แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 967
“คุณไม่ต้องสนหรอกเกิดอะไรขึ้น แค่บอกฉัน ฉันจะไปเจอผู้หญิงคนนั้นได้ที่ไหน”
น้ำเสียงนรมนเร่งร้อน
บุริศร์เงียบงัน
“คุณพูดอะไรหน่อยสิ”
บุริศร์ยิ่งเงียบกริบ นรมนยิ่งตกใจ
เธอนึกถึงสภาพการตายของผู้หญิงคนนั้น อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
“เมื่อกี้ที่นี่เจอศพผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกโยนทิ้งทะเล คุณรู้มั้ยฉันเห็นอะไร”
“นรมน ถ้าคุณกลัวก็กลับมาเถอะ ผมจะส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับคุณ”
บุริศร์พูดขึ้นในที่สุด
นรมนรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
“ใช่คุณทำหรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่”
บุริศร์ตอบเรียบๆ
ไม่ใช่เขาทำจริงๆ
ไม่นับว่าเขาโกหก
นรมนกำมือถือเงียบงันเนิ่นนาน ได้ยินแต่เสียงลมหายใจของสองฝ่าย
เธอไม่รู้จะพูดอะไรดี สุดท้ายก็พูดว่า “ฉันวางก่อน ง่วงแล้ว จะกลับไปนอนค่ะ”
พูดจบก็ตัดสายทิ้ง
แต่นรมนรู้สึกว่าตัวเย็นไปทั้งตัว
บุริศร์เป็นคนอย่างไรเธอรู้ดี ความรู้สึกระหว่างพวกเขาไม่ถึงขั้นที่บุริศร์จะนอกใจ ถ้าหากไม่เห็นศพผู้หญิงคนนั้น บางทีนรมนอาจจะไม่คิดมาก แต่ตอนนี้เธอไม่คิดมากไม่ได้แล้ว
เธอไม่รู้ว่าตัวเองเดินกลับบ้านยังไง ในหัวมีแต่เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงนี้ย้อนกลับมา
นรมนรู้สึกได้บุริศร์กำลังปิดบังบางอย่าง
เขาอยากจะปิดบังอะไรนะ
ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นแค่ยั่วยวนเขา เขาไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ แต่ทำอย่างนี้แล้ว หรือหมายความว่าผู้หญิงคนนั้นมีความลับอะไร แต่ความลับนี้บุริศร์ไม่อยากให้เธอรู้อย่างนั้นหรือ
นรมนรู้สึกว่าหัวตัวเองแทบระเบิด
เธอไม่อยากคิดอะไรแล้ว นอนลงบนเตียงหลับไป
ในความฝันมีแต่ผู้หญิงคนนี้ไล่ล่าเธอ เลือดโชกเต็มตัว ตกใจจนเธอกรีดร้องลุกขึ้น จากนั้นก็นอนไม่หลับอีกต่อไป
ข้างนอกฟ้ายังมืด
นรมนตาค้างไม่รู้สึกง่วงนอน
ตอนนี้คมทิพย์ไม่อยู่ เธอรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง
นรมนลุกขึ้น เริ่มจัดเตรียมงานของบริษัทผลิตภาพยนตร์
ตอนนี้ทุนจดทะเบียนยังไม่พอ เธอต้องคิดอ่านหาวิธี จากนั้นยังต้องหาที่ตั้งสำนักงาน คงจะเปิดบริษัทที่บ้านไม่ได้
นรมนหยิบมือถือมาดูเว็บไซต์ให้เช่าอาคาร ค้นหาทีละรายการ รู้สึกตัวอีกทีก็ฟ้าสว่างแล้ว
ข่าวศพผู้หญิงถูกโยนทิ้งน้ำเมื่อวานเป็นที่โจษจัน
นรมนรู้สึกอึดอัด ออกจากบ้านเช่า ไปหาห้องสำนักงานให้เช่า
เดินหาจนทั่วก็ยังหาที่เหมาะสมไม่ได้
เวลาล่วงเลยเกือบเที่ยง นรมนรู้สึกเหนื่อยแล้ว เธอหาร้านอาหารง่ายๆ นั่งลง เพิ่งจะสั่งเกี๊ยวน้ำชามหนึ่ง ก็เห็น รมิดาเดินเข้ามาท่าทางเหนื่อยๆ
“บังเอิญจัง เจอเธอที่นี่”
รมิดาเดินเข้ามานั่งสบายๆ สั่งเกี๊ยวน้ำชามหนึ่งเช่นกัน
นรมนคาดไม่ถึง
“ทำไมเธอมาที่นี่ล่ะ”
“วันนี้ขี้เกียจไปทำงาน ก็เลยออกมาเดินเล่น เจอเธอพอดี เห็นเธอมากินข้าว ก็เลยมาขอข้าวกิน วันนี้ให้เธอเลี้ยง”
รมิดายิ้มตาหยี
นรมนยิ้มแย้ม “ได้สิ เกี๊ยวน้ำชามเดียว ฉันเลี้ยงไหวอยู่แล้ว”
“เธอพูดเองนะ”
สองคนคุยกันสนุกสนาน จากนั้นก็กินมื้อกลางวัน
และยังบอกว่า ร้านอาหารริมทางนี่อร่อยมาก
นรมนไม่อยากกินอาหารมาเดือนกว่า ก็ยังกินไปสองชาม
“ดูท่าต้องมาร้านเล็กๆ นี่บ่อยๆ แล้ว ดูเธอกินเอร็ดอร่อยเชียว”
“อึม อร่อยมาก”
นรมนสรุป
“เธอมาทำอะไรแถวนี้หรือ”
รมิดาเช็ดปากพลางถาม
นรมนถอนหายใจ “มาหาห้องเช่า จะเปิดบริษัทผลิตภาพยนตร์ ไม่มีสำนักงานได้ยังไง”
“ทุนจดทะเบียนพอแล้วหรือ”
นรมนชะงักไปนิดหนึ่ง
“เธอรู้ได้ยังไง”
“อย่าลืมสิ ฉันเป็นคนแนะนำหัวหน้าส่วนให้เธอรู้จัก ให้เธอไปขออนุมัติ เรื่องทุนจดทะเบียนฉันจะไม่รู้บ้างได้ยังไง ยังขาดอีกเท่าไหร่ล่ะ”
คำพูดของรมิดาทำให้นรมนถอนหายใจ
“ยังขาดอีกตั้งแปดล้าน”
“เอาไปสิ”
รมิดายื่นบัตรเอทีเอ็มให้นรมน
นรมนตะลึง
“เธอเคยให้เงินฉันแล้ว”
“ถือว่าฉันเข้าหุ้นด้วยได้มั้ย ตอนแรกแค่สองล้าน เพิ่มอีกแปดล้าน พอดีกับฉันถือหุ้นครึ่งหนึ่ง”
รมิดายิ้มบางๆ
นรมนรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจทันที
“เธอทำอย่างนี้ฉันรู้สึกเกรงใจ”
“เธอคงไม่ได้กลัวบริษัทผลิตภาพยนตร์ ได้กำไร เดี๋ยวฉันจะขอแบ่งเงินเยอะหรอกนะ”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง”
“งั้นก็รับไปเถอะ เกรงใจอะไร ในเมื่อตอนนี้เธอจำเป็นต้องใช้เงิน”
เมื่อเธอพูดอย่างนี้นรมนก็ไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธแล้ว
เธอรับบัตรเอทีเอ็มมาถือในมือ พูดซาบซึ้งใจ “ขอบใจมากนะรมิดา”
“ขอบใจอะไรกัน เรื่องหาห้องเช่าเธออย่าไปตระเวนหาคนเดียว ไม่มีประโยชน์หรอก เดี๋ยวกลับไปแล้วฉันคัดเลือกห้องแถวนี้ให้ ค่อยส่งให้ลองดู เธอเลือกเอาที่หนึ่งละกัน”
คำพูดของรมิดาทำให้นรมนซาบซึ้ง
“รบกวนเธอมากไปหรือเปล่า ฉันเองก็ว่างไม่มีอะไรทำ เลยออกมาเดินเล่น”
“เดินเล่นถูกแล้ว ในเมื่อร่างกายเธอเพิ่งฟื้น ต้องออกกำลังกายหน่อย แต่อย่าหักโหมเกินไป อีกอย่าง เธอเปิดบริษัทผลิตภาพยนตร์แล้ว พนักงานจะจัดการยังไง จะไปว่าจ้างจากตลาดแรงงานหรือ”
รมิดามองนรมน ถามโดยอัตโนมัติ
นรมนถึงได้รู้สึกว่าการเปิดบริษัทไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
“ฉันยังไม่ได้คิดเลย ถ้าไม่ได้ก็ไปหาตามตลาดแรงงานละกัน”
รมิดาถอนหายใจ “คุณหนู พนักงานบริษัทผลิตภาพยนตร์เธอจะไปหาจากตลาดแรงงานหรือ เดี๋ยวเซ็นสัญญานักแสดงเธอก็จะไปหาตามตลาดแรงงานหรือไง”
นรมนรู้สึกค่อนข้างอาย
เธอไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้จริงๆ
แต่แรกคิดจะอาศัยบุริศร์ดำเนินงาน ตอนนี้เธอกับบุริศร์เป็นอย่างนี้ ย่อมต้องทำทุกเรื่องเอง
รมิดาเห็นท่าทางเธออย่างนี้ก็รู้ว่าเธอไม่รู้อะไรเลย ทำอะไรไม่ถูก
เธอถอนหายใจ “เอาอย่างนี้ละกัน ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง คล่องเรื่องนี้มาก ถ้าเธอเชื่อใจฉัน ก็เอาเรื่องนี้ให้เพื่อนฉันไปทำละกัน รับรองทำให้เธอเรียบร้อยแน่ ตกลงมั้ย”
“แน่นอนต้องตกลงอยู่แล้ว”
นรมนดีใจมาก
เห็นท่าทางเธออย่างนี้ ก็ส่ายหน้าหัวเราะ “เธอนี่ ฉันว่าเธออยากให้ฉันช่วยใช่มั้ยล่ะ”
“ถูกเธอจับได้แล้ว รมิดาเธอดีกับฉันมาก”
นรมนกอดรมิดาแน่น
สองคนคุยกันอีกพักหนึ่ง ก็พานรมนไปหาผู้หญิงที่ชื่อพริมา
หญิงสาววัยกลางคนอายุราวสามสี่สิบปี เมื่อเห็นแวบแรกรู้สึกว่ามีความสามารถและประสบการณ์
เทียบกับเธอแล้ว นรมนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนไม่ได้เรื่อง
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อนรมนค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
“พริมาค่ะ เรียกฉันพริมาก็ได้”
พริมาจับมือกับนรมน
พูดเรียบๆ “นรมนเป็นเพื่อนสนิทของฉัน อยากจะเปิดบริษัทผลิตภาพยนตร์ แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจขั้นตอนเท่าไหร่ เธอคอยช่วยเหลือหน่อยละกัน”
“โอเค แต่ฉันต้องคิดเงินนะ คุณนรมนสู้จ้างฉันเป็นซีอีโอจะดีกว่า ฉันช่วยคุณค่อยๆ ทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้ดีมั้ยคะ”
คำพูดของพริมาสำหรับนรมนเหมือนฝนตกในที่แห้งแล้งทันเวลา
“เยี่ยมเลย แต่เรื่องเงินเดือน…”
“บริษัทเพิ่งเริ่ม ฉันไม่เรียกสูงหรอกค่ะ ตามราคาตลาดก็ได้ คุณว่าไงคะ”
พริมาพูดตรงๆ จริงใจ นรมนย่อมดีใจ
ทั้งสองคนแลกเบอร์โทรกัน รมิดาถือว่าทำงานเสร็จแล้วก็ขอตัว
“ดีเลย เธอสองคนคุยกันไปก่อน ส่วนฉัน ตอนบ่ายยังมีผ่าตัด ขอตัวก่อน มีอะไรก็โทรหาฉันละกัน”
“โอเค”
นรมนรู้สึกว่ารมิดาเป็นผู้มีพระคุณของตัวเอง
รมิดากลับไปแล้ว พอขึ้นรถ ก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาบุริศร์
“เงินที่คุณให้ฉันโอนให้นรมนในนามของฉันเรียบร้อยแล้ว อีกอย่างพริมาที่คุณหามาฉันก็แนะนำให้เธอแล้ว ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไร คุณจัดการเองได้มั้ย พวกคุณสองคนจะงอนกันไปมาไปถึงไหน”
“ขอบคุณมาก”
บุริศร์พูดเรียบๆ
รู้ว่าเขาไม่อยากพูดมาก ก็ถอนหายใจ “แปดล้าน เอาเปรียบฉันง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ ถ้าบริษัทผลิตภาพยนตร์ทำเงินล่ะก็ คุณจะแบ่งหุ้นให้ฉันจริงๆ ใช่มั้ย”
“อึม ถือว่าแทนคำขอบคุณ”
“แหมใจกว้างจัง แต่ผู้ชายใจกว้างอย่างนี้ ฉันแปลกใจจัง คุณมีเรื่องอะไรปิดบังนรมนกันแน่ ไม่ยอมให้เธอรู้ เพราะความลับนี้ยังมีปัญหากับนรมนขนาดนี้ คุณคิดว่าสมควรหรือ”
คำพูดของ รมิดาทำให้บุริศร์เงียบ
“เรื่องที่ไม่ควรถามก็อย่าถามดีกว่า”
“ก็ได้ ถือว่าฉันปากมากละกัน”
รมิดาคิดจะวางสาย ก็ได้ยินบุริศร์ถาม “สุขภาพเธอเป็นยังไงบ้าง”
“ดูแล้วก็พอไหว แค่อารมณ์ไม่ค่อยดี ฉันกลัวเธอจะเป็นโรคซึมเศร้า แต่ตอนนี้ดูแล้วใช้ได้ ค่อยๆ ดูไปละกัน ถ้าคุณเป็นห่วงเธอจริงๆ ไม่มาดูแลเองล่ะคะ”
“ไม่ล่ะ เธอไม่อยากเห็นหน้าผม”
บุริศร์พูดจบก็วางสาย
รมิดาไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
พริมาช่วยให้นรมนเริ่มทำความเข้าใจกับขั้นตอนของบริษัทผลิตภาพยนตร์
เทียบกับนรมนแล้ว พริมารอบรู้ทุกเรื่อง นรมนเห็นแล้วอิจฉามาก
“คุณเจ๋งมาก ทำไมเข้าใจทุกเรื่อง”
“ก็แค่ทำงานมาก่อนคุณไม่กี่ปีเท่านั้นค่ะ”
พริมายิ้มบางๆ
มีความช่วยเหลือของพริมาบริษัทผลิตภาพยนตร์ ของนรมนราบรื่นมาก กระทั่งวันที่เปิดกิจการพริมาไม่รู้ว่าไปได้ดาราเล็กๆ คนหนึ่งจากไหนมาเซ็นสัญญาด้วย
นับว่าเป็นดาราคนแรกที่บริษัทของนรมนเซ็นด้วย
พริมาบอกว่าจะดูแลดาราคนนี้เอง นรมนย่อมไม่เห็นแย้งอะไร
อาศัยช่วงนี้ เธออ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องเยอะมาก ทุกวันผ่านไปไม่ว่างเลย ไม่ว่างจนเธอไม่มีเวลาคิดเรื่องระหว่างเธอกับบุริศร์
เวลาสามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
บริษัทผลิตภาพยนตร์ของนรมนเป็นรูปเป็นร่างแล้ว มีดาราในสังกัดห้าหกคน และยังมีดาราใหญ่สองคนอีกด้วย ทำให้นรมนนับถือความสามารถของ พริมามาก
ในงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของบริษัท นรมนมองพริมาที่เข้าสังคมคล่องแคล่ว ยกแก้วไวน์ขึ้น พูดกับเธอ “พริมาขอบใจเธอมาก แล้วก็ช่วยขอบคุณเขาด้วย”
“เขา ใครคะ”
พริมาอึ้งไปนิดหนึ่ง แต่เมื่อเห็นแววตาของนรมน ทันใดนั้นก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี