แค้นรักสามีตัวร้าย - ตอนที่ 999
“อะไรนะ?”
คมทิพย์ยังคงมึนงง เมื่อได้ยินนรมนพูดแบบนี้ก็แปลกใจเล็กน้อย
นรมนส่งซิกให้เธอเงียบ จากนั้นแกล้งทำเป็นหลับสนิท นอนอยู่ตรงนั้น
หลังจากแม่นรมนเข้ามาก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เพียงแค่หยิบไม้กวาดมากวาดไปทุกที เธอไม่คิดว่าคมทิพย์จะอยู่ด้วย โชคดีที่บุริศร์ไม่อยู่
นรมนยังคงหลับสนิทเหมือนเดิม
คมทิพย์ถึงจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ส่งเสียงเย็นชาในใจ จากนั้นเอ่ยอย่างไม่แยแส “ป้าค่ะ ป้ามาเช็ดโต๊ะตรงนี้ด้วย”
แม่นรมนรีบเดินเข้ามา
ความจริงแล้ว หลายปีที่ผ่านมา แม่นรมนกับพ่อนรมนไม่ได้ลำบากอะไรมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องงานบ้าน ภายในบ้านมีคนคอยปรนนิบัติรับใช้มากมาย ถึงแม้ตอนที่ชีวิตยากลำบาก บุริศร์กับนรมนก็ไม่ให้พวกเขาต้องทุกข์ยาก
วันนี้ถูกคมทิพย์สั่ง แม่นรมนรู้สึกไม่สบอารมณ์
เธอเดินเข้ามา ไม่กล้ามองหน้านรมน และยิ่งไม่กล้ามองคมทิพย์ เธอก้มหน้า หยิบผ้าขี้ริ้วมาเช็ดบนโต๊ะ
“เอาของไปทิ้งด้วย ไม่กินแล้ว”
คมทิพย์จงใจโยนของลงไปบนพื้น
แม่นรมนนิ่งไปสักพัก จากนั้นจึงย่อตัวลงไปอย่างไม่เต็มใจหยิบเปลือกกล้วยขึ้นมา
กล้วยกินไปแค่เพียงครึ่งเดียว จึงมีความเหนียว และเพราะไม่ได้นำถุงมือมาด้วย มือของแม่นรมนจึงต้องสัมผัสกับเปลือกกล้วยโดยตรง เธอรู้สึกไม่ดี เพียงแต่นึกถึงงามพลที่โดนจับตัวไป จึงต้องเก็บอารมณ์ของตนเอง หยิบเปลือกกล้วยไปโยนทิ้งในถังขยะ
“แค่ก ๆ ”
นรมนไอขึ้นมาอย่างถูกจังหวะ
คมทิพย์รีบก้าวขึ้นไปประคองเธอขึ้นมา
“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? เป็นอย่างไรบ้าง? ยังเจ็บแผลอยู่ไหม? เนตรามันช่างเลวจริง ๆ ดูที่มันตีเธอสิ อย่าให้ฉันเจอมันนะ ฉันรับรองว่าจะให้มันต้องรับผิดชอบอย่างสาสม”
เสียงของคมทิพย์ดังมาก แม่นรมนนิ่งไปอย่างห้ามไม่ได้
เธอเหลือบมองนรมน เห็นรอยเลือดซึมออกมาจากร่างกายของเธอ สีแดงนั้นบาดตามาก
เรื่องที่เนตราทำกับนรมน ไม่ใช่ว่าแม่นรมนจะไม่รู้ แต่เธอเอาแต่บอกตนเองว่าเนตราเป็นคนที่มีขอบเขต เพียงแต่รู้สึกไม่พอใจนรมน จึงลงโทษนรมนเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นั้นเอง แต่ตอนนี้มองเห็นสภาพของนรมน ใบหน้าขาวซีดเหมือนกระดาษไร้เรี่ยวแรง แม่นรมนรู้สึกร้อนรน
เธอลังเลใจ รู้สึกยุ่งเหยิง ไม่รู้เลยสักนิดว่าตนเองควรทำอย่างไรดี
หางตาของนรมนเหลือบมองแม่นรมน จากแววตาของเธอมองเห็นความลังเลและความไม่เต็มใจ
ในท้ายที่สุดแล้วผู้หญิงคนนี้ยังคงมีความรู้สึกต่อเธอ
ถ้าแม่นรมนออกไปในตอนนี้ และไม่ขอความเมตตาเพื่อเนตรา นรมนคิดว่าสามารถปล่อยพ่อนรมนไปได้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นพ่อแม่บุญธรรมของตนเอง บุญคุณที่เลี้ยงดูมาหลายปีไม่ใช่เรื่องง่ายดายจริง ๆ
คมทิพย์เห็นสายตาของนรมนมองแม่นรมน จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้
หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะใจอ่อนจริง ๆ
เธอดึงนรมน กล่าวเสียงเบาว่า “เธอปวดหรือเปล่า? ฉันไปเรียกคุณหมอมาให้เอาไหม?”
ตอนนี้แม่นรมนต้องการมีพื้นที่ส่วนตัวกับนรมน แน่นอนว่าคมทิพย์รู้ ไม่งั้นเธอจะสร้างสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมาทำไม?
นรมนถอนหายใจ พยักหน้า ไม่พูดอะไร แต่ก็ถือว่าเป็นการยอมรับแต่โดยดี
คมทิพย์เหลือบมองแม่นรมน กล่าวเสียงเบาว่า “นี่ ป้าเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วก็รีบออกไปนะ ที่นี่เป็นห้องไอซียู อย่าอยู่ในนี้นานเกินไป”
แม่นรมนพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากคมทิพย์ออกไป ทันใดนั้นเองนรมนรู้สึกว่าลำคอแหบแห้ง
เธอไอออกมาสองที พยายามหยิบแก้วน้ำ แต่ไม่รู้ว่าคมทิพย์ตั้งใจหรือเปล่า คาดไม่ถึงว่าจะวางแก้วน้ำเอาไว้ไกลมาก ทำให้เธอหยิบไม่ถึง
นรมนมองแม่นรมน กล่าวเสียงเบาว่า “รบกวนหน่อยค่ะ ช่วยหยิบแก้วน้ำมาให้ฉันได้ไหม?”
ร่างของแม่นรมนนิ่งไปชั่วคราว ไม่ได้พูดอะไร แต่ยังเดินเข้ามา หยิบแก้วน้ำส่งให้ข้างกายนรมน
“ขอบคุณค่ะ”
นรมนรับแก้วน้ำมาด้วยรอยยิ้ม
แม่นรมนเห็นเธอขาวซีดเหมือนกระดาษ จึงอดรู้สึกสงสารไม่ได้
เธออยากจะหันหลังเดินจากไปจริง ๆ เนตราทำกับนรมนจนกลายเป็นแบบนี้ ตนเองยังจะมาทรมานมันจะไม่โลกสวยไปหน่อยเหรอ?
เพียงแต่แม่นรมนเพิ่งจะหันตัวเดินไป ในสมองก็ปรากฏภาพใบหน้าของเนตราขึ้นมา
นั่นคือลูกสาวแท้ ๆ ของเธอ!
หลายปีที่ผ่านมา เธอติดค้างเนตรา ตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่ลูกจะกลับมา ทำไมนรมนถึงไม่พอถูไถเนตรา ยอมเธอสักหน่อย?
คิดถึงตรงนี้ ในใจของแม่นรมนไม่มีความรู้สึกสงสารหรือละอายใจต่อนรมนอีกแล้ว
ถึงแม้นรมนจะดื่มน้ำเข้าไป แค่ยังคงมองแม่นรมนอยู่ตลอดเวลา เมื่อเธอมองเห็นแววตาที่โหดเหี้ยมของแม่นรมน ในที่สุดหัวใจก็ด้านชา
เหอะๆ
เธอช่างโง่เขลาเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่ายังกอดความหวังเพียงน้อยนิดเอาไว้
มุมปากของนรมนยกขึ้นเป็นรอยยิ้มถากถาง
เธอวางแก้วน้ำลง ค่อย ๆ เอนลงบนเตียง
สุดท้ายแล้วแม่นรมนก็อดกลั้นไม่ไหว หันมามองเห็นนรมนมีท่าทางกำลังจะนอนหลับ จึงรีบดึงหน้ากากลง มองนรมนและกล่าวว่า “ นรมน นี่แม่เอง แม่ของเธอไง”
นรมนรู้สึกว่า “แม่” คำนี้ใช้ที่นี่ค่อนข้างถากถางและไม่น่าฟังเป็นพิเศษ
“มีธุระอะไร?”
แน่นอนว่าแม่นรมนมองเห็นรอยยิ้มเย็นชาและการทำอย่างขอผ่านไปทีบนใบหน้าของนรมน
หน้าด้าน ๆ ของเธอแทบจะอดกลั้นเอาไว้ไม่ได้ทันที
“นี่มันท่าทางอะไรของเธอ ?หลายปีที่ผ่านมาฉันสั่งสอนเธอแบบนี้เหรอ?”
“ตอนนี้สายเกินไปที่จะพูดเรื่องการสั่งสอนกับฉันหรือเปล่า?ถ้าคุณต้องการซักถามเรื่องปัญหาการสั่งสอนกับฉัน งั้นก็นั่งลงเถอะ พวกเราค่อย ๆ คุยกัน ฉันจะให้บุริศร์ไปซื้ออาหารและเครื่องดื่มมาสักหน่อย พวกเรามาคุยกันอย่างจริงจังเป็นไง?”
คำพูดเหน็บแนมของนรมนทำให้แม่นรมนอดกลั้นความหน้าด้านเอาไว้ไม่ไหวอีกครั้ง
“นรมน ทำไมเธอถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ ?แต่ก่อนเธอไม่เป็นแบบนี้นะ”
“แต่ก่อนฉันเป็นอย่างไรเหรอ? เป็นนังโง่แบบนี้พวกคุณต้องการเหรอ?หรือจะบอกว่าเรื่องที่เนตราทำกับฉันมากเกินไป ฉันต้องยิ้มรับมัน ถึงจะเป็นคนกตัญญู ถึงจะไม่เสียแรงที่พวกคุณสั่งสอน?”
นรมนหัวเราะอย่างเย็นชา มองเห็นแววตาของแม่นรมนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย
แม่นรมนถูกด่าไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ทำได้เพียงเปลี่ยนหัวข้อ
“เรื่องของเนตราจะพูดอย่างไรก็ได้ แต่เรื่องพ่อของเธอจะไม่สนใจไม่ได้ เธอก็รู้ พ่อของเธอเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก และยังดีกับเธอ เธอคงจะไม่สามารถมองเห็นพ่อของเธอติดคุกได้หรอกใช่ไหม?”
“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”
ตอนนี้นรมนแกล้งทำเป็นโง่เขลา
แม่นรมนนิ่งไปสักพัก คิดอยากจะโมโห แต่วันนี้มาเพื่อช่วยคน แน่นอนต้องควบคุมความโกรธของตนเอง
“นรมน ฉันรู้ว่าเธอยังรู้สึกโกรธอยู่ และรู้ว่าตอนนี้เธอต้องการตามหาเนตรา แต่พวกเราก็ไม่รู้ว่าเนตราอยู่ที่ไหน เธอยกโทษให้พวกเราได้ไหม?พ่อของเธอชีวิตนี้เป็นห่วงชื่อเสียงมากที่สุด เธอดูสิพวกเธอทะเลาะกันจนเกิดอะไรขึ้น?เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา พ่อของเธอจะวางตัวอย่างไร?”
“แล้วยังไง คุณหมายความว่าอะไร?”
นรมนมองแม่นรมน รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เปลี่ยนไปจนตนเองจำไม่ได้ หรือจะบอกว่าที่ผ่านมาตนเองไม่ได้รู้จักเธอ?ทั้งหมดคือภาพลวงตา?
แม่นรมนกลับไม่รู้ว่านรมนกำลังคิดอะไรอยู่ กล่าวเสียงเบาว่า “เธอสามารถให้คนเหล่านั้นถอนฟ้องได้ไหม เพียงแค่ถอนฟ้อง สามารถคุยเรื่องค่าชดใช้ได้”
“พวกคุณมีเงินชดใช้ด้วยเหรอ?”
จากสถานการณ์ของนรมน ตระกูลธนาศักดิ์ธนเหลือเงินอยู่เพียงเล็กน้อย ทั้งหมดใช้จ่ายเพื่อเนตราจนเกลี้ยง
วันนี้แม่นรมนบอกว่าสามารถคุยเรื่องค่าชดใช้ได้รู้สึกน่าหัวเราะจริง ๆ
แม่นรมนอึ้งไป มองนรมนและกล่าวว่า “เธอเป็นลูกสาวของพวกเรานะ หรือว่าเธอจะไม่ออกค่าชดใช้ให้กับพวกเรา?”
พูดตรง ๆ คือต้องการให้นรมนออกค่าชดใช้ให้
พวกเขาวาดวิมานในอากาศเอาไว้ขนาดไหน?”
นรมนหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“ฉันจ่าย? มีสิทธิ์อะไร?”
“เธอคือลูกสาวของพวกเรา!”
“แต่พวกคุณเห็นฉันเป็นลูกสาวของพวกคุณไหม?”
นรมนถามประโยคนี้อย่างตรงไปตรงมา จนแม้แต่แววตาก็จ้องมองแม่นรมนด้วยซ้ำ ทำให้แม่นรมนอึดอัดจนหายใจไม่ออกทันที
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แม่นรมนพบว่าแววตาของนรมนค่อนข้างแหลมคม จนมีความดุดันด้วยซ้ำ ทำให้คนไม่สามารถสบตาได้
เธอรีบหลบสายตา กระแอมไอออกมาเพื่อปกปิดความอึดอัดของตนเอง
“ฉันกับพ่อของเธอจะไม่เห็นเธอเป็นลูกสาวได้อย่างไร?ตอนเกิดเรื่องขึ้นกับเธอและบุริศร์พวกเราไม่ได้เป็นห่วงเธอเหรอ?ตอนเกิดเรื่องขึ้นกับเธอที่ต่างประเทศ ไม่ใช่ฉันกับพ่อของเธอที่วิ่งวุ่นเหรอ?”
“นั่นมันก่อนที่เนตราจะมา พวกคุณลองคิดดูสิ หลังจากเนตรา พวกคุณทำอะไรกับฉันบ้าง? จนแม้แต่พวกคุณคิดจะทำอะไรกับกานต์และกมลด้วยซ้ำ?ก่อนหน้านี้พวกคุณโทรหากานต์ ตั้งใจให้เขามีความคิดแบบไหน อย่าบอกว่าพวกคุณไม่รู้ ฉันไม่เคยคิดจะทำอะไรพวกคุณมาก่อน แต่พวกคุณทำมากเกินไปจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะคิดหาวิธีกับเด็ก สำหรับพวกเด็ก ๆ แล้ว พวกคุณคือคุณตาคุณยาย แต่สำหรับพวกคุณล่ะ?พวกคุณเห็นเขาเป็นหลานจริง ๆ หรือเปล่า?”
พูดถึงเรื่องนี้ นรมนรู้สึกเสียใจมาก
เธอไม่ขอให้พ่อนรมนกับแม่นรมนดีกับเธอเหมือนในวันเก่า ๆ แต่อย่างน้อยที่สุดอย่ามีเจตนาที่ไม่ดีกับเด็กอายุสี่ขวบ
สีหน้าของแม่นรมนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“พวกเราไม่ได้คิดอะไร ก็แค่คิดถึงเด็ก ๆ อยากให้พวกเขามาอยู่กับพวกเรา”
“จริงเหรอ?”
น้ำเสียงของนรมนลากยาว แม่นรมนกลับพูดไม่ออก
ภายในห้องเงียบลงทันที เงียบวังเวงจนน่ากลัว
แม่นรมนรับบรรยากาศที่กดดันแบบนี้ไม่ไหว รีบกล่าวว่า “ตกลงเธอจะปล่อยพ่อของเธอไหม?หรือเธออยากจะให้ฉันที่เป็นแม่คุกเข่าให้เธอ?”
“ฉันทนไม่ได้หรอกนะ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเขา เป็นเขาเองที่ลอกเลียนแบบผลงานของคนอื่น ก็จะต้องชดใช้ในสิ่งที่สมควรจ่าย”
นรมนพูดคำนี้ออกไป สีหน้าของแม่นรมนเปลี่ยนทันที
“นรมน แกมันอกตัญญู ถ้าไม่มีพวกเราแกคงหิวตายไปแล้ว ตอนนี้แกตอบแทนผู้มีพระคุณโดยการส่งพ่อของแกเข้าสถานีตำรวจ แกไม่กลัวฟ้าผ่าเหรอ?”
“ไม่กลัว”
นรมนมองแม่นรมน ความรู้สึกอ่อนโยนสุดท้ายในก้นบึ้งของหัวใจปลิวไปตามความหยาบคายของแม่นรมนจนไม่มีเหลืออยู่
แม่นรมนเห็นนรมนไม่ยินยอม จึงทุบแจกันดอกไม้ด้านข้างอย่างวิตกกังวล จากนั้นหยิบเศษแก้วขึ้นมาจอเส้นเลือดใหญ่ที่ลำคอของตนเอง
“แกจะช่วยพ่อของแกหรือเปล่า? ถ้าไม่ตกลง วันนี้ฉันจะตายตรงหน้าแก!”