปรนเพื่อช่วยผม อาศัยความสามารถที่แท้จริงกับความพยายามของผม ผมก็ยินดีที่จะลอง”
บุริศร์เห็นแรงฮึดในแววตาของปัญญ์
“โอเค จำคำที่นายพูดวันนี้ไว้ เพียงแค่การผ่าตัดประสบความสำเร็จฉันก็จะส่งนายไป สำหรับคนนอกและพี่สาวนายฉันจะบอกว่านายไปรับการรักษาที่ต่างประเทศ มีแค่นายกับฉันที่รู้ความจริง หลังจากนายไปแล้ว จะต้องทำการภาพบำบัดด้วยตัวเอง ไปทำงานเอง จัดการความสัมพันธ์กับคนด้วยตัวเอง สาขาแยกของบริษัทที่นั่นวุ่นวายมาก ด้านในมีคอรัปชั่นไม่น้อย นายไปที่นั่นก็เหมือนแกะเข้าไปในฝูงหมาป่า มันจะออกมาเป็นยังไงล้วนแต่ต้องอาศัยตัวนายเอง แน่นอน แน่นอน ถ้านายยืนหยัดต่อไปไม่ไหวจริงๆ นายก็โทรมาหาฉัน ฉันจะรับนายกลับมา แต่ว่าหลังจากนี้นายก็จะต้องรับทุนช่วยเหลือจากฉัน ฉันจะดูแลการกินอยู่ของนาย กระทั้งดูแลค่าใช้จ่ายของนาย นายไม่จำเป็นต้องทำอะไร รับนายมาเลี้ยงดูเหมือนลูกชายเศรษฐีโดยสมบูรณ์ ถึงยังไงทั้งหมดที่นายทำเพื่อพี่นรมนของนาย ฉันไม่อาจปล่อยให้พี่นรมนของนายเสียใจได้”
สีหน้าของปัญญ์ดูไม่ได้ขึ้นมาทันที
“ประธานบุริศร์ คุณกำลังทำให้ผมอับอาย”
“ไม่ ที่ฉันพูดเป็นความจริง ฉันให้โอกาสนาย ถ้านายผ่านไปไม่ได้ ฉันก็จะส่งคนไปรับนายกลับมา เพียงแค่หวังว่าชีวิตของนายหลังจากนี้ฉันจะจัดแจงเอง รับประกันความปลอดภัยของนายก็พอแล้ว”
บุริศร์พูดแบบนี้ไม่ได้มีความหมายที่จะดูหมิ่นใดๆ แต่ปัญญ์ก็ยังคงอยากที่จะพุ่งออกไป
ถึงอย่างไรเขาก็หวังจะสร้างอนาคตของตระกูลเจริญไชยด้วยมือตัวเอง มากกว่ารับกุศลจากคนอื่น
“ผมรับปาก คุณวางใจเถอะ ผมจะไม่กลับมาเป็นลูกชายเศรษฐี”
แววตาของปัญญ์ทำให้บุริศร์ชื่นชมมาก
ทั้งสองคุยกันอยู่อีกพักหนึ่ง บุริศร์เห็นว่าดึกมากแล้ว ก็ลุกขึ้นบอกลา
ออกจากประตูห้องของปัญญ์มา บุริศร์ก็พบว่านรมนกำลังพิงอยู่บนหน้าต่างของทางเดิน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
“ทำไมตื่นแล้ว?”
บุริศร์เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว กุมมือของนรมนไว้ในฝ่ามือของตน
มือของเธอเย็นเล็กน้อย
“แล้วออกมาก็ไม่ใส่เสื้อผ้าเยอะหน่อย เป็นหวัดขึ้นมาจะทำยังไง?”
บุริศร์พูดเสียงเบา แล้วพานรมนกลับไปที่ห้องของพวกเขา
กระทั่งบุริศร์ปิดประตูห้องลง นรมนถึงพูดขึ้นเสียงต่ำ “บุริศร์ ขอบคุณนะ”
“พูดอะไรน่ะ? จู่ๆก็ขอบคุณ เธอนอนจนเลอะเลือนแล้ว?”
ทันใดนั้นนรมนก็กอดบุริศร์ไว้จากด้านหลัง พูดเสียงต่ำ “ฉันรู้ว่าที่นายทำแบบนี้กับปัญญ์ก็เพื่อฉัน นายกลัวว่าฉันจะรู้สึกผิด กลัวว่าหลังจากนี้ฉันจะหวงแหนปัญญ์ จนทำลายเขา ดังนั้นนายเลยให้เขาไปต่างประเทศใช่ไหม? บอกว่าไปฝึกประสบการณ์ นายก็จะส่งคนไปแอบปกป้องเขาใช่ไหม?”
“ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแบบนี้เพื่อเธอ อีกอย่างตระกูลเจริญไชยก็เป็นเพราะเชษฐ์ถึงได้ไม่ร่วง พูดไม่ได้ว่าเพื่อเธอทั้งหมด นับว่าเพื่อพวกเราสองคน เรื่องที่เธออยากทำฉันรู้ดี แต่ว่ากำลังจิตใจของเธอตอนนี้มีขีดจำกัดจริงๆ ไม่ต้องไปพิจารณาเรื่องพวกนี้แล้ว มอบมันให้ฉันเธอก็วางใจได้แล้ว ฉันจะดูแลเขาเหมือนน้องชายตัวเอง”
ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ ในใจของนรมนก็มีความซาบซึ้งแวบผ่าน
บุริศร์อาจไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุด แต่ว่าในใจของเธอ เขาเป็นสามีที่ดี100%
นรมนกอดบุริศร์อย่างพึงพอใจ แต่บุริศร์กลับรู้สึกไม่ได้รับพร
“ที่รัก เธอทำแบบนี้ต่อฉันจะดุร้ายเอานะ ถึงตอนนั้นเก็บไว้ไม่ได้จะทำยังไง?”
นรมนชะงักเล็กน้อย หมุนความคิดไม่ทันเล็กน้อย ใบหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ทำตัวเป็นคนแก่”
ในที่สุดเธอก็ปล่อยบุริศร์
บุริศร์พูดอย่างเสียไม่ได้ “กอดต่ออีกหน่อยน่า”
“ไปเลย!”
นรมนดุด่าอย่างยิ้มๆ ทั้งสองกลับไปนอนลงบนเตียง
แสงไฟที่อบอุ่นสาดส่องร่างที่กอดกันของพวกเขา นรมนวางศีรษะไว้บนอกของบุริศร์ ฟังเสียงหัวใจเต้นที่เหมือนฟ้าร้องของเขา จู่ๆก็ถามขึ้น “จริงสิ นายว่ารถที่ปิดล้อมพวกเราไว้คืนนี้คือใคร”
ดวงตาของบุริศร์มีคลื่นเล็กน้อย ร่องรอยการคาดเดาผ่านเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็ว