แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 954
บูรณ์ดูเหมือนจะกลัวเขาคนนั้นที่อยู่ในปากของเนตรามาก แม้ว่ายังอารมณ์เสียอยู่มาก แต่ก็ลดเสียงลงตามคำพูดของเนตรา
นรมนสงสัยในตัวคนคนนี้มากขึ้น
เนตราเห็นบูรณ์พอจะเก็บอารมณ์โกรธได้แล้ว ถึงพูดเสียงต่ำขึ้น “รีบไปเถอะ เรื่องของนายเดี๋ยวฉันจะพูดกับเขาให้ ต่อให้คุณชายอรรณพตัดช่องทางหาเงินของนายแล้ว ฉันจะให้เขาจัดแจงช่องทางอื่นให้นาย วางใจก็พอ”
“งั้นก็ไหว้วานเธอด้วย”
บูรณ์ตอนมาโมโหฉุนเฉียว ตอนไปกลับนิ่งเงียบ
คิ้วของนรมนขมวดเข้าหากันแน่น
เนตราหาวหนึ่งทีแล้วกลับเข้าไปในห้อง
รมิดาลากนรมนออกมาจากลานว่างนี้อย่างเงียบๆ
หลังจากออกมา นรมนถึงถอนหายใจ เอ่ยถาม “เธอรู้ว่าคนที่นี่เป็นใคร?”
“รู้สิ ก็เป็นคนนั้นที่ขายบ้านให้ฉัน”
รมิดาหยิบกระดาษ A4ใบกี่แผ่นออกมาจากกระเป๋า พูดนิ่งๆ “นี่เป็นข้อมูลของของผู้ชายที่อยู่ในนั้น ตอนนี้น่าจะนับว่าเป็นแฟนของเนตราเมื่อคืนนี้ที่งานเลี้ยงฉันเห็นเธอมุงเป้าไปที่บูรณ์ ฉันเลยไปตรวจสอบดู พบว่าเรื่องนี้ค่อยข้างน่าสนใจ ก็เลยอาศัยที่ไม่ได้ไปทำงาน พาเธอมาดูเสียหน่อย”
นรมนรับกระดาษไม่กี่แผ่นมาจากมือของรมิดาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“เรื่องนี้ต้องขอบคุณเธอมาก”
“ไม่ต้องขอบคุณ จัดการเรื่องวุ่นวายของเธอให้เรียบร้อยโดยเร็ว รีบเปิดบริษัทภาพยนตร์ทำเงิน”
รมิดายิ้ม จากนั้นก็ตบบ่าของนรมน พูดเสียงต่ำ “ต้องการให้ฉันส่งเธอกลับไหม?”
“ไม่ต้อง ฉันไปเอง”
นรมนตอนนี้ยังไม่อยากกลับไปเร็วขนาดนั้น จึงแยกกับรมิดาตรงนี้
ตอนนี้ในสมองเธอยุ่งเหยิงไปหมด
เนตรามีแฟน แล้วยังดูเหมือนว่าจะมีพลังไม่น้อย แต่ว่าทำไมเธอถึงไม่พูดกับพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน
ทำไมถึงยังแสดงท่าทางว่าตัวเองจน?
นรมนหาจุดนั่งลง หยิบกระดาษพวกนั้นออกมาจากอ้อมแขน
ผู้ชายคนนี้ของเนตราชื่อว่ากล้าณรงค์ กล่าวไว้ว่าเป็นเจ้านายของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ทำธุรกิจต่างประเทศเยอะมาก ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรที่ต่างประเทศกันแน่ อายุใกล้จะสามสิบแล้ว ไม่ได้แต่งงาน ตอนนี้มีความสัมพันธ์เป็นแฟนกับเนตรา
แต่รมิดาโน้ตไว้ข้างหลังหนึ่งประโยค
ดูเหมือนว่ากล้าณรงค์เป็นคนที่เชษฐ์รับเลี้ยงมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ดวงตาของนรมนหรี่ลงทันที
เนตราเองก็อยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เล็ก ดังนั้นเป็นไปได้มากว่ากล้าณรงค์คนนี้เป็นคนของเชษฐ์ แต่สิ่งที่ทำให้นรมนแปลกใจก็คือ เชษฐ์ถูกจับไปแล้ว พลังของเขาก็พังทลายลงเช่นกัน กล้าณรงค์คนนี้ทำไมถึงไม่โดนผลกระทบ?
อีกอย่างความหมายการมีอยู่ของเขาคืออะไรกันแน่?
หรือว่าคนที่อยู่เบื้องหลังชยนต์ก็เป็นเขา?
คนที่ปองร้ายตระกูลเจริญไชยก็เป็นเขา?
นรมนเอาทั้งสองเรื่องมาเชื่อมต่อกัน แต่หาหลักฐานไม่ได้
เธออยู่ข้างนอกนานมาก จนกระทั่งบุริศร์โทรศัพท์หาเธอ เธอถึงตื่นจากความฝัน
“เป็นไงบ้าง? กินข้าวแล้วกินเธอเข้าไปด้วยหรอ?”
บุริศร์เห็นนรมนยังไม่กลับมา ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วง
นรมนเก็บกระดาษเหล่านั้นไว้ พูดเสียงต่ำ “ไม่มีอะไร ฉันเดินเล่นนิดหน่อย บุริศร์ ชยนต์ยังอยู่ไหม?”
“อยู่นะ เธอยังมีเรื่องจะถาม?”
“อืม ฉันจะไปเอง นายให้ชัยยศมารับฉันหน่อย”
นรมนรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย เลยหาร้านกาแฟนั่งพัก
หลังจากบุริศร์วางสายไปแล้วก็ส่งชัยยศมา
ในตอนที่ชัยยศมาถึง นรมนก็ดื่มกาแฟหนึ่งแก้วหมดพอดี
“คุณนาย ผมมาแล้วครับ”
“ไปกันเถอะ ไปหาชยนต์”
นรมนเช็คบิล มาถึงตรงหน้าชยนต์พร้อมกับชัยยศอีกครั้ง
ผ่านการทรมานมาหนึ่งคืน ชยนต์ดูแห้งเหี่ยวกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด ในตอนที่เห็นนรมนอีกครั้ง ก็พูดอย่างขอร้องเล็กน้อย “เธอฆ่าฉันเถอะ มีชีวิตอยู่ต่อไปแบบนี้ฉันรับไม่ได้ซะยิ่งกว่าตายไป”
มาดูขาที่ถูกหักทั้งสองข้างของชยนต์ นรมนไม่สงสารเขาเลยแม้แต่น้อย
“นายนึกถึงปัญญ์ เขาผ่านมาได้ยังไง? ชยนต์ เรื่องบางเรื่องทำแล้วก็ต้องชดใช้”
“นรมน เมื่อก่อนเธอไม่ใช่แบบนี้ เธอ……”
นายคิดว่านายรู้จักฉันดีหรอ? ฉันเป็นคนใจดีได้ แต่ขออย่าเหยียบย่ำความใจดีของฉันแล้วมาทำกับคนสำคัญข้างกายฉัน เรื่องนี้โดยปกติแล้วฉันไม่ยอมรับ”
นรมนพูดจบ มองไปที่ชยนต์ เอ่ยถามโดยตรง “นายรู้จักกล้าณรงค์ไหม?”
“ใคร?”
“กล้าณรงค์”
นรมนพูดอีกครั้ง
แต่เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของชยนต์ นรมนก็รู้ว่าตนถามไปเปล่าๆ
ชยนต์ก็เคยพูดไว้ ทั้งหมดที่เขาทำล้วนแต่ผ่านผู้หญิงคนหนึ่ง ดังนั้นอยากจะรู้ว่าเรื่องของปัญญ์กับกล้าณรงค์มีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ นรมนรู้สึกว่าจะต้องไปถามผู้หญิงคนนั้น
“จริงสิ ผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”
ชัยยศรีบพูดขึ้น “ตอนที่จับตัวได้ค่อนข้างซื่อตรง แต่ต่อมาเธอหนีไปได้ครับ”
“หนีไปหมายความว่าไง?”
คิ้วของนรมนขมวดขึ้นมาทันที
ชัยยศส่ายหน้า
“ไม่แน่ชัดครับ ผมไม่ได้เป็นคนดู กลายเป็นว่าผู้หญิงคนนั้นลื่นไหลมาก”
“ส่งคนไปดูสถานที่นี้ไว้ ดูว่าเธอจะไปหาคนคนนี้ไหม”
นรมนเอาที่อยู่ของกล้าณรงค์ให้ชัยยศ
ในตอนนี้ชยนต์เจ็บปวดจนแทบจะหมดสติแล้ว
“นรมน เธอให้ฉันไปดีเถอะ”
“แบกรับไปเถอะ เรื่องที่นายทำกับสองพี่น้องตระกูลเจริญไชย ตัวเองก็ลิ้มลองผลลัพธ์นี้ไป พวกนายก็ไม่ต้องสนใจเขาแล้ว ให้เงินเขานิดหน่อย เอาเขาไปโยนไว้บนถนน หลังจากนี้แค้นของฉันกับเขาก็ชำระแล้ว”
นรมนพูดจบก็ลุกขึ้นจากไป
ในใจเธอหดหู่เล็กน้อย ปิดกั้นเล็กน้อย
หลังกลับมาถึงโรงแรม บุริศร์ไม่อยู่ คงจะไปหาอรรณพ
นรมนครุ่นคิด แล้วก็ไปที่ห้องของปัญญ์
“พี่นรมน มาได้ยังไงครับ?”
ปัญญ์ยิ้มถาม ดูแล้วอารมณ์ดีมาก
นรมนเห็นรอยยิ้มของปัญญ์สดใสแบบนี้ ในใจก็มีความทุกข์เล็กน้อย
“เย็นนี้ถ้ามีการผ่าตัด ประหม่าไหม?”
“ไม่ครับ ยังไงก็เป็นแบบนี้แล้ว สภาพจิตใจผมดีมาก พี่นรมนไม่ต้องเป็นห่วงผม”
ปัญญ์หันมาปลอบโยนนรมน
นรมนกอดเขาแน่นไว้ในอ้อมแขน “พูดเสียงต่ำ “ปัญญ์ ทำให้นายอับยศแล้ว”
“ไม่อัปยศ พี่นรมน อย่าเป็นแบบนี้ ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
ปัญญ์ดิ้นรนผลักนรมนออก ใบหน้าเผยสีแดงหนึ่งชั้น
“อุ้ย ปัญญ์ของพวกเรารู้จักเขินเป็นแล้วหรอ?”
นรยมหัวเราะเขา หน้าของปัญญ์ยิ่งแดงขึ้น
“พี่นรมน พี่ชอบแซวผม พี่สาวผมตอนนี้ก็ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง”
ได้ยินปัญญ์พูดแบบนี้ นรมนก็เศร้าใจเล็กน้อย
“วางใจเถอะ ฉันจะหาคนมาดูแลเธอ”
นรมนไม่ได้พูดเรื่องของบูรณ์ให้ปัญญ์ฟัง แต่มีคำรับประกันของนรมนแล้ว ปัญญ์ก็สงบใจได้ไม่น้อย
“พี่สาวผมคนนี้นิสัยดื้อรั้นเกินไป ตอนนี้พี่พฤกษ์ก็กลายเป็นผักไปแล้ว ผมหวังจริงว่าตัวเองจะสามารถดีขึ้นมาได้โดยเร็ว สามารถไปช่วยพี่สาวผมได้เร็วหน่อย”
“วางใจเถอะ มีฉันอยู่นะ”
นรมนปลอบใจปัญญ์อีกครั้ง แต่เห็นสีหน้าเขาไม่เลว สภาพจิตใจก็ไม่เลว ถึงออกจากห้องไป
หลังออกมาจากห้อง นรมนก็โทรศัพท์ไปหาคมทิพย์
ฝั่งนั้นรับสายอย่างรวดเร็ว
“วันนี้กลับรับสายเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ยุ่ง?”
คมทิพย์พิงอยู่บนเก้าอี้ พูดอย่างหดหู่เล็กน้อย “ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ยุ่งแล้ว ว่ากันว่าผู้กำกับไปทำให้คนขุ่นเคือง ตอนนี้ละครฉากนี้หยุดลงโดยสมบูรณ์ ทุกคนต่างรออยู่ ไม่รู้นักลงทุนจะว่ายังไง”
แน่นอนว่านรมนรู้เรื่องผู้กำกับ
“เรื่องผู้กำกับฉันทำเอง”
“เอ๋?”
นรมนบอกเรื่องทั้งหมดที่ตนรู้กับคมทิพย์
คมทิพย์โมโหจนกระทืบเท้า
“เนตราผู้หญิงคนนั้นป่วยหรอ? ฉันก็ไม่ได้ไปยั่วยุหล่อน หล่อนให้ผู้กำกับมามุ่งร้ายฉันหมายความว่าไง?”
“อาจจะเป็นเพราะฉัน เพราะว่าเธอเป็นเพื่อนรักของฉัน หล่อนถึงได้ทำแบบนี้ จริงสิ เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ของพฤกษ์ตรวจสอบเป็นยังไงบ้าง?”
คมทิพย์ส่ายศีรษะพูด “ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย จะว่าไปก็แปลก ตอนนั้นไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์เลย เธอว่ามันเป็นไปได้หรอ? ตอนที่พฤกษ์รถชนเป็นเวลาทำงาน ต่อให้ตรงนั้นเป็นมุมอับกล้องวงจรปิด แต่จะเป็นไปได้ยังไงที่แม้แต่คนข้ามถนนซักคนยังไม่มี? ฉันเอาแต่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ อีกอย่างตอนนั้นที่เนตราอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่เคยเจอพฤกษ์มาก่อน แล้วรู้ได้ยังไงว่าพฤกษ์กลายเป็นผักไปแล้ว?”
นรมนรู้ ข้อสงสัยของคมทิพย์ถูกทั้งหมด แต่ว่าตอนนี้พวกเธอไม่มีหลักฐาน พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์
“ฉันจะให้พวกนภดลค้นหาต่อไป เธอก็อย่ากังวลมากเกินไป งานแสดงนี้ทำต่อไม่ได้ชั่วคราว เธอไม่ได้วางแผนทำอย่างอื่นหรอ?”
“ทำอะไร? ใจฉันตอนนี้อยากพัฒนาวงการบันเทิง ทำงานอื่นจะทำให้เลือกคนล่าช้า ก็รั้งไว้อย่างนี้ก่อนเถอะ บางทีพระเจ้าอาจจะให้โอกาสฉันซักครั้ง”
ได้ยินคมทิพย์พูดแบบนี้ นรมนก็พูดยิ้ม “เธอว่าถ้าเราซื้อภาพยนตร์เรื่องนี้มา พวกคนทำงานขยับเขยื้อนไม่ได้จะมีอะไรแตกต่างไหม?”
“พี่สาว เธอล้อเล่นหรอ? ที่นี่มีดาราแนวหน้าหลายคน อีกอย่างแบ่งบริษัทภาพยนตร์เป็นสองแห่ง คิดจะซื้อพวกเขาจะเป็นไปได้ยังไง? นอกจากว่านักลงทุนถอนทุน เธอก็เข้ามาในฐานะนักลงทุน”
คำพูดของคมทิพย์ทำให้ดวงตาของนรมนขยับเล็กน้อย
เข้ามาในฐานะนักลงทุน?
นี่ก็เป็นไปได้
“คมทิพย์ ฉันรู้แล้วว่าควรทำยังไง เธอวางใจได้เลย วันคืนที่ดีของพวกเราอยู่ไม่ไกลแล้ว”
น้ำเสียงที่มีความสุขของนรมนทำให้คมทิพย์เองก็อารมณ์ดี
“ดูเธอพูดเข้า เหมือนกับว่าอีกเดี๋ยวก็จะประสบความสำเร็จ จริงสิ การผ่าตัดของน้องชายฉันเป็นยังไงบ้าง?”
“ผ่าตัดเย็นนี้ คุณหมอรมิดาบอกว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เธอไม่ต้องกังวลมาก”
นรมนรู้ว่าคมทิพย์เป็นห่วงปัญญ์ รีบพูดเรื่องนี้กับเธอ
คมทิพย์พูดอย่างรู้สึกเสียดาย “น่าเสียดายที่ตอนนี้ฉันไม่สามารถอยู่ข้างกายเขาได้ แต่มีเธออยู่ ฉันคิดว่าปัญญ์เองก็พอจะสงบใจได้บ้าง”
นรมนฟังออกถึงความทำอะไรไม่ได้ของคมทิพย์ ในใจนึกถึกที่ชยนต์พูดว่าครั้งหนึ่งคมทิพย์แบกรับทุกอย่างไว้เพื่อตน เธอพูดขึ้นกะทันหัน “ถ้าตอนเย็นเธอยังไม่ได้ทำงาน ฉันจะให้คนกลับไปรับเธอ เธอมาอยู่เป็นเพื่อนปัญญ์ผ่าตัดดีไหม?”
คมทิพย์ชะงักไปทั้งตัว
ผ่านไปนานมาก เธอถึงเอ่ยปากถาม “ได้หรอ? จะลำบากไหม?”
“จะลำบากได้ยังไง? เธออย่าลืมสิ สามีฉันเป็นคนอันดับหนึ่งของเมืองชลธีนะ”
คำพูดโอ้อวดของนรมนทำให้คมทิพย์ยิ้มออกมา แต่ในดวงตากลับเผยละอองน้ำออกมา
“นรมน ขอบคุณนะ”
“พูดไร้สาระอีกแล้ว!”
หลังจากนรมนกับคมทิพย์นัดแนะกันเรีบร้อยแล้วก็วางสายไป ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมากะทันหัน